Share

บทที่ 78 ขอแต่งงาน

last update Last Updated: 2025-06-21 17:30:40

บทที่ 78

ขอแต่งงาน

            10 วันต่อมา

            ณ สำนักราชองครักษ์หลวง

            ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก

            เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที

            ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น

            “ตงตง!”

            เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย

            ทว่า…

            สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด

            ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น

            “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!”

            ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม

            เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  

            “ข้ากลับมาแล้ว”

            เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอย่างสบายๆ

            “คิดถึงจัง”

            เป็นคำที่เรียบง่าย แต่ทำให้คนฟังเขินอายจนหน้าแดงก่ำ 

            “จำที่ข้าให้สัญญาไว้ได้หรือไม่” เหยียนหลิ่วถามขณะปล่อยมือจากเอวบาง เปลี่ยนมากุมสองมือของนางแทน

            ตงตงพยักหน้า ก่อนจะบอกว่า “จำได้เจ้าค่ะ พวกเราจะแต่งงานกันทันทีที่ท่านกลับมาจากชายแดนตะวันออก” 

            ทันทีที่คำว่า ‘แต่งงาน’ ออกจากจากปากของหญิงสาว เสียงฮือฮาของเหล่าลูกค้าในร้านพลันดังขึ้น

            “แต่งงานรึ พวกเขาพูดว่าแต่งงานใช่หรือไม่”

            “ข้าก็ได้ยินไม่ผิดนะ พวกเขาบอกว่าจะแต่งงานกันละ”

            “งั้นแม่ครัวน้อยของพวกเรา ก็จะเป็นฝั่เป็นฝาแล้วน่ะสิ”

            “เฮ้อ ใจหายนิดหน่อยแหะ”

            “แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่หรือ”

            “ก็ใช่น่ะสิ!” 

            ท่ามกลางเสียงฮือฮาของคนในโรงเตี๊ยม ตอนนั้นเอง เสียงกระแอมของจางไคเฮ่อดังขัดจังหวะ

            “อะแฮ่ม!!”

            จากนั้น เงาร่างสูงของจางไคเฮ่อก็ก้าวยาวๆ ออกจากร้าน แล้วมายืนข้างบุตรสาวสุดรักสุดหวง 

            “ท่านพ่อ?”

            “อาจารย์…” 

            “พวกเจ้าไปตกลงกันตั้งแต่เมื่อไร” จางไคเฮ่อถามด้วยน้ำเสียงกดดัน

            “เรื่องนั้น…”

            ตงตงขยับปากเตรียมอธิบาย แต่พูดได้เพียงนั้น เหยียนหลิ่วกลับชิงกล่าวขึ้นมาก่อน

            “เป็นข้าที่ใจร้อนเองขอรับ…ข้าขอตงตงแต่งงานก่อนจะเดินทางไปชายแดนตะวันออก แต่ข้าได้คิดอย่างรอบคอบแล้ว…ข้ารักตงตง รักนางสุดหัวใจ นางจะเป็นคนเดียวที่ข้าแต่งงานด้วย”

            ได้ยินอย่างนั้น ตงตงยิ่งเขินจัดจนแก้มแดงถึงใบหู

            ตรงกันข้าม จางไคเฮ่อย่นหัวคิ้ว สีหน้าขึงขัง 

            “ท่านพ่อ พี่หลิ่วมีเหตุผลเจ้าค่ะ” ตงตงรีบแก้ตัวช่วยเหยียนหลิ่ว

            กระนั้น กลับบอกเหตุผลที่แท้จริงไม่ได้ ว่าต้นเหตุเป็นเพราะคุณหนูสามตระกูลซูตามตื้อเหยียนหลิ่วไม่เลิก

            อย่างไรก็ดี

            ไม่ว่าสาเหตุที่เหยียนหลิ่วรีบร้อนแต่งกับตงตง จะเป็นเพราะคุณหนูสามซูหรือไม่ ชายหนุ่มปรารถนาจะสู่ขอนางมานานแล้ว 

            จางไคเฮ่อเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทอดถอนใจแล้วกล่าวว่า “เอาเถอะ ยังไงพวกเจ้าก็หมั้นกันแล้ว ตอนแรกข้าคิดว่าต้นฤดูหนาวปีนี้จะหาฤกษ์แต่งให้กับพวกเจ้า แต่ก็นั่นละ ช้าเร็วพวกเจ้าก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว เช่นนั้นแต่งเร็วหน่อยข้าก็ไม่ได้คิดจะห้ามอะไรอยู่ดี” 

            เดิมที จางไคเฮ่อก็ไม่คิดจะกีดกันทั้งคู่อยู่แล้ว แค่รู้สึกใจหายที่บุตรสาวจะจากอกบิดาคนนี้ถึงเร็วเพียงนี้ก็แค่นั้นเอง 

            การยอมรับของจางไคเฮ่อทำให้สองหนุ่มสาวดีใจเป็นอย่างมาก ยิ้มจนแก้มขึ้นสีแดงเรื่อ

            หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง จางไคเฮ่อก็แสดงสีหน้าเหมือนตัดสินใจบางอย่างได้

            “แต่งก็แต่ง…เอาละ พรุ่งนี้ข้าจะไปปรึกษากับเจ้าอาวาส หาวันแต่งให้กับพวกเจ้า” จางไคเฮ่อกล่าวอย่างหนักแน่น

            “ขอบคุณขอรับ”

            “ขอบคุณท่านพ่อ” 

            …..

            …..

            หลังจากนั้นเหยียนหลิ่วก็อยู่ช่วยงานที่โรงเตี๊ยมตระกูลจางต่อ

            ตงตงรู้สึกเกรงใจ เพราะว่าเหยียนหลิ่วเพิ่งกลับมาจากชายแดนตะวันออก นางจึงบอกให้เขากลับไปพักผ่อน แต่เหยียนหลิ่วกลับปฏิเสธ พร้อมกับบอกว่าอยากใช้เวลาอยู่กับนางให้นานอีกหน่อย

            คำพูดนั้นทำเอาตงตงทั้งเขินอายและใจอ่อน ท้ายที่สุดก็ยอมให้เหยียนหลิ่วอยู่ช่วยงานในร้าน  

            ตกบ่าย รถม้าคันใหญ่มาจอดหน้าโรงเตี๊ยม จากนั้นสาวใช้คนสนิทของซูหลันหลันก็ลงจากรถม้า ตรงดิ่งเข้ามาหาเหยียนหลิ่ว

            สาวใช้คนสนิทของซูหลันหลันกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง

            ต่อมา สีหน้าของเหยียนหลิ่วพลันแสดงออกถึงความลำบากใจ ทั้งยังกล่าวออกมาอย่างเปิดเผย

            “ข้าขอปฏิเสธ”

            “ตะ แต่ว่า...” สาวใช้คนสนิทของซูหลันหลันโพล่งออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่พอตระหนักได้ว่าอยู่ในโรงเตี๊ยม นางจึงเหลือบมองลูกค้าในร้านอย่างระมัดระวัง แล้วลดเสียงให้เบาลง “คุณหนูของข้ารอท่านอยู่ ทำไมถึงไม่ยอมออกไปพบสักหน่อยเล่าเจ้าคะ…แค่เดี๋ยวเดียวเอง”

            เหยียนหลิ่วส่ายหัว “ข้าไม่อยากพูดซ้ำหลายครั้ง เจ้ากลับไปบอกคุณหนูของเจ้าที ข้ากับตงตงกำลังจะแต่งงานกัน ให้นางเลิกตอแยข้าได้แล้ว ที่สำคัญ ข้าจะไม่พบผู้หญิงคนอื่นลับหลังคู่หมั้น”

            “แค่แป๊บเดียวไม่ได้หรือเจ้าคะ”

            ถูกตื้อบ่อยๆ เหยียนหลิ่วก็เริ่มโมโห ดวงตาคมกริบแสดงออกถึงความดุดัน

           

            สาวใช้ของซูหลันหลันเห็นแบบนั้นก็ทำสีหน้าตระหนก หลังจากอ้าปากพะงาบๆ หลายครั้ง สุดท้ายนางก็ยอมหุบปาก

            ไม่เพียงเท่านั้น พอเห็นว่าลูกค้าในร้านเริ่มมองมาทางนี้ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น สาวใช้ของซูหลันหลันก็ไม่กล้าอยู่ต่อ สะบัดหน้า ยอมออกจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางแต่โดยดี  

            หลังจากสาวใช้นางนั้นขึ้นรถม้าไป ไม่นานนัก รถม้าก็เคลื่อนตัวออกจากถนน ก่อนจะมีเสียงร้องไห้ฟูมฟายของหญิงสาวอีกคนดังออกมา

            เหยียนหลิ่วส่ายหน้าด้วยความระอา

            แต่ไหนแต่ไร หัวใจของเหยียนหลิ่วมีเพียงตงตงเท่านั้น ต่อให้สตรีตรงหน้าจะมีรูปโฉมสะท้านแผ่นดินหรือฐานะสูงส่งเพียงใด ไม่อาจทำให้หัวใจของเขาสั่นคลอนได้

            ความจริงในเรื่องนี้ ตงตงรู้ดีมากกว่าใคร

            แม้เหยียนหลิ่วไม่เคยพูดออกมา แต่ตลอดหกปีมานี้ สายตาของเขาไม่เคยเหลือบมองหญิงสาวคนอื่นเลย

            เมื่อภายในร้านกลับมาสงบดั่งเดิม เหยียนหลิ่วก็กลับไปช่วยตงตงเสิร์ฟอาหารต่อ 

            ชายหนุ่มอยู่ช่วยงานกระทั่งโรงเตี๊ยมปิด

            พอปิดร้านเสร็จเรียบร้อย ตงตงกับหยูฮูหยินอยู่ในครัวช่วยกันทำมื้อค่ำ ขณะเดียวกัน พวกจิ่งฝางจัดโต๊ะกินข้าวสำหรับทุกคน 

            เมื่อกับข้าวขึ้นโต๊ะครบทุกอย่าง ทุกคนก็มารวมกันที่ห้องโถง นั่งกินมื้อค่ำกันพร้อมหน้าพร้อมตา

            อาหารมื้อนี้แม้ไม่ได้หรูหรา แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความสุข

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status