Share

บทส่งท้าย

last update Last Updated: 2025-06-21 17:30:59

บทส่งท้าย

            ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า

            นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ

            ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่

            พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น

            “ตงตง!”

            เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม

            ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น

            หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ

            ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที

            ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง

            ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน

            “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ”

            เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

            หานเจียเอ๋อร์ย่นคิ้ว พร้อมกับเอ็ดลูกชาย “อาหลง เจ้าต้องตอบท่านน้าว่า ‘ขอรับ’ สิ”

            “ของับ”

            เด็ก 2 ขวบยังพูดไม่ชัด พอได้ยินแบบนั้น ตงตงหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู 

            “อาหลงว่าง่ายจริงๆ” 

            “พอแต่งงานแล้ว เจ้ากับอาหลิ่วก็รีบๆ เจ้าตัวเล็กสักคนเสียสิ” หานเจียเอ๋อร์บอก

            แน่นอน ตงตงทำได้แค่ยิ้มเขิน

            “ยังไงก็เถอะ พวกเรามาเร็วไปตั้ง 2 วัน เจียเอ๋อร์ของข้า พอรู้ว่าเจ้าจะแต่งงานก็ตื่นเต้นใหญ่เลย นางอยากเข้าเมืองหลวงตั้งแต่ได้รับจดหมายของเจ้าแหน่ะ ช่วง 2 วันนี้พวกเราคงรบกวนเจ้าแล้ว” ถังเหวินกล่าวด้วยสีหน้ารู้สึกผิดนิดๆ

            “ไม่เห็นจะรบกวนตรงไหน ที่โรงเตี๊ยมยังมีห้องเหลืออีกเพียบ พวกท่านพักอยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลย จริงๆ แล้ว ข้ากลัวว่าพวกท่านจะมางานแต่งข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ” ตงตงพูดยิ้มๆ

            “เจ้าจะแต่งงานทั้งที ทำไมข้าจะไม่มาเล่า อีกอย่าง หากมีอะไรให้ช่วยบอกได้ทันทีเลยนะ” หานเจียเอ๋อร์บอกในฐานะคนเคยมีประสบการณ์

            “ข้ากับภรรยาก็จะช่วยด้วย” ซานหลัวเฉินว่า 

            “ขอบคุณเจ้าค่ะ เอาละๆ พวกท่านเดินทางมาเหนื่อยๆ เข้ามาพักให้สบายก่อนดีกว่า”

            จากนั้น ทุกคนก็เดินตามตงตงเข้ามาข้างในบ้าน

            หลังจากพวกเขาทักทายจางไคเฮ่อแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายไปพักในห้องที่เตรียมไว้สำหรับแขกคนสนิท

            …..

            …..

            ในที่สุดก็ถึงวันมงคลสมรส

            ขุนนางผู้ใหญ่ต่างมาร่วมงานอย่างคับคั่ง เนื่องจากเสนาธิการทหารเว่ยจ้ง เป็นญาติผู้ใหญ่ให้กับเหยียนหลิ่ว

            เสียงประทัดดังขึ้นยาวนาน เกี๊ยวเจ้าสาวที่ตกแต่งอย่างสวยงามถูกแห่ไปรอบเมือง ฝูงชนต่างเฝ้าชมพิธีการอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยความตื่นเต้น หน้าโรงเตี๊ยมตระกูลจางมีของกินชั้นเลิศแจกจ่ายไม่อั้น

            เมื่อตงตงก้าวมายืนในห้องโถงทำพิธี ทุกคนต่างก็แสดงความชื่นชม ชุดเจ้าสาวใช้ผ้าไหมจากซูโจว ตัดเย็บโดยช่างฝีมือดีที่สุดในเมืองหลวง งดงามเหนือคำบรรยาย

            ใบหน้าของจางไคเฮ่อปลาบปลื้มจนน้ำตาแทบหลั่ง ในที่สุด ก็ได้เห็นบุตรสาวเป็นฝั่งเป็นฝา

            เหยียนหลิ่วประคองมือเจ้าสาวเดินมาคุกเข่าต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ใบหน้าและดวงตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

            เสียงขานคำนับฟ้าดินดังก้องกังวานทั่วโถง 

            เมื่อพิธีคำนับฟ้าดินเสร็จสิ้น แม่สื่อก็ประกาศว่า “ส่งตัวเข้าหอ”

            …..

            …..

            ภายในห้องหอ ตงตงนั่งรอเหยียนหลิ่วบนเตียงสีแดงอย่างสงบเสงี่ยม

            ทว่า…

            ท่าทางสงบเสงี่ยมนั้นเป็นเพียงฉากหน้า อันที่จริง นางตื่นเต้นจนแทบนั่งไม่ติด

            ท่ามกลางเสียงเพลงบรรเลงและคำอวยพรที่ดังเข้ามาถึงห้องหอ ตงตงเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย

            ชาติก่อน ตงตงเคยเรียนเรื่องเพศศึกษา มิหนำซ้ำ สื่อในยุคที่นางจากมานั้นก็เปิดกว้าง

            แต่ถึงอย่างนั้น นางกลับไม่เคยมีประสบการณ์โดยตรง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า

            ตอนที่เสียงฝีเท้าหนักแน่นก้าวเข้ามาหยุดหน้าประตู ตงตงพลันสะดุ้งเล็กน้อย

            เมื่อเสียงประตูเปิดออกและปิดลง นางเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง

            “รอนานหรือไม่”

            เสียงของเหยียนหลิ่วฟังดูมึนเมาอยู่ไม่น้อย

            ตงตงสั่นหัว

            จริงๆ แล้ว นางอยากได้เวลาทำใจอีกสักนิด

            อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มใช้ไม้คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก เมื่อดวงหน้างดงามผุดผาดปรากฏในสายตา เหยียนหลิ่วชะงักอึ้ง ครั้นเมื่อได้สติ เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “ตงตง เจ้างามเหมือนกับเทพธิดาเลย”

            คำชมอันหวานล้ำของเหยียนหลิ่วทำให้ตงตงยิ่งเขินอาย

            “เออ…ดื่มสุรามงคลกันเถิด”

            เหยียนหลิ่วเปลี่ยนเรื่อง ดูเหมือนเขาเองก็ประหม่าเหมือนกัน

            เห็นท่าทางของเจ้าบ่าว หญิงสาวอดจะหัวเราะคิกไม่ได้

            “พี่หลิ่วก็ตื่นเต้นเหมือนกันสินะ”

            “แน่นอนสิ” เหยียนหลิ่วยอมรับออกมาตรงๆ 

            เมื่อได้เปิดใจคุยกันแบบตรงไปตรงมา อาการประหม่าของตงตงก็หายไปกว่าครึ่ง

            เหยียนหลิ่วเดินกลับไปที่โต๊ะกลางห้อง ซึ่งวางสุรามงคลและอาหารเอาไว้มากมาย

            ชายหนุ่มรินสุราใส่จอกสองใบ เมื่อเดินกลับมาที่เตียง เขากับนางก็คล้องแขนดื่มสุรามงคล

            สุราชั้นดีหมักจากกลีบดอกไม้กำจายอยู่ในปาก แม้รสชาติของสุราจะหอมหวานเพียงใด หากก็ทำให้มึนเมาไม่รู้ตัว

            “ตงตง…” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังชั่วอึดใจ ก่อนเสียงนั้นจะเข้ามากระซิบใกล้ข้างหู “ข้ารักเจ้า”

            ตงตงผินใบหน้ามองเหยียนหลิ่ว สายตาของนางพลันสบประสานกับดวงตาดำลึกล้ำของชายหนุ่มพอดี

            ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ย จุมพิตหวานล้ำก็ประกบปิดริมฝีปาก

            ยิ่งจุมพิตดูดดื่มเท่าไร หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวยิ่งเต้นไม่เป็นระส่ำ หนำซ้ำในหัวของนางยังเต็มไปด้วยสีขาวโพลน 

            ตอนนั้นเอง มือใหญ่ของเหยียนหลิ่วยื่นออกมาปลดผ้าม่านที่แขวนไว้

            ภายใต้แสงเทียนที่วูบไหว เงาร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มขยับขึ้นมาทาบทับร่างบอบบางของหญิงสาว จากนั้นทั้งสองก็เอนตัวล้มนอนลงด้วยกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status