LOGINเป็นอย่างที่เมลานีคาดการณ์ไว้ว่าผลไม้แพ็กกับน้ำปลาหวานของเธอขายออกได้ทั้งหมด ที่จริงควรจะเรียกว่าไม่พอขายด้วยซ้ำแต่หญิงสาวก็เก็บมะม่วงน้ำปลาหวานไว้เป็นรางวัลให้ตนเองหนึ่งชุด เธอรวบรวมจำนวนออร์เดอร์ของอาหารกลางวันที่บรรดาช่างและพนักงานส่วนอื่นเฮโลกันมาสั่ง มันมากพอจะทำให้เมลานีมีกำลังใจจนยิ้มแก้มปริ
วันนี้กริชโทรมาก่อกวนเธอเพียงแค่ครั้งเดียวในช่วงเช้าแล้วก็หายต๋อม เขาไม่ได้สั่งให้เธอซื้อข้าวกล่องขึ้นไปส่ง เมลานีจึงนั่งกินข้าวอยู่ที่เคาน์เตอร์เงียบ ๆ โดยไม่รู้เลยว่าอีกฟากหนึ่งของตึกสูง มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งมองเธอรับประทานอาหารกลางวันอย่างเผลอไผล
กริชอยากเรียกเธอขึ้นมาวอแวสักนิดให้พอแช่มชื่น แต่ตลอดทั้งช่วงเช้าเมลานีดูวุ่นวายและวิ่งวุ่นไปทั่ว เขาจึงไม่อยากจะใจร้ายให้เธอเป็นฝ่ายเดินเกือบห้าร้อยเมตร หิ้วข้าวกล่องมาให้เขา และดูเหมือนว่าหญิงสาวจะพกข้าวกล่องมารับประทานเองจากบ้านเสียแล้ว มันก็ไม่มีอะไรแปลกหรอก เพียงแต่เมลานีในวันนี้กับเมื่อสามปีก่อนต่างกันสิ้นเชิงจนน่าปวดใจ สวยเหลือเกินแต่กลับไม่สดใสสมวัยจนน่าสงสาร
“กินข้าวกลางวันหรือยังคะพี่กริช” จารวีเปิดประตูห้องโดยไม่ให้สัญญาณใด ๆ เดินมาเข้าเท้าแขนไว้ที่โต๊ะของชายหนุ่มที่เธอหมายปองมาตลอด ทันเห็นเขาจ้องคอมพิวเตอร์ใจลอย ขมวดคิ้วหน้าขรึมลง จนเธอเกือบถึงตัวนั่นแหละเขาถึงรู้สึกตัวและรีบพับหน้าจอเหมือนมีพิรุธ
“จ๋ามีธุระอะไรหรือเปล่า”
“คิดถึงพี่กริชน่ะค่ะ วันก่อนจ๋าขอโทษนะคะที่ดื้อไปบ้าง” หญิงสาวพูดเสียงอ่อนหวานเหมือนลุแก่โทษ กริชยังไม่ได้เกรี้ยวกราดใส่เธอสักคำ ทว่าตั้งแต่กรณีเรื่องเช็ค เขาก็รับสมัครผู้จัดการฝ่ายบัญชีคนใหม่มาไว้ดูแลธุรกิจอู่และร้านประดับยนต์ทันที จารวีไม่ใช่คนโง่ ที่จะมองไม่ออกว่ากริชกำลังเตือนแบบอ้อม ๆ ว่าเธออยู่ในจุดไหนและไม่มีอำนาจใด ๆ มาล้ำเส้นเขาทั้งนั้น
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้โกรธ” ถึงอย่างไรก็น้องสาวเพื่อนที่เห็นกันมานาน กริชไม่อยากให้เรื่องราวบานปลายมากกว่านี้
“พี่กริชพูดจริงนะคะ งั้นพาจ๋าไปดูรถโมเดลใหม่หน่อยได้ไหมคะ เห็นพี่เจตน์บอกว่ารถจะมาลงที่โชว์รูมพี่กริชวันนี้”
“ใช่ ช่วงบ่ายโมงน่าจะส่งมาถึง”
“รถรุ่นนี้พี่กริชออกแบบเองด้วย จ๋าว่าจะอุดหนุนซักคัน ตอนเห็นโมเดลก็รู้สึกว่ามันเหมาะกับจ๋ามากเลยค่ะ” จารวีลองอ้อนแบบอ้อม ๆ เธอมั่นใจว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ต้องตีตลาดของสาว ๆ กลุ่มวัยเริ่มทำงานหรือแม่บ้านได้แบบถล่มทลาย เพราะทันทีที่เธอเห็นก็ตกหลุมรักในความคลาสสิกผสมลูกกวาด แทบไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายนิ่งจนเกือบจะเย็นชาแบบกริชจะออกแบบรถอ่อนหวานชวนฝันเหมือนรถในนิทานแบบนี้ หากเขาใจดีเธอก็อยากจะขอมาขับเล่นสักคัน
ชายหนุ่มเพียงแต่ฟังคำพูดของจารวีผ่าน ๆ เขาแค่อยากไปเห็นใครบางคนที่โชว์รูมมากกว่าจึงเออออห่อหมกตามไปด้วย
“ไปดูรถตัวจริงก่อนเถอะ ต้นเดือนคงต้องเตรียมงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ”
ทั้งคู่เดินเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณศูนย์ซ่อมบริการแต่รถตัวโชว์ก็ยังมาไม่ถึง กริชจึงชวนจารวีเดินทะลุทางเชื่อมต่อภายในมายังส่วนด้านข้าง มีพนักงานขายกลุ่มหนึ่งรวมถึงผู้จัดการโชว์รูมกำลังนั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานกันอย่างเอร็ดอร่อย ครั้นผู้จัดการเห็นกริชก็รีบยกมือไหว้ทันที
“ตามสบายเถอะครับ ผมจะมาดูรถตัวใหม่ที่เอามาลง”
“แค่โมเดลก็สวยมากเลยครับบอส สาว ๆ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่”
“มะม่วงน้ำปลาหวานนี่น่ากินจังเลยค่ะ” จารวีน้ำลายสอเพราะบนโต๊ะมีมะม่วงน้ำปลาหวานเครื่องแน่นวางยั่วอยู่
“น้องเมล โอเปอเรเตอร์ทำมาขายค่ะ อร่อยมาก แต่พวกเรากินกันเกือบหมดแล้ว เดี๋ยวให้น้องเขาไปเอากล่องใหม่มาให้ดีกว่านะคะ”
“ว้าย รู้จักหารายได้พิเศษนะคะพนักงานคนนี้” จารวีหัวเราะคิกคักหันมามองหน้ากริช ก็เห็นเขานิ่งทั้งที่ในใจว้าวุ่นแปลก ๆ
“น้องเมลยังเหลือมะม่วงอีกไหม” เสียงเซลส์สาวต่อสายโทรศัพท์ไปหาเมลานีเพราะขี้เกียจลุกเดิน กริชตั้งใจฟังคำตอบโดยไม่ได้ยินก็พอคาดเดาได้ว่าหญิงสาวอาจปฏิเสธ เพราะว่าเซลส์คนเดิมยังตื๊อต่อไม่เลิก “เหลือกล่องเดียวจริง ๆ เหรอ ขอก่อนได้ไหมล่ะ เอามาให้ผู้ใหญ่ นะ...นะ น้องเมลเดินเอามาให้ที่ม้านั่งในสวนนะ”
เพียงครู่เดียวเมลานีก็เดินนำผลไม้ที่แพ็กใส่กล่องคู่น้ำปลาหวานในกระปุกเล็กมายื่นส่งให้ หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยที่ไม่ใช่แค่กลุ่มพนักงานที่นั่งอยู่ ที่โต๊ะด้านข้างเป็นประธานบริษัทที่นั่งคู่กับหญิงสาวที่เธอจำได้เป็นอย่างดี
“ได้ยินว่ากล่องสุดท้ายแล้ว ฉันคงไม่ได้แย่งของเธอใช่ไหม” จารวีสอดมือเข้าเกาะเกี่ยวแขนของชายหนุ่มแสดงความใกล้ชิดอย่างออกนอกหน้า คำพูดก็แฝงไปด้วยความนัยแบบที่ผู้หญิงด้วยกันดูออกได้ไม่ยาก
“เอาไปเถอะค่ะ ฉันกินมาก่อนจนเบื่อแล้ว” คราวนี้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงสงครามน้ำลายระหว่างหญิงสาวทั้งคู่ จึงรีบยกแขนออกห่างจารวีอย่างลนลานแต่ก็ส่งประกายกร้าวแบบคาดโทษกับคำพูดของเมลานีเช่นเดียวกัน
“ราคาเท่าไร” ไม่รอฟังคำตอบจารวีก็หันมาหากริชอีกครั้งเพื่อออเซาะ “พี่กริชขา จ๋าไม่มีเศษเงินเลย”
“ห้าสิบบาทค่ะ” เมลานียังตอบด้วยความสุภาพแบบเดิมแต่ก็เฉยชาจนกริชตื้อไปหมดตอนหยิบธนบัตรใบละร้อยออกมาจ่าย เมลานีหยิบแบงก์ยี่สิบออกมาสองใบและพยายามค้นหาเหรียญออกมาทอนให้ครบ
“ไม่ต้องทอนหรอก”
“รับไปเถอะค่ะ เพราะดิฉันไม่อยากติดค้างใครอีก”
เมลานีมองมือใหญ่ของกริชที่ยื่นมารับกล่องมะม่วงจากเธอเพื่อนำไปให้ผู้หญิงที่เขาประคบประหงม รอยขื่นขมปร่าคล้ายความอิจฉาผุดขึ้นกลางใจ แต่แล้วเธอก็สลัดมันออกไปพร้อมกับยื่นเหรียญที่เพิ่งรวบรวมได้ครบถ้วนให้กับเขา
กริชกำเหรียญในมือแล้วคลายออก อุปาทานหรือเปล่าไม่รู้ เขารู้สึกว่ามันเย็นเหมือนเกล็ดน้ำแข็งและมันมีอานุภาพพอจะบาดเนื้อมือหยาบ ๆ ของเขาจนปวดแสบปวดร้อนไปหมด
Special Talk : พี่กริชถ้าช่วงชีวิตของคนเราจะมีเพลงประจำของมันอยู่ ชีวิตผมก็คงเริ่มด้วยเพลงบลูส์อันแสนเศร้าสร้อย...ผมจึงใช้มันเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในใจ และทุกครั้งที่ผมขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ผมจะเห็นเด็กสาวแสนสวยคนหนึ่งที่นั่งมองผมอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางผู้คนที่แต่งตัวมาประชันกันในบาร์ราคาแพงสายตาของผมกลับกวาดไปตกลงที่เธอเท่านั้นผมจำเธอได้ดี แม้วันนี้เธอจะไม่ใช่เด็กน้อยผมเปียแต่เติบโตเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง ผมรอให้เธอเข้ามาหาเพื่อขอโทษกับสิ่งที่ทำร้ายผมในอดีต แต่เธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้น นานวันเข้าจากที่เคยชินก็กลายเป็นผมที่เฝ้ารอให้เธอมานั่งฟังเพลงที่นี่ทุกคืน...และผมก็เลือกที่จะลงมือจัดการเธอผมเริ่มเกมด้วยความแค้นในจุดเริ่มต้น และเข้าสู่เส้นชัยด้วยความว่างเปล่าสามปีในมาเก๊า ผมอยู่กับความถวิลหาที่ไม่อาจเติมเต็ม แล้วกลับเมืองไทยอย่างคนไร้ชีวิตจิตใจ อุทิศพลังทั้งหมดเพื่อทำงาน ซมซานกลับไปโดดเดี่ยวในคอนโดหรูที่แสนเวิ้งว้างจนกระทั่งวันที่ผมได้ยินเสียงรับโทรศัพท์ของโอเปอเรเตอร์คนใหม่ ผมจึงเข้าใจว่าทำไมผมถึงเฝ้ามองหาเงาใครบางคนท่ามกลางฝูงชนอยู่ตลอดเวลาผมหันหลังไปยืมกีตาร์จากนักดนตรีในงานไมเนอร์
โซ่รักตอนพิเศษ โซ่รักวันเกิดของกริชเวียนกลับมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างโหวตเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากไปทะเลอีกครั้งเพราะติดใจวิลลาริมทะเลที่เคยไปในอดีต ป้าละไมขออยู่เฝ้าบ้านเพราะกำลังติดซีรีส์อินเดียอย่างหนักหน่วง เจ้าของวันเกิดผู้เป็นทาสเมียและทาสลูกสาวโดยสมบูรณ์จึงไม่อิดออดที่จะเอาใจสองสาวต่างวัย เพียงแต่ระหว่างทางเขาพาทั้งเมลานี และหนูพายแวะที่วัดแห่งหนึ่งก่อน“แวะที่นี่ก่อนนะคะหนูเมล” จังหวัดเดิมที่เคยอาศัยเป็นทางผ่านก่อนไปทะเล และกริชตั้งใจพาลูกสาวกับเมลานีมาที่นี่อยู่แล้ว จึงถือโอกาสพิเศษนี้แวะเสียเลย“ไหว้พระเหรอคะ”“ค่ะ พี่เตรียมสังฆทานใส่รถมาแล้วด้วย ความจริงตั้งใจจะมาที่นี่ในวันเกิดนั่นแหละ อยากมาทำบุญ”“ทำไมไม่บอกล่ะคะ เมลจะได้ช่วยเตรียมของ” เมื่อเปิดท้ายรถก็พบว่าชายหนุ่มเตรียมเครื่องสังฆทานกล่องใหญ่มาแล้ว เขาเลือกของด้วยตัวเองแล้วนำมาใส่กล่องใส ไม่ใช่สังฆทานสำเร็จรูปที่มักจะใส่กระป๋องสีเหลืองตามแบบที่ร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์มักจะทำกัน“ครั้งหน้านะคะ เมื่อคืนวานพี่เห็นเมลเหนื่อย หมดเรี่ยวหมดแรงก็เลยสงสารไม่อยากกวน” เขาว่านัยน์ตาเยิ้ม สื่อความนัยที่เขาและเมลานีเท่านั้นถึง
ซ่อน 2“งั้นมีรางวัลให้ผัวที่น่ารักคนนี้ไหมล่ะคะ” เสียงห้าวแหบพร่าแต่แววตาของเขากลับเปิดเปลือยความต้องการอันร้อนแรงขึ้นมาทันที ฝ่ามือร้อนผ่าวอีกข้างถลกกระโปรงทรงเอสั้นแค่เข่าของหญิงสาวขึ้นมาแล้วประกบมือลงไปบนเนินเนื้อสามเหลี่ยมอวบอิ่ม บีบเคล้นเบา ๆ แบบจาบจ้วงแต่ก็เร้าใจ“พี่กริช เดี๋ยว” เมลานีเสียงสั่นเมื่อเขาบีบเคล้นที่ความเป็นหญิงของเธออย่างเอาแต่ใจ แต่แล้วก็ต้องซบหน้าลงกับอกและใช้มือจิกไหล่กว้างไว้เป็นหลักยึดเมื่อถูกนิ้วเรียวยาวกรีดลงไปในร่องเนื้ออันไวต่อสัมผัส เมื่อพบติ่งเนื้อนิ้วสากระคายก็กดคลึงหมุนวนจนเรียกน้ำชุ่มฉ่ำออกมาได้สำเร็จ“ดื้อกับพี่นัก คนดื้อต้องถูกลงโทษให้หนัก”“อ๊ะ” ความเสียวแปลบเกิดขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางที่ชุ่มฉ่ำ เขาหงายมือและงอนิ้วขึ้นด้านบน ควงคว้านจนเจอกับจุดที่ทำหญิงสาวครางกระเส่า จากนั้นจึงเพิ่มจำนวนนิ้วสอดเข้าไปเพื่อจัดการกับคนดื้อ ช่องทางของเธอแม้จะชุ่มฉ่ำแต่ก็ยังคับแน่นจนอึดอัด ชวนให้อยากจะเอาตัวตนของเขาสอดใส่เข้าไปแทนที่ในตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดเมลานีเสียวซ่านไปทั้งสรรพางค์กาย เลื่อนมือข้างหนึ่งมารั้งข้อมือที่รังแกเธอไม่หยุดหย่อนไว้ แต
ซ่อน 1ตั้งแต่ย้ายไปบ้านหลังที่เตรียมไว้ ข้าวของต่าง ๆ ของเมลานีและหนูพายรวมถึงป้าละไมเพิ่งย้ายเสร็จเรียบร้อย ส่วนกริชที่ข้าวของส่วนตัวของเขาน้อยมาก กลายเป็นเมลานีต้องคอยดูคอยซื้อหาเสื้อผ้าใหม่ ๆ ให้กับเขาอยู่เสมอ พอเธอถามเขาก็บอกว่าขี้เกียจเก็บของจากคอนโดเก่า แต่จริง ๆ หญิงสาวเคยแวะไปที่คอนโดของเขาก็ไม่ได้มีเสื้อผ้าเครื่องใช้เหลืออยู่เท่าไรนัก และด้วยความที่มัวแต่วุ่นวายกับการตกแต่งบ้านหลังใหม่ เมลานีจึงเพิ่งมีโอกาสที่จะเข้าไปเก็บของให้หมดเสียที เพราะรู้ว่ากริชเองก็มัวแต่ยุ่งกับการขยายสาขาหญิงสาวหยิบคีย์การ์ดของคอนโดจากลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเตรียมไปเก็บของให้เขา คอนโดของกริชทำเลดี และราคาแพงลิบลิ่ว เมลานีเคยเสนอให้เขาปล่อยเช่าหากไม่ต้องการอยู่ด้วยตนเอง แต่ชายหนุ่มอ้างว่ากลัวคนเช่าจะทำให้คอนโดของเขาเละเทะ และกริชก็ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นสมบัติของลูกเสียมากกว่า“พี่กริชคะเมลกำลังออกไปเก็บของที่เหลือในคอนโดให้นะคะ” หลังจากสตาร์ตรถและขับมาได้ครู่หนึ่งหญิงสาวก็โทรแจ้งเจ้าของสินทรัพย์ให้ทราบ“ฮะ ไม่ เมลไม่ต้องไป” ปลายสายดูร้อนรนขึ้นมาทันทีจนหญิงสาวแปลกใจ“ทำไมคะ ก็ในเมื่อพี่กริชยุ่ง
ผมเปียตั้งแต่ฝึกฝนถักเปียกับสายไฟอยู่พักใหญ่จนมั่นใจว่าถูกต้อง กริชก็เริ่มลองถักผมยาวเหมือนแพรไหมของเมลานี ครั้งแรก ๆ เขาเกร็งมากเพราะกะน้ำหนักมือไม่ถูก กลัวจะทำให้หนังศีรษะของภรรยาหลุดติดมือมาด้วย แต่เมลานีก็คอยสอนคอยบอกจังหวะ ไม่นานเขาก็ถักเปียได้สวยและเป็นระเบียบจนอยากจะลองถักให้ลูกสาวดูบ้างพอได้ทำ ก็กลายเป็นกิจวัตรที่ทุกวันมานี้กริชจะต้องถักผมเปียให้หนูพายทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน เวลาลูกและเมียชมว่าทำได้สวย เขาภูมิใจกับมันมากกว่าการได้รับรางวัลนักบริหารดีเด่นของวงการยานยนต์เสียอีก“สวยสุด ๆ ไปเลยลูกสาวพ่อ”“พ่อกิด ไม่ใช่แบบนี้ โน โน” หนูพายเอียงศีรษะข้างซ้ายที ข้างขวาที แล้วไปเขย่าแขนคนเป็นพ่อให้จัดการแก้ไข“อะไรคะ”“ไม่สวย จะเอาแบบที่คุณแม่ทำให้ค่ะ”“แต่ปกติพ่อก็ถักเปียแบบนี้ให้นี่คะลูก” กริชบอกอย่างเอาใจลูกสาวตัวน้อยในชุดนักเรียน“หนูชอบแบบใหม่มากกว่าค่ะ” หนูพายทำปากยื่น “พ่อกิด ทำใหม่ค่ะ”“ทำ...ทำแบบไหนดี” คนเป็นพ่อเริ่มเลิ่กลั่ก กว่าเขาจะสำเร็จวิชาถักเปียก็เสียสายไฟไปหลายขด หนูพายกลับเบื่อเปียของเขาเสียง่าย ๆ กลัวเหลือเกินว่าไอ้แบบใหม่ที่ลูกสาวว่ามันจะทำให้เขาต้องกุมขมับและซื้อ
บ้านใหม่ 1กลิ่นดอกโมกหอมอ่อน ๆ โชยกรุ่นทำให้อากาศยามเช้ายิ่งสดชื่น สนามหญ้าเขียวสบายตาที่ถูกดูแลอย่างดีมีละอองน้ำจากหยาดฝนที่เพิ่งทิ้งช่วงไปตอนเช้ามืดพร่างพรมไปทั่วครั้งหนึ่งกริชไม่ชอบบ้านเพราะพื้นที่กว้างขวางทำให้คนตัวคนเดียวอย่างเขายิ่งโดดเดี่ยว แต่พอรู้ว่ามีความรักและมีลูกสาว เขาก็ซื้อบ้าน ซื้อไว้รอตั้งแต่เมลานีบอกให้เขาตัดใจใต้ต้นสนริมทะเลเขาซื้อบ้านที่มีสนามหญ้ากว้างไว้ให้ลูกวิ่งเล่น และปลูกต้นโมกที่ลูกสาวเคยมอบให้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันไว้รอบรั้ว ตกแต่งบ้านตามความชอบที่เมลานีเคยเพ้อฝันให้ฟังในสมัยเธอยังเป็นนักศึกษา ถ้าหลังกลับมาจากมาเก๊า เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อสร้างไพน์กรุ๊ป หลังกลับมาจากทะเลอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสวันนั้น เขาก็อุทิศความหวังทั้งหมดลงมาที่บ้านหลังนี้ สร้างมันทีละส่วนอย่างตั้งใจ เหมือนกับที่เขารอคอยเมลานีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คล้ายหวังอยู่ลึก ๆ ว่าเขาจะได้มีโอกาสเปลี่ยนบ้านที่เป็นแค่โครงสร้างให้กลายเป็นบ้านที่หมายถึงครอบครัวอย่างแท้จริงและเมื่อวันนั้นมาถึง หญ้าก็เขียวขจี ดอกโมกก็ส่งกลิ่นหอมขจรขจาย…กริชจรดศีรษะลงหอมแก้มนุ่มของลูกสาวตัวน้อยที่ขอแยกห้องนอนไปแล้ว เมื่อ