Mag-log inผ่านไปเพียงไม่กี่นาที สัญญากู้ยืมเงินจำนวนมหาศาลก็วางพร้อมอยู่บนโต๊ะทำงานของอัคนี เขาให้เลขานุการระบุเอาไว้ด้วยว่า หากรสิกาไม่ทำตามข้อตกลงตามที่ได้พูดคุยกันไว้ให้ครบทุกประการ เธอจะต้องยินยอมยกทรัพย์สินทุกชิ้นของตระกูลเพื่อชดใช้หนี้แทน นั่นเป็นช่องโหว่เล็กๆ ที่เธอไม่ทันได้ใส่ใจ เพราะคำพูดของแฟนหนุ่มทำให้มั่นใจจนเกินความพอดี
‘เงินแค่ยี่สิบล้าน สองเดือนพี่จะหามาให้โรสเอง ถือว่าเป็นค่าสินสอดของเรา’
กันตพล คบหากับรสิกามานานถึงสองปีแล้ว ทั้งคู่วางแผนว่าอีกไม่กี่เดือนจะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่เพราะช่วงนี้หญิงสาวมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่มาก อีกทั้งบิดายังป่วยหนักด้วย เขาจึงยังไม่ได้พูดถึงเรื่องแต่งงาน ทว่าอันที่จริงเหตุผลเหล่านั้นก็แค่ข้ออ้าง ที่กันตพลยังไม่พร้อม เป็นเพราะเขามีแค่เปลือกต่างหาก ไม่ใช่ทายาทมหาเศรษฐีอย่างที่คุยโวโอ้อวดไว้
“ฉันคิดว่าคงใช้หนี้คุณได้ในอีกสองเดือนค่ะ แฟนฉันจะจัดการให้เอง” เธอยืนยันให้เขามั่นใจ
“แฟนคุณคงไม่ธรรมดา เขาดูร่ำรวยดีนะ ทำไมไม่ขอให้เขาช่วยล่ะ” อัคนียิ้มบาง
“คือ... ธุรกิจของเขามีปัญหาเหมือนกันค่ะ อีกสองเดือนหลังโพรเจ็กต์ใหญ่สำเร็จ เขาถึงจะฟื้นตัวได้” รสิกาพูดตามที่กันตพลบอกทุกอย่าง ไม่ได้เอะใจด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังถูกหลอก อย่าว่าแต่เงินยี่สิบล้านเลย แค่สองแสนเขาก็ยังไม่มีเก็บในบัญชีธนาคารเลยด้วยซ้ำ
“ขอให้แฟนคุณประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังก็แล้วกัน” เขากอดอก ยิ้มใส่เธอเหมือนประชดชอบกล
“นี่คุณให้เวลาฉันแค่หกเดือนเองเหรอคะ” รสิกาชี้ลงไปในกระดาษ สีหน้าดูตื่นตกใจเมื่ออ่านถึงระยะเวลาใช้หนี้
“คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่าแฟนคุณจะเอาเงินมาให้คุณใช้หนี้ผมได้ภายในสองเดือน แล้วจะกลัวอะไรครับ”
“แต่ว่า...”
“อย่าคิดมากน่า เราคนกันเองนี่นา เมื่อก่อนตอนที่คุณพ่อของผมยังอยู่ ท่านรู้จักกับคุณลุงดนัยดี ถ้าคุณหาเงินมาคืนไม่ทัน เราคุยกันได้ เงินแค่ยี่สิบล้านมันขี้ปะติ๋วสำหรับผม ผมไม่ใช่พวกคิดเล็กคิดน้อยหรอก” คราวนี้อัคนีกล่อมเสียงนุ่ม หวังแค่อยากให้เธอยอมจรดปลายปากกาลงบนเอกสารสัญญาเสียที
รสิกาลังเล นึกถึงคำเตือนของบิดาเรื่องที่นักธุรกิจพวกนี้มักเล่นไม่ซื่อ แต่ในขณะเดียวกัน คำพูดที่พ่อบอกว่าอัคนีเป็นคนใสซื่อมือสะอาด ทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาเสมอ ทำให้เธอชะล่าใจ กอปรกับนึกถึงคำสัญญาของแฟนหนุ่ม สุดท้ายนิ้วเรียวจึงยอมหยิบปากกาขึ้นมา แล้วตวัดเซ็นชื่อลงไปบนเอกสารฉบับนั้นทันที
“ผมเตรียมเงินไว้ให้แล้ว ตอนออกไปรับกระเป๋าจากเลขาของผมได้เลย เดี๋ยวจะมีรปภ. ลงไปส่งคุณจนถึงรถ”
“แปลกจังนะคะ คุณเตรียมเงินไว้เหมือนรู้ว่าฉันต้องมา”
“ก็หลายวันก่อนตอนที่คุยกับคุณลุงดนัย ท่านบอกผมเองว่านอกจากผมก็คงไม่มีใครยอมช่วยแล้ว ผมถึงมั่นใจมากว่าคุณจะต้องมาหาผมแน่ ว่าแต่... ถามได้หรือเปล่าว่าคุณวางแผนจะทำยังไงกับเงินก้อนนี้?” อัคนีชี้แจงพร้อมกับถามต่อไป รสิกาถอนหายใจ สีหน้าดูครุ่นคิด
“ตั้งใจจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน จ่ายเงินเดือนพนักงาน แล้วก็เน้นเรื่องการโพรโมตให้มากขึ้นหน่อยค่ะ ตอนนี้มีข่าวลือมากมายในทางลบ จนกรรมการบริษัทอยากพากันลาออกแล้วขอถอนหุ้นทั้งหมด แต่ถ้ารู้ว่ากำลังจะกลับมามีสภาพคล่องอีกครั้ง ทุกคนคงกลับมาเชื่อมั่นกันได้มากขึ้น ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าใครที่เล่นสกปรก”
“นั่นน่ะสิครับ ตอนผมเห็นข่าวก็แปลกใจเหมือนกันว่าพีเคกรุ๊ปไปทำอะไรกับใครไว้ก่อนหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ ฉันกับคุณพ่อทำธุรกิจอย่างซื่อตรง” เธอยืนยันด้วยความมั่นใจ แต่นั่นทำให้เขาเกือบหลุดหัวเราะ
“ดูคุณมั่นใจจัง ไม่ลองคิดดีๆ หน่อยเหรอครับ เผื่อจะหลงลืมไป”
“ไม่จำเป็นค่ะ ฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยทำไม่ดีไว้กับใคร ถึงจะถูกกลั่นแกล้งแค่ไหน แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้หรอก พีเคกรุ๊ปไม่เคยเอาเปรียบใคร ไม่เคยเน้นลดต้นทุนด้วยการใช้วัสดุด้อยมาตรฐานในงานก่อสร้างอย่างที่เป็นข่าว ฉันจะต้องทำให้ลูกค้ากลับมาเชื่อมั่นอีกครั้งให้ได้ค่ะ” ความมุ่นมั่งของรสิกาคือสิ่งที่อัคนีชื่นชอบมากที่สุด เพียงแต่น่าเสียดายอยู่ไม่น้อย เพราะการต่อสู้ของเธอจะไม่มีวันได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเด็ดขาด
“ขอให้โชคดีครับ” อัคนีอวยพรสั้นๆ สายตาของเขาทำให้เธอเสียวสันหลังวาบอย่างบอกไม่ถูก
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ ฉันจะไม่ลืมน้ำใจของคุณเลยค่ะ คุณอัคนี”
“แน่นอนครับ ผมเชื่อว่าชีวิตนี้... คุณจะต้องลืมผมไม่ลงแน่”
ถ้อยคำที่แฝงนัยบางอย่างทำให้หัวใจของรสิกากระตุกวาบ อยากถามไปตามตรงว่าเขาต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ แต่เธอเสียเวลาคุยกับผู้ชายที่วางมาดแล้วก็ยียวนเก่งคนนี้มานานพอแล้ว คงดีกว่าหากได้ปล่อยให้เขากลับบ้านไปอยู่กับภรรยาและลูกเสียที ส่วนเธอเองก็จะได้ไปพบกับชายคนรักตามนัดด้วยเช่นกัน
“ขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้คนที่อายุมากกว่าห้าปี
“เชิญครับ คุณรสิกา”
เขาไม่รับไหว้อีกแล้ว ทำเพียงแค่ผายมือ ยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยขึ้น เมื่อเจ้าของร่างบางก้าวพ้นออกไปจากห้อง อัคนีก็หุบยิ้ม หลงเหลือไว้เพียงแค่ความเคียดแค้นเท่านั้น เขาหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดต่อสายไปยังเบอร์คุ้นเคย จากนั้นก็มีคำสั่งให้รีบจัดการบางอย่างตามที่ตั้งใจเอาไว้
“รสิกากำลังจะลงไป นายรอจัดการได้เลย”
สิ้นคำสั่งนั้น ชายหนุ่มก็กดตัดสายทันที เขาอมยิ้มอย่างคนที่กำลังจะได้ชัยชนะ ใช้นิ้วเคาะโต๊ะทำงานเล่นเป็นจังหวะอย่างรอคอย เขาจะยังไม่กลับบ้าน ไม่ไปไหนทั้งนั้น แต่จะนั่งอยู่ที่นี่จนกว่าคนของเขาจะติดต่อกลับมา หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี ให้สมกับที่เขาลงทุนลงแรงเอาไว้มาก
นับตั้งแต่ใช้เงินจำนวนมากจ้างให้นายดิเรก พนักงานเก่าแก่ของพีเคกรุ๊ป ยักยอกเงินทุนในบริษัทจนขาดสภาพคล่องเกือบล้มละลาย แล้วหนีไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายที่ต่างประเทศ การบ่อนทำลายชื่อเสียงของพีเคกรุ๊ปให้ย่อยยับป่นปี้จนเสียความน่าเชื่อถือ โดยการใช้เงินควบคุมสื่อให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ รวมถึงการสั่งให้คนของเขาไปปล้นเงินจำนวนยี่สิบล้านบาทคืนจากรสิกาด้วย
งานนี้เขามีแต่ได้กับได้ ส่วนเธอน่ะเหรอ... มีแต่เสียกับเสียเท่านั้น!
ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที สัญญากู้ยืมเงินจำนวนมหาศาลก็วางพร้อมอยู่บนโต๊ะทำงานของอัคนี เขาให้เลขานุการระบุเอาไว้ด้วยว่า หากรสิกาไม่ทำตามข้อตกลงตามที่ได้พูดคุยกันไว้ให้ครบทุกประการ เธอจะต้องยินยอมยกทรัพย์สินทุกชิ้นของตระกูลเพื่อชดใช้หนี้แทน นั่นเป็นช่องโหว่เล็กๆ ที่เธอไม่ทันได้ใส่ใจ เพราะคำพูดของแฟนหนุ่มทำให้มั่นใจจนเกินความพอดี‘เงินแค่ยี่สิบล้าน สองเดือนพี่จะหามาให้โรสเอง ถือว่าเป็นค่าสินสอดของเรา’กันตพล คบหากับรสิกามานานถึงสองปีแล้ว ทั้งคู่วางแผนว่าอีกไม่กี่เดือนจะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่เพราะช่วงนี้หญิงสาวมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่มาก อีกทั้งบิดายังป่วยหนักด้วย เขาจึงยังไม่ได้พูดถึงเรื่องแต่งงาน ทว่าอันที่จริงเหตุผลเหล่านั้นก็แค่ข้ออ้าง ที่กันตพลยังไม่พร้อม เป็นเพราะเขามีแค่เปลือกต่างหาก ไม่ใช่ทายาทมหาเศรษฐีอย่างที่คุยโวโอ้อวดไว้“ฉันคิดว่าคงใช้หนี้คุณได้ในอีกสองเดือนค่ะ แฟนฉันจะจัดการให้เอง” เธอยืนยันให้เขามั่นใจ“แฟนคุณคงไม่ธรรมดา เขาดูร่ำรวยดีนะ ทำไมไม่ขอให้เขาช่วยล่ะ” อัคนียิ้มบาง“คือ... ธุรกิจของเขามีปัญหาเหมือนกันค่ะ อีกสองเดือนหลังโพรเจ็กต์ใหญ่สำเร็จ เขาถึงจะฟื้นตัวได้” รสิกาพูดตามที่กั
สิ่งแรกที่เห็นคือผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอุ้มลูกน้อยอยู่บนตัก อีกฝ่ายเป็นคนที่มีใบหน้ารูปไข่ เครื่องหน้าจิ้มลิ้มนั้นควรเรียกว่าน่ารัก คงเหมาะกว่าใช้คำว่าสวย ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนม้วนเป็นลอนทิ้งตัวอยู่บนบ่า เด็กน้อยหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่ส่งเสียงอ้อแอ้ กำลังใช้นิ้วอวบป้อมเกี่ยวพันปอยผมของมารดา แล้วหัวเราะชอบใจยกใหญ่“ดึงผมแม่อีกแล้วนะคะ” แม้แต่เสียงของเจ้าตัวก็ยังฟังดูหวานจับใจอัคนีที่นั่งอยู่บนโซฟาเคียงข้างกัน เลื่อนสายตาจากสองแม่ลูกมองไปยังผู้มาเยือน เขาชะงักเล็กน้อย รู้สึกเหมือนมีกระแสบางอย่างแล่นปลาบไปทั้งตัว ก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความเรียบเย็น ชายหนุ่มโน้มตัวเข้าไปหาร่างน้อยในอ้อมแขนมารดา กดปลายจมูกโด่งสวยลงบนแก้มขาวนุ่มเบาๆ“ให้ศิระพาอ้อกับลูกกลับไปรอที่บ้านก่อนนะ ถ้าพี่คุยธุระเสร็จแล้วจะรีบกลับ” อัคนีบอกเสียงนุ่ม ก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนออกมาเพื่อส่งข้อความเรียกให้คนขับรถมาพา เอมอร และลูกสาวตัวน้อยกลับบ้านไปก่อน ส่วนตัวเขาหลังคุยธุระกับลูกสาวของดนัยเสร็จ ค่อยตามกลับไปทีหลัง“ค่ะ อ้อกับน้ำอิงจะรอทานข้าวกับคุณพ่อนะคะ” ผู้หญิงที่ดูแล้วอายุน่าจะอ่อนกว่ารสิกา
ข่าวไม่สู้ดีที่ได้รับรู้มาเมื่อสองวันก่อน ทำให้ทายาทคนเดียวของตระกูลพัทรโภคินเคร่งเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ รสิกา พัทรโภคิน เพิ่งจะรู้จากปากของบิดาว่าธุรกิจอันเป็นที่ภาคภูมิใจกำลังใกล้เข้าสู่ภาวะล้มละลาย เนื่องจากขาดสภาพคล่องมานานหลายเดือนแล้ว นั่นเป็นเพราะมีพนักงานภายในทำการทุจริต ยักยอกเงินทุนจำนวนหลายสิบล้านแล้วหนีหายไปอยู่ที่ต่างประเทศ พร้อมกันนั้นก็มีคนจงใจปล่อยข่าวลือด้านลบเพื่อบ่อนทำลายภาพลักษณ์จนไม่มีลูกค้ากล้าติดต่อเข้ามาซื้อขายทรัพย์สินจำพวกที่ดิน บ้านหรือคอนโดมิเนียมอีกเลย“พ่อคงต้องปล่อยมือจากพีเคกรุ๊ปแล้ว พ่อขอโทษนะโรส ขอโทษที่ไว้ใจไอ้ดิเรกมากเกินไป” ดนัยผู้กุมบังเหียนพีเคกรุ๊ปต่อจากปู่ของรสิกามานานกว่ายี่สิบปี ปลงตกแล้วว่าคงไม่มีทางใดช่วยยื้อบริษัทเอาไว้ได้อีก ลองติดต่อไปหาเพื่อนสนิทและคนรู้จักเพื่อขอกู้เงินมาหมุนให้เกิดสภาพคล่อง หวังจะประคองธุรกิจต่อไป ทว่าทุกคนกลับพากันปฏิเสธทั้งหมดแน่ล่ะ... ใครจะอยากเสี่ยงกับคนที่กำลังจะล้มละลายกันเล่า“อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ คุณพ่อ นายดิเรกทำงานกับเรามาเป็นสิบๆ ปี ไม่มีใครคาดคิดหรอกค่ะว่าเขาจะเลวได้ถึงขนาดนั้น” รสิกากุมมือคนที่นอนอยู
อัคนีก้าวเข้าไปในห้องนอนของคฤหาสน์หลังงามอย่างเชื่องช้า เขาไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนอีก เพราะลูกหนี้แสนสวยที่อาจหาญหนีไปอย่างไร้ความรับผิดชอบ ได้ถูกนำตัวกลับมาในที่ที่เธอควรอยู่แล้ว เขาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง มองคนที่นอนขดตัวอยู่บนนั้นในสภาพที่ถูกมัดมือมัดเท้าแล้วยิ้มพอใจ“ปลุกลูกหนี้ของฉันหน่อย” อัคนีหันไปบอกคนข้างตัว“ครับ คุณอัค” คนสนิทรับคำ จากสายตาของเจ้านายทำให้กำจรรู้ดีว่าต้องปลุกร่างที่หมดสตินั้นอย่างไร เขาเดินไปที่โต๊ะตรงมุมห้อง หยิบเหยือกน้ำดื่มขึ้นมาจากถาดรอง แล้วเดินกลับมายืนข้างอัคนีตามเดิม แรกทีเดียวชายหนุ่มก็ตั้งใจจะปล่อยให้กำจรจัดการเอง ทว่าเขากลับเปลี่ยนใจ แย่งเหยือกไปถือไว้ แล้วสาดมันใส่ร่างที่นอนนิ่งจนเปียกโชกหญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อจู่ๆ น้ำก็รบกวนการหลับใหลที่เป็นไปด้วยฤทธิ์ของยาสลบ เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด เชือกที่มัดอยู่บนข้อมือและข้อเท้าทำให้การขยับตัวเป็นไปได้อย่างจำกัด กว่าจะกะพริบตาถี่ๆ แล้วมองเห็นว่าตัวเองถูกพาตัวมาไว้ภายในห้องนอนหรูที่ไม่คุ้นตา อีกทั้งยังมีร่างสูงใหญ่ของคนที่พยายามหนีมาตลอดปรากฏอยู่ข้างเตียง เธอก็เกือบหลุดอุทานออกมาด้วยความตกใจ หัวใจสั่นไ







