แชร์

บทที่ 37

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
หรงจือจือเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า เอ่ยปากว่า “เป็นข้าที่ทำผิดต่อพระชายา”

จากนั้น หรงจือจือก็เล่าพฤติกรรมต่างๆ ในหลายวันนี้ของฉีอวี่เยียนให้พระชายาฟังอย่างไม่ขาดตก ทว่านางมิได้ตัดสินใด เพียงแต่กล่าวถึงมุมมองของตนออกไปอย่างมีระเบียบเท่านั้นอย่าง

เมื่อพระชายาอ๋องเฉียนและนางเซี่ยได้ฟัง สีหน้าก็ยิ่งเคร่มขรึมขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้าย หรงจือจือกล่าวว่า “ตามหลักแล้ว ไม่ควรนำเรื่องไม่งามในบ้านมาเปิดเผยต่อภายนอก ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ควรพูดออกมา แต่เนื่องจากการแต่งงานครั้งนี้มีข้าเป็นผู้มาขอ หากไม่กล่าวกับพระชายาให้ชัดเจน ในใจข้าก็ไม่อาจให้อภัยตนเองเช่นกัน”

กล่าวจบ นางก็จะลุกขึ้นยืนทำการคารวะครั้งใหญ่ เพื่อแสดงถึงการขอขมา

ทว่า พระชายาอ๋องเฉียนขัดขวางนางไว้ “เอาเถิด ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นดอก! แม้แต่ตัวเจ้าเองก็ถูกพวกเขาทั้งบ้านหลอกเช่นกัน แม้บ้านข้าจะพลอยถูกทำให้เดือดร้อนไปด้วย แต่เจ้าจึงจะเป็นเหยื่อรายใหญ่ที่สุด แม้ข้าจะอายุมากแล้ว แต่เหตุผลแค่นี้ข้ายังพอเข้าใจอยู่!”

“นั่งลงเถิด! แม้เจ้าจะช่วยข้าไว้ แต่ตอนนั้น ที่หมั้นหมายก็มิใช่เพราะบุญคุณในเรื่องนี้ แต่เป็นเพราะฉีอวี่เยียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้า
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 38

    เมื่อคนถูกไล่ออกไปแทบจะหมดแล้วพระชายาอ๋องเฉียนจึงได้เอ่ยปากอย่างลังเล “จือจือ ข้าเห็นเจ้าดั่งลูกหลานของตนจริงๆ จึงได้ถามเจ้าตามตรง มิได้มีเจตนาจะดูหมิ่นเจ้าอย่างแน่นอน ยังหวังว่าเจ้าอย่าโกรธเคืองอย่างเด็ดขาด”นี่กล่าวจนหรงจือจืองุนงงกว่ายิ่งเดิม ที่แท้เป็นคำถามใดกันแน่ จึงได้ร้ายแรงถึงขั้นนี้แล้ว?แม้ในใจของนางจะรู้สึกประหลาดใจ ทว่าบนใบหน้าก็ยังคงน่ารักเชื่อฟัง “พระชายา ท่านพูดมาเถิด ท่านปฏิบัติต่อข้าเช่นใด ในใจของข้าย่อมรู้ดี ไม่มีทางเข้าใจท่านผิดแน่เจ้าค่ะ”ในวันนี้ การที่พระชายายืนอยู่ข้างนางในเรื่องของฉีอวี่เยียนเยี่ยงนี้ หากหรงจือจือยังกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนาร้ายต่อตนอีก เช่นนั้น หรงจือจือก็ออกจะไม่รู้ดีชั่วแล้วจริงๆพระชายาอ๋องเฉียนจึงได้วางใจลง แล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าก็จะถามแล้ว! ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้าแต่งไป ร่างกายของฉีจื่อฟู่ก็ไม่ค่อยจะดี จากนั้นไม่กี่วันเขาก็ไปแคว้นเจา เมื่อกลับมาก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ดังนั้นพวกเจ้า พวกเจ้า…”เห็นพระชายาอ๋องเฉียนอ้อมค้อมไปมากมาย สุดท้ายยังคงอ้ำๆ อื้งๆ มิได้กล่าวประเด็นสำคัญออกมาหรงจือจือจึงกล่าวว่า “พระชายา ท่านก็พูดมาตามตรงเถ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 39

    นางก็มิได้เขลา จึงกล่าวว่า “พระชายา ข้ายังไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน เกรงว่าต้องผิดต่อความหวังดีของท่านแล้วเจ้าค่ะ”นางไม่เคยคิดจริงๆ เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับฉีจื่อฟู่ ความมั่นใจที่นางมีต่อการแต่งงานล้วนสลายไปหมดแล้ว ภายหน้า ก็คิดเพียงจะคอยแสดงความกตัญญูอยู่ข้างกายของท่านย่า ปรนนิบัตินางในบั้นปลาย และในยามนี้ ตัวนางยังอยู่ในบันทึกวงศ์ตระกูลของตระกูลฉีอยู่เลย แล้วจะสนทนาเรื่องพวกนี้ได้อย่างไรเมื่อพระชายาอ๋องเฉียนได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจหรงจือจือในตอนนี้ เป็นฮูหยินของฉีจื่อฟู่ เพื่อหลานชาย นางสามารถทำหน้าหนาแย่งชิงคนของผู้อื่นได้ แต่หรงจือจือกลับไม่อาจรับปากด้วยความยินดีได้ในทันที เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็ได้แต่ตีความว่า หรงจือจือเป็นสตรีที่ไร้ความสำรวมแล้วตนมิได้มองหรงจือจือผิดไปจริงๆพระชายาอ๋องเฉียนกล่าวว่า “ในเรื่องนี้ เจ้าก็มิต้องรีบร้อนปฏิเสธ ข้ารู้ว่า หลายวันนี้จิตใจของเจ้ากำลังสับสน รอจนเจ้าหย่าร้างเรียบร้อยแล้ว เจ้าค่อยใคร่ครวญคำพูดของข้าก็ได้”“บัดนี้ เหิงเอ๋อร์เองก็รับหน้าที่อยู่ในสำนักฮั่นหลิน ในภายภาคหน้ายังจะสืบทอดบรรดาศักดิ์ต่ออีก กับเจ้าแล้ว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 40

    หรงจือจือจะรู้ได้อย่างไรว่า ในใจของหยางหมัวมัวกำลังคิดสิ่งใดยามนี้จึงได้แต่อมยิ้มมองไปที่นางเซี่ย “ในเมื่อพระชายาซื่อจื่อกล่าวว่าติดค้างน้ำใจข้าหนหนึ่ง เช่นนั้นข้าก็จะทำหน้าด้านขอแล้วนะเจ้าคะ”เมื่อหยางหมัวมัวฟังมาถึงจุดนี้ ก็ยิ่งอึดอัด หนี้น้ำใจนี้เมื่อขอไปแล้ว วันหน้าหากนางหรงคิดจะเปลี่ยนใจ แต่งให้กับคุณชายใหญ่ ก็ไม่อาจทำได้แล้วนางเซี่ยกลับพอใจกับการรู้ความของหรงจือจือเป็นอย่างมาก “อย่างนั้นเจ้าก็ลองพูดมาดูว่า เจ้าคิดจะให้ข้า ชายาซื่อจื่อผู้นี้ทำสิ่งใดให้เจ้ากัน?”หรงจือจือ “เรื่องการบอกให้ฉีอวี่เยียนเป็นอนุนั้น ยังขอรบกวนให้พระชายาซื่อจื่อ ช่วยโยนความผิดทั้งหมดไปที่แม่สามีผู้นั้นของข้าด้วยเจ้าค่ะ”สายตาที่นางเซี่ยมองหรงจือจือ อดไม่ได้ที่จะลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย “จือจือเกรงว่าคนตระกูลฉีจะคิดโยงมาถึงตัวเจ้า แล้วโทษเจ้ากระนั้นหรือ?”หรงจือจือยิ้มน้อยๆ ว่า “ในเมื่อวันนี้พระชายาซื่อจื่อเปิดอกพูดกับข้า เช่นนั้นข้าก็จะขอกล่าวตามตรง สามปีมานี้ ขอเพียงนางถานต้องการจะร้องขอสิ่งที่เกินกำลังให้ฉีอวี่เยียน ล้วนให้ข้าวุ่นวายเป็นธุระให้นาง ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจ เสียทั้งเงินใช้ทั้งพลังงาน สิ่งท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 41  

    พระชายาอ๋องเฉียนกล่าว “นี่จะมีอะไรเป็นไปไม่ได้? คนอย่างเจ้าด้อยกว่าเจ้าฉีจื่อฟู่คนนั้นที่ไหนกัน กล่าวถึงชาติตระกูลแล้วไม่มีผู้ใดจะเทียบเจ้าได้ นางหรงเปลี่ยนมาสมรสกับเจ้า ก็ถือเป็นเรื่องมงคลสำหรับนางและสกุลหรงแล้ว” “และอีกอย่าง ต่อจากนี้ในจวนก็มีข้าซึ่งเป็นย่าของเจ้าคอยดูแลนาง จะไม่สุขกายสบายใจกว่าการใช้ชีวิตอยู่กับนางถานอีกหรือ? ไว้นางหย่าร้างแล้ว หากสกุลหรงไม่ยินยอม ข้าจะยอมเสียหน้า ไปช่วยเจ้าสู่ขอด้วยตนเอง!” ถึงแม้ว่าพระชายาอ๋องเฉียนจะคิดไม่ออก ว่าสกุลหรงจะมีเหตุผลใดที่จะไม่ยินยอม จีอู๋เหิงได้ยินถึงตรงนี้ ก็รีบคุกเข่าต่อหน้าท่านย่าทันที พลางกล่าวด้วยความตื้นตัน “เป็นพระคุณยิ่งนักขอรับที่ท่านย่าเมตตาให้อภัยในความดื้อรั้นของหลาน! หากได้สมรสกับบุตรสาวคนโตสกุลหรงแล้ว ตลอดชีวิตนี้หลานจะไม่ร้องขอสิ่งใดอีกแล้ว และข้ากับนางจะตั้งใจดูแลท่านย่า กตัญญูตอบแทนบุญคุณอย่างดีขอรับ” พระชายาอ๋องเฉียนยิ้มพลางเอ่ย “หากมิใช่นางเจ้าก็ไม่ยอมสมรสกับผู้ใด หากข้าไม่อภัยให้เจ้าแล้วจะทำอย่างไรได้หรือ? เพียงแต่ประโยคที่ว่า ‘ตลอดชีวิตนี้จะไม่ร้องขอสิ่งใดอีกแล้ว’ จากนี้อย่าได้พูดออกมาอีกเชียว ในเมื่อเจ้าจะ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 42  

    หรงจือจือยิ้มบาง ๆ ได้แต่รู้สึกว่าเจาซีช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน ไม่ว่าคนนอกจะดูถูกดูแคลนนางอย่างไร ทว่าในสายตาของเจาซี ตนเองดีที่สุดในทุกด้านแล้ว คนอื่นที่พลาดตนเองไป จะต้องรู้สึกเสียใจทั้งสิ้น หรงจือจือยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นาง “เอาล่ะ รีบเช็ดน้ำตาได้แล้ว ประเดี๋ยวหากมีคนเห็นเข้า เกรงว่าจะเล่าลือกันไปแบบไม่มีสาเหตุอีก” เจาซีผงกศีรษะอย่างว่าง่าย และรับผ้าเช็ดหน้าไว้ ครั้นปลอบโยนเจาซีเรียบร้อย หรงจือจือก็สงบจิตใจกลับมาอยู่กับตนเอง หวนคิดถึงถ้อยคำของนางเซี่ยแล้ว ก็รู้สึกว่าไอเย็นยะเยือกระลอกหนึ่งพลันไล่ขึ้นมาจากฝ่าเท้า ถ้อยคำว่าร้ายเหล่านั้นบาดลึกจนทำให้รู้สึกเหน็บหนาวแม้นอยู่ในเดือนหก ฤดูหนาวในวันนี้ ช่างเย็นเยือกเสียเหลือเกิน ทว่านางจะไม่มีวันถูกทำลายลงได้ และนางก็จะไม่ยอมให้ตนเองถูกทำลายลงเด็ดขาด ท่านย่าสอนให้นางเข้มแข็งและกล้าหาญเด็ดขาด นางหรือจะทำให้ท่านย่าต้องผิดหวัง? ครั้นกลับมาถึงจวนโหวแล้ว หรงจือจือสั่งให้บ่าวรับใช้จุดถ่านไฟ กระทั่งร่างกายอบอุ่นขึ้นแล้ว ก็สั่งด้วยเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนบอกให้เจาซีไปนำกระดาษและพู่กันมา จากนั้นก็เริ่มเขียนหนังสือหย่าด้วยความตั้งอกตั้งใจเป็นที่สุ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 43  

    เฉินหมัวมัวโกรธจนหน้าถอดสี ขึงตาจ้องหรงจือจือพลางเอ่ยว่า “ฮูหยินซื่อจื่อ ท่านคิดให้ดี! แม่สามีของทำกำลังไม่สบาย หากท่านปฏิเสธไม่ดูแลปรนนิบัติท่านยามป่วยไข้จะมีโทษอย่างไร?” หากมิใช่เพราะมีเพียงฝีมือและแรงบีบนวดของนางหรงเท่านั้น ที่สามารถทำให้ฮูหยินรู้สึกสบายตัวได้แล้ว ตนเองไม่มีทางถ่อมาถึงที่แห่งนี้แน่ หรงจือจือเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ข้าบอกแล้ว ว่ามือข้าไม่มีแรง ให้ท่านแม่ลองคิดดูเอาเองเถิด หากเรื่องที่ฝืนบังคับให้ลูกสะใภ้ที่กำลังไม่สบายไปบีบนวดให้ตนเอง ถูกเล่าลือออกไปถึงคนข้างนอกจะน่าฟังหรือไม่น่าฟัง” สาวใช้เฉินกล่าว “กำลังไม่สบาย? ฮูหยินซื่อจื่อ ข้าเห็นอยู่ว่าท่านร่างกายแข็งแรงดีนะเจ้าคะ!” หรงจือจือเหลือบสายตามองนาง “อะไรกัน? นี่เจ้าเป็นหมออย่างนั้นหรือ?” สาวใช้เฉินถูกตอกหน้าจนสะอึกไป นางพลันรู้สึกคับแค้นใจขึ้นมา ก็เอ่ยว่า “ฮูหยินซื่อจื่อ บ่าวขอเตือนท่านไว้อย่างหนึ่ง บัดนี้เป็นเพราะทุกคนให้เกียรติท่ามหาราชครูหรงอยู่ ถึงได้เรียกท่านว่าฮูหยินซื่อจื่อ!” “ซื่อจื่อหมายมั่นตั้งใจแล้วว่าจะให้องค์หญิงม่านหวาเป็นภรรยาเอก ความจริงพวกข้าควรจะเรียกท่านว่าอนุด้วยซ้ำ แต่เพราะฮูหยินมีเมตตา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 44  

    ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าที่แห่งนี้คือเรือนของหรงจือจือเลย นางควบคุมอำนาจการดูแลงานบ้านงานเรือนภายในจวนโหวมาแล้วสามปี ด้วยความสามารถในการควบคุมบ่าวรับใช้ของนาง ตราบใดที่มิใช่สวนฉางโซ่วแล้ว การจะจัดการกับสาวใช้เฉินเพียงคนเดียว ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืน อวี้หมัวมัวโบกมือ บ่าวรับใช้หลายคนก็เดินเข้ามา มัดตัวสาวใช้เฉินไว้ สาวใช้เฉินคุกเข่าลงตรงเบื้องหน้าหรงจือจืออย่างไม่เต็มใจถึงที่สุด ปากก็เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าบ่าวรับใช้ผู้ซึ่งรับหน้าที่ลงโทษ เดินเข้าไปก็จัดการตบปากเต็มแรงไปหลายหน จนคำพูดของสาวใช้เฉินกระจุยกระจายหายไปหมด นางกัดฟันกรอด ๆ “ฮูหยินซื่อจื่อ เจ้า…เจ้า…ตบข้า ฮูหยินท่านไม่…มะ…ไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ นางจะต้อง…ไม่ปล่อยเจ้า…อย่างเด็ดขาด…” เห็นสาวใช้เฉินมาถึงตอนนี้แล้ว ยังไม่รู้จักสำนึกผิด ยังกล้าใช้วาจาคุกคามข่มขู่หรงจือจือ หรงจือจือเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉย “ประเดี๋ยวตอนโบย มิต้องออมมือ บาดแผลจะสาหัสเพียงใดล้วนเป็นสิ่งที่นางสมควรได้รับมันแล้ว” อวี้หมัวมัวรับคำ “เจ้าค่ะ!” สาวใช้เฉินถูกตบจนหน้าบวม ครั้นได้ยินวาจานี้ ก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด เจาซียังคงโกรธเคืองกับสิ่งที่สาวใช้เฉิน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 45  

    สาวใช้เฉิน “…” บ่าวรับใช้รับคำ “เจ้าค่ะ!” เสียงหวดไม้บนร่างแต่ละครั้งแต่ละครั้งแว่วดังมาจากด้านนอก สำหรับเจาซีแล้ว ทุกเสียงหวดไม้ล้วนคล้ายกับเสียงเพลงฉินอันไพเราะจับใจ จนนางเคลิบเคลิ้มเพลิดเพลินไปหมด สาวใช้มีความสุขเสียยิ่งกว่าตอนฉลองปีใหม่ “คุณหนูเจ้าคะ นางบ่าวเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้ทำให้ท่านต้องทุกข์ใจมานานหลายปี ในที่สุดพวกเราก็ได้ระบายความอัดอั้นตันใจออกมาเสียทีนะเจ้าคะ บ่าวไม่เคยรู้สึกสะใจมากถึงเพียงนี้มานานแล้วจริง ๆ เจ้าค่ะ” “เป็นแค่บ่าวรับใช้ข้างกายฮูหยิน คงเพราะปรนนิบัติฮูหยินมานาน ถึงได้คิดว่าตนเองกลายเป็นฮูหยินด้วยแล้วกระมัง” “ทุกครั้งที่บ่าวเห็นหน้าหยิ่งผยองของนาง พอก้มมองรองเท้าของบ่าวเอง บ่าวอดคิดไม่ได้ว่าอยากจะเดินเหยียบบนหน้านางสักสองหนเหลือเกินเจ้าค่ะ” หรงจือจือเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ “เมื่อครู่เจ้าเองก็ด่าเสียจนสะใจเลยมิใช่หรือ?” ว่าขี้หูหมื่นปีอะไรนั่น… ได้ยินเสียงเย้าหยอกของคุณหนู เจาซีก็หน้าแดงขึ้นมา พลางแลบลิ้นไม่เอ่ยวาจาใดอีก …… ขณะเดียว ณ สวนฉางโซ่ว นางถานกุมศีรษะของตนเองที่ปวดจวนจะระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ พลางร้องโอดครวญอยู่บนเตียง “โอย โอย ข้าปวดจนจะตายให้ได

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 340

    ฮูหยินอวิ๋นฉุนเล็กน้อย ขณะที่มองอวิ๋นเสวี่ยเซียวก็กล่าว “ถอนหมั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก หากข่าวแพร่ออกไปแล้ว สุดท้ายมันจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเจ้า”อวิ๋นเสวี่ยเซียว “ก่อนหน้านี้เพราะงานขาวดำของนายหญิงผู้เฒ่าหรง เรื่องงานหมั้นยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเอิกเกริกเลยไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“คิดว่าคงมีแค่สองตระกูลที่รู้เรื่อง ไม่สู้ยกเลิกงานหมั้นแบบส่วนตัว หากด้านนอกมีข่าวลืออะไร พวกเราก็บอกได้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด”ฮูหยินอวิ๋นแตะหน้าผากของนางเบา ๆ พลางกล่าวอย่างโกรธเคือง “ข้าว่า พ่อและพี่ชายเจ้าตามใจเจ้าเกินไปเสียแล้ว คำพูดที่ไม่มีขอบเขตเช่นนี้ ยังจะกล้าพูดพล่อย ๆ ออกมาได้”“เจ้าลองดูในเมืองหลวงแห่งนี้ สตรีผู้สูงศักดิ์บ้านใด เป็นฝ่ายอยากถอนหมั้นก่อนบ้าง? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”อวิ๋นเสวี่ยเซียวท้อแท้เล็กน้อย ตอนที่นางเอ่ยปาก ความจริงก็ไม่ได้คาดหวังมากนัก บนโลกนี้มีขีดจำกัดมากมายต่อสตรี แต่บุรุษกลับผ่อนปรนเป็นอย่างมากหากในงานเลี้ยงแต่งบทกวีวันนี้คนที่ประพฤตติตัวไม่เหมาะสม และโดนดูถูกเป็นตนเอง แม้หรงซื่อเจ๋อจะถอนหมั้น ก็คงไม่มีใครตำหนิเขาแม้แต่นิดเดียว แต่สกุลอวิ๋นของนางยังต้องถูกวิพากวิจาร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 339

    ชั่วขณะหนึ่ง นางถึงกับสงสัยว่าระหว่างพวกเขา ชายหญิงสลับกันหรือไม่นางไม่ใช่คนที่ทำลายบรรยากาศ ดังนั้นจึงพูดติดตลก และกล่าวให้ความร่วมมือไปว่า “หรงจือจือจะต้องเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญอย่างแน่นอน ท่านเสนาบดีโปรดวางใจเจ้าค่ะ”เสิ่นเยี่ยนซูได้ยินน้ำเสียงที่ติดตลกของนาง ใบหน้าก็ยังคงร้อนผ่าว จึงรีบเบือนหน้าหนีเซิ่งเฟิงอยู่ด้านหลังส่งเสียง “จิ๊” เบา ๆ มันอิจฉาจนเขาปวดฟันหรงจือจือยังจำถึงความตั้งใจที่เขาอยากแต่งงานกับตนเองได้ จึงมองไปทางเสิ่นเยี่ยนซู และกล่าวเสียงเบา “ท่านเสนาบดีจะถือสา ที่ข้าจะตรวจชีพจรให้ท่านเสียหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?”เสิ่นเยี่ยนซู “ย่อมไม่ถือสาอยู่แล้ว”เขายื่นมือออกไปในทันทีแค่เซิ่งเฟิงสะบัดมือทีเดียว องครักษ์หลายนายก็ปรากฏตัวออกมา พลางปิดกั้นเสียเล็กน้อย เพื่อไม่ให้คนนอกเห็นพวกเขาสัมผัสร่างกายกันมือของนางวางลงบนข้อมือของเสิ่นเยี่ยนซูร้อนจนหัวใจของเสิ่นเยี่ยนซูสั่นสะท้าน ใบหน้าก็ยิ่งแดงขึ้นไปชั่วขณะ แม้กระทั่งในใจยังมีความปรารถนาที่ซ่อนเร้นอย่างยากจะอธิบายได้อีกขณะที่หรงจือจือแตะชีพจร ก็กล่าวอย่างแปลกใจว่า “เหตุใดหัวใจของท่านเสนาบดีถึงเต้นเร็วเช่นนี้เจ้าค

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 338

    เสิ่นเยี่ยนซูดวงตาเย็นยะเยือก และเดินไปตรงหน้าหรงเจียวเจียวเขามองนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า พลางถามเสียงเย็นว่า “เจ้าว่าผู้ใดเป็นคนชั้นต่ำ?”เขามักจะมีอำนาจในฐานะผู้เหนือกว่าอยู่เสมอ ทำเอาหรงเจียวเจียวตกใจสีหน้าซีดเผือด อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าและถอยหลังไปหนึ่งก้าว น้ำตาก็คลอเบ้า จนแทบจะไหลลงมาอีกครั้งนางกล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “ข้า ข้า ข้า...”ดวงตาที่เสิ่นเยี่ยนซูมองนาง มองราวกับเป็นของที่ตายแล้ว “วันนี้ข้าจะให้เกียรติมหาราชครูหรง”“เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่สองชั่วยาม ตบหน้าหนึ่งร้อยที ก็จะสามารถลุกขึ้นได้”“หากครั้งหน้าข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก ลิ้นของเจ้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป องครักษ์หลงสิงมีวิธีดึงลิ้นออกมามากมาย เข้าใจหรือไม่?”หรงเจียวเจียวตกใจมากจนฉี่จะราดอยู่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้ว่า ชายที่ตนเองชื่นชอบ มีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย จึงกล่าวด้วยตัวสั่นเทิ้มว่า “เข้า เข้าใจเจ้าค่ะ!”เสิ่นเยี่ยนซูหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไปหรงจือจือเห็นเช่นนี้ ยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อยแม้ท่านย่าจะเอ็นดูนาง แต่ก็ไม่ค่อยออกไปด้านนอก ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่นางสัม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 337

    สายตาที่ประจบของฮูหยินหลี่ มองไปทางหรงจือจือ “จือจือ ได้ยินว่าเจ้าเป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาตั้งนาน ไม่สู้เจ้าแต่งกวีเสียหนึ่งบท จะได้เปิดหูเปิดตาให้พวกข้าด้วย!”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้เตรียมตัว ให้คนอื่นแต่งดีกว่าเจ้าค่ะ”สีหน้าของฮูหยินหลี่ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แล้ว แต่ก็รู้ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองประพฤติตัวไม่ดี หรงจือจือจะโกรธก็สมควร ดังนั้นจึงเดินไปตรงหน้าหรงจือจือเมื่อจับมือของนาง ขณะที่ยิ้มก็กล่าว “เจ้ามีความคิดที่ปราดเปรื่อง การแต่งบทกวีจำเป็นต้องเตรียมตัวเสียที่ใด? ตอนนี้สุ่มเขียนมาเสียหนึ่งบท คิดดูแล้วก็ดีมากแล้ว”หรงจือจือดึงมือของตนเองออกมาจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พูดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นป้าสะใภ้บอกว่า วันนี้ข้าไม่ได้รับเชิญไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่านเสนาบดี ทุกท่าน ขอให้เพลิดเพลินให้เต็มที่ ข้าขอตัวลาไปก่อนเจ้าค่ะ!”ขณะที่พูด หรงจือจือก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไปฮูหยินหลี่ตื่นตระหนกแล้ว จึงรีบกล่าว “นี่...จือจือ เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ป้าสะใภ้แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะจึงพู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 336

    แม้หรงจือจือเห็นท่าทางของเซิ่งเฟิง ล้วนยังต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดมุมปากไว้เล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนซูไปหาคนที่มีอารมณ์ขันเช่นนี้มาจากที่ใดช่างน่าสนุกยิ่งนัก!เดิมทีหรงเจียวเจียวไม่สบายใจ ยังถูกเซิ่งเฟิงก่อเรื่องเช่นนี้อีก ก็เกิดความคิดอยากตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “ข้า ข้า...”คิดว่าวันนี้ชื่อเสียงของตนเองคงเสียหายเป็นแน่ นางจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัวไปเลย!ขณะมองหรงจือจืออย่างดุร้ายก็กล่าวว่า “หรงจือจือ เจ้าตั้งใจขโมยงานแต่งของข้าใช่หรือไม่? เจ้าก็แค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เจ้า...”หรงจือจือยังไม่ทันได้เอ่ยปากเสิ่นเยี่ยนซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไร้สาระ! เดิมทีก็เป็นของของนาง เหตุใดต้องพูดถึงการขโมยด้วย? เจ้าไม่ลองดูใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเจ้า และคิดดูอีกทีว่าควรจะพูดจาไร้สาระต่อไปหรือไม่”เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้หรงเจียวเจียวสั่นสะเทือนแล้วจากสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนซู นางมองออก ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาง หากตนเองโวยวายต่อไป มีหวังโดนตบหน้าจริง ๆ แน่เห็นนางสงบลงได้เสียทีฮูหยินหนิงกั๋วกงก็ยิ้มพลางกล่าว “ครั้งก่อนข้าไปงานเลี้ยงของสกุลฉี เห็นสกุลฉีวุ่นวายไปหมด แม่นา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 335

    เขาเอ่ยเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน “คุณหนูสามหรง เจ้าฟังให้ดี ก่อนหน้าวันนี้ แม้แต่หน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไรข้าก็ยังไม่รู้ชัด ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งเจ้าเป็นชายาเลยแม้แต่น้อย”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่ข้าต้องการสู่ขอ ก็คือพี่สาวของเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปสอบถามบิดาของเจ้าดูเถิด”หรงเจียวเจียวส่ายศีรษะไปมา ไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้นางยังคงคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหาใช่ความจริงไม่ แต่เป็นเพียงฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น นางยิ่งร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม “ไม่จริง เป็นไปได้อย่างไร... เป็นไปไม่ได้...”ในชั่วขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้ของจวนตระกูลหลี่ ก็ได้พาเหวินหมัวมัวเข้ามาด้านในพอเหวินหมัวมัวเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้วเป็นแน่เฉินเยี่ยนซูเหลือบมองเหวินหมัวมัวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าแล้ว เจ้าคงมาเพื่อจะบอกคุณหนูสามของเจ้ากระมัง ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่ข้าต้องการหมั้นหมายด้วยคือผู้ใดกันแน่?”เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีเอ่ยถาม มีหรือที่เหวินหมัวมัวจะกล้าไม่ตอบ? นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าซีดขา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 334

    ครานี้ ทุกผู้คนต่างตกตะลึงงัน สายตาตำหนิหลายคู่พลันจับจ้องไปยังฮูหยินหลี่อะไรกัน! ในเมื่อไม่ได้หมั้นหมาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาหลอกลวงพวกเรา? เช่นนั้นเมื่อครู่พวกเราก็ประจบเอาใจนางเสียเปล่าไปตั้งนานนะสิ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พวกเราต้องสรรหาคำเยินยอหรงเจียวเจียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อครู่นั้น มันต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านไปมากเพียงใด? สมองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!ฮูหยินหลี่เองก็ตกตะลึงงันไปเช่นกัน ตามเหตุผลแล้ว นาวหวังไม่น่าจะวิปลาสถึงขั้นกุเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้! เมื่อเห็นสายตาตำหนิของผู้คนจับจ้องมา นางจึงพยายามอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “ไม่... ไม่ใช่! ข้า... เจียวเจียว นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”หรงเจียวเจียวมองไปยังเฉินเยี่ยนซู ด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอัครมหาเสนาบดี! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้! ท่านเห็นข้าโกรธจนเอ่ยปากขอถอนหมั้น ท่านไม่คิดจะง้อก็แล้วไปเถิด แต่ยังจะกล่าวปดว่าไม่เคยมาสู่ขอข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ประกอบกับเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหรงเจียวเจียว ผู้คนก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความกังขาจับจ้องสลับไปมาระหว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 333

    หรงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง “อ๊ะ?”จ้าวหมัวมัวกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีคงต้องการจะแสดงอำนาจความเป็นสามี ทั้งยังต้องการจะดูท่าทีคุณหนูด้วยว่าจะยอมอ่อนข้อให้เขาหรือไม่ อย่างไรเสีย ฐานะฮูหยินของราชเลขาธิการผู้ทรงเกียรติ จะเป็นเพียงสตรีที่เอาแต่ใจตน พอเขาขุ่นเคืองก็เอาแต่ร้องขออภัยไปเสียทุกเรื่องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวมีสีหน้าลังเล “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”จ้าวหมัวมัวกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ต้องเป็นเช่นนี้เป็นแน่! คุณหนู ท่านต้องรู้จักแสดงความอ่อนแอบ้าง คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจเช่นท่านอัครมหาเสนาบดี หรือจะยอมลดตัวลงมาง้อคุณหนูได้เล่าเจ้าคะ?”หากไม่เช่นนั้นแล้ว จะอธิบายได้อย่างไรว่าเหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงจงใจสร้างความลำบากให้คู่หมั้นของตนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้เล่า?เมื่อสองนายบ่าวปรึกษาหารือกันเสร็จสิ้นในที่สุดหรงเจียวเจียวก็รวบรวมความกล้าได้ นางรอจนกระทั่งบัณฑิตผู้หนึ่งแต่งบทกวีเสร็จสิ้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี... ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ท่านจะโปรดให้ข้าลุกขึ้นได้หรือไม่เจ้าคะ เจียวเจียวปวดเข่าเหลือเกิน พื้นก็ทั้งเย็นทั้งแข็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 332

    ทุกคนย่อมเห็นแผ่นหลังของหรงเจียวเจียวที่กำลังหันหลังจากไป และพอจะเดาได้ว่านางกำลังแสดงความเอาแต่ใจออกมาบรรดาสตรีที่สนิทสนมกับหรงเจียวเจียวต่างแอบตำหนิอัครมหาอัครมหาเสนาบดีเฉินอยู่ในใจ ว่าช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเทิดทูนหยกล้ำค่าเอาเสียเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักไว้หน้าคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้?เฉินเยี่ยนซูสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหรงเจียวเจียวอยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ฝีเท้าของหรงเจียวเจียวพลันชะงัก นางคิดในใจ ในที่สุดเขาก็เรียกข้าแล้ว หรือว่าในใจเขายังคงเป็นห่วงข้าอยู่?นางแค่นเสียงหึเบาๆ แล้วหันไปมองเฉินเยี่ยนซู “ในใจของท่าน ไม่ใช่มีเพียงแต่พี่สาวของข้าหรอกหรือ? แล้วจะมารั้งข้าไว้อีกด้วยเหตุใด?”กล่าวจบ นางก็เช็ดน้ำตาพลางหันเสี้ยวหน้าอย่างดื้อรั้นให้เฉินเยี่ยนซูมองนางเชื่อว่าเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จะต้องสำนึกได้แน่ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว นางเคยส่องกระจกพิจารณาดูตนเองยามร้องไห้อย่างละเอียดแล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าท่าทางเช่นนี้จะยิ่งขับเน้นความงดงามแววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “ในใจของข้ามีผู้ใดอยู่ ถึงตาเจ้ามาสอดปากวิจารณ์ด้วยหรือ?”หรงเจียวเจียวฟั

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status