แชร์

5. ผู้ใดจะทนไหว (2)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-22 10:27:39

ลี่มี่ทิ้งตะกร้าไว้หน้าเรือนอย่างมิไยดี ขาเรียวรีบสาวเท้าเข้าเรือน เดินตามเสียงไปจนพบเข้ากับ ภาพที่นางแทบมิอาจทนมองได้

บัดนี้ท่านป้าชุนเจียง กำลังใช้ไม้เรียวฟาดเข้าที่สะโพกน้อยของลี่หมิงอย่างแรง แม้ว่าเด็กชายจะร้องขอ อ้อนวอนอย่างไร ชุนเจียงก็มิยั้งแรงไว้แม้แต่น้อย

“น้องขออภัยท่านป้า ฮึก อย่าทำน้องเยย อาเป่าล้มเอง โอ๊ยยยย” น้ำสีใสไหลอาบแก้มกลมอย่างน่าสงสาร สองมือเล็กประสานคำนับอ้อนวอนต่อผู้เป็นป้า แต่นางกลับมิยอมหยุดการกระทำ

“หยุดนะ!!! ปล่อยอาหมิงเดี๋ยวนี้” ลี่มี่ตะโกนออกมาสุดเสียง รีบเข้าไปดึงตัวน้องชายมาหาตน แต่ชุนเจียงกลับมิยอมปล่อยมือจากแขนเล็กของเด็กชาย

“น้องเจ้าทำอาเป่าร้องไห้ ต้องถูกลงโทษ!”

“เจ้าตีเขาไปแล้ว ปล่อยน้องข้า!” ลี่มี่ฉุนขาด จนมิอาจเอ่ยเรียกขานนังปีศาจตรงหน้าว่าท่านป้าได้อีกต่อไป

แม้ลี่มี่จะเอ่ยอย่างไร ชุนเจียงก็มิยอมปล่อยลี่หมิง มิเพียงเท่านั้นนางยังพลั้งมือผลักร่างเล็กของเด็กชายจนล้มลงไปกองกับพื้น

…ไม่ทน ไม่ทนอีกต่อไปแล้ว!

ตุ๊บ!

“โอ๊ย! เอวข้า”

ลี่มี่ยกเท้าขึ้นถีบไปที่หน้าท้องของชุนเจียงเต็มแรง จนผู้เป็นป้าสะใภ้เซไปชนเข้ากับขอบโต๊ะ ดูเหมือนว่าชุนเจียงจะเจ็บไม่น้อย เพราะนางถึงกับนิ่วหน้าและเอามือกอบกุมหน้าท้องและบั้นเอวของตนอยู่อย่างนั้น

“เกิดอันใดขึ้น!” ยังมิทันที่ลี่มี่จะได้ทำสิ่งใดต่อ ชุนฉือที่ออกไปด้านนอกก็กลับเข้ามาพร้อมกับชุนไห่ ชุนเต๋อ และซูเม่ยที่เนื้อตัวเปื้อนโคลน

“เจ้ากล้าทำร้ายป้าสะใภ้ของเจ้าหรือ!” เสียงตะคอกของหญิงชราดังขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากปากสะใภ้ใหญ่ ชุนฉือแสดงสีหน้ามิพอใจอย่างมาก ทั้งทำร้ายป้าสะใภ้ ทั้งกลั่นแกล้งซูเม่ย เห็นทีจะเก็บเด็กผู้นี้ไว้มิได้

“นั่นเพราะนางทำร้ายอาหมิง-” ลี่มี่พยายามอธิบายเรื่องราวที่แท้จริงให้ทุกคนในห้องโถงฟัง พลางกระชับอ้อมกอดน้องชายไว้แน่น จนถึงบัดนี้อาหมิงก็ยังร้องไห้สะอึกสะอื้น เนื้อตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของลี่มี่ หากว่าท่านย่ายังมิยอมเอ่ยตำหนินังปีศาจนั่น นางและน้องชายคงอยู่ที่นี่ต่อไปมิได้แล้ว

“นางเพียงสั่งสอนอาหมิงเท่านั้น เจ้าก็ได้ยินมิใช่หรือว่าอาหมิงกลั่นแกล้งอาเป่าจนร้องไห้”

“ท่านย่ารู้ได้อย่างไรว่าอาหมิงกลั่นแกล้งอาเป่า ไม่แน่ว่านางอาจจะโป้ปดท่านก็เป็นได้ ท่านย่าจิตใจเอนเอียง ตัดสินมิเป็นธรรม” นัยน์ตาดำสนิทจดจ้องไปที่ชุนเจียงอย่างแข็งกร้าว

“นี่เจ้ากล้าว่าข้าอย่างนั้นหรือ อกตัญญู อกตัญญู!” ชุนฉือปรี่เข้าหาลี่มี่หมายจะสั่งสอนหลานนอกไส้ แต่กลับถูกบุตรชายห้ามปรามเอาไว้

“ท่านแม่ใจเย็นลงก่อนเถิดขอรับ” ชุนไห่รวบตัวมารดาเอาไว้ มิให้เข้าไปทำร้ายหลานสาว

“ท่านแม่เจ้าค่ะ ฮึก! ข้ามิยอมนะเจ้าคะ ทำร้ายข้าถึงเพียงนี้ อย่างไรข้าก็อยู่ร่วมชายคากับนางมิได้…หลังจากนางพ้นวัยปักปิ่น ก็ให้นางแต่งกับเฒ่าแก่ร้านขายเนื้อในตัวเมืองเถิดเจ้าค่ะ”

“เจียงเอ๋อร์ เอ่ยอันใดออกมา!” ชุนไห่ถึงกับตะคอกออกมาเสียงแข็ง จะให้หลานสาวของเขา แต่งเป็นนางบำเรอตาเฒ่าบ้าตัณหานั่นได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้นลี่มี่ก็มิต่างอันใดกับตกนรกทั้งเป็น

“แต่แม่เห็นด้วยกับภรรยาเจ้า เด็กร้ายกาจเช่นนี้ เก็บไว้ในเรือนก็มีแต่สร้างความเสียหาย”

“ข้าไม่แต่ง! อย่างไรข้าก็ไม่แต่ง” ลี่มี่ไม่ยินยอมเด็ดขาด คนทั้งเมืองซูโจวล้วนรับรู้ว่าเฒ่าแก่ร้านขายเนื้อในตัวเมืองแก่ชราแล้ว แต่กลับมีตัณหาราคะ มักรับซื้อเด็กสาวที่พึ่งพ้นวัยปักปิ่นไปเป็นนางบำเรอ เมื่อเบื่อหน่ายก็ขายเด็กสาวเหล่านั้นให้กับหอนางโลม

“ข้าถือเป็นผู้ใหญ่ในบ้าน เรื่องตบแต่งของหลานสาวถือเป็นหน้าที่ของข้าด้วยเช่นกัน” ชุนฉืออ้างหน้าที่ของตน

เช่นนั้นข้าขอตัดขาดกับพวกท่าน! จากนี้ข้ากับอาหมิงมิขอใช้แซ่ชุน พวกท่านมิต้องเลี้ยงดูข้า ข้ามิต้องแทนคุณพวกท่าน มิต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก!” ลี่มี่มิอาจทนได้อีกต่อไป ร่างบางอุ้มน้องชายออกจากห้องโถง ตรงไปที่ห้องนอนของตนเองทันที

“อาหมิง ช่วยพี่เก็บของเถิด เราจะออกจากที่นี่” ลี่มี่มิมีความลังเลใดๆ ทั้งสิ้น เดิมทีคิดจะอดทนเพื่อน้องชาย แต่น้องชายนางกลับถูกทำร้ายอย่างทารุณ ทั้งผู้อาวุโสของบ้านก็มิอาจทวงความยุติธรรมให้ได้ หนำซ้ำยังคิดจะส่งนางไปเป็นนางบำเรอแลกเงินทองอีก

อยู่มิได้แล้ว อย่างไรก็อยู่มิได้!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่หมอแห่งซูโจว   12. ต้องทำอย่างไร

    “ข้าต้องขอบใจเจ้ามากนะลี่มี่ หากมิได้เจ้าเอ่ยเตือนในวันนั้น ข้าคงต้องตายเป็นผีเฝ้าป่าไปเสียแล้ว” กวนอู๋ท่งเอ่ยขอบใจลี่มี่ยาวเหยียด ด้วยเพราะเมื่อวานที่อู๋ท่งขึ้นเขาไปเก็บเผือกมัน มีงูพิษตัวใหญ่เท่าแขน พุ่งเข้ามากัดน่องของเขา ดีที่เขาพันผ้าไว้ที่น่องตามที่ลี่มี่บอก จึงช่วยให้รอดพ้นมาได้“ขอบใจเจ้ามาก นี่เป็นของฝากจากครอบครัวข้า เจ้ารับไว้เถิด” ท่านลุงกวนผู้ใหญ่บ้าน ยกตะกร้าที่เต็มไปด้วยเนื้อหมู เนื้อไก่ กุ้ง และปลามาวางตรงหน้าสามยายหลาน“หากข้าช่วยได้ ข้าก็ยินดี แต่ข้ามิรับของหรอกเจ้าค่ะ”“รับไว้เถิดมี่เอ๋อร์ พวกข้าเต็มใจยิ่งนัก หากเจ้ามิรับไว้ข้าคงรู้สึกติดค้างในใจไปชั่วชีวิต” ท่านป้ากวนเอ่ยเสริมพลางหยิบขนมที่นางทำเองมายื่นให้ลี่หมิง เด็กชายเหลือบมองไปทางท่านยายและพี่สาวราวกับต้องการขออนุญาต เมื่อเห็นว่าทั้งสองมิได้เอ่ยห้าม จึงส่งมือเล็กๆ ไปถือขนมไว้“ขอบพระคุณขอยับ”“เช่นนั้น ข้าก็ขอรับไว้ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” อยู่พูดคุยกันได้ไม่นาน ครอบครัวผู้ใหญ่บ้านก็ขอตัวกลับเรือนไป จึงเหลือเพียงสามคนยายหลานที่นั่งอยู่ที่เดิม“ยสดียิ่ง อื้มมม” ลี่หมิงนำขนมเข้าปากคำแล้วคำเล่า ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เรือ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   11. นิมิต (2)

    “ให้ยายดูสิ” เหมาไป่จ้องมองไปที่นัยน์ตาของหลายสาวก็พบว่าเป็นดั่งที่หลานชายตัวน้อยเอ่ย มิเพียงเท่านั้นหน้าผากมนของหลานสาวยังมีรอยคล้ายปานรูปดอกบัวติดอยู่ปาน…ปานสีเงินอย่างนั้นหรือ!!?“…” ลี่มี่ที่ยังวิตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงมิได้สบตาผู้ใด ปล่อยให้เหมาไป่และลี่หมิงมองสำรวจจนทั่ว“เกิดสิ่งใดขึ้น เจ้าเล่าให้ยายกับน้องฟังเถิด” เรื่องราวที่ได้ฟังจากปากหลานสาวทำให้เหมาไป่แทบมิอยากเชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง“ท่านยาย…” สายตาที่ล่องลอยของลี่มี่ทำให้เหมาไป่ต้องรีบเข้าไปกอดปลอบหลานนอกไส้“ดีเหลือเกินที่เจ้ามิบาดเจ็บที่ใด คราวหลังอย่าได้เข้าไปในป่าลึกเช่นนั้นอีกเล่า เข้าใจหรือไม่”“เจ้าค่ะ”“โอ๋ๆ นะขอยับ” มือเล็กป้อมยกขึ้นลูบใบหน้าพี่สาวเบาๆ ลี่มี่อดเอ็นดูกับท่าทีของน้องชายมิได้ จึงกอบกุมเอามือเล็กมาจุมพิต พร้อมกับสบสายตาเข้ากับดวงตาน้อยๆ ทั้งสองที่จดจ้องมาที่นัยน์ตาของนางด้วยแววตาที่หลงใหลและทันใดนั้น…“วันนี้เจ้ากินกุ้งแม่น้ำย่างอย่างนั้นหรือ”“เอ๋? มิได้กินขอยับ น้องกินผัดผัก”“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ายายย่างกุ้งให้พวกเจ้ากินในมื้อเย็น หรือว่ากลิ่นมันติดกายยายมาอย่างนั้นหรือ ฮ่าๆ”“มิ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   10. นิมิต (1)

    ดอกบัวสีขาวเพียงดอกเดียวเบ่งบานกลางสระน้ำ ทั้งที่บริเวณโดยรอบมิได้มีสิ่งใดอยู่เลย สองขาเรียวก้าวเข้าไปยืนที่ขอบสระ ยื่นคอดูภายในสระจนทั่ว เพื่อสำรวจหาปลาหากว่าได้ปลากลับไปให้ท่านยายและอาหมิงคงจะดีไม่น้อยเพียงแค่คิดเช่นนั้น ก็มีฝูงปลาหลายสิบตัวแหวกว่ายในสระสีมรกต! ทั้งที่ก่อนหน้านี้ลี่มี่มองไม่เห็นปลาแม้แต่ตัวเดียว ฝูงปลามากมายปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เด็กสาวตกใจจนพลาดพลั้งเหยียบไปบนโขดหิน ที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ“ว๊าย!” ร่างบางซวนเซ ร่วงลงในสระน้ำจนเปียกปอนไปหมดทั้งตัวตุ้ม!!!“ฮื่อ ลี่มี่นะลี่มี่ มิระวังเอาเสียเลย” ปากเล็กบ่นให้กับความมิระมัดระวังของตนเอง ยังดีที่ของในตะกร้าสานนั้นเปียกน้ำได้ มิเสียหาย มิเช่นนั้นนางคงต้องทุบศีรษะตนเองสักทีสองทีลี่มี่นำตะกร้าออกจากหลังและยกไปไว้ริมสระน้ำ แต่ยังไม่ทันที่นางจะขึ้นจากสระ ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าอย่างไรนางก็เปียกไปทั้งตัวแล้ว ขอไปดูดอกบัวกลางสระให้หายแคลงใจเสียหน่อย ด้วยสงสัยว่าเหตุใดจึงมีดอกบัวเพียงดอกเดียวที่ขึ้นกลางน้ำ ทั้งยังมิเห็นกอบัวเลยสักกอเดียวร่างระหงที่แต่งกายและรวบผมราวกับชายหนุ่ม กำลังแหวกว่ายไปบริเวณกลางสระ ชะโงกหน้าเข้าไป

  • แม่หมอแห่งซูโจว   9. เด็กอกตัญญู (3)

    “แล้วข้าต้องแสดงออกเช่นนางหรือเจ้าคะ”“มิต้องทำเช่นนั้น เพียงแต่ยายอยากให้เจ้ารู้ว่าเวลาใดควรอ่อน เวลาใดควรแข็ง เวลาใดควรแสร้ง เวลาใดควรซื่อตรง หากเจอผู้ที่จริงใจ เราย่อมต้องจริงใจต่อเขา แต่หากว่าเขาไม่ เราก็ไม่ เท่านั้นเอง” เหมาไป่พบเจอผู้คนมาหลายรูปแบบ วิธีรับมือคือตัวเราเองต้องปรับตัวให้ทัน อย่างเจียวมี่มารดาของลี่มี่ นางเป็นคนแข็ง พูดตรง ผู้คนจึงมักมองว่านางปากร้าย มิน่าคบ ต่างกับชุนเจียงที่ทั้งพูดจาไพเราะ อ่อนโยน“ข้าจะพยายามเจ้าค่ะท่านยาย”“หลานยายต้องทำได้แน่ สำคัญอย่าได้ละเลยตัวตนของตนเองเล่า อีกอย่าง ยายรู้ว่าการสูญเสียนั้นเจ็บปวดเพียงใด ยามนี้เจ้าคงอยากเข้มแข็งเป็นที่พึ่งของยายและน้อง แต่ยายยังอยากเห็นมี่เอ๋อร์ที่สดใส ช่างพูดช่างถาม อย่าได้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินไปเลย ผ่อนคลายเสียบ้าง”“เอ่อ…ท่านยายมิได้ว่าข้าพูดมากใช่หรือไม่เจ้าคะ” ปากเล็กเบะยื่นออกมาอย่างน่าเอ็นดู“ฮ่าๆ มิได้ว่า” ท่าทีเช่นนี้แหละที่เหมาไป่อยากเห็นเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ ข่าวลือของลี่มี่ก็เบาบางลง ยังมีบางคนที่มองมาทางนางด้วยสายตาไม่ชอบใจ แต่ก็มีหลายคนที่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือน

  • แม่หมอแห่งซูโจว   8. เด็กอกตัญญู (2)

    “ขออภัยเจ้าค่ะ ที่ท่านเอ่ยมานั้น หมายถึงข้าใช่หรือไม่” ลี่มี่หน้าตึง เดินตรงไปหากลุ่มคนที่นินทานางอยู่ ลี่มี่ตั้งใจจะไปเอ่ยเล่าความจริงที่เกิดขึ้นให้สตรีเหล่านั้นได้ฟัง แล้วให้พวกนางพิจารณากันเอง แต่หญิงเหล่านั้นกลับเอ่ยวาจาก่อกวน“ข้าได้เอ่ยนามเจ้าหรือ” สีหน้ายียวนจากคนเหล่านั้น ทำให้ลี่มี่อดไม่ได้ที่จะตอบกลับไป นางมิได้ขอข้าวผู้ใดกินอีกต่อไปแล้ว จากนี้นางมิจำเป็นต้องยอมอ่อนให้ผู้ใด ดีมาย่อมดีตอบ แต่หากว่ามาร้ายก็เตรียมใจเอาไว้ได้เลย ว่าลี่มี่ผู้นี้จะมิอยู่เฉย“หึ! กล้านินทาผู้อื่น แต่มิกล้ารับผิด ทำตนเช่นคนขลาดเขลา หวาดกลัวกระทั่งเด็ก น่าสมเพชเสียจริง”“นี่เจ้ากล้าเอ่ยว่าผู้ใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร!” กลุ่มสตรีที่ยืนพูดคุยกันอยู่ถึงกลับตกใจที่ตนเองถูกเด็กสาวว่ากล่าวต่อหน้าต่อตา“ข้าได้เอ่ยนามพวกท่านหรือ…เช่นนั้นจะร้อนรนไปไย” ลี่มี่เอ่ยถามตาใส เมื่อเห็นว่าสตรีเหล่านั้นตกใจ หน้าเสียจนหลงลืมแม้กระทั่งวิธีพูด ร่างบางจึงมิใส่ใจ เดินตรงไปที่เรือนผู้ใหญ่บ้านทันที โดยที่มิรู้เลยว่าการกระทำของตนนั้น ยิ่งทำให้ข่าวลือความอกตัญญูของลี่มี่ถูกเล่าลือยิ่งขึ้นไปอีก ว่านอกจากจะอกตัญญูทำร้ายคนในครอบครัวแ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   7. เด็กอกตัญญู (1)

    “เป็นอย่างไร รสดีหรือไม่” เหมาไป่เอ่ยถามหลานสาวและหลายชาย หลังจากตักอาหารให้ทั้งสองได้ลองทาน เช้าวันนี้เหมาไป่เข้าครัวทำอาหารให้หลานๆ ใบหน้าเหี่ยวย่นมองไปที่หลานทั้งสองด้วยสายตาที่คาดหวัง“ดีขอยับ ดีที่สุด”“รสดีมากเจ้าค่ะท่านยาย” ลี่มี่ยกยิ้มขึ้นมาเต็มใบหน้า ไม่ต่างจากลี่หมิงที่บัดนี้ตักข้าวเข้าปากอย่างสุขใจ อาหารที่ท่านยายทำมิได้เลิศรสราวกับนั่งกินในเหลาอาหาร แต่ทว่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจและรักใคร่“เช่นนั้นก็กินให้มาก ประเดี๋ยวยายจะออกไปหาของป่าบนเขา วันนี้พวกเจ้าทั้งสองก็พักอยู่ที่เรือนเถิด” แม้เหมาไป่จะมีอายุมากแล้ว แต่นางมิมีบุตรคอยเลี้ยงดู ทั้งร่างกายยังแข็งแรงพอจะขึ้นเขาได้ นางจึงอาศัยการเก็บของป่ามาเลี้ยงปากท้อง“ท่านยายมิต้องเข้าป่าแล้วเจ้าค่ะ ท่านอายุมากแล้ว ข้ากลัวว่าท่านจะเป็นลมล้มพับไป”“ยายพอมีกำลัง เจ้าอย่าได้เป็นห่วงเลย”“มิห่วงมิได้เจ้าค่ะ พวกเรามีท่านยายเพียงคนเดียวนะเจ้าคะ ต่อจากนี้มี่เอ๋อร์ผู้นี้จะเป็นคนหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวเองเจ้าค่ะ ท่านยายอย่าได้กังวลไป”“แต่-” เหมาไป่เข้าใจความห่วงใยของหลานสาว แต่จะให้นางปล่อยหลานสาวหาเงินทอง เพื่อเลี้ยงปากท้องของคน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status