LOGINดวงตาดำขลับฉาบรื้นด้วยน้ำใสของเมลานีก่อกวนความคิดของเขาไม่หยุด แววตาตัดพ้อของเธอเหมือนเสี้ยนเล็ก ๆ ที่ตำลงในเนื้อหัวใจ ไม่ถึงกับเจ็บเจียนตายแต่ก็ทิ้งรอยระคายไว้อย่างนั้น มันน่ารำคาญ...เออ พูดว่าทรมานก็ได้ แต่เขาไม่มีทางยอมให้โชว์รูมกลายเป็นตลาดสด กับอีแค่ขายผลไม้สุก ๆ ดิบ ๆ ให้กับเซลส์สาวพวกนั้นเขาไม่ว่าหรอก แต่ไม่ใช่ตั้งตัวเป็นแม่ค้าหน้าแฉล้มให้ช่างทั้งทีมมาหยอด เมลานีคิดว่าตัวเองเป็นขนมครกหรือไง
ต่อให้โมโหแต่ก็ยังอยากจะเห็น ชายหนุ่มเปิดโปรแกรมดูกล้องวงจรปิดในตำแหน่งที่เมลานีนั่งอยู่อีกครั้ง สองมือใหญ่ประสานไปที่ท้ายทอย กดวนนวดจุดตึงเครียดเบา ๆ สายตาก็มองภาพหญิงสาวยกตะกร้าขนมขึ้นมานับจำนวนของที่เหลือ คำนวณคร่าว ๆ น่าจะเกินยี่สิบถุง
กริชย้ายมือใหญ่จากต้นคอมาที่ขมับเสยผมขึ้นไปบนหน้าผากของตนเองยามเห็นหญิงสาวหยิบเครื่องคิดเลขมากดอยู่สักพักแล้วใช้ฝ่ามือบอบบางปาดน้ำตาที่ข้างแก้ม ผมที่เสยขึ้นสูงก็ถูกดึงทึ้งด้วยความเครียดเหมือนจะคลั่ง พอเมลานีลุกหิ้วตะกร้าเดินออกจากจุดที่จับภาพได้ กริชก็ร้อนรนผุดลุกตาม
“ผมต้องไปข้างนอก มีอะไรค่อยเคลียร์พรุ่งนี้” ประธานหนุ่มสั่งโดยไม่หยุดฝีเท้าเลยด้วยซ้ำ แม้แต่เลขาที่เรียกขอให้เซ็นเอกสารก่อนแต่กริชไม่มีเวลาเหลือจะหยุดรอ
เมลานีใช้สองมือกอดตะกร้าที่ใส่ขนมออกมายังนอกโชว์รูม ตั้งแต่กริชมาโวยวาย ใครก็ไม่กล้ามาซื้อขนมอีกเพราะกลัวจะโดนหางเลขไปด้วย ขนมของเธอไม่ใส่สารกันบูดแถมยังมีส่วนผสมของกะทิ เก็บไว้ไม่ได้จะบูดเน่าเปล่า ๆ หญิงสาวจำได้ว่าบริเวณตรอกใกล้ ๆ มีสุนัขจรจัด อย่างน้อยทำทานให้หมาก็ยังดีกว่าทิ้ง
เธอลงทุนซื้อข้าวของและลงแรงทำหลายชั่วโมงเพื่อหาเงินเพียงเล็กน้อย สำหรับคนรายได้ต่ำแต่มีภาระข้างหลังเต็มไปหมด ลงทุนแล้วไม่ได้ขายมันหมายถึงการเข้าเนื้อเจ็บหนัก กริชใจดำถึงขนาดตัดช่องทางทำมาหากินเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งที่เธอพยายามเท่าที่สติปัญญาและความสามารถจะพอมี
หญิงสาวเลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ มุมตึกและหยุดหันหลังพิงกำแพงก้มหน้าจนคางชิดอก ปล่อยน้ำตาไหลรินลงมาเงียบ ๆ ลำพังตัวเธอคนเดียวจะกินจะอยู่อย่างไรก็ได้ แต่เมื่อมีลูก ค่าใช้จ่ายที่คิดว่าจำกัด มันอาจจะไร้ขอบเขตขึ้นมาทันทียิ่งในกรณีที่ลูกน้อยของเธอต้องเข้ารับการรักษาตัวด้วย
กริชจ้ำอ้าวมาทันหญิงสาวที่มุมตึกเล็ก ๆ ขายาวเดินตามไปเหมือนถูกสะกด จนเธอหลบเข้ามาพิงร่างกับผนังปูนแล้วร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ภาพนั้นตรึงเขาไว้กับที่ เมลานีดูโดดเดี่ยวเหลือเกิน อ้างว้างจนคนที่โดดเดี่ยวจนชินชาแบบเขายังทนมองไม่ได้
“ขายไม่ออกถึงกับร้องไห้เลยเหรอ” เสียงทุ้มต่ำทั้งยั่วหยอกและปลอบประโลมดังขึ้นใกล้ ๆ เธอก้มหน้าจึงมองเห็นเพียงรองเท้าหนังราคาแพงของเขา แต่ก็รีบละฝ่ามือข้างหนึ่งเพื่อมาเช็ดข้างแก้มให้แห้งสนิทแล้วเงยหน้าขึ้น สบกับประกายสายตาเข้มคมที่อ่อนแสงลง แต่พอเห็นเขายกมุมปากยิ้มล้อเลียนเท่านั้น ความอดทนอดกลั้นทั้งมวลก็ระเบิดออก หญิงสาวปล่อยโฮลั่น ทั้งทุบทั้งตีไปบนแผงอกของคนที่เอาแต่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตา
“ไอ้คนเฮงซวย จะรังแกกันไปถึงไหน”
กริชปล่อยให้หญิงสาวทุบตี ระบายอารมณ์ใส่อย่างเต็มที่ พอเสียงสะอื้นเบาบางลง เขาก็รวบร่างน้อยมากอดไว้กับอก กดศีรษะให้ซุกลงกับบ่าลูบผมเส้นเล็กนิ่มสลวย ตบหลังเบา ๆ ให้พอคลายความร้อนรน
“อยากได้เงินนัก เดี๋ยวจะขึ้นเงินเดือนให้”
“แต่วันนี้ฉันจะขายตะโก้เผือก” เมลานีสะอึกสะอื้นน้ำเสียงอู้อี้
“ฮะ เธอว่าใครเสือก”
“ตะโก้เผือก!” หญิงสาวหยุดร้องไห้โวยวายแล้วผลักเขาออก ทั้งโกรธแต่ก็ขำที่หูของเขามีปัญหา
กริชชะงักกับรอยยิ้มกึ่งหัวเราะของหญิงสาว รอยระยิบระยับในตาของเธอพราวพร่างเหมือนเอาดวงดาวบนท้องฟ้ามาบรรจุรวมกันไว้ เขาเพิ่งรู้สึกไปเมื่อครู่ว่าเมลานีร้องไห้ก็ยังสวย แต่พอเห็นรอยยิ้มแท้ ๆ จากอารมณ์รื่นเริงเพียงวาบเดียว มันกลับชวนตะลึงและพาให้หัวใจเต้นระส่ำ จนต้องเสมองไปทางอื่น
“แล้วนี่จะเอาไปไหน” ชายหนุ่มชี้ไปที่ขนมพะรุงพะรังที่เมลานีหิ้วขึ้นมาอีกครั้ง
“ขายไม่ได้แล้วก็ให้หมา” เมลานีกระแทกกระทั้นตอบด้วยความโมโห
“หมาตัวไหนเหรอคะ” กริชอมยิ้มตาวาว ยกมือขึ้นหยิกแก้มน้อยของเธอเบา ๆ แต่หญิงสาวใช้อีกมือปัดออก เหวี่ยงถุงตะโก้ไปกระแทกอกกว้าง และกริชไวพอจะรวบไว้ได้ทั้งหมด แถมยังเลิกคิ้วล้อเลียนกระพือความโกรธของหญิงสาวเข้าไปอีก
“หมาสองขาตรงนี้ไง”
เมลานีจ้ำหนีคนกวนประสาทไปถึงมุมตึกเลี้ยวออกถนน หันมามองอีกครั้งเพราะรู้สึกถึงกระแสคมกล้าจากชายหนุ่มร่างสูงเบื้องหลัง กริชเพียงยกยิ้มน้อย ๆ และมองเธอไปจนลับสายตา แล้วค่อยเอียงคอสนใจขนมห่อสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ในมือแบบขำ ๆ
“เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขาอ่อยด้วยตะโก้กันเหรอวะ”
กริชลองแกะเข้าปาก พอได้ชิมก็ติดใจจนต้องแกะชิมอีกชิ้น รสชาติขนมนุ่ม ละมุนลิ้นเป็นบ้า
“หวาน” กริชมองตะโก้สีขาวในมือตาแพรวพราว ยกมือลูบท้ายทอยตัวเองเบา ๆ
เหมือนคนทำเลยสินะ...หวานเหมือนเธอไม่มีผิดเลยแม่หนูเมล
Special Talk : พี่กริชถ้าช่วงชีวิตของคนเราจะมีเพลงประจำของมันอยู่ ชีวิตผมก็คงเริ่มด้วยเพลงบลูส์อันแสนเศร้าสร้อย...ผมจึงใช้มันเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในใจ และทุกครั้งที่ผมขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ผมจะเห็นเด็กสาวแสนสวยคนหนึ่งที่นั่งมองผมอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางผู้คนที่แต่งตัวมาประชันกันในบาร์ราคาแพงสายตาของผมกลับกวาดไปตกลงที่เธอเท่านั้นผมจำเธอได้ดี แม้วันนี้เธอจะไม่ใช่เด็กน้อยผมเปียแต่เติบโตเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง ผมรอให้เธอเข้ามาหาเพื่อขอโทษกับสิ่งที่ทำร้ายผมในอดีต แต่เธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้น นานวันเข้าจากที่เคยชินก็กลายเป็นผมที่เฝ้ารอให้เธอมานั่งฟังเพลงที่นี่ทุกคืน...และผมก็เลือกที่จะลงมือจัดการเธอผมเริ่มเกมด้วยความแค้นในจุดเริ่มต้น และเข้าสู่เส้นชัยด้วยความว่างเปล่าสามปีในมาเก๊า ผมอยู่กับความถวิลหาที่ไม่อาจเติมเต็ม แล้วกลับเมืองไทยอย่างคนไร้ชีวิตจิตใจ อุทิศพลังทั้งหมดเพื่อทำงาน ซมซานกลับไปโดดเดี่ยวในคอนโดหรูที่แสนเวิ้งว้างจนกระทั่งวันที่ผมได้ยินเสียงรับโทรศัพท์ของโอเปอเรเตอร์คนใหม่ ผมจึงเข้าใจว่าทำไมผมถึงเฝ้ามองหาเงาใครบางคนท่ามกลางฝูงชนอยู่ตลอดเวลาผมหันหลังไปยืมกีตาร์จากนักดนตรีในงานไมเนอร์
โซ่รักตอนพิเศษ โซ่รักวันเกิดของกริชเวียนกลับมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างโหวตเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากไปทะเลอีกครั้งเพราะติดใจวิลลาริมทะเลที่เคยไปในอดีต ป้าละไมขออยู่เฝ้าบ้านเพราะกำลังติดซีรีส์อินเดียอย่างหนักหน่วง เจ้าของวันเกิดผู้เป็นทาสเมียและทาสลูกสาวโดยสมบูรณ์จึงไม่อิดออดที่จะเอาใจสองสาวต่างวัย เพียงแต่ระหว่างทางเขาพาทั้งเมลานี และหนูพายแวะที่วัดแห่งหนึ่งก่อน“แวะที่นี่ก่อนนะคะหนูเมล” จังหวัดเดิมที่เคยอาศัยเป็นทางผ่านก่อนไปทะเล และกริชตั้งใจพาลูกสาวกับเมลานีมาที่นี่อยู่แล้ว จึงถือโอกาสพิเศษนี้แวะเสียเลย“ไหว้พระเหรอคะ”“ค่ะ พี่เตรียมสังฆทานใส่รถมาแล้วด้วย ความจริงตั้งใจจะมาที่นี่ในวันเกิดนั่นแหละ อยากมาทำบุญ”“ทำไมไม่บอกล่ะคะ เมลจะได้ช่วยเตรียมของ” เมื่อเปิดท้ายรถก็พบว่าชายหนุ่มเตรียมเครื่องสังฆทานกล่องใหญ่มาแล้ว เขาเลือกของด้วยตัวเองแล้วนำมาใส่กล่องใส ไม่ใช่สังฆทานสำเร็จรูปที่มักจะใส่กระป๋องสีเหลืองตามแบบที่ร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์มักจะทำกัน“ครั้งหน้านะคะ เมื่อคืนวานพี่เห็นเมลเหนื่อย หมดเรี่ยวหมดแรงก็เลยสงสารไม่อยากกวน” เขาว่านัยน์ตาเยิ้ม สื่อความนัยที่เขาและเมลานีเท่านั้นถึง
ซ่อน 2“งั้นมีรางวัลให้ผัวที่น่ารักคนนี้ไหมล่ะคะ” เสียงห้าวแหบพร่าแต่แววตาของเขากลับเปิดเปลือยความต้องการอันร้อนแรงขึ้นมาทันที ฝ่ามือร้อนผ่าวอีกข้างถลกกระโปรงทรงเอสั้นแค่เข่าของหญิงสาวขึ้นมาแล้วประกบมือลงไปบนเนินเนื้อสามเหลี่ยมอวบอิ่ม บีบเคล้นเบา ๆ แบบจาบจ้วงแต่ก็เร้าใจ“พี่กริช เดี๋ยว” เมลานีเสียงสั่นเมื่อเขาบีบเคล้นที่ความเป็นหญิงของเธออย่างเอาแต่ใจ แต่แล้วก็ต้องซบหน้าลงกับอกและใช้มือจิกไหล่กว้างไว้เป็นหลักยึดเมื่อถูกนิ้วเรียวยาวกรีดลงไปในร่องเนื้ออันไวต่อสัมผัส เมื่อพบติ่งเนื้อนิ้วสากระคายก็กดคลึงหมุนวนจนเรียกน้ำชุ่มฉ่ำออกมาได้สำเร็จ“ดื้อกับพี่นัก คนดื้อต้องถูกลงโทษให้หนัก”“อ๊ะ” ความเสียวแปลบเกิดขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางที่ชุ่มฉ่ำ เขาหงายมือและงอนิ้วขึ้นด้านบน ควงคว้านจนเจอกับจุดที่ทำหญิงสาวครางกระเส่า จากนั้นจึงเพิ่มจำนวนนิ้วสอดเข้าไปเพื่อจัดการกับคนดื้อ ช่องทางของเธอแม้จะชุ่มฉ่ำแต่ก็ยังคับแน่นจนอึดอัด ชวนให้อยากจะเอาตัวตนของเขาสอดใส่เข้าไปแทนที่ในตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดเมลานีเสียวซ่านไปทั้งสรรพางค์กาย เลื่อนมือข้างหนึ่งมารั้งข้อมือที่รังแกเธอไม่หยุดหย่อนไว้ แต
ซ่อน 1ตั้งแต่ย้ายไปบ้านหลังที่เตรียมไว้ ข้าวของต่าง ๆ ของเมลานีและหนูพายรวมถึงป้าละไมเพิ่งย้ายเสร็จเรียบร้อย ส่วนกริชที่ข้าวของส่วนตัวของเขาน้อยมาก กลายเป็นเมลานีต้องคอยดูคอยซื้อหาเสื้อผ้าใหม่ ๆ ให้กับเขาอยู่เสมอ พอเธอถามเขาก็บอกว่าขี้เกียจเก็บของจากคอนโดเก่า แต่จริง ๆ หญิงสาวเคยแวะไปที่คอนโดของเขาก็ไม่ได้มีเสื้อผ้าเครื่องใช้เหลืออยู่เท่าไรนัก และด้วยความที่มัวแต่วุ่นวายกับการตกแต่งบ้านหลังใหม่ เมลานีจึงเพิ่งมีโอกาสที่จะเข้าไปเก็บของให้หมดเสียที เพราะรู้ว่ากริชเองก็มัวแต่ยุ่งกับการขยายสาขาหญิงสาวหยิบคีย์การ์ดของคอนโดจากลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเตรียมไปเก็บของให้เขา คอนโดของกริชทำเลดี และราคาแพงลิบลิ่ว เมลานีเคยเสนอให้เขาปล่อยเช่าหากไม่ต้องการอยู่ด้วยตนเอง แต่ชายหนุ่มอ้างว่ากลัวคนเช่าจะทำให้คอนโดของเขาเละเทะ และกริชก็ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นสมบัติของลูกเสียมากกว่า“พี่กริชคะเมลกำลังออกไปเก็บของที่เหลือในคอนโดให้นะคะ” หลังจากสตาร์ตรถและขับมาได้ครู่หนึ่งหญิงสาวก็โทรแจ้งเจ้าของสินทรัพย์ให้ทราบ“ฮะ ไม่ เมลไม่ต้องไป” ปลายสายดูร้อนรนขึ้นมาทันทีจนหญิงสาวแปลกใจ“ทำไมคะ ก็ในเมื่อพี่กริชยุ่ง
ผมเปียตั้งแต่ฝึกฝนถักเปียกับสายไฟอยู่พักใหญ่จนมั่นใจว่าถูกต้อง กริชก็เริ่มลองถักผมยาวเหมือนแพรไหมของเมลานี ครั้งแรก ๆ เขาเกร็งมากเพราะกะน้ำหนักมือไม่ถูก กลัวจะทำให้หนังศีรษะของภรรยาหลุดติดมือมาด้วย แต่เมลานีก็คอยสอนคอยบอกจังหวะ ไม่นานเขาก็ถักเปียได้สวยและเป็นระเบียบจนอยากจะลองถักให้ลูกสาวดูบ้างพอได้ทำ ก็กลายเป็นกิจวัตรที่ทุกวันมานี้กริชจะต้องถักผมเปียให้หนูพายทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน เวลาลูกและเมียชมว่าทำได้สวย เขาภูมิใจกับมันมากกว่าการได้รับรางวัลนักบริหารดีเด่นของวงการยานยนต์เสียอีก“สวยสุด ๆ ไปเลยลูกสาวพ่อ”“พ่อกิด ไม่ใช่แบบนี้ โน โน” หนูพายเอียงศีรษะข้างซ้ายที ข้างขวาที แล้วไปเขย่าแขนคนเป็นพ่อให้จัดการแก้ไข“อะไรคะ”“ไม่สวย จะเอาแบบที่คุณแม่ทำให้ค่ะ”“แต่ปกติพ่อก็ถักเปียแบบนี้ให้นี่คะลูก” กริชบอกอย่างเอาใจลูกสาวตัวน้อยในชุดนักเรียน“หนูชอบแบบใหม่มากกว่าค่ะ” หนูพายทำปากยื่น “พ่อกิด ทำใหม่ค่ะ”“ทำ...ทำแบบไหนดี” คนเป็นพ่อเริ่มเลิ่กลั่ก กว่าเขาจะสำเร็จวิชาถักเปียก็เสียสายไฟไปหลายขด หนูพายกลับเบื่อเปียของเขาเสียง่าย ๆ กลัวเหลือเกินว่าไอ้แบบใหม่ที่ลูกสาวว่ามันจะทำให้เขาต้องกุมขมับและซื้อ
บ้านใหม่ 1กลิ่นดอกโมกหอมอ่อน ๆ โชยกรุ่นทำให้อากาศยามเช้ายิ่งสดชื่น สนามหญ้าเขียวสบายตาที่ถูกดูแลอย่างดีมีละอองน้ำจากหยาดฝนที่เพิ่งทิ้งช่วงไปตอนเช้ามืดพร่างพรมไปทั่วครั้งหนึ่งกริชไม่ชอบบ้านเพราะพื้นที่กว้างขวางทำให้คนตัวคนเดียวอย่างเขายิ่งโดดเดี่ยว แต่พอรู้ว่ามีความรักและมีลูกสาว เขาก็ซื้อบ้าน ซื้อไว้รอตั้งแต่เมลานีบอกให้เขาตัดใจใต้ต้นสนริมทะเลเขาซื้อบ้านที่มีสนามหญ้ากว้างไว้ให้ลูกวิ่งเล่น และปลูกต้นโมกที่ลูกสาวเคยมอบให้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันไว้รอบรั้ว ตกแต่งบ้านตามความชอบที่เมลานีเคยเพ้อฝันให้ฟังในสมัยเธอยังเป็นนักศึกษา ถ้าหลังกลับมาจากมาเก๊า เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อสร้างไพน์กรุ๊ป หลังกลับมาจากทะเลอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสวันนั้น เขาก็อุทิศความหวังทั้งหมดลงมาที่บ้านหลังนี้ สร้างมันทีละส่วนอย่างตั้งใจ เหมือนกับที่เขารอคอยเมลานีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คล้ายหวังอยู่ลึก ๆ ว่าเขาจะได้มีโอกาสเปลี่ยนบ้านที่เป็นแค่โครงสร้างให้กลายเป็นบ้านที่หมายถึงครอบครัวอย่างแท้จริงและเมื่อวันนั้นมาถึง หญ้าก็เขียวขจี ดอกโมกก็ส่งกลิ่นหอมขจรขจาย…กริชจรดศีรษะลงหอมแก้มนุ่มของลูกสาวตัวน้อยที่ขอแยกห้องนอนไปแล้ว เมื่อ







