“อ้าวกลับมาแล้วเหรอเพ่ยชิง” นางซูหนานเอ่ยถามลูกเลี้ยง
ต่อให้จะไม่ใช่แม้ที่แท้จริงแต่เวลานี้โจวเพ่ยชิงดูแลเธอและบุตรสาวไม่ต่างจากครอบครัวเดียวกัน แม้ที่ผ่านมาต่อให้โจวเม่ยเม่ยจะเป็นน้องสาวแท้ ๆ แต่ก็ต่างแม่ โจวเพ่ยชิงจึงมักจะจิกกัดและพูดจากระทบกระทั่งอยู่ตลอดเวลา
“ค่ะแม่ แล้วนี่แม่ป่วยหรือเปล่าคะถึงไม่ไปทำงาน แม่ไปโรงพยาบาลไหม”
“อย่าเลยลูก วันนี้แม่ปวดหลังเลยไม่ทำงาน ให้สามคนพ่อลูกไปกันเอง”
นางซูหนานไม่ได้ป่วยอะไรหรอก เพียงแค่เมื่อวานต้องก้มหน้าตลอดเพื่อดำนา อาการปวดหลังเลยถามหา วันนี้เลยขอลาหยุดก็แค่นั้น ไม่คิดว่าจะสร้างความกังวลให้กับลูกสาวคนโต
“เอาอย่างนี้ไหมแม่ ต่อไปแม่ไม่ต้องทำงานแล้ว บ้านโจวมีคนทำตั้งสามคน หัวหน้าคอมมูนคงไม่ว่าอะไร แม่มาเลี้ยงเด็ก ๆ ดีกว่า หลังจากนี้ฉันก็คงไม่ค่อยว่างช่วงเช้า อีกทั้งเวลาที่พี่ใหญ่หลุนมาสอนหนังสือพวกเด็ก ๆ จะได้ไม่มีคำครหา เรื่องอาหารการกินของบ้านโจว เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง”
“แล้วเพ่ยชิงจะไปไหนทุกเช้าล่ะลูก แม่ว่าวันสองวันแม่ก็หายป่วยแล้ว ไม่ต้องถึงขนาดหยุดงานหรอก ส่วนเรื่องอาหาร จะให้บ้านโจวไปรบกวนลูกได้ยังไงกัน อย่าลืมว่าเวลานี้เพ่ยชิงเองก็มีครอบครัวแล้ว อย่าให้ใครมาตำหนิได้นะลูก”
โจวเพ่ยชิงหลับตาพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่เธอแอบเข้าไปค้าขายในตลาดมืดให้แม่ฟัง แต่ยังคงปิดบังเรื่องการค้า ที่เธอให้ตานเต๋อคงออกหน้า เพราะไม่อยากให้แม่และทุกคนเป็นห่วง หากทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เธอจะต้องบอกทุกคนแน่นอน แต่ต้องรอให้ถึงวันนั้นเสียก่อน
“ตายแล้ว! ทำแบบนี้มันเสี่ยงอันตรายนะลูก เกิดพวกทหารแดงหรือใครรู้เข้า ลูกจะเป็นอันตรายนะเพ่ยชิง”
นางซูหนานตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อรู้ว่าลูกเลี้ยงที่เธอรักไม่ต่างจากเลือดในอก เข้าไปค้าขายในตลาดมืดอย่างนั้น ต่อให้ชาวบ้านส่วนมากจะแอบไปขายของก็ตาม แต่โจวเพ่ยชิงเป็นเพียงหญิงสาวเท่านั้น หากเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร
“แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ อย่าลืมความร้ายกาจที่ฉันเคยมีสิ ยังไงฉันก็เอาตัวรอดได้แน่ แต่แม่สัญญาได้ไหมว่า จะหยุดงานไปช่วยเลี้ยงหลานช่วงเช้า ฉันจะหาข้ออ้างว่าไปส่งเม่ยเม่ยไปเรียน เวลานั้นสักชั่วโมงสองชั่วโมง แล้วฉันจะรีบกลับ”
หญิงสาวรีบพูดให้แม่เข้าใจ พอเห็นนางซูหนานมีท่าทีสงบนิ่ง เธอจึงพูดประโยคต่อมา
“เรื่องระหว่างฉันกับพี่ฮั่นตง ยังไม่รู้ว่าจะออกมารูปแบบใด วันนี้ฉันส่งของให้เขาด้วยนะ ได้ข่าวว่าอาหารขาดแคลนหลายพื้นที่ ฉันคิดว่าพี่ฮั่นตงคงไม่ได้กินดีอยู่ดี เลยซื้ออาหารแห้งและของใช้จำเป็นส่งไปให้”
“ดีแล้วล่ะลูก ฮั่นตงจะต้องเห็นความตั้งใจดีของเพ่ยชิงแน่”
“ฉันไม่หวังว่าเขาจะซาบซึ้งใจและให้อภัยกับสิ่งที่ฉันได้กระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาหรอกค่ะแม่ฉันแค่อยากทำหน้าที่ภรรยาบ้างก็เท่านั้น ส่วนเรื่องจะหย่าร้างหรือไม่ ฉันยังยืนยันคำเดิม หากพี่ฮั่นตงอยากมีชีวิตของตัวเอง ฉันยินดีที่จะหย่าให้ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมฉันต้องทำงานหาเงิน โดยการแอบเข้าไปขายของในตลาดมืด เพราะหากมีการหย่าเกิดขึ้นจริง ลูกทั้งสองต้องอยู่ในความดูแลของฉัน”
พอฟังเหตุผลมากมายของลูก นางซูหนานจึงพยักหน้ารับ และตัดสินใจว่าจะช่วยลูกเลี้ยงหลาน
“ตกลง แม่จะเลี้ยงหลานให้เอง ส่วนเรื่องอาหาร เพ่ยชิงไม่ต้องดูแลบ้านโจวหรือให้อะไรแม่หรอก ยังไงอาเฉินและซานซานก็หลานแม่เหมือนกัน แม่ช่วยเลี้ยงได้ อีกอย่างแรงงานบ้านโจวมีตั้งสามคน ส่วนแบ่งและอาหารที่ได้มาก็เพียงพอต่อครอบครัวอยู่”
นางซูหนานพูดความจริงจากใจ เพราะลูกสาวแต่งงานออกไปแล้ว ก็จะต้องมีหน้าที่ดูแลครอบครัวตัวเองถึงจะถูก
“ฉันเข้าใจ แต่ให้ฉันได้ทำหน้าที่ลูกบ้าง แม่รู้ไหมว่าสองครั้งที่ฉันแอบไปขายของมา กำไรที่ได้มานั้นเกือบสามร้อยหยวน วันนี้ฉันเลยซื้อจักรยานมาด้วยหนึ่งคัน เพื่อสะดวกต่อการทำงาน อีกทั้งยังไปส่งเม่ยเม่ยที่โรงเรียนได้ด้วย”
“หา!! สามร้อยหยวน” นางซูหนานตกใจยิ่งกว่ารู้เรื่องที่โจวเพ่ยชิงเข้าไปขายของในตลาดมืดเสียอีก แต่แววตาของเธอกลับไม่มีความละโมบ มีแต่ความเป็นห่วงเท่านั้น
พอเห็นอาการของแม่เลี้ยง หญิงสาวจึงยิ้มกว้างออกมา และโทษตัวเอง ว่าแม่เลี้ยงไม่มีความละโมบนอกจากความรักและเป็นห่วงที่แท้จริงมอบให้เธอและครอบครัว ทำไมชาติที่แล้วและก่อนหน้านี้ เธอจึงจงเกลียดจงชังแม่เลี้ยงคนนี้นัก ทั้ง ๆ ที่แม่เลี้ยงไม่ได้แย่งชิงพ่อของเธอมา เพียงแค่แต่งเข้ามาหลังจากแม่ของเธอตายไป
“อย่างนั้นก็เก็บเงินไว้ อย่าใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น ไม่มีใครรู้หรอกนะ ว่าอนาคตจะเป็นยังไงและจะเกิดอะไรขึ้น อาเฉินและ
ซานซานยังต้องเรียนอีกเป็นสิบปีกว่าจะดูแลตัวเองได้ หาเงินได้แล้วก็เก็บหอมรอมริบ เข้าใจไหมลูก”
นางซูหนานไม่วายสั่งสอนให้เก็บหอมรอมริบไว้ แม้จะหาเงินได้ง่าย แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ขอแค่ชีวิตลูกและหลานมีกินมีใช้ แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว
ตลอดช่วงบ่ายจนถึงช่วงเย็น โจวเพ่ยชิงยังคงอยู่บ้านโจว เมื่อพ่อและพี่ชายกลับมา เธอจึงตัดสินใจบอกกล่าวเรื่องค้าขายในตลาดมืด เหมือนกับบอกนางซูหนานก่อนหน้านี้ โดยมีเม่ยเม่ยเป็นลูกคู่ เพราะเม่ยเม่ยเองต้องการหารายได้ โดยการรับสินค้าต่อจากพี่สาวเช่นกัน
แม้ทุกคนจะตกใจและไม่เห็นด้วยในตอนแรก แต่โจวเพ่ยชิงและโจวเม่ยเม่ยยืนยัน ว่าจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ไม่มีใครคัดค้านอีก แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งพ่อและพี่ชายทั้งสองคน ไม่วายกำชับให้ดูแลตัวเองดี ๆ
หลังจากจบมื้อเย็น โจวเพ่ยชิงจึงพาลูกทั้งสองขี่จักรยานกลับบ้าน โดยบอกน้องสาวว่าพรุ่งนี้มาเจอกันที่บ้าน เพราะจะได้ไปส่งโรงเรียน
ย้อนกลับมาทางตานเต๋อคง
หลังจากที่ออกมาจากโกดังได้พักใหญ่ เขาจึงไปหากลุ่มสหายและชวนมาทำงานด้วยกัน แม้จะคุ้นเคยกันไม่น้อย แต่ทุกคนไม่คิดว่าตานเต๋อคงจะมีคนกล้าจ้างทำงาน โดยให้เป็นคนดูแลร้านค้า เพราะก่อนหน้านี้ สหายคนนี้ยังหาเงินเพื่อจ่ายดอกเบี้ยอยู่เลย
“หากนายทั้งสามคนไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูด ฉันจะพาไปดูร้านและโกดังตกลงไหม”
“ไม่ใช่เราไม่เชื่อใจนายนะอาคง แต่นายรู้ว่าพวกเรามีประวัติไม่ดี แม้จะไม่เคยลักขโมยก็ตาม แต่คนจรแบบพวกเรา ใครกันจะกล้าจ้างทำงาน” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อ
“นั่นสิ ใครจะมารับคนจรแบบพวกเรากัน นายอย่ามาให้ความหวังพวกเราดีกว่า” เพื่อนอีกคนสนับสนุนทันที
“เรื่องนี้ฉันเข้าใจพวกนาย เวลานี้ฉันจะพานายทั้งสามคนไปดูร้านและโกดัง ส่วนจะตัดสินใจทำงานหรือไม่ ค่อยตอบฉันทีหลัง ถ้าเกิดตัดสินใจว่าจะทำงานด้วยกัน ฉันจะขอนายหญิงให้เช่าห้องพักให้พวกนายอยู่ จะได้ไม่ต้องค่ำไหนนอนนั่นแบบตอนนี้
แต่พวกนายเข้าใจใช่ไหม ว่าการค้าในตลาดมืดย่อมเสี่ยงไม่น้อย วันใดเกิดทหารแดงหรือเจ้าหน้าที่บุกเข้าไป จะต้องไม่พูดว่าใครคือเจ้านายที่แท้จริง”
เรื่องนี้ชายหนุ่มเชื่อว่าสหายทั้งสามคนไม่มีทางหักหลังแน่ ต่อให้จะพบเจอกับนายหญิงเพ่ยเพ่ยแล้วก็ตาม
“เรื่องนี้นายน่าจะรู้นิสัยพวกฉันทั้งสามคนนะอาคง หากว่างานดี เจ้านายดี ฉันไม่มีวันหักหลังแน่นอน”
“อืม ฉันด้วย”
“ฉันก็เช่นกัน”
“ เอาไงเอาด้วยกัน”
พอได้รับคำยืนยันหนักแน่นจากสหายทั้งสาม ตานเต๋อคง จึงพาทั้งสามออกจากตลาดมืดเพื่อไปดูโกดัง โดยไม่เอะใจเลยว่าภายในนั้นจะมีสินค้าพร้อมขายและมีครบทุกอย่าง ที่คิดว่าชาวบ้านต้องการ
ทันทีที่ตานเต๋อคงพาสหายทั้งสามมาถึงโกดัง เขาไขกุญแจและพาทุกคนเข้ามาด้านใน“โกดังแห่งนี้แม้จะขนาดกลาง แต่ถ้าลงของเต็มโกดัง คงใช้เงินหลายหมื่นหยวน ดีไม่ดีอาจจะหลักแสนหยวนเลยนะ”เหวินเทาพูดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ หากเจ้านายคนใหม่ลงสินค้าเต็มโกดัง แสดงว่าเจ้านายคนนี้คงร่ำรวยมาก“อืม เดี๋ยวฉันจะพาไปดูด้านใน”และทันทีที่ประตูด้านในเปิดออก ตานเต๋อคงแทบล้มทั้งยืน ชายหนุ่มแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นว่าในนี้จะเต็มไปด้วยข้าวของมากมายภายในหัวคล้ายจะตบตีกันเอง เนื่องจากเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่แยกกัน สามารถจัดหาสินค้ามามากมายอย่างนี้ นายหญิงเพ่ยเพ่ยสามารถทำได้อย่างไรกันนะ“โอ้โหอาคง สินค้าเต็มไปหมด ยังมีอาหารสดอีกนะ เจ้านายของนายคงจะเส้นใหญ่ไม่น้อย ถึงสามารถหาของพวกนี้ได้มากมาย ทั้งที่สถานการณ์บ้านเมืองขาดแคลนและไม่เพียงพอต่อชาวบ้าน”“นั่นสิ แบบนี้ฉันมีที่คุ้มกะลาหัวแล้ว และขอสาบานเลยว่าจะทำงานให้เจ้านายด้วยใจที่ซื่อสัตย์ จะไม่มีวันหักหลัง วันใดที่ฉันคิดไม่ซื่อ ขอให้ตายอย่างไม่มีดินกลบหน้า”ต่อให้เงินจะสำคัญ แต่สำหรับเหว่ยซ่านนั้น เรื่องอาหารสำคัญกว่า และหวังว่าเจ้านายคนนี้จะไม่ปล่อยให้เขาต้องอดยาก
“นี่คือตัวอย่าง ลองเอาไปขายดูก่อนนะ ถ้ามีคนสนใจก็จดรายการ พี่จะไปเอาของมาให้”“ตกลงค่ะพี่สาม”โจวเม่ยเม่ยยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นมือไปรับของจากพี่สาว และรีบเก็บเข้ากระเป๋า ทว่าสายตากลับเห็นสหายอย่างตานโมว่ จึงได้กวักมือเรียก “อาโมว่ มานี่สิ ยืนทำไมตรงนั้น”ตานโมว่จึงเดินเข้ามาหาทั้งสองคนอย่างไม่รีรอ เพราะเขามีจดหมายจากพี่ชายมาถึงนายหญิง เขาเลยเลือกที่จะมาดักรอหน้าโรงเรียน“สวัสดีครับนาย เอ่อ พี่เพ่ยชิง” ตานโมว่เกือบหลุดคำว่านายหญิงเพ่ยเพ่ยออกมา ดีที่ยั้งคำไว้ทัน“มีอะไรหรือเปล่า”“พี่ใหญ่ฝากจดหมายมาครับ”“อืม ขอบใจมาก ยังไงฝากดูเม่ยเม่ยด้วยนะ”พอได้ยินว่าตานเต๋อคงฝากจดหมายมาให้จึงยื่นมือมารับ ก่อนมาจึงเอ่ยฝากฝังให้ดูแลน้องสาว“ครับพี่เพ่ยชิง”“เอาละ เข้าโรงเรียนกันได้แล้ว ส่วนนี่อาหารเที่ยง แบ่งกันกินนะ” โจวเพ่ยชิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แล้วปั่นจักรยานไปยังตลาดมืดพอมาถึงโจวเพ่ยชิงจึงแอบหลบเข้ามิติเพื่ออ่านจดหมายของตานเต๋อคง ในนั้นเขียนว่าเขาได้คนแล้วและพร้อมเปิดร้านวันนี้ ส่วนเรื่องหาลูกค้าเขาขอเวลาอีกสองสามวันเพื่อให้ร้านอยู่ตัวสักเล็กน้อย“ไม่มีคำถามเรื่องสินค้า ถ้าเป็นอย่างนี้นายและฉันสามารถ
“มีเสื้อผ้าขายด้วยใช่ไหม ฉันอยากได้ชุดสวย ๆ สักสามสี่ชุด” หญิงสาวแต่งตัวดีคล้ายกับคนมีเงินถามขึ้นมา พร้อมกับเหยียดสายตามองตานเต๋อคงอย่างรังเกียจ เพราะคิดว่าเขาเป็นเพียงคนงาน“สักครู่ครับ” ตานเต๋อคงตอบกลับก่อนส่งสายตาให้ลูกน้องเหว่ยซ่านพยักหน้ารับ ก่อนจะไปหยิบสมุดภาพแบบชุดผู้หญิงออกมาให้“สวย ๆ ทั้งนั้นเลย พี่ซื้อให้ฉันได้ไหม”“ได้สิ ซินหงอยากได้ชุดไหนก็เลือกเอาเลย พี่ซื้อให้”ภาพคลอเคลียของทั้งสองคน ทำให้โจวเพ่ยชิงที่แอบมองอยู่ถึงกับขมวดคิ้ว ใช่แล้ว! ซินหงคนนี้ก็คือสะใภ้สามบ้านโจว หรือน้องสะใภ้สามีเธอนั่นเอง ไม่คิดว่าสะใภ้สามจะกล้าคบชู้ ทั้งที่ลูกสาวอายุเพียงสามขวบเท่านั้น แต่ผู้ชายคนนี้รู้หรือเปล่า ว่าหญิงสาวที่ตนคบหาด้วยนั้นมีครอบครัวอยู่แล้ว“ฉันเอาสี่ชุดนี้ ราคาชุดเท่าไร”“ชุดละสามสิบหยวนครับ รอสักครู่ ผมขอไปดูว่าขนาดที่ลูกค้าต้องการนั้นมีหรือไม่” เหว่ยซ่านตอบกลับ ก่อนจะเดินหลบเข้าหลังร้านเพื่อไปเอาชุดทั้งสี่มาให้ลูกค้าโจวเพ่ยชิงที่แอบมองอยู่เมื่อเห็นลูกน้องเดินเข้ามาหยิบชุด จึงเอ่ยห้ามไว้ และสั่งงานบางอย่าง“พี่เหว่ยซ่าน พี่พอจะรู้จักใครไหม ช่วยตามสืบหญิงชายคู่นี้ให้หน่อยว่าพั
“ครับ ราคานี้ และไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหา เวลานี้นายหญิงคิดเรื่องขอใบอนุญาตการค้า เพียงแค่ต้องรอเวลาอีกหน่อย ส่วนเรื่องราคาอาจจะขยับขึ้นไปเล็กน้อย เพราะต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐ หวังว่าผู้จัดการหวูคงจะเข้าใจ”นี่เป็นการเจรจาธุรกิจในแบบฉบับของตานเต๋อคงเพื่อกดดันให้อีกฝ่ายทำสัญญาหลายปี ส่วนเรื่องราคาเท่าที่คุยกับนายหญิงอาจจะขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อนำไปจ่ายภาษีให้กับภาครัฐ แต่ถามว่าทุกอย่างไหมที่จะขึ้นทะเบียนการค้า ตอบเลยว่าคงไม่ เพราะมีบางส่วนที่ค้าขายในตลาดมืด และนั่นไม่ต้องจ่ายภาษีนอกจากค่าเช่าร้านและค่าจ้างคนงาน เรื่องนี้เขาได้ปรึกษานายหญิงเรียบร้อยแล้วเรื่องการต่อรองและเจรจาการค้าครั้งนี้“แล้วทางคุณตานและนายหญิงของคุณมองไว้หรือไม่ว่าสัญญาแต่ละฉบับจะทำเป็นรายเดือนหรือรายปี”“เรื่องซื้อขายผ้าจะไม่มีสัญญารายเดือนครับ นายหญิงต้องการทำสัญญารายปี รายสามปี และรายห้าปีครับ แต่นายหญิงมีข้อเสนออีกอย่างมาให้ คือการส่งวัตถุดิบเข้าโรงครัวของโรงงาน ทางร้านเพ่ยเพ่ยสามารถจัดหาวัตถุดิบให้ได้ตามที่ต้องการเช่นกัน”“รวมถึงเนื้อและธัญพืชใช่ไหม”“ครับ นี่คือรายการที่ทางร้านสามารถจัดหาได้” ตานเต๋อคง
เย็นวันนี้โจวเพ่ยชิงและนางซูหนานทำอาหารหลายอย่าง ส่วนหนึ่งแบ่งไปบ้านโจว และส่วนหนึ่งให้ลูกชายคนรองแบ่งเอาไปบ้านหลี่ เมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า โจวเพ่ยชิงจึงเอ่ยเรื่องที่คุยกับนางซูหนานเมื่อตอนบ่ายให้ทุกคนฟัง“คือเรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวานตอนที่ฉันค้าขายในตลาดมืดกลับเจอเข้ากับซินหง เธอมากับผู้ชายคนหนึ่ง ดูสนิทสนมกันไม่น้อย ด้วยสายตาอันแหลมคมของฉัน ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา นี่แหละคือปัญหาที่ฉันคิดไม่ตกตั้งแต่เมื่อวาน เพราะกลัวสิ่งที่ฉันคิดไม่ใช่เรื่องจริง” ซึ่งคำพูดนี้ไม่ผิดไปจากที่คุยกับนางซูหนานเลยสักประโยคเดียว“น้องหมายความว่ายังไง เพ่ยชิง”โจวว่านปิงเอ่ยถามน้องสาวสีหน้าเคร่งเครียด เขาไม่คิดมาก่อนว่าสะใภ้สามบ้านหลี่จะทำเรื่องน่ารังเกียจอย่างนี้ และถ้าไม่ใช่เรื่องจริงเพ่ยชิงคงไม่กล้าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น“พี่รอง ไม่ต้องมีความเป็นสุภาพบุรุษแล้ว ฉันอายุแค่สิบห้ายังรู้ความหมายที่พี่สามบอกเลยว่าพี่ซินหงมีคนอื่น” เม่ยเม่ยพูดออกความเห็นขึ้นมาอย่างแก่นเซี้ยว“เดี๋ยวเถอะ เป็นเด็กเป็นเล็ก ริอ่านออกความคิดเห็นเรื่องนี้ พี่รองเขาน่าจะฉลาดคิดเองได้” นางซูหนานเอ่ยปากดุลูกสาวคนเล็ก อาย
เมื่อมาถึงโจวเพ่ยชิงเอาหลักฐานมาให้พร้อมกับที่อยู่บ้านพักของทั้งสองคน“ได้มาแล้วพี่ใหญ่ พี่รอง” เธอส่งรูปถ่ายให้พี่ชายทั้งสองดู พร้อมกับที่อยู่ของบ้านหลังนั้น “คนที่เขาสืบเรื่องนี้ เขาบอกว่าซินหงนั้นลาออกจากงานเมื่อสองเดือนก่อนเพราะชายคนนั้นรับเลี้ยง อีกทั้งชายคนนั้นมีครอบครัวแล้ว เป็นนายช่างของบริษัทรับเหมาที่มาทำงานที่เมืองนี้”“เลว เลวที่สุด” โจวเทียนอี้เอ่ยอย่างแค้นเคืองเขาไม่เคยเห็นใครหน้าด้านอย่างนี้มาก่อน ตัวเองมีลูกและสามีแล้ว ยังทำตัวสำส่อนไปข้องเกี่ยวกับชายที่มีภรรยาอย่างนี้แต่พอนึกถึงหลี่เหวินเสียน ก็อดที่จะสงสารไม่ได้“เราเอายังไงกันดีพี่ใหญ่ เพ่ยชิง” โจวว่านปิงแค้นเคืองไม่แพ้กัน ก่อนจะเอ่ยถามความเห็นของพี่ชายและน้องสาว“ในนั้นมีเบอร์โทรแนบมาด้วย น่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์บ้านภรรยาของนายช่างคนนั้นไหม เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”โจวเพ่ยชิงรับอาสาที่จะโทรไปตามเบอร์โทรนั้นเอง เธอมั่นใจว่าเบอร์โทรที่เขียนไว้ น่าจะเป็นบ้านของชายคนนั้น แต่ถ้าเป็นบ้านเช่าในเมืองที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน เธอคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้“ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน ส่วนเจ้ารอง นายไปกับฉัน คราวนี้อาเสียนต้องตัดสินใจแล
หลังจากรถยนต์ภรรยานายช่างเคลื่อนตัวไปแล้ว หลี่เหวินเสียนปรายตามองซินหงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา“ผมจะไปรอที่สำนักงานพลเรือน ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น และอย่าคิดไม่ซื่อ เพราะเธอจะได้ไม่คุ้มเสีย ซินหง”จากนั้นหลี่เหวินเสียนและสองพี่น้องบ้านโจวจึงเดินจากมาโดยไม่สนใจชาวบ้านที่สอดสายตาอย่างอยากรู้อยากเห็น“กรี๊ดดดดด ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไม”ซินหงกรีดร้องโวยวาย และถามดินถามลม ว่าทำไมมันต้องจบแบบนี้ ทว่าเมื่อเจอสายตาของชาวบ้าน จึงรีบเข้าบ้านและเปลี่ยนชุดใหม่ ก่อนจะไปพบกับหลี่เหวินเสียนที่สำนักงานพลเรือนสุดท้ายแล้วหลี่เหวินเสียนหย่ากับอดีตภรรยา โดยไม่คิดฟ้องร้อง แต่ลูกอย่างหลี่อี้หลานต้องอยู่ในความดูแลของเขาเท่านั้น การหย่าในวันนี้จึงจบลงด้วยดี“หากฉันคิดถึงลูก ฉันขอไปเยี่ยมได้ไหม”ซินหงเอ่ยร้องขอด้วยความอ้อนวอน ไม่ใช่เพราะคิดถึงลูก แต่เธอพยายามหาข้ออ้างเพื่อกลับไปบ้านอดีตสามี เพื่อจะขอคืนดีกับเขา แต่ต้องรอจังหวะและเวลาเสียก่อน รอให้เขาหายโกรธเถอะ“อย่าเลย มันไม่เหมาะหรอก เราหย่ากันแล้ว”หลี่เหวินเสียนพูดจบก็เดินจากมาพร้อมสองพี่น้องบ้านโจวซินหงมองตามหลังอย่างขัดใจ อย่าคิดว่าเธอจะยอมแ
ย้อนกลับมาทางด้านหลี่ฮั่นตงเวลานี้ร่างกายของเขาเป็นปกติแล้ว และอีกไม่นานเขาจะเดินทางกลับบ้าน ทว่าเวลานี้กลับมีสหายทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพักของชายหนุ่ม พร้อมกับกล่องพัสดุหนึ่งใบ“นายกองหลี่ มีพัสดุส่งมาให้ เซ็นรับด้วยครับ”หลี่ฮั่นตงแม้จะงงงวยกับกล่องพัสดุกล่องนี้ แต่ก็ยอมเซ็นรับแต่โดยดี ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เตียงนอนของตน โดยมีสายตาของสหายทหารคนอื่น ๆ มองตามอยากรู้อยากเห็นพอเห็นชื่อคนส่งเท่านั้น ชายหนุ่มกลับแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ไม่คิดว่าชื่อผู้ส่งจะเป็นภรรยาของตนจากนั้นจึงหยิบมีดพกที่เหน็บข้างเอวออกมาแกะกล่องพัสดุ เมื่อกล่องเปิดออกกลิ่นขนมและอาหารฟุ้งกระจายไปทั่ว“ฮั่นตง ใครส่งของให้นาย กล่องใหญ่มาก”สหายสนิทอย่างหว่านซีห่าวเดินมานั่งข้าง ๆ ก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นของด้านใน“เมีย” นี่เป็นคำตอบเดียวที่ได้กลับมาหว่านซีห่าวกลับไม่สนใจปฏิกิริยาของสหาย เนื่องจากรู้ว่าสหายผู้นี้มักจะมีสีหน้าและท่าทางเย็นชาอย่างนี้เสมอ จึงไม่คิดจะถือสา แต่เขากำลังสนใจสิ่งที่อยู่ในกล่องพัสดุมากกว่าหลี่ฮั่นตงหยิบของออกมาดูแต่ละชิ้น ยิ่งสร้างความแปลกใจให้กับเขาไม่น้อย ในกล่องนี้ล้วนเป็นของกินแทบทั
ตอนพิเศษ 7 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงหนึ่งเดือนต่อมางานมงคลสีแดงถูกจัดขึ้นอย่างประณีต ในบ้านเกิดของ โจวเม่ยเม่ยและตานเต๋อคง แม้บ้านเจ้าสาวจะไม่ได้ใช้ทำพิธีสำคัญแต่คนตระกูลโจวมีเงินทองมากมาย พวกเขาไม่ได้ประดับตกแต่งของสวยงาม หรือจัดงานใหญ่โตเพื่อโอ้อวด แต่ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อน้องสาวคนเล็กสุดที่รักดอกไม้สดสีแดงถูกสั่งมาจากทั่วทุกสารทิศ มีทั้งที่ตัดออกมาจากต้น และปลูกไว้เป็นต้น ประดับไปตามเส้นทางจากบ้านเจ้าสาวไปบ้านเจ้าบ่าวในส่วนของถนนสาธารณะ ก็ได้มีการติดต่อกับทางการเพื่อบริจาคพืชเหล่านี้หลังใช้งาน แล้วยังมีงบการดูแลพืชให้ทุกปีต่อเนื่องไปอีกสิบปี นั่นทำให้ทางการยินดีให้บ้านโจวจัดงานได้เต็มที่พืชพรรณที่ออกดอกสีแดงสด ถูกซื้อและถอนมาจากทั่วประเทศ เพื่อปลูกไว้ประดับตกแต่งในวันงานแต่งงานของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวคนสุดท้าย ตลอดทั้งเส้นทางที่ต้องส่งตัวเจ้าสาวส่วนบ้านเจ้าบ่าวนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้า แม้จะไม่ได้ร่ำรวยเท่าตระกูลโจว แต่นายหญิงเพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้เอาเปรียบพวกเขาพี่น้อง ตานเต๋อคงยังมีหุ้นส่วนในหลาย ๆ ร้านค้าที่ให้กำไรดี แล้วยังทำการเก็งกำไรร้านค้าในพื้นที่หลากหลาย ตามนายหญิงกล่าวได้ว่าเขาเอ
ตอนพิเศษ 6 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกิจการร้านทั้งสามของโจวเม่ยเม่ย เมื่อมีตานเต๋อคงช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง ก็ทำให้เธอสามารถพัฒนาไปในลู่ทางของตัวเองได้มากขึ้น แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้แผนการค้าเดิม เช่นเดียวกับร้านค้าอื่น ๆ ของนายหญิงเพ่ยเพ่ยความสามารถในการบริหารของหญิงสาว ทำให้ตานเต๋อคงรู้สึกทึ่งและภาคภูมิใจ ที่คนรักของเขามีความสามารถไม่เป็นรองนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้เป็นพี่สาวเลยสถานการณ์ด้านโรงงานของโจวเพ่ยชิงที่ขยายสาขามาในเมืองปักกิ่งกลับไม่ได้ดีนัก แต่ไม่ได้เป็นเพราะฝีมือการจัดการของตานเต๋อคงแย่ลง เพียงแต่เป็นเพราะมังกรต่างถิ่น ไม่อาจสู้งูดินเจ้าถิ่นได้ ทำให้เขาต้องทุ่มแรงอย่างหนัก เพื่อเอาชนะเจ้าถิ่นที่ครองตลาดเอาไว้หากเป็นการเปิดโรงงาน เปิดร้านค้าธรรมดา ก็แล้วไปเถอะ แต่ในช่วงสามเดือนระหว่างที่ตานเต๋อคงก่อตั้งร้านค้าในเครือเพ่ยเพ่ยในเมืองหลวง ทางโจวเพ่ยชิงเองก็พัฒนาขึ้น จนสามารถสร้างห้างสรรพสินค้าในเมืองหลักใกล้เคียงกับบ้านเกิดได้สำเร็จนั่นทำให้หญิงสาวตัดสินใจสร้างห้างสรรพสินค้าใหม่ในปักกิ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันจะเป็นการขัดผลประโยชน์กับเจ้าถิ่นอย่างไม่สามารถห
ตอนพิเศษ 5 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“เม่ยเม่ย ไปไหน”เสียงเข้มเอ่ยถามน้องชายทันที เมื่อพบว่ามีเพียงตานโมว่ เดินเข้ามาในบ้าน วันนี้เป็นวันปิดภาคเรียน นักศึกษาเข้าไปส่งงานหรือไม่ก็สอบเป็นวันสุดท้าย ซึ่งโจวเม่ยเม่ยก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการไปมหาวิทยาลัยในวันนี้ได้“วันนี้ปิดภาคเรียน เด็ก ๆ ปีหนึ่งต้องไปกินดื่มกับพวกรุ่นพี่ในคณะสิครับ” ตานโมว่บอกกับพี่ชายถึงธรรมเนียมปฏิบัติ“แล้วนายไม่ได้ไป?”“ผมทำงาน อีกอย่างก็ไม่ได้มีสหายเยอะเหมือนเม่ยเม่ย รายนั้นเรียกได้ว่าเจ้ใหญ่ของสาขาวิชาก็ว่าได้”“...” ตานเต๋อคงไม่ประหลาดใจ เมื่อได้ยินอย่างนั้น จากความถี่ในการออกเที่ยวของโจวเม่ยเม่ย สามารถรู้ได้ว่าหญิงสาวมีสหายเยอะ หรือบางทีอาจจำกัดความได้ว่า ‘มีสหายกินดื่มเยอะ’ จะถูกกว่า“แต่เม่ยเม่ยดื่มไม่เก่ง” ตานเต๋อคงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง“หวงนักก็ตามไปเฝ้าสิครับ งานเลี้ยงวันนี้ไม่ได้เคร่งเหมือนในมหาวิทยาลัย คนนอกไปกันเยอะแยะ”“ห่วง ไม่ได้หวง” ในความเป็นจริงคือไม่มีสิทธิ์อะไรไปหวงมากกว่า“อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย เอาเถอะ ผมก็จนปัญญากับ พวกพี่แล้ว วันนี้พี่ก็ไปรับเม่ยเม่ยเองแล้วกัน ให้ผมไปสืบเรื่องงานมาให้จนเกือบตาย ผ
ตอนพิเศษ 4 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงทิวทัศน์ของปักกิ่งนั้นช่างแปลกตา แตกต่างจากบ้านเกิดของตนเองอย่างชัดเจน ทำให้สองหนุ่มผู้เพิ่งเข้ากรุงตื่นเต้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อรถพาแล่นมาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านแบบใหม่หลายหลัง พวกเขาก็เปลี่ยนความตื่นเต้นเป็นกังวลใจทันทีที่รถจอดและพบหน้ากัน โจวเม่ยเม่ยไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ท่าทางของเธอเฉยชาอย่างประหลาด นั่นทำให้ตานเต๋อคงประหม่าจนพูดไม่ออกคงมีแค่ตานโมว่ ที่คุยกับสหายอย่างกระตือรือร้น“นี่เป็นของฝากจากนายหญิงและทุกคน ลองดูสิเม่ยเม่ย”“ขอบใจนะ อาโมว่”โจวเม่ยเม่ยเหลือบมองของขวัญ แต่บังคับสายตาไม่ให้หันไปมองคนใจร้าย หลังรับของ เธอก็หันไปพาทั้งสองคนไปด้านใน“พี่และอาโมว่เลือกห้องได้เลยนะ ที่นี่หลังใหญ่จนเกินที่ฉันจะอยู่คนเดียว นายนั่นแหละอาโมว่ ที่ไม่ยอมมากับฉันตั้งแต่แรก”โจวเม่ยเม่ยเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันมาบ่นสหายของตนเอง“จะดีเหรอ พวกเราออกไปเช่าห้องอยู่ หรือไปอยู่ที่หลังร้านก็ได้”ตานเต๋อคงเอ่ยแทรกขึ้น อย่างที่เขาได้ตัดสินใจก่อนจะมาที่นี่แต่… โอกาสของเขาดูเหมือนถูกตัดขาดอย่างรวดเร็ว เมื่อโจวเม่ยเม่ยตอบกลับและหันไปพูดกับตานโมว่สหา
ตอนพิเศษ 3 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“นี่มัน…” ตานโมว่รู้สึกพูดไม่ออก หลังจากได้ฟังคำถามของเจ้านาย ไม่ใช่ว่าตอบไม่ได้เพราะปัญหาความซื่อสัตย์ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดออกไปหรือไม่“นายอย่าปิดบังฉันเลย นายคงเห็นแล้ว ว่าพี่เต๋อคงแปลกไปจริง ๆ เขาชอบเหม่อเวลาทำงาน ตอนอยู่ที่บ้านด้วยกัน ก็คงจะเหม่อยิ่งกว่านี้อีกใช่ไหม”เมื่อคิดตามคำพูดของพี่สาวเพ่ยเพ่ยแล้ว ตานโมว่ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล แต่ปัญหาก็ คือแม้เขาจะรู้ความจริงว่าทำไมพี่ชายถึงเป็นอย่างในตอนนี้ ก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี“ฉันแค่เป็นห่วง และสงสัยว่าพี่เต๋อคงเป็นอะไรเท่านั้น ถ้ารู้ต้นเหตุ ไม่แน่ว่าเราอาจหาทางทำอะไรแก้ไขได้ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง”“นี่… มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ” ตานโมว่มองเจ้านายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยิ่งทำให้เจ้าตัวสงสัยมากขึ้น แต่ไม่ใช่ความสงสัยที่ว่าตานเต๋อคงมีปัญหา แต่อาจเป็นผลมาจากเรื่องของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวของเธอเอง“หรือเป็นเพราะเม่ยเม่ยไปปักกิ่ง” โจวเพ่ยชิงพูดออกไป“นายหญิงรู้ได้ยังไง!”ไม่ต้องรอให้เขาตอบ เพียงท่าทีของตานโมว่ ก็บอกได้ทุกอย่าง โจวเพ่ยชิงได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ใช่เรื่องอื่น“ก็ไม่เชิงรู
ตอนพิเศษ 2 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกลับมาทางด้านตานเต๋อคงเวลานี้ชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ใจหนึ่งก็อยากติดตามไปดูแลใครบางคนที่อยู่ในเมืองหลวง หรือไม่ ก็ติดต่อเธอไปสักเล็กน้อยแต่ทุกวันนี้เขามักจะมองเหม่อไปทางโทรศัพท์ เมื่อมันดังขึ้นก็เฝ้าหวังว่าจะเป็นสายจากคนที่คิดถึง กระนั้นชายหนุ่มกลับต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะแม้ว่าโจวเม่ยเม่ยจะติดต่อกลับมาก็เพื่อพูดคุยกับครอบครัว หรือไม่ก็สหายอย่างตานโมว่เท่านั้น ไม่ได้สนใจพี่ชายของสหายที่พ่วงด้วยฐานะผู้ช่วยคนสนิทของนายหญิงเพ่ยเพ่ยอย่างเขา ตานเต๋อคงเองก็ไม่มีหน้าพอที่จะไปขอคุยโทรศัพท์กับหญิงสาวทั้งที่ไม่มีธุระอะไรจนกระทั่งนายหญิงเพ่ยเพ่ยเรียกให้เขาเข้าพบ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ พร้อมกับบอกว่ามีคนจะปรึกษาเรื่องงาน“สวัสดีครับ”เขารับโทรศัพท์มา และกลอกเสียงที่ถูกทำให้นุ่มทุ้มลดระดับหนึ่งลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ“พี่เต๋อคง ช่วยสอนงานเล็กน้อยให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ พอดีฉันกำลังจัดการปัญหาที่เจอในสาขาหนึ่งของร้านค้าในเมืองปักกิ่งอยู่ ถ้าได้ผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่มาช่วยคงจะดีมาก”ตานเต๋อคงหัวใจกระตุกวูบ รู้ส
ตอนพิเศษ 1 โจวเม่ยเม่ย – ตานเต๋อคงหลังจากผ่านพ้นการปฏิวัติ มีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงในบ้านโจว โดยเฉพาะการตัดสินใจสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของ‘โจวเม่ยเม่ย’ น้องสาวของบ้านนั่นเองการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอ ได้รับการสนับสนุนจากทางบ้านอย่างแข็งขัน ทำให้โจวเม่ยเม่ยมีกำลังใจทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการอ่านหนังสือสอบจนกระทั่งหลังออกจากห้องสอบ หญิงสาวถึงได้โล่งอก ท่าทางมั่นอกมั่นใจของเธอ ทำให้ทุกคนวางใจ และไม่มีใครถามถึงเพื่อไม่เป็นการกดดันน้องสาวไม่นานหลังจากนั้น บ้านโจวก็ได้รับจดหมายตอบรับ ซึ่งข่าวเรื่องนี้มาถึงหูของโจวเพ่ยชิงก่อนที่บุรุษไปรษณีย์จะมาถึงเสียด้วยซ้ำทำให้เมื่อบุรุษไปรษณีย์มาถึง ก็พบว่ามีผู้คนมากมายออกมารอรับจดหมายอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเขาจึงได้ยื่นซองเอกสารที่ลงทะเบียนให้แก่หญิงสาวเจ้าของชื่อด้วยรอยยิ้ม“ยินดีด้วยนะ คุณหนูโจว” เมื่อแสดงความยินดีเสร็จแล้วจึงเดินหันหลังกลับไป โดยไม่ได้พูดอะไรต่อคำยินดีเป็นเพียงคำมงคลที่บุรุษไปรษณีย์มีให้เด็กนักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยทุกคนอยู่แล้ว แต่เสียงเฮที่ตามหลังมา ทำให้เขาอมยิ้มมากขึ้น เพราะรู้ว่าจดหมายตอบรับนั้นเป็นข่าวดี“ยินดีกับน้องด้วยนะ”
บทส่งท้าย ความสุขที่ต้องการห้าปีต่อมา...เวลานี้ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น โจวเพ่ยชิงแนะนำนายพลข่ายและนายพลซีให้เลือกฝ่ายที่ถูกต้อง แม้ว่าทั้งสองจะสงสัยว่าโจวเพ่ยชิงรู้ได้อย่างไร ก็ไม่มีใครคิดที่จะถาม เมื่อเลือกฝ่ายที่ถูกต้อง ตำแหน่งหน้าที่ของทั้งสองจึงมั่นคงขึ้น นี่จึงทำให้ สายป่านของโจวเพ่ยชิงยิ่งยาวเข้าไปอีกห้าปีที่ผ่านมา เกิดเรื่องราวมากมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น บ้านหลี่หรือบ้านโจว พี่ใหญ่โจวอย่างโจวเทียนอี้ ไม่รู้ว่าไปพบรักกับคุณหนูโม่ตอนไหน ทว่าเวลานี้ทั้งสองแต่งงานกันเรียบร้อยแล้วและพี่ใหญ่ก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างที่นี่กับเมืองลุยจืองานทางนั้นก็มากพอตัว อีกทั้งโรงงานที่ทำร่วมกับตระกูลโม่ก็มียอดขายเข้ามาไม่น้อย ซึ่งของขวัญวันแต่งงานสำหรับพี่ชายคนนี้โจวเพ่ยชิงมอบทรัพย์สินให้ไม่น้อย รวมถึงโรงงานที่เมืองลุยจือหากพูดถึงพี่ใหญ่แล้ว จะไม่พูดถึงพี่รองอย่างโจวว่านปิงคงไม่ได้ ไม่รู้ว่าชายที่หวงตัวเองไปหลงรักเซียงเหมยได้ยังไง มารู้ข่าวอีกทีพี่รองของเธอ ก็ให้พ่อกับแม่ไปสู่ขอหญิงสาวคนนี้เสียแล้วแต่ไม่ว่าพี่ชายทั้งสองจะรักกับใคร พี่สะใภ้ของเธอจะเป็นคุณหนูหรือลูกสาวชาวบ้านธรรมดา โจ
“นายหญิงเพ่ยเพ่ย!!” หว่านซีห่าวเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาว“ขอบใจนะที่ยังจำกันได้ คุณซีห่าว”แม้จะโกรธแค้นแค่ไหน ทว่าโจวเพ่ยชิงกลับเก็บอารมณ์ได้ดี ไม่วู่วาม เพราะเธอมีเรื่องบางอย่างที่จะสอบถามหว่านซีห่าว“มีใครบ้างไม่รู้จักนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้ทรงอิทธิพลของกลุ่มการค้าเพ่ยเพ่ย ว่าแต่นายหญิงที่เข้ามาเยือนที่นี่ มีเรื่องอะไรจะสอบถามใช่หรือไม่ เพราะการกระทำของพวกเราในวันนี้ น่าจะทำให้นายหญิงต้องการเอาชีวิตพวกเรามากกว่า”“ถูกต้องแล้ว ความแค้นที่ฉันมีต่อคุณ มันมากเกินกว่าที่จะให้อภัยด้วยซ้ำ แต่ฉันมีข้อข้องใจบางอย่างที่อยากจะถาม นอกจากคุณที่แฝงตัวเข้าในทีมของพี่ฮั่นตงแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ใช่หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้น พวกคุณคงไม่หนีหายและหลุดรอดออกไปได้เช่นนี้จนย้อนกลับมาทำร้ายพี่ฮั่นตงอีกครั้ง”นี่คือสิ่งที่เธออยากรู้ ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ คนสนิทอย่างตานเต๋อคงได้รายงานบางอย่าง และก็ทำให้เธอคิดได้ แล้วเลือกที่จะถามก่อนที่จะจัดการเรื่องราวทั้งหมด“สิ่งที่นายหญิงกล่าวมาก็ไม่ผิด แต่ภารกิจที่พวกเราได้รับมอบหมายมาในครั้งนี้ไม่ใช่ฮั่นตง แต่เป็นตัวของนายหญิงเพ่ยเพ่ย เองต่างหาก”หว่านซีห่าวรู้ว่าอีกฝ่ายกำ