로그인เมื่อแม่ทัพฉินเย่เหวินก้าวผ่านประตูวิหารเข้าสู่ภายใน เขาพบว่าบรรยากาศภายในนั้นเงียบสงบแต่เต็มไปด้วยพลังที่ลึกลับและน่าเกรงขาม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกำยานลอยอบอวลทั่วห้อง สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเชิญชวนให้เข้าสู่โลกแห่งความลึกลับและความลึกซึ้ง
ที่ปลายสุดของวิหาร บนแท่นสูงที่ทำจากหินสีดำ แม่ทัพหนุ่มได้เห็น จ้าวลัทธิ ผู้เป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งกามารมณ์ จ้าวลัทธิเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสง่างาม แต่งกายด้วยชุดยาวสีดำที่ประดับด้วยลวดลายสีทองสลักอย่างประณีต ใบหน้าของเขาสงบเยือกเย็น แฝงด้วยความมั่นใจและอำนาจดึงดูดที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดวงตาของจ้าวลัทธิเปล่งประกายด้วยความรู้และประสบการณ์ที่ลึกล้ำ ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุผ่านจิตใจของผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
จ้าวลัทธิยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง และเมื่อเห็นแม่ทัพฉินเย่เหวินก้าวเข้ามา เขาก็ส่งยิ้มที่แฝงด้วยความลึกลับและความเมตตา “แม่ทัพฉินเย่เหวิน ข้ายินดีที่ได้ต้อนรับเจ้า” เสียงของจ้าวลัทธินั้นทุ้มต่ำและนุ่มนวล ราวกับเสียงของน้ำที่ไหลผ่านก้อนหิน ความนุ่มนวลที่แฝงไว้ด้วยอำนาจนั้นทำให้แม่ทัพรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของชายผู้นี้
"ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้า และข้ารู้ว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อฝึกฝนวิชา ข้ายินดีที่จะช่วยเจ้าบรรลุถึงเป้าหมาย แต่จงจำไว้ว่าการฝึกฝนในที่แห่งนี้ไม่ง่าย วิชาที่ข้าจะถ่ายทอดให้ต้องอาศัยทั้งความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจ หากเจ้าพร้อม ข้าก็พร้อมที่จะชี้แนะแนวทางให้เจ้า"
แม่ทัพฉินเย่เหวินคำนับจ้าวลัทธิด้วยความเคารพ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าพร้อมที่จะรับการฝึกฝน ข้าไม่หวั่นต่อความยากลำบาก ขอท่านจ้าวลัทธิชี้นำข้าในวิชานี้ด้วยเถิด”
จ้าวลัทธิพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะยื่นมือออกไปและกล่าวว่า “เช่นนั้น ตามข้ามา เจ้าจะได้พบกับความจริงของสวรรค์ที่เจ้าโหยหา”
แม่ทัพฉินเย่เหวินเดินตามหลังจ้าวลัทธิผ่านเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามเส้นทางป่าเขา จนมาหยุดอยู่ที่น้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่ง สายน้ำตกไหลลงมาจากที่สูง ท่ามกลางเสียงกระทบของน้ำและบรรยากาศที่สงบ
ในขณะที่แม่ทัพหนุ่มยืนมองรอบๆ น้ำตกด้วยความสงสัย จ้าวลัทธิได้เริ่มแสดงทักษะพิเศษของเขา สาวงามที่ติดตามมาด้วย เดินอยู่ใกล้ๆ จ้าวลัทธิด้วยท่าทางที่เชื่อฟังและเต็มใจ
จ้าวลัทธิไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่ใช้ลมปราณของเขาอย่างมีทักษะ เสื้อผ้าของท่านจ้าวลัทธิและสาวงามที่ติดตามจึงฉีกขาดลงเผยให้เห็นเรือนร่างอันงดงามของทั้งสอง ความงดงามของเรือนร่างนี้ทำให้แม่ทัพฉินเย่เหวินรู้สึกถึงความน่าดึงดูดและความงามที่แท้จริง
จ้าวลัทธิและสาวงามเริ่มร่วมรักด้วยท่วงท่าต่างๆ ที่หลากหลายและซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมรักใต้หินผาหรือในกลางอากาศ ทักษะในการร่วมรักของทั้งคู่แสดงออกถึงความพิสดารและลึกล้ำ จนกระทั่งดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเคลื่อนไหวอย่างเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและสวรรค์ การเคลื่อนไหวของพวกเขาดูเหมือนจะเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและความลึกลับ
เมื่อจ้าวลัทธิปลดปล่อยน้ำราคะของตนเข้าไปในเรือนร่างของหญิงสาว การกระทำของเขาดูเหมือนจะเป็นการสื่อสารอย่างลึกซึ้งระหว่างจิตใจและร่างกาย ทำให้การฝึกฝนเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยพลังและความรุนแรง
แม่ทัพฉินเย่เหวินยืนอยู่ที่ขอบน้ำตก มองเหตุการณ์ด้วยความตื่นตะลึง ความประทับใจในทักษะที่เห็นต่อหน้าต่อตาเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบมาก่อน เขารู้สึกถึงความท้าทายและความลึกซึ้งของศาสตร์แห่งการร่วมรักที่ท่านจ้าวลัทธิแสดงออก ซึ่งยิ่งทำให้เขารู้สึกถึงความต้องการที่จะเรียนรู้และฝึกฝนวิชานี้ให้ถึงที่สุด
จ้าวลัทธิยิ้มอย่างลึกลับเมื่อเห็นแม่ทัพฉินเย่เหวินยืนมองอยู่ข้างน้ำตกด้วยความตื่นตะลึง ความตั้งใจของแม่ทัพหนุ่มทำให้เขารู้สึกถึงความมุ่งมั่นและความจริงใจในการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับศาสตร์แห่งการร่วมรัก จ้าวลัทธิจึงเริ่มต้นการสอนบทเรียนแรกด้วยเสียงที่มีน้ำหนักและความหมาย
"แม่ทัพฉินเย่เหวิน" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น "ไม่ว่าใครก็สามารถร่วมรักกับสาวงามได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำให้พวกนางรู้สึกพอใจอย่างแท้จริง เปลวไฟของความหื่นกระหายของสตรีนั้นไร้ที่สิ้นสุด แม้จะมีความรักและความใคร่ แต่หากไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของพวกนางได้ พวกนางก็อาจแสวงหาบุรุษคนอื่นที่สามารถเติมเต็มความหื่นกระหายของพวกนางได้"
จ้าวลัทธิหยุดพูดชั่วขณะหนึ่งให้แม่ทัพหนุ่มได้ใคร่ครวญคำสอน ก่อนจะพูดต่อด้วยความจริงจัง "ชายชาตรีที่แท้จริงนั้นสมควรที่จะดับเปลวไฟของพวกนาง หากเจ้าต้องการมีความรักที่ยั่งยืนและมั่นคง เจ้าจึงต้องทำให้พวกนางรู้สึกเติมเต็มในทุกด้าน ทั้งทางกายและทางใจ การสร้างความพอใจให้พวกนางไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันคือศิลปะและวิทยาการที่ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจและความอดทน"
"วิชาที่เจ้าจะได้เรียนรู้ที่นี่ ไม่ใช่เพียงแค่การร่วมรัก แต่เป็นการเข้าใจลึกซึ้งถึงความต้องการของคู่รัก การฝึกฝนนี้จะทำให้เจ้าสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงและยั่งยืนได้ เมื่อเจ้าสามารถทำให้พวกนางรู้สึกเติมเต็มได้อย่างแท้จริง เจ้าจะพบกับความรักและความพอใจที่ยั่งยืน"
เมื่อแม่ทัพฉินเย่เหวินได้ยินคำสอนของท่านจ้าวลัทธิเพลิงกามารมณ์ น้ำตาของเขาก็เริ่มไหลออกมาโดยไม่อาจควบคุมได้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนุ่มน้อยที่เพิ่งจะตระหนักถึงความจริงในชีวิต ทุกคำพูดที่ได้ยินนั้นแสดงให้เห็นถึงความจริงที่ลึกซึ้งและแท้จริง การเข้าใจถึงความต้องการและความพอใจของคู่รักเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อน
ก่อนหน้านี้ แม่ทัพฉินเย่เหวินมีความเจ็บแค้นลึกซึ้งจากอดีตภรรยาคนรักที่ได้ทิ้งเขาไปอยู่กับฮ่องเต้ เขารู้สึกว่าตนเองถูกทอดทิ้งและไม่สามารถเติมเต็มความรักและความต้องการของนางได้ ฮ่องเต้เองก็ไม่สามารถทำให้ภรรยาได้รับความพอใจที่แท้จริง ซึ่งทำให้ความร้อนแรงของไฟราคะในตัวนางไม่เคยดับลง หลังจากที่ได้พบหน้ากันอีกครั้งเขาและนางต่างพากันร่วมรักด้วยความดุเดือดด้วยความรักด้วยความหื่นกระหายคนทั้งคู่ต่างปลดปล่อยความต้องการของตนออกมา ความเคียดแค้นภายในใจของแม่ทัพหนุ่มมันดับหายไปพร้อมกับที่ปลดปล่อยน้ำกามอัดฉีดเข้าไปที่ภายในเรือนร่างของนาง คนทั้งสองเริ่มที่จะพูดคุยกันดีอีกครั้งจึงถึงขนาดคิดที่จะอยากกลับมาคืนดี
“ท่านจ้าวลัทธิ” แม่ทัพฉินเย่เหวินพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ข้าขอขอบคุณสำหรับคำสอนที่ล้ำค่าเหล่านี้ ข้ารู้สึกเหมือนได้เห็นความจริงที่ข้าต้องการมานานแล้ว ข้าจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อฝึกฝนและเข้าใจวิชานี้ให้ลึกซึ้งที่สุด ข้าหวังว่าจะสามารถใช้ความรู้ที่ได้รับนี้เพื่อเติมเต็มความรักและความต้องการของนางในทุกด้าน”
คำพูดของแม่ทัพฉินเย่เหวินสะท้อนถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองและความสัมพันธ์ของเขา เขาหวังว่าด้วยความรู้และทักษะที่ได้รับจากการฝึกฝน เขาจะสามารถกลับไปทำให้ความรักของเขากับอดีตภรรยาของเขาเป็นจริงอีกครั้ง และสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและเติมเต็มอย่างแท้จริง
หลังจากที่หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ ประสบความเจ็บป่วยอย่างหนัก องค์ฮองเฮาหลี่หวงซินได้ตัดสินใจทุบกำแพงที่แยกตำหนักส่วนตัวของนางกับจวนของแม่ทัพฉินเย่เหวิน และสร้างพื้นที่ร่วมกันใหม่ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย นางได้แปลงตำหนักของนางให้กลายเป็นสถานที่ที่คล้ายหลุดออกจากโลกภายนอกพื้นที่ในตำหนักของนางถูกปกคลุมด้วยความลับและความเย้ายวนใจ ไม่มีข้อบังคับทางศีลธรรมมาขวางกั้น ความหลงใหลและความปรารถนาของนางกับแม่ทัพหนุ่มจึงถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่ ทุกวัน แม่ทัพฉินเย่เหวินจะมอบความเร่าร้อนและความพึงพอใจให้แก่องค์ฮองเฮาอย่างดุเดือด นางร้องครวญครางด้วยความสุขจนเต็มอิ่มเสียงครางจากองค์ฮองเฮาดังขึ้น "ท่านแม่ทัพ แรงอีก แรงอีก ข้าเสียวจนข้าจะไม่ไหวอยู่แล้ว" นางร้องออกมาด้วยความรู้สึกอันร้อนแรงและเต็มไปด้วยความพอใจในขณะที่ภาพความรักอันร้อนแรงเผยออกมา ภายในตำหนักที่เปล่าเปลือยแห่งนี้ นางสนมจากตำหนักผีเสื้อยืนอยู่ด้วยความหลงใหลและชื่นชม การมองดูฉากนี้ราวกับเป็นการแสดงถึงความงดงามและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนางสนมราวกับถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์อันล้ำลึกของฉากที่พวกนางเฝ้าดู ร่างกายของพวกนางทั้งหมดรวม 100 ชีวิต นุ่งน้อยห่
หลังจากที่หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ล้มป่วยและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตำหนักผีเสื้อซึ่งเคยเป็นสวนสวรรค์ของพระองค์ก็ขาดคนดูแล สถานที่นี้เต็มไปด้วยนางสนมร้อยกว่าคนที่มีลีลาในการร่วมรักที่สุดแสนจะร้อนแรงพวกนางถูกรวบรวมมาจากทั่วทั้งแผ่นดินไม่ว่าจะผิวพรรณหน้าตารวมไปถึงความหื่นกระหายของพวกนางนั้นนับว่าเป็นหนึ่งแม่ทัพฉินเย่เหวินได้เชิญนางสนมทั้งหมดให้ย้ายมาอยู่กับตนชายหนุ่มผู้มีพลังอำนาจมากที่สุดภายในเมืองหลวงแห่งนี้นั้นเป็นเขามีหรือที่พวกนางนั้นจะตอบปฏิเสธจวนของท่านแม่ทัพในยามนี้นั้นเปรียบเสมือนสวรรค์บนดินที่ไม่ว่าผู้ใดต่างก็อยากที่จะมาเยือนสักครั้งในกลุ่มนางสนมมีซูเหม่ยฉิงซึ่งเป็นอดีตภรรยาคนรักของแม่ทัพ ฉินเย่เหวิน นางได้กลับมาด้วยความเต็มใจเพื่อรับหน้าที่ในการดูแลแม่ทัพและรับผิดชอบในการให้ความสุขทางกายแก่เขา ซูเหม่ยฉิงมีลีลาที่เร่าร้อนและประสบการณ์อันลึกซึ้งจากอดีตที่ผ่านมา ความรักและราคะที่เคยมีต่อกันทำให้เธอเต็มใจและพร้อมที่จะรับภาระหนักในการรองรับความต้องการของชายผู้เป็นอดีตสามีของเธอคืนนี้ ซูเหม่ยฉิงได้เตรียมตัวอย่างดีด้วยการสวมใส่ชุดนอนบางเบาที่เผยให้เห็นรูปร่างอันเย้ายวนใจของเธออย่า
แม่ทัพฉินเย่เหวินได้สร้างผลงานที่น่าจดจำอีกครั้งด้วยการปราบจอมโจรที่มีชื่อเสียง จึงได้รับการเลื่อนขั้นจากตำแหน่งแม่ทัพเป็น "แม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวง" การเลื่อนขั้นนี้เกิดขึ้นด้วยการสนับสนุนจากองฮองเฮาหลี่หวงซิน ซึ่งไม่เพียงแค่ให้การสนับสนุนด้านตำแหน่ง แต่ยังมอบจวนแม่ทัพหลังใหม่ที่มีขนาดใหญ่โตและกว้างขวางยิ่งกว่าเดิมจวนใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวินตั้งอยู่ใกล้กับตำหนักขององฮองเฮาหลี่หวงซิน นางให้เหตุผลว่าการมีเขาใกล้ชิดจะทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เพราะเขาสามารถคอยปกป้องเธอและลูกได้ตลอดเวลา ความใกล้ชิดนี้ยังแสดงถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งฮ่องเต้เองก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ ต่อการเลื่อนขั้นและการมอบจวนใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวิน เนื่องจากเขาตระหนักถึงความสำคัญและความสามารถของแม่ทัพหนุ่มในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของราชสำนักในช่วงกลางดึกของคืนหนึ่ง องฮองเฮาหลี่หวงซินได้แอบลอบเข้ามาภายในจวนหลังใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวิน ความรู้สึกของนางที่ไม่อาจต้านทานความต้องการในใจ ทำให้นางตัดสินใจเดินทางจากตำหนักของตนไปยังจวนใหม่ของแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักของนางเพียงไม่กี่ก้าวค่ำคืนนี้ช
แม่ทัพฉินเย่เหวินจ้องมองเรือนร่างของนางโจรสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ท่อนเนื้อแข็งผงาดขึ้นมาด้วยความปรารถนา เขารู้สึกถึงความร้อนรุ่มที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ความคิดในใจเต็มไปด้วยภาพของนางที่ชัดเจนทุกอณู เนื้อหนังของนางที่อ่อนนุ่มและโค้งเว้าอย่างน่าหลงใหลทำให้เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้บรรยากาศรอบกายเริ่มเปลี่ยนแปลง กลิ่นอายแห่งราคะค่อยๆ ลอยปกคลุมทั่วบริเวณ ความต้องการในใจของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ทวีความรุนแรงขึ้น เขารู้ดีว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้คือความพึงพอใจอย่างสุดขีดในเรือนร่างของนาง และไม่อาจหลบหนีจากเสน่ห์ที่นางมีต่อเขาได้เลยร่างกายของจอมโจรสาวเริ่มสั่นเทาด้วยความรู้สึกที่เธอไม่อาจควบคุมได้ เปลวไฟแห่งราคะกำลังลุกไหม้ไปทั่วร่างของเธอ หลังจากที่ดื่มชาที่มีส่วนผสมปลุกอารมณ์เข้าไป ความร้อนรุ่มก็เริ่มแผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย สายตาของเธอพร่ามัวด้วยแรงปรารถนา หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกจากอก ความคิดที่เคยเข้มแข็งและมุ่งมั่นของเธอถูกแทนที่ด้วยความต้องการที่รุนแรง เธอรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตั
ในช่วงนี้ ทางตอนใต้ของเมืองหลวงต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากจอมโจรภูเขาที่กำลังระบาดหนัก พวกมันปล้นฆ่าไม่เลือกหน้า สร้างความหวาดกลัวและความเดือดร้อนไปทั่วทั้งแถบ ชาวบ้านต่างต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดผวาและไม่มีความสงบสุข แม่ทัพฉินเย่เหวิน ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะนักรบผู้เก่งกาจและกล้าหาญ จึงขออาสาออกไปปราบปรามโจรร้ายเหล่านี้ เพื่อสร้างผลงานและคืนความสงบสุขให้กับบ้านเมืองจอมโจรภูเขาเลือกตั้งฐานที่มั่นในพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร เป็นดินแดนที่เข้าถึงได้ยากและเต็มไปด้วยภูมิประเทศที่ท้าทาย การเดินทางไปยังถิ่นของพวกมันจึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก ทั้งเส้นทางที่คดเคี้ยวและอันตราย รวมถึงการต้องระมัดระวังการซุ่มโจมตีจากพวกโจรที่ชำนาญพื้นที่แม่ทัพฉินเย่เหวินไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขานำกำลังพลติดตามไปเพียง 100 คน เป็นทหารที่เชี่ยวชาญและไว้วางใจได้ ความมุ่งมั่นในสายตาของแม่ทัพหนุ่มฉายชัด เขารู้ดีว่านี่เป็นโอกาสที่จะสร้างผลงานและแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาอีกครั้งเมื่อออกเดินทางเข้าสู่พื้นที่อันทุรกันดาร กองกำลังของแม่ทัพฉินเย่เหวินต้องเผชิญกับเส้นทางที่ยากลำบาก ฝ่าดงพงไพรและข้ามภูเขาที่สูงชัน แม้ความเหน็ดเหนื่อยจ
ในวังหลวงที่ถูกปิดบังด้วยกำแพงสูงตระหง่านและเงาของราชบัลลังก์ ความลับที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ความสง่างามขององฮองเฮาหลี่หวงซินนั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้ แม่ทัพฉินเย่เหวิน ผู้เป็นดั่งยอดฝีมือในสนามรบ กลับพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของนางผู้เลอโฉม ทั้งสองแอบมีสัมพันธ์ลับอันเร่าร้อนซึ่งถูกปิดซ่อนไว้ในม่านความลับในช่วงที่แม่ทัพฉินเย่เหวินทำหน้าที่สอนวิชาเชิงดาบให้กับองค์ชายหวังอี้เฟิง เขาไม่อาจหักห้ามใจจากการพบปะกับนางได้ ทุกครั้งที่หยุดพัก ทั้งสองจะพากันหายลับไปยังมุมอันเงียบสงบของพระราชวัง ดวงตาของพวกเขามักเต็มไปด้วยความปรารถนา มันแผดเผาใจทำให้พวกเขาไม่อาจละสายตาจากกันได้นับวันผิวพรรณของหลี่หวงซินยิ่งงดงามขึ้น ดวงตาเป็นประกายสดใส ผิวเนียนนุ่มดั่งผลท้ออ่อน นางดูเปล่งปลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความลับของความงามนี้อยู่ที่ไฟราคะอันร้อนแรงของแม่ทัพหนุ่มผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อศึกใด ไม่เว้นแม้แต่ศึกรักก็เช่นกันเขามักจะอัดฉีดน้ำกามของตนเข้าไปภายในเรือนร่างของนางทุกครั้งเพื่อที่จะแสดงความเป็นเจ้าของ“อ๊า...ข้าเสียวเหรอเกิน” องฮองเฮาหลี่หวงซิน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความพึงพอใจยามที่น้ำกามของชู้รั







