บทนำ
พี่สาวคนงาม
หลิงฉงหลงใช้เวลากว่าครึ่งวันจึงได้มาถึงเมืองต้าไห่ แม้นางจะอยู่ห่างออกไปเพียงเขาหนึ่งลูกเท่านั้นแต่การเดินทางก็ถือว่าไม่ง่ายเลยสำหรับสตรีที่เดินทางลำพังเช่นนางซ้ำยังเดินเท้าไม่ได้นั่งเกวียนหรือขี่ลาอย่างชาวบ้านคนอื่นๆ โชคดีที่ถนนหนทางค่อนข้างสะดวกและระหว่างทางก็มีชาวบ้านให้นางขึ้นเกวียนเดินทางมาด้วยกว่าครึ่งทาง
เบื้องหน้าอีกไม่ไกลก็จะถึงประตูเมืองแล้ว จู่ๆ ก็มีฝนตกลงมากระทันหันนางจึงต้องเข้าไปหลบฝนที่เพิงน้ำชาข้างทาง แน่นอนว่าเมื่อมาถึงร้านชามากน้อยแล้วย่อมต้องควักเงินเพื่อดื่มชาสักถ้วยหนึ่งอย่างเสียไม่ได้
ประจวบเหมาะกับเมื่อฝนตกอากาศก็เริ่มชื่นขึ้นเรื่อยๆ การนั่งจิบชาอุ่นๆ กับดูทิวทัศน์ยามฝนตกจึงไม่ถือว่าแย่นัก ยามที่ฉงหลงทอดมองไปทางทิศที่ประตูเมืองต้าไห่ตั้งอยู่ก็เห็นว่ามีคนสองคนกำลังควบม้าตรงมาทางนี้ พวกเขาคงเพิ่งออกมาจากเมืองแล้วเจอเข้ากับฝนที่ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นเดียวกันกับนาง
ไม่นานพวกเขาก็มาหยุดที่เพิงน้ำชาเพราะเหมือนว่าที่นี่จะเป็นที่ซึ่งใช้เป็นจุดหลบฝนชั่วคราวได้เพียงที่เดียวในระแวกนี้แล้ว โต๊ะด้านข้างนางนั้นว่างอยู่พอดีพวกเขาจึงเข้ามานั่งลงที่นี่ในเวลาต่อมา
หญิงสาวอดที่จะลอบมองไปยังพวกเขาไม่ได้ เหมือนว่าคนหนึ่งจะเป็นนายและอีกคนจะเป็นผู้ติดตาม พวกเขาทั้งคู่ในตอนนี้ล้วนเปียกไปทั่วทั้งตัว ผู้เป็นนายเพราะใส่เสื้อคลุมมิดชิดทั้งตัวอีกทั้งสวมหมวกผ้าปิดหน้านางจึงเห็นรูปโฉมได้ไม่ชัด ทว่าเค้าโครงความงามกับปรากฎออกมาอย่างไม่อาจปกปิดได้อยู่ดี ซ้ำเมื่อครู่ตอนที่พี่สาวเดินผ่านนางไปในตัวก็มีกลิ่นหอมลอยออกมาทุกขณะที่ก้าวเดิน นางจึงคิดว่าเป็นพี่สาวคนงามผู้หนึ่งที่กำลังเดินทางไกลพร้อมผู้ติดตามและก็ต้องมาติดฝนเช่นเดียวกันกับนาง
“พี่สาวเนื้อตัวท่านเปียกไปหมดเช่นนี้ ไม่สู้เช็ดสักหน่อยดีหรือไม่” นางเอ่ยขึ้นอย่างมีน้ำใจก่อนจะยื่นผ้าสะอาดผืนหนึ่งที่นางนำติดห่อผ้ามาด้วยไปให้พี่สาวท่านนั้น
พี่สาวที่นางเอ่ยเรียกนั้นไม่มีแม้ท่าทีที่จะหันมามองที่นางเลย ซ้ำยังนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว คล้ายกับว่าไม่ได้ยินที่นางเอ่ยอย่างหวังดี
หรือว่ากลัวว่าผ้าของข้าจะสกปรกหรือ? หญิงสาวได้แต่นึกคิดในใจ
“พี่สาวท่านวางใจ ผ้าผืนนี้ข้ายังไม่เคยใช้เพียงแต่เก่าเก็บไปสักหน่อยก็เท่านั้น” นางเอ่ยจบ ครั้งนี้ก็ลุกและนำผ้าในมือตนเดินไปวางเอาไว้เบื้องหน้าของพี่สาวในทันที
พี่สาวท่านนี้ก็ยังไม่ขยับอีก มีเพียงคนติดตามของนางเท่านั้นที่เอ่ยขึ้นมาแทน
“แม่นาง...ขอบคุณในความหวังดีของเจ้า เก็บผ้าของแม่นางไปเถิดนายของข้าไม่ชอบใช้ของผู้อื่น”
“ข้าไม่มีโรคติดตัว อีกทั้งผ้านี้ยังไม่เคยใช้จริงๆ พี่สาวท่านใช้มันได้อย่างสบายใจ สตรีเช่นเราหากเปียกฝนจนร่างกายเย็นนั้นจะกลายเป็นโรคเรื้อรังในภายหน้าได้ อย่างไรก็ต้องเห็นสุขภาพร่างกายตนเป็นสำคัญ” หลิงฉงหลงเอ่ยออกมามากมาย นางมองไปรอบนอกเพิงก็เห็นว่าฝนหยุดตกแล้ว จึงได้นำผ้าผืนเล็กยัดใส่มือของพี่สาวคนงามโดยไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะยอมรับเอาไว้หรือไม่ก่อนจะหอบข้าวของวิ่งออกจากเพิงน้ำชาไปโดยไม่ลืมที่จะหันมาตะโกนทิ้งท้ายเอาไว้
“พี่สาวท่านใช้อย่างสบายใจเถิด จะปล่อยให้ตัวเองจับไข้ไม่ได้นะ”
สตรีร่างเล็กผู้ซึ่งดูร่าเริงสดใสทว่าตามใบหน้าและเสื้อผ้าเลอะฝุ่นไปทั่วจนดูมอมแมมราวกับเด็กเล็กๆ ที่วิ่งซุกซนตลอดวันวิ่งหายไปจนลับตาแล้ว ชายหนุ่มที่สวมหมวกปกปิดใบหน้าราวกับเทพเซียนบรรจงปั้นแต่งถึงได้เอ่ยขึ้น “นางดูอย่างไรจึงเรียกข้าว่าพี่สาวได้” เขาอย่างไรก็มีส่วนสูงที่เกินกว่าสตรีจะพึงมีได้
“อาจเป็นเพราะมองได้ไม่ชัดขอรับ” จางจงรีบเอ่ยตอบ จะให้เขาเอ่ยออกไปได้อย่างไรว่าความงามของคุณชายนั้นต่อให้ปกปิดมิดชิดทั้งเรือนกายแต่ก็งามทะลุออกมาให้ผู้คนได้เห็นอยู่ดี “คุณชายส่งผ้ามาให้ข้าเถิด ข้าจะนำไปทิ้งให้ท่านเอง” เขารู้ดีว่าคุณชายของตนไม่ชอบใช้ของของผู้อื่นจึงจะนำผ้าที่แม่นางน้อยผู้นั้นให้ไว้เอาออกไปจากสายตาของคุณชายเสีย ทว่าเขากับได้รับคำตอบที่ไม่คาดคิดจากผู้เป็นนายกลับมาแทน
“ไม่จำเป็น เมื่อครู่นางก็บอกไม่ใช่หรือว่าสุขภาพร่างกายเป็นสิ่งสำคัญจะปล่อยให้จับไข้ไม่ได้” ไม่เพียงเอ่ยเปล่าชายหนุ่มยังค่อยๆ ใช้ผ้าผืนเล็กในมือซับไปที่ตามเนื้อตัวและเสื้อผ้าของตนอย่างไม่รีบร้อนนักอีกทั้งไม่มีทีท่านึกรังเกียจ ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของจางจงผู้ติดตามคนสนิทที่มองมาระคนไม่เข้าใจว่าเหตุใดในตอนนี้คุณชายของตนจึงดูเปลี่ยนไป
ด้านชายหนุ่มผู้เป็นนายไม่คิดที่จะอธิบายอะไรให้ผู้ติดตามของเขาฟังให้มากความ ชายหนุ่มเก็บผ้าผืนเล็กใส่เอาไว้ในแขนเสื้อไม่ได้โยนทิ้งไปหลังใช้เสร็จ เขานั้นรู้ดีว่าสตรีตัวน้อยผู้นั้นหวังดีด้วยใจจริงไม่ได้คิดเข้าหาเขาเพื่อผลประโยชน์เฉกเช่นผู้อื่น อีกอย่างหนึ่งก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดเข้าจึงอยากรับผ้าผืนนี้เอาไว้เช่นกัน
ม้าสองตัวทยานออกจากเพิ่งน้ำชาในเวลาต่อมา พวกเขาตรงไปยังหมู่บ้านที่มีการเจรจาการค้ากับคนในหมู่บ้านเอาไว้และความตั้งใจเดิมคือการไปตรวจดูสินค้าพื้นบ้านด้วยตนเองสักครั้ง
ตอนพิเศษ : ข่าวดีครั้งใหม่เรือนใหญ่สกุลกู้ในยามเช้าอากาศปลอดโปร่ง แสงแดดอุ่นสาดต้องใบไม้เขียวชอุ่ม ด้านในเรือนหรู หลิงฉงหลงนั่งพิงหมอนอิงอยู่บนตั่ง ดวงหน้าอิ่มเอิบแฝงรอยแดงระเรื่อเพราะอาการแพ้ท้อง มือบอบบางลูบหน้าท้องแบนราบที่เพิ่งเริ่มมีกำลังจะมีชีวิตใหม่เติบโตอยู่ในนั้นกู้ซืออันก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเปี่ยมยิ้ม ดวงตาคมดุที่ปกติแฝงความเข้มงวดกลับอ่อนโยนอย่างที่สุดยามทอดมองภรรยา“วันนี้อาการดีขึ้นบ้างหรือไม่ เจ้ายังกินข้าวเช้าได้น้อยนัก ข้าห่วง”“ข้าเพียงเวียนศีรษะเล็กน้อย…ไม่เป็นอะไรหรอกท่านพี่”หลิงฉงหลงเอ่ยเสียงแผ่วแต่แววตาเต็มไปด้วยความสุข นางก้มมองหน้าท้องตนเองพลางยกยิ้มอ่อนหวาน“ครั้งนี้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าตัวเล็กจะเป็นสตรีน้อยแน่ ๆ”กู้ซืออันหัวเราะเบา ๆ มือใหญ่ลูบเส้นผมนางอย่างเอ็นดู“จะเป็นบุตรชายหรือบุตรสาวก็ล้วนเป็นสายเลือดของเรา ข้าไม่ปรารถนาอื่นใดนอกจากให้เจ้าแข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูก”ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ดังใกล้เข้ามา เด็กชายวัยห้าขวบผู้เป็นบุตรคนโตวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น“ท่านแม่! นี่จริงหรือไม่ ข้าจะมีน้องจริง ๆ หรือ!?”หลิงฉงหลงยกยิ้มพลางอ้าแขนรับลูกชายเข้ามากอด“จร
ตอนพิเศษ : ความฝันที่ไม่อยากฝันยามราตรีเงียบสงัด แสงจันทร์ลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างบานเล็ก กู้ซืออันนอนหลับตาพริ้มเคียงข้างภรรยาอย่างที่เคยทุกคืน แต่คืนนี้…กลับต่างออกไปภายในความฝัน เขาพบว่าตนเองยืนอยู่ในเรือนว่างเปล่า ทุกสิ่งที่เคยอบอุ่นกลับเย็นเยียบไร้ผู้คน เสียงหัวเราะที่คุ้นหูหายไปจนหมดสิ้น เขาเดินไปทั่วทั้งเรือนแต่กลับไม่พบเงาของนางแม้แต่น้อยแล้วภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า — หลิงฉงหลงยืนอยู่กลางลาน แต่ใบหน้างดงามกลับเย็นชา แววตาไร้แววอ่อนโยนที่เคยมีให้เขา“ซืออัน…ข้ามิได้รักท่านอีกต่อไปแล้ว”หัวใจของเขาราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ มือใหญ่เอื้อมไปคว้าแต่กลับว่างเปล่า ร่างของนางถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเลือนหายไปกับหมอกจาง“ฉงหลง! อย่าไป… อย่าทิ้งข้า!” เสียงตะโกนของเขาแตกพร่า สะท้อนก้องไปทั่วความว่างเปล่าความหนาวเหน็บบีบรัดจนหายใจไม่ออก ความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้ามาในใจชายผู้ไม่เคยยอมแพ้แก่สิ่งใดกู้ซืออันสะดุ้งตื่นในยามดึก เหงื่อเม็ดโตผุดเต็มหน้าผาก หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก เขาหันไปมองคนข้างกายทันทีหลิงฉงหลงยังคงนอนหลับสนิท แสงจันทร์อาบไล้เรือนร่างบอบบางในอ้อมผ้า
ตอนที่ 36เพื่อนางข้าไม่เกี่ยงหากต้องโหดเหี้ยมหนี้ที่นายอำเภอฉางต้องชดใช้ถูกเรียกเก็บเป็นก้อนๆ เพราะอีกฝ่ายมีหนี้สิ้นมากหลายแห่ง แน่นอนว่าเงินเพียงเล็กน้อยไม่ได้สำคัญถึงกับที่กู้ซืออันจะรอไม่ได้ มีลูกหนี้เป็นนายอำเภอถือเป็นการดีเสียอีก อีกทั้งอำนาจและเส้นสายของนายอำเภอฉางตั้งหากที่พอจะสำคัญในสายตากู้ซืออันอยู่บ้างเรื่องของฉางกู๋เขาให้คนตามดูจนแน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายออกไปจากเมืองต้าไห่แล้วจริงๆ อีกทั้งเหมือนจะลงใต้เพื่อเดินทางไปที่บ้านเดิมของสกุลฉาง แม้ฉางกู๋จะยอมจากไปแต่โดยดีทว่ากู้ซืออันย่อมไม่อาจวางใจได้ว่าในอนาคตคนผู้นี้จะคิดหวนกลับมาทำร้ายฮูหยินตัวน้อยของตนอีกหรือไม่แน่นอนว่าเขาย่อมต้องลงมือก่อนที่จะนั่งรออีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาแก่แค้นหรือไม่และจะใช้วิธีการใดและเวลาใดเพราะฉะนั้นในคืนหนึ่งกู้ซืออันจึงมีคำสั่งการหนึ่งให้จางจงคนสนิทไปทำนั่นก็คือหามือดีสักหายคนไปจัดการหันแขนหักขาฉางกู๋ผู้นั้นซะ โดยให้ทำให้เหมือนว่าเป็นฝีมือของพวกโจรที่ต้องการปล้นชิงทรัพย์คนที่คิดร้ายกับฮูหยินของเขา แม้ชายหนุ่มจะไม่คิดเอาชีวิตแต่ก็ไม่คิดให้คนผู้นั้นอยู่ครบสามสิบสองส่วนในร่างกายอยู่แล้ว“อย่าให้เห
ตอนที่ 35ทำผิดก็ต้องชดใช้คืนนั้น หลังจากขับไล่ฉางกู๋ออกไปแล้ว นายอำเภอฉางมิอาจข่มตาหลับได้ทั้งคืน ความคิดถึงชื่อเสียงและเกียรติยศของตระกูลฉางวนเวียนอยู่ไม่หยุดสุดท้ายเมื่อฟ้าเริ่มสว่าง เขาจึงตัดสินใจพาตัวเองไปยัง จวนสกุลกู้ ด้วยท่าทีที่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาที่หน้าจวน คนใช้ของสกุลกู้ต่างประหลาดใจที่เห็น ขุนนางผู้ทรงอำนาจแห่งเมืองนี้ ยอมก้าวลงจากเกี้ยวด้วยตนเอง แถมยังไม่แสดงอำนาจข่มใด ๆ ดั่งเคย หากแต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังเมื่อกู้ซืออันก้าวออกมาต้อนรับ เขาเห็นชัดว่านายอำเภอฉางโค้งคำนับลึก แววตาที่เคยเชิดชูศักดิ์ศรีบัดนี้เต็มไปด้วยการยอมอ่อนข้อ“คุณชายกู้… ข้ามาครานี้เพื่อกล่าวคำขออภัยต่อท่านและฮูหยินโดยตรง เรื่องที่หลานโง่เขลาของข้าได้ก่อไว้ ข้าขอยอมรับผิดทั้งหมด”เสียงของเขาหนักแน่น แต่ฟังออกชัดเจนว่าฝืนกล้ำกลืนความอับอายเอาไว้เต็มที่กู้ซืออันยกยิ้มจาง ๆ ไม่ได้แสดงความโกรธเคืองหรือรีบร้อนตอบรับ เพียงเอ่ยช้า ๆ ราวกับให้ถ้อยคำของอีกฝ่ายก้องสะท้อนอยู่ในโถง “นายอำเภอฉาง…ถ้อยคำนี้ ข้าเฝ้ารอมาเนิ่นนานแล้ว”ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งจวน ทุกคนจับตามองการเผชิญหน้าของสองตระกูลอย่างระทึ
ตอนที่ 34 เริ่มลงมือ หลายวันต่อมา ในเรือนของนายอำเภอฉาง บรรยากาศกลับไม่ สงบดังเดิมเสียงฮูหยินใหญ่ตวาดลั่นออกมาจากห้องโถง “ท่านไปเล่นการ พนันอีกแล้วใช่หรือไม่! ข้าถึงได้ยินข่าวว่ามีเจ้ามือจากนอกเมืองมาตามทวง หนี้ถึงหน้าประตูเรือน!”นายอำเภอฉางขมวดคิ้ว หน้าดำแดงเพราะทั้งโกรธและอับอาย “พวกนั้นมันใส่ความข้า! ข้ามีหน้าที่การงานทั้งตำแหน่ง ใครจะกล้าออกมาเอาเรื่องกับข้าอย่างเปิดเผยเล่า”“แต่คนทั้งเมืองเขาเริ่มซุบซิบนินทาแล้วว่า นายอำเภอฉางเป็นหนี้ บ่อนจนหัวโต หากเรื่องนี้ลามไปถึงผู้ตรวจการ เจ้าคิดหรือว่าตำแหน่งของ เจ้าจะมั่นคง!”คำพูดนั้นทำให้เขาหน้าซีดลงเล็กน้อย แม้จะพยายามข่มอารมณ์ แต่เหงื่อเย็นก็ผุดขึ้นตรงขมับในขณะเดียวกัน คนสนิทของเขารีบเข้ามารายงานเบา ๆ“ท่านนายอำเภอ…มีข่าวว่ามีคนลือกันว่า ท่านรับสินบนจากพ่อค้าหลายราย ทั้งยังเกี่ยวพันกับการลักลอบสมุนไพรต้องห้าม”นายอำเภอฉางสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้าง “เรื่องนี้…ใครเป็นคนปล่อย!”คนสนิทก้มศีรษะต่ำ “ข้าน้อยยังไม่รู้แน่ชัด เพียงแต่ได้ยินว่าข่าวลือเริ่มแพร่ไปตามโรงเตี๊ยมกับตลาด คนพูดกันหนาหูนัก…”เขากำหมัดแน่น กัดฟันกรอด “เป็นใคร…เป็นใ
ตอนที่ 33 เฝ้ารอโอกาส กว่าที่หลิงฉงหลงจะตั้งตัวตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ก็กินเวลาไปกว่าสามวันเต็มๆ แล้ว กู้ซืออันยังไม่ยอมให้นางออกไปดูที่ร้านฮวาเซียงด้วยตนเอง นางรู้ดีว่าชายหนุ่มเป็นห่วงกลัวว่านางไปเห็นด้วยตาตนเองแล้วจะเกิดอารมณ์อ่อนไหวอีกแต่ถึงอย่างนั้นแม้นางไม่ได้ไปด้วยตัวเองแต่ก็ต้องเรียกสวีมี่อิงผู้ดูแลร้านเข้ามารายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเพลิงที่เผาไหม้มี่อิงรายงานกับนางว่าทุกอย่างในส่วนของร้านและที่เก็บของภายในร้านที่เก็บสินค้าเอาไว้เป็นส่วนใหญ่นั้นถูกเผาจนเหลือเพียงแค่เศษซาก ทุกอย่างเสียหายจนหมดสิ้น รายการความเสียหายเล่มหนึ่งถูกยื่นมาพร้อมกับการรายงานให้ฟัง แน่นอนว่าหญิงสาวรับรายงานนี้เอาไว้ด้วยใจที่สั่น หากไม่ติดว่ามีผู้เป็นสามีคอยกุมมือให้กำลังใจอยู่ทุกขณะหญิงสาวก็คงไม่อาจกลั้นน้ำตาหรือความอ่อนไหวนี้เอาไว้ได้อีกโชคดีที่ส่วนของบ้านเล็กๆ ของนางที่ถนนหมายเลขสิบสามไม่ได้รับความเสียหายไปด้วย เพราะกำแพงกั้นระหว่างกันนั้นค่อนข้างจะแน่นหนาแข็งแรงอีกทั้งไม่มีหลังคาหรือส่วนใดของเรือนที่ยื่นใกล้ชิดกันจนเพลิงจะสามารถลุกลามมาถึงได้หลิงฉงหลงอดคิดไม่ได้หากนางต้องสูญเสียบ้านหลั