ซูหนิงจิงเดินไปดูแผนที่ของห้างก่อนจะพากู่ซิงกับซูหนิงเซียวเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นสามซึ่งมีร้านสินค้าแบรนด์เนมหลายแบรนด์อย่างไม่ชักช้า
“วันนี้แม่จะเลือกรองเท้าให้ลูกเองนะ ส่วนลูกมีหน้าที่สวมแล้วลองเดินดูว่าเดินสบายหรือเปล่า อย่าคิดที่จะโกหกแม่ล่ะ หากใส่ไม่สบายก็บอกว่าไม่สบาย เข้าใจไหม”
“หนูเข้าใจแล้วค่ะแม่ หนูไม่กล้าโกหกแม่หรอกนะคะ หนูรู้ว่าแม่หวังดีกับหนูที่สุด”
“เข้าใจก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็รีบกันหน่อย เพราะวันนี้แม่จะซื้อให้ลูกหลายแบบ”
ซูหนิงเซียวกับกู่ซิงได้แต่รีบก้าวไว ๆ ตามซูหนิงจิงที่เดินเร็วมากกว่าปกติหลายเท่า นานมากแล้วที่ซูหนิงจิงไม่ได้ทำตัวรวดเร็วแบบนี้หลังจากเลิกบริหารบริษัท ปกติเธอเป็นคนที่เดินเร็วและทำอะไรเร็วมาแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่เปลี่ยนไปจากการเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวมาสิบปีเท่านั้น
ซูหนิงจิงเดินดูร้านไม่นานนักก็เห็นแบรนด์รองเท้ากับกระเป๋าที่เธอต้องการ เธอรีบเดินเข้าไปในร
ซูหนิงเซียวกลับเข้าไปเปลี่ยนชุดและล้างเครื่องสำอางก่อนออกมาหาแม่ของเธอที่รอป้ากู่จัดการเรื่องเงินค่าจ้างอยู่อีกมุมหนึ่ง“เหนื่อยมั้ยลูกวันนี้”“ไม่เหนื่อยค่ะแม่ หนูสนุกมากค่ะ วันนี้เลยไม่ได้ใส่รองเท้าที่แม่เพิ่งซื้อให้เลย ดีที่รองเท้าของทีมงานเป็นรองเท้าคัทชูทั้งนั้น เลยมองไม่เห็นพลาสเตอร์ปิดแผลค่ะ”“อืม รองเท้าทั้งหมดต้องเตรียมเอาไว้เสมอในรถนะลูก เวลาจะใช้ก็จะได้ไม่ต้องหายากนัก ปกติเท่าที่แม่รู้ พวกนางแบบมักจะเก็บรองเท้าเอาไว้ในรถประมาณสิบคู่เพื่อใช้ในการทำงาน แต่รถเรากว้างกว่าก็เก็บได้มากแบบนี้แหละ”ซูหนิงเซียวฟังคำอธิบายของแม่พร้อมกับพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ วันมะรืนนี้เธอยังมีงานถ่ายแบบช่วงเช้าถึงบ่ายอีกหนึ่งงานก็หมดงานแล้ว และรออีกเพียงสามวันเท่านั้น เธอก็ต้องเข้าไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยแล้วกู่ซิงเดินกลับมาหาสองแม่ลูกหลังจากจัดการเรื่องเอกสารรับเงินเรียบร้อยแล้ว ซูหนิงจิงจึงชวนทั้งสองค
“เดี๋ยวน้องไปต่อแถวกับเพื่อน ๆ นะคะ ส่วนเรื่องการเลือกวิชาเรียนนอกเหนือจากวิชาบังคับ น้องค่อยมาเลือกทีหลังได้ค่ะ รวมทั้งการเข้าชมรมเพื่อทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยด้วยนะคะ ที่น้องจำเป็นต้องเลือกชมรมที่ตัวเองอยากอยู่จนกระทั่งจบการศึกษา”“ได้ค่ะพี่ ถ้าอย่างนั้นหนูกับแม่ขอตัวไปต่อแถวก่อนนะคะ วันนี้คุณแม่มาเป็นเพื่อนหนูในการรายงานตัววันนี้ค่ะ”“อ้อ สวัสดีค่ะคุณน้า เชิญตามสบายนะคะ ถ้าสงสัยอะไรก็ถามพวกหนูได้ค่ะ”“ขอบใจมากจ๊ะ ไปลูก รีบเข้าแถวก่อน จะได้เสร็จเร็ว ๆ”ซูหนิงจิงยิ้มบางให้กับรุ่นพี่ของลูกสาว เธอที่เคยผ่านการรับน้องมาก่อนย่อมรู้ดีว่าเรื่องเหล่านี้ต้องเลือกให้ดี เพราะการเปลี่ยนชมรมและการเลือกวิชาเลือกแต่ละชั้นปีนั้นสำคัญกับการทำงานในอนาคตมากแค่ไหนสองคนแม่ลูกรอคิวไปอย่างไม่คิดอะไร พวกเธอยังคงคุยกันอยู่ว่าจะไปดูรถวันไหนแน่ เพราะซูหนิงจิงอยากพาลูกไปแวะดูวันนี้เลย แต่ซูหนิงเซียวกลัวว
เมื่อจอดรถเสร็จแล้ว ซูหนิงจิงก็พาลูกลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในศูนย์บริการรถยนต์อย่างสบาย ๆ พนักงานที่เห็นซูหนิงจิงขับเบนซ์หรูรุ่นล่าสุดเข้ามาก็รีบเข้าไปรับหน้าทันทีอย่างรู้งาน“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง ไม่ทราบต้องการดูรถรุ่นไหนดีคะ”“ดิฉันอยากได้รถให้ลูกสาวน่ะค่ะ ขอคันเล็ก ๆ แต่มีระบบความปลอดภัยดีหน่อยค่ะ”“ถ้าคันเล็ก ๆ ดิฉันขอแนะนำเป็นรถมินิคูเปอร์ดีไหมคะ เชิญทางนี้ค่ะ คุณผู้หญิงกับคุณหนูมาดูตัวรถก่อนดีกว่าค่ะว่าพอใจไหม แล้วดิฉันจะนำแคตตาล็อกรุ่นรถมาให้เลือกดูอีกครั้งค่ะ เพราะรถของเรานำเข้ามาหลายรุ่นค่ะ”ซูหนิงจิงพยักหน้ารับคำเซลล์ขายรถให้นำหน้าไป ส่วนเธอกับลูกก็เดินดูรถตามไปไม่ห่างกันนัก ซูหนิงจิงเห็นรถ BMW สามประตูคันหนึ่งก็ดู ๆ เอาไว้ก่อนจะเดินตามพนักงานขายต่อไปกระทั่งถึงรถคันเล็กที่เธอเห็นที่ด้านหน้าก่อนหน้านี้“นี่เป็นรถมินิคูเปอร์รุ่นรองท็อปค่ะ เชิญดูด้านในก่อนมั้ยคะ”
หลังทานอาหารเย็นกันแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้าห้องพักผ่อน พรุ่งนี้พวกเธอมีวันว่างอีกหลายวันกว่าที่รถจะมาส่ง กู่ซิงเองก็จัดการเรื่องบัญชีเดือนนี้เอาไว้ให้กับซูหนิงจิงตรวจสอบในวันพรุ่งนี้แล้วหลังอาหารเช้าวันต่อมา ซูหนิงจิงให้ลูกสาวนำตารางเรียนออกมาให้กู่ซิงดูก่อนที่เธอเองจะบุ๊ควันเรียนของลูกในโน้ตบุ๊คเช่นเดียวกันซูหนิงเซียวนั่งดูแม่กับป้ากู่ทำงาน เธอนั่งดูวิธีการทำงานของทั้งสองคนเพื่อที่ในอนาคต เธออาจจะเป็นคนทำเองแทนแม่ แม่ของเธอจะได้ไม่เหนื่อยมากนัก“คุณซูคะ ตารางเรียนของหนิงเซียวเป็นแบบนี้ก็จริงอยู่ แต่ดิฉันทราบมาว่าในปีหนึ่งเด็กใหม่จะต้องเข้ารับการรับน้องหลังเลิกเรียนด้วยนะคะ ดิฉันเลยไม่แน่ใจว่าช่วงวันหยุดของหนิงเซียว ยังจะมีรุ่นพี่จัดงานรับน้องเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าน่ะค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ดูเป็นงาน ๆ ไปก็ได้ค่ะ อย่างไรก่อนหน้านี้เราก็ทำงานส่วนใหญ่เสร็จกันหมดแล้ว ที่เหลือหลังจากนี้ก็รับแค่งานที่ทำได้ในช่วงวันหยุดก็แล้วกันค่ะ ส่วนเรื
หลังอาหารเช้าวันต่อมา ซูหนิงจิงจดรายการวัตถุดิบสำหรับทำอาหารก่อนที่จะพาซูหนิงเซียวออกไปซื้อหนังสือ ตอนนี้วัตถุดิบที่เธอเคยซื้อมาไว้เริ่มจะหมดแล้ว เธอจึงคิดที่จะแวะซื้อที่ห้างหลังจากพาลูกไปเลือกซื้อหนังสือให้เรียบร้อยเสียก่อนส่วนซูหนิงเซียวเองก็จดชื่อวิชาที่เธอจะไปเลือกหนังสือมาอ่านเสริม เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าอาจารย์จะให้ใช้หนังสือเล่มไหนเรียนในแต่ละรายวิชา อย่างไรการมีหนังสือเตรียมเอาไว้อ่านล่วงหน้าก็เป็นการเตรียมตัวที่ดี เธอไม่อยากให้การทำงานกระทบกับการเรียนของเธอ เธอไม่อยากทำให้แม่ผิดหวังเรื่องการเรียนของเธอด้วยซูหนิงจิงเห็นว่าลูกสาวเตรียมพร้อมแล้ว สองคนแม่ลูกจึงบอกลากู่ซิงแล้วไปที่ลานจอดรถเพื่อเดินทางไปห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆเมื่อถึงห้างในช่วงสิบโมงที่ห้างเปิดพอดี ซูหนิงจิงกับซูหนิงเซียวก็เดินไปที่ชั้นสองซึ่งมีร้านหนังสือเรียงกันอยู่สี่ห้าร้าน พวกเธอต่างเข้าไปเลือกดูหนังสือทีละร้านอย่างไม่ได้เร่งร้อนอะไร กระทั่งซูหนิงเซียวได้หนังสือที่อยากอ่านครบทุกร้านแล้วในตอนนี้ ซูหนิงจิงเห็
ซูหนิงจิงกลับเข้าห้องในเวลาไม่นานหลังส่งพนักงานขายกับช่างของศูนย์รถกลับไปแล้ว กู่ซิงที่นั่งรออยู่พร้อมกับซูหนิงเซียวที่เก็บเอกสารเสร็จแล้วต่างยิ้มรอให้ซูหนิงจิงนั่งลงก่อนค่อยถามเรื่องที่พวกเธออยากรู้“ไม่ทราบว่าคุณซูจะพาหนิงเซียวไปหัดขับรถวันไหนคะ ดิฉันอยากนั่งด้วยเช่นกันจะได้ดูว่าหนิงเซียวขับรถเป็นอย่างไรบ้างค่ะ”“อ้อ ถ้าอย่างนั้นเราค่อยไปช่วงบ่ายกันมั้ยคะ รอทานข้าวเที่ยงก่อนก็แล้วกัน”“ตกลงค่ะ ขอบคุณนะคะที่ยอมให้ดิฉันไปด้วย”“โธ่ คุณกู่อย่าขอบคุณดิฉันบ่อยนักเลยค่ะ ให้คุณกู่ถือซะว่าดิฉันเป็นน้องสาวแล้วหนิงเซียวเป็นหลานสาวคุณก็แล้วกันนะคะ เราอยู่ด้วยกันมาเดือนกว่าแล้ว คุณน่าจะรู้ว่าพวกเราสองแม่ลูกก็มีกันอยู่เพียงแค่นี้”“ดิฉันไม่กล้าหรอกค่ะคุณซู ดิฉันถือว่าคุณเป็นเจ้านายเสียด้วยซ้ำไป ส่วนหนิงเซียวก็เป็นเด็กในสังกัดที่ดิฉันต้องดูแลให้ดีด้วยค่ะ”
ซูหนิงจิงพากู่ซิงกับซูหนิงเซียวไปที่ช็อปมือถือแบรนด์ใหญ่ซึ่งมีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าแบรนด์อื่น พนักงานในร้านเห็นลูกค้าแต่งตัวดีเข้ามาพร้อมกันถึงสามคนก็รีบออกมารับหน้าทันที“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ไม่ทราบกำลังหาโทรศัพท์แบบไหนอยู่คะ”“มีรุ่นใหม่ล่าสุดที่ใช้การสแกนนิ้วเข้าระบบหรือเปล่าคะ กับกล้องที่มีความละเอียดสูงสักหน่อย รวมทั้งระบบความปลอดภัยของโทรศัพท์ป้องกันการแฮ็กด้วยค่ะ”“อ่า ที่คุณลูกค้าต้องการมีอยู่รุ่นเดียวนะคะ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งนำเข้ามาได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์เลยค่ะ แต่ราคาเครื่องสูงไม่น้อยเลยนะคะ ไม่ทราบคุณลูกค้าอยากดูก่อนหรือเปล่าคะ”“ดูค่ะ เชิญคุณนำพวกเราไปได้เลยค่ะ เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา ดิฉันอยากดูการใช้งานเครื่องอย่างละเอียด รบกวนคุณอธิบายการใช้งานให้ด้วยนะคะ”“ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณลูกค้านั่งรอที่โซฟารับแขกสักครู่นะคะ ดิฉันจะไปนำเครื่องตัวอย่างมาทดลองใช้ฟังก์ชั่น
ห้าวันต่อมาหลังอาหารเช้า ในช่วงห้าวันนี้ทุกคนต่างดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเว่ยป๋อและทดลองถ่ายวิดีโอกับภาพถ่ายแล้วอัพเดทลงในเว่ยป๋อกันอย่างสนุกสนาน รวมทั้งการทดลองโอนเงินไปยังบัญชีของแต่ละคนเพื่อทดสอบการใช้งาน ส่วนการสแกนเงินแทนการกดโอนก็สะดวกเช่นเดียวกัน นับว่าซูหนิงจิงคิดไม่ผิดที่สอนทั้งสองคนให้รู้จักใช้ประโยชน์จากสิ่งของให้คุ้มค่า“เดี๋ยวอีกสักพักเราจะออกไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างใหญ่กลางเมืองนะคะ เพราะวันมะรืนนี้เราต้องเข้าร่วมงานประมูลการกุศลแล้ว นี่บัตรเชิญที่ส่งมาสามใบค่ะ”ซูหนิงจิงบอกซูหนิงเซียวกับกู่ซิงพร้อมทั้งส่งบัตรเชิญให้ทั้งสองคนดูรายละเอียดของงานประมูล เพราะเธอรู้ดีว่าทั้งคู่ยังไม่เคยเข้าร่วมงานแบบนี้มาก่อน“แม่แน่ใจเหรอคะที่จะให้หนูไปด้วย หนูไม่มีเงินประมูลของนะคะแม่”“เด็กโง่ ลูกอยากได้อะไรก็ประมูลไป หลังประมูลแล้วแม่จะไปจ่ายเงินให้จ๊ะ ส่วนพี่กู่ก็ลองดูนะคะว่ามีอะไรที่จำเป็นสำหรับหนิงเซียวบ้างหรือเปล
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก
หลงฮ่าวกับเจียวจูรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเกือบ 8 ชั่วโมง กว่าที่หมอจะออกมาบอกว่าเจียวจิ้งเหอพ้นขีดอันตรายแล้ว เพียงแต่ต้องรอดูว่าหลังจากฟื้นขึ้นมา อวัยวะต่าง ๆ ของเจียวจิ้งเหอจะสามารถใช้งานได้เป็นปกติหรือไม่เท่านั้น หมอแจ้งอาการกับญาติเสร็จก็ให้พยาบาลเข็นเตียงของเจียวจิ้งเหอไปยังห้องพิเศษเพื่อรอดูอาการหลังผ่าตัดจนกว่าจะครบ 24 ชั่วโมง จึงจะมั่นใจว่าเขาสามารถพักฟื้นต่อได้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้แต่ต้องกลับไปก่อนและให้คนของเขาคอยเฝ้าดูอาการของเจียวจิ้งเหอแทน พวกเขาจึงจะมาเยี่ยมเจียวจิ้งเหออีกครั้ง เพราะหลงฮ่าวกำลังหาคนในของบริษัทจ้านเกาเพื่อสร้างความเสียหายแต่ก็ยังหาไม่ได้เสียที จ้าวไห่ถังที่รู้ข่าวความวุ่นวายของหกตระกูลก็คิดอยากถอนหมั้นลูกสาว เขาไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนติดคุกติดตะรางอย่างหลงเอ้อหลางอีกต่อไป หลิวอ้ายโหรวที่ยุ่งอยู่กับการพาลูกชายไปทำงานก็ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของสามี เธอในตอนนี้ไม่อยากให้ลูกชายเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน หลังอาหารเย็นวันหนึ่ง จ้าวไห่ถังจึงเรียกลูกสาวมาคุยเรื่องนี้“พ่อคิดว่าตระกูลหลงจะให้เราถอนหมั้น
วันนี้เจียวจิ้งเหอมีนัดขึ้นให้การในชั้นศาลนัดแรก เขาให้คนของตนเองเตรียมตัวเดินทางหลังอาหารเช้า ส่วนคนของเติ้งโหย่วก็เตรียมการแล้วเช่นเดียวกัน พวกเขาหาที่กั้นทางเพื่อทำทีเป็นปรับปรุงถนนอยู่ให้เลี่ยงเส้นทางไปยังทางเปลี่ยว ทำให้ขบวนรถสามคันของเจียวจิ้งเหอต้องอ้อมทางไป คนของเติ้งโหย่วที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า พอเห็นขบวนรถของเจียวจิ้งเหอมาถึงก็เตรียมตัวกดระเบิดที่ฝังเอาไว้ใต้พื้นถนนเพื่อทำให้รถเกิดอุบัติเหตุแทนที่จะใช้ปืนกระหน่ำยิงเหมือนตอนที่เจียวจิ้งเหอสั่งลูกน้องไปจัดการจ้านเกา เมื่อรถคันแรกมาถึงบริเวณที่อานุภาพการทำลายล้างของระเบิดสามารถทำได้ หัวหน้ากลุ่มกะจังหวะกดระเบิดตอนที่รถของเจียวจิ้งเหอมาถึงจุดที่ระเบิดถูกวางเอาไว้พอดีบึ้ม!!! เอี๊ยด!!! โครม! รถของเจียวจิ้งเหอพลิกคว่ำในทันที ส่วนรถอีกสองคันที่โดนแรงระเบิดก็กระเด็นไถลไปคนละทิศละทาง คนที่อยู่ในรถต่างมึนงงและหูดับไปเพราะแรงระเบิดชั่วขณะ คนของเติ้งโหย่วอาศัยจังหวะนั้นหลบออกไปจากที่เกิดเหตุโดยหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดอย่างรู้งาน พวกเข
หลังทานอาหารค่ำ ทุกคนก็มานั่งคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคนอย่างจริงจังจนได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะจัดงานแต่งงานก่อนซูหนิงเซียวจะเปิดเทอมและขึ้นปีสามเพื่อความสะดวกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งก็เหลือเวลาเตรียมงานไม่ถึงสามสัปดาห์ แน่นอนว่าสัปดาห์นี้ทุกคนยุ่งอยู่กับแผนการล้มหกตระกูลรอง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงจึงให้เริ่มเตรียมงานแต่งในสัปดาห์หน้าแทน โดยพวกเขาจะเรียกเจิ้งเหลียงฮวามาช่วยเรื่องทำบัตรเชิญเหมือนตอนงานหมั้น คืนนั้นกว่าทุกคนจะได้เข้านอนก็เกือบห้าทุ่มแล้ว พวกเขาต่างยิ้มแย้มที่กำลังจะมีงานมงคลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ถึงแม้แต่ละคนจะมีงานล้นมืออยู่ก็ตามที สายวันต่อมา แผนการของซูหนิงจิงทำให้บริษัทใหญ่ทั้งหกไม่มีทางเลือกจนต้องเทขายหุ้นในมือก่อนที่จะขาดทุนไปมากกว่านี้ ซูหนิงจิงโทรหาไป่เฉิงให้เขากว้านซื้อหุ้นทั้งหมดเอาไว้ให้เธอ โดยเธอโอนเงินให้เขาเผื่อเอาไว้ 900 ล้านหยวน ต้องขอบคุณโครงการฟู่ซิงซินที่ขายหมดเร็วจนเธอมีกำไรจากโครงการนี้มากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน ตระกูลทั้งหกที่เกี่ยวพันกับเรื่องของซูหนิงเซียวต่างนัดประชุมเ