LOGINเมลานีลูบเส้นผมนิ่มของลูกสาวตัวน้อยที่หลับปุ๋ยหลังกระเตงกันไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าตรู่ ข้อมูลที่ได้จากแพทย์ทำให้เมลานียิ่งวิตกกังวลและอยากเตรียมตัวให้ลูกสาวอย่างดีที่สุด หนูน้อยมีปัญหาเรื่องลิ้นหัวใจตีบมาแต่กำเนิดแต่อาการไม่รุนแรงเพราะเป็นการตีบเพียงลิ้นเดียว
เจ้าหมูพายของเธอก็ยังแข็งแรงดีเติบโตอ้วนท้วนตามพัฒนาการ แต่แพทย์ก็แนะนำให้เข้าสู่กระบวนการรักษาโรคหัวใจได้แล้วโดยจะส่งเคสของลูกสาวให้กับแพทย์เฉพาะทางลองพิจารณาว่าจำเป็นต้องผ่าตัดหรือสามารถใช้วิธีอื่น
เมลานีฝากลูกสาวไว้ในมือหมอ สิ่งที่เธอพอจะทำได้คือเตรียมเรื่องของค่าใช้จ่ายเท่านั้น เงินเก็บก้อนสุดท้ายจากการขายบ้านราวห้าแสนบาทนั้นไม่รู้จะเพียงพอหรือไม่หากต้องมีค่าใช้จ่ายหลังการผ่าตัดและพักฟื้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เมลานีนึกไปถึงเช็คเงินสดหนึ่งล้านบาทที่เธอฉีกทิ้ง ตอนนั้นผู้หญิงของกริชด่าเธอว่าโง่จนไม่รู้จะไปเปรียบกับตัวอะไรดี วันนี้เธอเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นพูดจริง หากเก็บเงินก้อนนั้นไว้กับตัวอย่างน้อยวันนี้คงไม่ต้องกังวลมากมายนัก
แต่เมื่อเลือกตัดขาดก็ไม่ต้องมีอะไรให้ติดค้าง...
หญิงสาวก้มลงจูบพวงแก้มยุ้ยของเจ้าเด็กตัวอ้วนแล้วเดินเข้าครัว เตรียมทำน้ำปลาหวานใส่กระปุกเล็ก ๆ เพื่อนำไปขายเป็นชุดคู่กับมะม่วงแก้วขมิ้นที่ขายราคาไม่แพงนักอยู่หน้าปากซอย คนทำงานออฟฟิศในช่วงกลางวันน่าจะอยากกินของเหล่านี้แก้ง่วง เมลานีตั้งใจที่จะเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ก่อน และจะขอรับออร์เดอร์ข้าวกล่องในช่วงกลางวันซึ่งพนักงานในโชว์รูมแทบจะแย่งกันซื้อข้าวไม่ทัน
หญิงสาวไม่อยากนำเงินก้อนจากการขายบ้านมาเป็นค่าใช้จ่ายแบบเบี้ยหัวแตก การหาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะเป็นค่าอาหารและค่าเดินทางให้กับเธอ ขอเพียงผ่านช่วงเข้ารับการรักษาลิ้นหัวใจตีบของหนูพายไปได้ เมลานีมั่นใจว่าทุกอย่างยังพอหาทางพลิกฟื้นในภายหลัง
หญิงสาวหยิบพริกสดขึ้นมาซอยเป็นแว่นเพื่อเตรียมนำไปใส่ในน้ำปลาหวานที่เคี่ยวอยู่บนเตา กำลังจะเริ่มปอกหอมแดงแต่มีโทรศัพท์เข้ามาเสียก่อน หน้าจอเป็นเบอร์ที่เธอไม่ได้บันทึกชื่อ จนจบสัญญาณเรียกเข้าครั้งแรกอีกฝ่ายก็ยังพยายามเรียกเข้าซ้ำมาอีก เมลานีจึงขยับตัวล้างมือแล้วรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“เสียงหวานสมกับเป็นโอเปอเรเตอร์” กริชกรอกเสียงหยอกเย้ายียวน พูดจบก็รอฟังเสียงตอบรับตื่นเต้นใจจดใจจ่อ นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่เขาไม่ได้แซวสาวเหมือนไอ้หนุ่มเกเรอย่างนี้ แต่ปลายสายกลับเงียบไปเฉย ๆ จนเขาต้องเป็นฝ่ายกระแอมกระไอพูดต่อขึ้นมาเอง
“ทำอะไรอยู่”
“เปล่า” เสียงตอบของเมลานีอ่อนล้าจนน่าใจหาย
“ไม่สบายหรือไง”
“เปล่า”
คราวนี้คนที่ตั้งใจโทรมาก่อกวนถึงกับเงียบไปบ้าง น่าแปลกที่เขานึกถึงความเศร้าโศกจนเกือบจะสิ้นหวังแผ่ออกมาจากความรู้สึกของหญิงสาว ความจริงเขาตั้งใจโทรมาแกล้งขู่เธอเรื่องณัชชาและวางแผนจะแกล้งยั่วให้โมโหอีกสารพัด แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ความห่อเหี่ยวของเธอถึงทำให้ใจเขาเหลวเป็นน้ำตามไปด้วย ในสมองที่เคยร้ายกาจกลับว่างเปล่า ตื้อตันไม่อาจคิดเค้นคำใดมาต่อเถียง คำพูดจึงวนกลับไปเป็นคำถามโง่ ๆ คำเดิม
“ทำอะไรอยู่ ฮึ” พอใจเริ่มอ่อนน้ำเสียงเขาก็อ่อนตามลงไปอีก อยากให้เมลานีนั่งอยู่ที่โชว์รูม อย่างน้อยเขาก็พอจะสังเกตเธอได้บ้าง ไม่ต้องมาคอยคาดเดาหรือทรมานกับการมองไม่เห็น กริชเหลือบตาลงมองเอกสารสมัครงานแผ่นแรกของหญิงสาวที่เพิ่งขอมาจากฝ่ายบุคคลคร่าว ๆ ที่อยู่ที่เธอกรอกในใบประวัติเป็นจังหวัดบ้านเกิด หมายความว่าหลังเกิดเรื่องเมลานีคงซมซานกลับไปอาศัยอยู่บ้านหลังเก่าของพ่อแม่เธอ
“เมล ตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาเรียกอีกครั้งเสียงเบาเหมือนใจจะขาด
“บ้านค่ะ” หญิงสาวก็ยังตอบเพียงสั้น ๆ ไม่มีคำอธิบายต่อท้าย เหมือนกับไม่อยากสนทนากับเขาให้นานกว่านี้ คำถามถึงผู้ชายคนเมื่อวานที่ได้รับรายงานจากคงคาว่ามารับหญิงสาวถึงที่ทำงานถูกกลืนลงไปในลำคอ ให้ความสนใจแล้วเธอไม่ไยดี ต่อจากนี้ก็พูดในแบบเจ้านายกับลูกจ้างแล้วกัน
“พรุ่งนี้อย่ามาทำงานสายแล้วกัน บริษัทใกล้จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่แล้ว ทุกคนก็ยุ่งกันหมด ความสวยไม่ได้ช่วยอะไรรู้ไหม ขยัน ๆ หน่อย” สุดท้ายก็ยังไม่วายยกคำพูดกวนประสาท และกริชก็ยังหวังว่าจะได้ยินเสียงเมลานีเถียงฉอด ๆ กลับมาพอให้ใจชื้นได้บ้าง
“ได้ค่ะ” แต่เธอกลับตอบมาเสียงเรียบ ๆ เหมือนไร้พิษสง
ทั้งเหน็ดเหนื่อยทั้งท้อแท้แต่ก็ยังต้องกัดฟัน กลั้นสะอื้น ทนยืนฟังให้เขากลั่นแกล้งรังแกได้ตามแต่ใจ ไม่ใช่ไม่อยากลุกขึ้นสู้ แต่เธอรู้ตัวเองอยู่ตรงไหน วันนี้ไม่ใช่วันของเธอ สิ่งที่ทำได้คือการอดทนให้ถึงที่สุด เธอเพิ่งตระหนักถึงวันที่ฉีกเช็คขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแต่ศักดิ์ศรีของเธอยังยิ่งใหญ่คับฟ้า ทว่าเมื่อเวลาคล้อยผ่าน เด็กสาวคนนั้นได้เผชิญคลื่นลมในโลกของความเป็นจริงและค้นพบว่าคนที่เข้มแข็งที่สุดคือคนที่ยอมกัดฟันทนต่อสิ่งที่ทำให้เราต้องสูญสิ้นแม้ศักดิ์ศรี หากนั่นหมายถึงการยังรักษาคนที่เรารักไว้ได้
“เมล”
“หือ” เธอขานรับเสียงแผ่วเบา
“เมล” กริชขยับเรียกอีกครั้งแต่ไม่มีคำตอบรับ
หอมแดงที่ถืออยู่ในมือเริ่มออกฤทธิ์ ไม่นานดวงตาของหญิงสาวก็แสบร้อนและมีน้ำสีใสไหลลงมาอาบแก้ม
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” เพราะได้ยินเหมือนเสียงสูดน้ำมูกสะอื้น เขาทำอะไรไม่ถูกได้แต่ดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ กุมขมับเดินวนเวียนรอบโต๊ะเหมือนหนูติดจั่น ทั้งห่วงทั้งกังวลแต่ปากหนักจนพูดไม่ออก
“พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานแต่เช้าค่ะ”
เมลานีรีบกดตัดสาย เงยหน้าขึ้นหวังให้น้ำตาไหลย้อนกลับ เธอไม่ได้ร้องไห้ เพียงแค่วันนี้น้ำตาไหลเพราะไอจากหอมแดงเท่านั้น…
Special Talk : พี่กริชถ้าช่วงชีวิตของคนเราจะมีเพลงประจำของมันอยู่ ชีวิตผมก็คงเริ่มด้วยเพลงบลูส์อันแสนเศร้าสร้อย...ผมจึงใช้มันเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในใจ และทุกครั้งที่ผมขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ผมจะเห็นเด็กสาวแสนสวยคนหนึ่งที่นั่งมองผมอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางผู้คนที่แต่งตัวมาประชันกันในบาร์ราคาแพงสายตาของผมกลับกวาดไปตกลงที่เธอเท่านั้นผมจำเธอได้ดี แม้วันนี้เธอจะไม่ใช่เด็กน้อยผมเปียแต่เติบโตเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง ผมรอให้เธอเข้ามาหาเพื่อขอโทษกับสิ่งที่ทำร้ายผมในอดีต แต่เธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้น นานวันเข้าจากที่เคยชินก็กลายเป็นผมที่เฝ้ารอให้เธอมานั่งฟังเพลงที่นี่ทุกคืน...และผมก็เลือกที่จะลงมือจัดการเธอผมเริ่มเกมด้วยความแค้นในจุดเริ่มต้น และเข้าสู่เส้นชัยด้วยความว่างเปล่าสามปีในมาเก๊า ผมอยู่กับความถวิลหาที่ไม่อาจเติมเต็ม แล้วกลับเมืองไทยอย่างคนไร้ชีวิตจิตใจ อุทิศพลังทั้งหมดเพื่อทำงาน ซมซานกลับไปโดดเดี่ยวในคอนโดหรูที่แสนเวิ้งว้างจนกระทั่งวันที่ผมได้ยินเสียงรับโทรศัพท์ของโอเปอเรเตอร์คนใหม่ ผมจึงเข้าใจว่าทำไมผมถึงเฝ้ามองหาเงาใครบางคนท่ามกลางฝูงชนอยู่ตลอดเวลาผมหันหลังไปยืมกีตาร์จากนักดนตรีในงานไมเนอร์
โซ่รักตอนพิเศษ โซ่รักวันเกิดของกริชเวียนกลับมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างโหวตเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากไปทะเลอีกครั้งเพราะติดใจวิลลาริมทะเลที่เคยไปในอดีต ป้าละไมขออยู่เฝ้าบ้านเพราะกำลังติดซีรีส์อินเดียอย่างหนักหน่วง เจ้าของวันเกิดผู้เป็นทาสเมียและทาสลูกสาวโดยสมบูรณ์จึงไม่อิดออดที่จะเอาใจสองสาวต่างวัย เพียงแต่ระหว่างทางเขาพาทั้งเมลานี และหนูพายแวะที่วัดแห่งหนึ่งก่อน“แวะที่นี่ก่อนนะคะหนูเมล” จังหวัดเดิมที่เคยอาศัยเป็นทางผ่านก่อนไปทะเล และกริชตั้งใจพาลูกสาวกับเมลานีมาที่นี่อยู่แล้ว จึงถือโอกาสพิเศษนี้แวะเสียเลย“ไหว้พระเหรอคะ”“ค่ะ พี่เตรียมสังฆทานใส่รถมาแล้วด้วย ความจริงตั้งใจจะมาที่นี่ในวันเกิดนั่นแหละ อยากมาทำบุญ”“ทำไมไม่บอกล่ะคะ เมลจะได้ช่วยเตรียมของ” เมื่อเปิดท้ายรถก็พบว่าชายหนุ่มเตรียมเครื่องสังฆทานกล่องใหญ่มาแล้ว เขาเลือกของด้วยตัวเองแล้วนำมาใส่กล่องใส ไม่ใช่สังฆทานสำเร็จรูปที่มักจะใส่กระป๋องสีเหลืองตามแบบที่ร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์มักจะทำกัน“ครั้งหน้านะคะ เมื่อคืนวานพี่เห็นเมลเหนื่อย หมดเรี่ยวหมดแรงก็เลยสงสารไม่อยากกวน” เขาว่านัยน์ตาเยิ้ม สื่อความนัยที่เขาและเมลานีเท่านั้นถึง
ซ่อน 2“งั้นมีรางวัลให้ผัวที่น่ารักคนนี้ไหมล่ะคะ” เสียงห้าวแหบพร่าแต่แววตาของเขากลับเปิดเปลือยความต้องการอันร้อนแรงขึ้นมาทันที ฝ่ามือร้อนผ่าวอีกข้างถลกกระโปรงทรงเอสั้นแค่เข่าของหญิงสาวขึ้นมาแล้วประกบมือลงไปบนเนินเนื้อสามเหลี่ยมอวบอิ่ม บีบเคล้นเบา ๆ แบบจาบจ้วงแต่ก็เร้าใจ“พี่กริช เดี๋ยว” เมลานีเสียงสั่นเมื่อเขาบีบเคล้นที่ความเป็นหญิงของเธออย่างเอาแต่ใจ แต่แล้วก็ต้องซบหน้าลงกับอกและใช้มือจิกไหล่กว้างไว้เป็นหลักยึดเมื่อถูกนิ้วเรียวยาวกรีดลงไปในร่องเนื้ออันไวต่อสัมผัส เมื่อพบติ่งเนื้อนิ้วสากระคายก็กดคลึงหมุนวนจนเรียกน้ำชุ่มฉ่ำออกมาได้สำเร็จ“ดื้อกับพี่นัก คนดื้อต้องถูกลงโทษให้หนัก”“อ๊ะ” ความเสียวแปลบเกิดขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางที่ชุ่มฉ่ำ เขาหงายมือและงอนิ้วขึ้นด้านบน ควงคว้านจนเจอกับจุดที่ทำหญิงสาวครางกระเส่า จากนั้นจึงเพิ่มจำนวนนิ้วสอดเข้าไปเพื่อจัดการกับคนดื้อ ช่องทางของเธอแม้จะชุ่มฉ่ำแต่ก็ยังคับแน่นจนอึดอัด ชวนให้อยากจะเอาตัวตนของเขาสอดใส่เข้าไปแทนที่ในตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดเมลานีเสียวซ่านไปทั้งสรรพางค์กาย เลื่อนมือข้างหนึ่งมารั้งข้อมือที่รังแกเธอไม่หยุดหย่อนไว้ แต
ซ่อน 1ตั้งแต่ย้ายไปบ้านหลังที่เตรียมไว้ ข้าวของต่าง ๆ ของเมลานีและหนูพายรวมถึงป้าละไมเพิ่งย้ายเสร็จเรียบร้อย ส่วนกริชที่ข้าวของส่วนตัวของเขาน้อยมาก กลายเป็นเมลานีต้องคอยดูคอยซื้อหาเสื้อผ้าใหม่ ๆ ให้กับเขาอยู่เสมอ พอเธอถามเขาก็บอกว่าขี้เกียจเก็บของจากคอนโดเก่า แต่จริง ๆ หญิงสาวเคยแวะไปที่คอนโดของเขาก็ไม่ได้มีเสื้อผ้าเครื่องใช้เหลืออยู่เท่าไรนัก และด้วยความที่มัวแต่วุ่นวายกับการตกแต่งบ้านหลังใหม่ เมลานีจึงเพิ่งมีโอกาสที่จะเข้าไปเก็บของให้หมดเสียที เพราะรู้ว่ากริชเองก็มัวแต่ยุ่งกับการขยายสาขาหญิงสาวหยิบคีย์การ์ดของคอนโดจากลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเตรียมไปเก็บของให้เขา คอนโดของกริชทำเลดี และราคาแพงลิบลิ่ว เมลานีเคยเสนอให้เขาปล่อยเช่าหากไม่ต้องการอยู่ด้วยตนเอง แต่ชายหนุ่มอ้างว่ากลัวคนเช่าจะทำให้คอนโดของเขาเละเทะ และกริชก็ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นสมบัติของลูกเสียมากกว่า“พี่กริชคะเมลกำลังออกไปเก็บของที่เหลือในคอนโดให้นะคะ” หลังจากสตาร์ตรถและขับมาได้ครู่หนึ่งหญิงสาวก็โทรแจ้งเจ้าของสินทรัพย์ให้ทราบ“ฮะ ไม่ เมลไม่ต้องไป” ปลายสายดูร้อนรนขึ้นมาทันทีจนหญิงสาวแปลกใจ“ทำไมคะ ก็ในเมื่อพี่กริชยุ่ง
ผมเปียตั้งแต่ฝึกฝนถักเปียกับสายไฟอยู่พักใหญ่จนมั่นใจว่าถูกต้อง กริชก็เริ่มลองถักผมยาวเหมือนแพรไหมของเมลานี ครั้งแรก ๆ เขาเกร็งมากเพราะกะน้ำหนักมือไม่ถูก กลัวจะทำให้หนังศีรษะของภรรยาหลุดติดมือมาด้วย แต่เมลานีก็คอยสอนคอยบอกจังหวะ ไม่นานเขาก็ถักเปียได้สวยและเป็นระเบียบจนอยากจะลองถักให้ลูกสาวดูบ้างพอได้ทำ ก็กลายเป็นกิจวัตรที่ทุกวันมานี้กริชจะต้องถักผมเปียให้หนูพายทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน เวลาลูกและเมียชมว่าทำได้สวย เขาภูมิใจกับมันมากกว่าการได้รับรางวัลนักบริหารดีเด่นของวงการยานยนต์เสียอีก“สวยสุด ๆ ไปเลยลูกสาวพ่อ”“พ่อกิด ไม่ใช่แบบนี้ โน โน” หนูพายเอียงศีรษะข้างซ้ายที ข้างขวาที แล้วไปเขย่าแขนคนเป็นพ่อให้จัดการแก้ไข“อะไรคะ”“ไม่สวย จะเอาแบบที่คุณแม่ทำให้ค่ะ”“แต่ปกติพ่อก็ถักเปียแบบนี้ให้นี่คะลูก” กริชบอกอย่างเอาใจลูกสาวตัวน้อยในชุดนักเรียน“หนูชอบแบบใหม่มากกว่าค่ะ” หนูพายทำปากยื่น “พ่อกิด ทำใหม่ค่ะ”“ทำ...ทำแบบไหนดี” คนเป็นพ่อเริ่มเลิ่กลั่ก กว่าเขาจะสำเร็จวิชาถักเปียก็เสียสายไฟไปหลายขด หนูพายกลับเบื่อเปียของเขาเสียง่าย ๆ กลัวเหลือเกินว่าไอ้แบบใหม่ที่ลูกสาวว่ามันจะทำให้เขาต้องกุมขมับและซื้อ
บ้านใหม่ 1กลิ่นดอกโมกหอมอ่อน ๆ โชยกรุ่นทำให้อากาศยามเช้ายิ่งสดชื่น สนามหญ้าเขียวสบายตาที่ถูกดูแลอย่างดีมีละอองน้ำจากหยาดฝนที่เพิ่งทิ้งช่วงไปตอนเช้ามืดพร่างพรมไปทั่วครั้งหนึ่งกริชไม่ชอบบ้านเพราะพื้นที่กว้างขวางทำให้คนตัวคนเดียวอย่างเขายิ่งโดดเดี่ยว แต่พอรู้ว่ามีความรักและมีลูกสาว เขาก็ซื้อบ้าน ซื้อไว้รอตั้งแต่เมลานีบอกให้เขาตัดใจใต้ต้นสนริมทะเลเขาซื้อบ้านที่มีสนามหญ้ากว้างไว้ให้ลูกวิ่งเล่น และปลูกต้นโมกที่ลูกสาวเคยมอบให้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันไว้รอบรั้ว ตกแต่งบ้านตามความชอบที่เมลานีเคยเพ้อฝันให้ฟังในสมัยเธอยังเป็นนักศึกษา ถ้าหลังกลับมาจากมาเก๊า เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อสร้างไพน์กรุ๊ป หลังกลับมาจากทะเลอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสวันนั้น เขาก็อุทิศความหวังทั้งหมดลงมาที่บ้านหลังนี้ สร้างมันทีละส่วนอย่างตั้งใจ เหมือนกับที่เขารอคอยเมลานีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คล้ายหวังอยู่ลึก ๆ ว่าเขาจะได้มีโอกาสเปลี่ยนบ้านที่เป็นแค่โครงสร้างให้กลายเป็นบ้านที่หมายถึงครอบครัวอย่างแท้จริงและเมื่อวันนั้นมาถึง หญ้าก็เขียวขจี ดอกโมกก็ส่งกลิ่นหอมขจรขจาย…กริชจรดศีรษะลงหอมแก้มนุ่มของลูกสาวตัวน้อยที่ขอแยกห้องนอนไปแล้ว เมื่อ







