เข้าสู่ระบบฮุ่ยหมิ่น เดินทางรอนแรมมาหลายวัน เพื่อเข้าไปสอบที่เมืองหลวง เขาต้องเดินทางหลายร้อยลี้กว่าจะไปถึงเมืองหลวง
เดิมฮุ่ยหมิ่นเป็นชาวจิ่นกวาง ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ติดแถบชายแดนทางทิศตะวันออกของเมืองหยางปิน เขาเดินเท้าเปล่ามาหลายวันแล้วกว่าจะเข้าเมืองหยางปิน หลังจากพักจนหายเหนื่อยเขาก็ออกเดินทางต่ออย่างไม่เร่งรีบ เพราะกว่าจะถึงวันสอบก็ราวๆ อีกครึ่งเดือน
เขาออกเดินทางมาจากเมืองหยางปินตั้งแต่ยามเฉิน และเดินเท้าเปล่าลัดเลาะมาเรื่อยๆ เดินบ้าง พักบ้าง เมื่อเข้าเขตหุบเขาหยางจี ก็เป็นยามอิ่วแล้ว ดังนั้นเขาจึงเริ่มมองหาริมแม่น้ำ และบริเวณที่ปลอดภัยสำหรับพักค้างคืน
ขณะที่เขาเดินเซาะหา แม่น้ำลำธารอยู่นั้น เขาบังเอิญเห็นแสงไฟสลัวๆ ช่างน่าแปลกจริง นี่ยังไม่มืดเลย เหตุใดเขาจุดตะเกียงกันแล้ว หรือว่าเป็นบ้านคน เมื่อคิดได้ดังนั้นฮุ่ยหมิ่นจึงรีบเดินตามแสงไฟไป ถ้าหากว่าเป็นบ้านคนจริง คืนนี้เขาจะขอพักอาศัยด้วยสักคืนหนึ่ง
เมื่อเขาเดินมาถึงก็พบเรือนไม้สองชั้น ชั้นบนมีห้องพักแบ่งเป็นห้องทั้งหมด 5 ห้อง และมีระเบียงทอดยาว ส่วนชั้นล่างเป็นโถงใหญ่ มีโต๊ะสำหรับนั่งรับประทานอาหาร 5 โต๊ะ ดูตามรูปการณ์แล้วที่นี่น่าจะเป็นโรงเตี๊ยม เขาสอดส่องมองหาเสี่ยวเอ้อกลับไม่มีผู้ใด ฮุ่ยหมิ่นจึงวางสัมภาระไว้บนโต๊ะ ก่อนจะนั่งรอเจ้าของโรงเตี๊ยม
เวลาผ่านไปราวหนึ่งเค่อ ก็มีเด็กหนุ่มอายุราวๆ สิบห้าสิบหกปี ร่างสูงบางออกมาต้อนรับฮุ่ยหมิ่นที่นั่งอยู่
"อะ นายท่าน ท่านมานานแล้วหรือขอรับ ท่านจะรับห้องพักหรืออาหารดีขอรับ" เสี่ยวเอ้อน้อยกุลีกุจอวิ่งมาต้อนรับฮุ่ยหมิ่นทันทีที่เห็นเขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"เอ้อ..เปล่าๆๆ " ฮุ่ยหมิ่นรีบปฏิเสธทันทีเขาไม่มีเงินจำนวนมากสำหรับพักที่นี่ "ข้าเป็นบัณฑิตตกยาก กำลังจะออกเดินทางไปสอบจอหงวนที่เมืองหลวง เมื่อเดินทางผ่านมา ข้าเห็นแสงไฟจึงคิดว่าเป็นบ้านผู้คน จะได้มาขออาศัยนอนสักหนึ่งคืน" ฮุ่ยหมิ่นกล่าวไปก็ละอายใจ เขายากจนจริงๆ มีเงินติดตัวไม่มากจะต้องใช้อย่างประหยัดกว่าจะเดินทางไปถึงเมืองหลวง
"อ้อ..ขอรับ งั้นข้าน้อยมีห้องเก็บฟืนพอว่างอยู่ ท่านพอจะนอนได้หรือไม่ขอรับ ข้าน้อยให้ท่านพักโดยไม่คิดเงินสักอีแปะเลยขอรับ" เสี่ยวเอ้อน้อยถามฮุ่ยหมิ่นที่กำลังมีครุ่นคิดอย่างหนัก
"ได้ๆๆ ข้านอนที่ไหนก็ได้หมด ขอรบกวนเจ้าแล้ว" เมื่อได้ยินดังนั้นฮุ่ยหมิ่นก็ตื้นตันใจที่เสี่ยวเอ้อน้อยมิได้ใจร้ายกับเขา เหมือนพวกโรงเตี๊ยมในเมืองหยางปิน ที่พอรู้ว่าเขาไม่มีเงินก็ขับไล่ไสส่งเขาออกไป
"ถ้าเช่นนั้น ท่านตามข้ามาขอรับ" เสี่ยวเอ้อน้อยเดินนำทางฮุ่ยหมิ่นจนมาถึงห้องเก็บฟืน
"ท่านพักที่นี่ก็แล้วกันนะขอรับ ถ้าท่านอยากอาบน้ำมีลำธารอยู่ทางด้านหลัง เดินไปประมาณครึ่งเค่อก็ถึงแล้วขอรับ ถ้าท่านอยากได้อะไรเพิ่มเติมไปหาข้าได้นะขอรับ" เมื่อเสี่ยวเอ้อน้อยพาฮุ่ยหมิ่นมาถึงห้องเก็บหืนที่จัดเป็นระเบียบเรียบร้อย มีแคร่ไม้ไผ่เล็กๆ ตั้งวางอยู่พอให้นอนพักได้ เขาบอกกล่าวฮุ่ยหมิ่นก่อนจะเดินจากไป
"ขอบใจเจ้ามาก" ฮุ่ยหมิ่นรีบกล่าวขอบคุณก่อนจะนำสัมภาระมาจัดเก็บ
"วันนี้ช่างโชคดีจริงๆ ไม่ต้องค้างคืนกลางป่า เดี๋ยวรอตะวันตกดินอีกสักหน่อยค่อยออกไปอาบน้ำก็แล้วกัน" เขารำพึงรำพันกับตนเองก่อนจะล้วงขนมเปี๊ยะที่ทั้งแห้งและแข็งออกมาจากห่อผ้า ก่อนจะค่อยๆ กัดกินอย่างฝืดคอ
"แค่กๆๆ แค่กๆๆๆ" ขนมที่ฮุ่ยหมิ่นกินนั้นติดคอจึงทำให้เขาสำลัก เขารีบลุกไปหยิบน้ำในกระบอกไม้ไผ่มาดื่ม ได้ไม่กี่อึกก็หมดเกลี้ยง "เฮ้อ..น้ำก็หมด นี่ก็เริ่มมืดละ ออกไปเอาน้ำที่ลำธารใส่กระบอก แล้วอาบน้ำเลยดีกว่า จะได้รีบกลับมาอ่านตำรา"
ฮุ่ยหมิ่นเดินลัดเลาะมาตามทางที่เสี่ยวเอ้อน้อยบอก ไม่ถึงครึ่งเค่อเขาก็เจอลำธาร เขามองหาแหล่งน้ำที่สะอาดๆ เอาไว้ดื่ม
เมื่อได้น้ำใส่กระบอกไม้ไผ่ตามที่ต้องการแล้ว เขาก็มองหาที่สำหรับอาบน้ำ เขาเห็นโขดหินใหญ่อยู่ริมแม่น้ำฝั่งนู้น จึงรีบปลดเปลื้องอาภรณ์แล้วว่ายน้ำข้ามไปยังโขดหินทันที เขาดำผุดดำว่าย ล้างคราบไคลเสร็จแล้วก็ว่ายกลับไปยังริมฝั่งเช่นเดิม
ขณะที่เขาสวมใส่อาภรณ์อยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เขาก็เห็นสตรีนางหนึ่งกำลังถอดอาภรณ์สีขาวลงอย่างช้าๆ ค่อยๆเผยแผ่นหลังขาวนวลให้เห็น เมื่อนางปล่อยอาภรณ์ให้หล่นลงไปกองกับพื้น สะโพกกลมกลึงขาวนวลก็โผล่มาให้เห็น
ฮุ่นหมิ่นใจเต้น ตึกๆ ตักๆ ด้วยความตื่นเต้น เขาไม่เคยพบเจอสตรีที่มีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น และงดงามทุกสัดส่วนเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกวาบหวิว และร้อนวูบวาบนั้นยิ่งกระตุ้นให้หัวใจเต้นแรงขึ้นๆ
เขาพยายามสงบสติอารมณ์ จึงหันหลังกลับไปและพิงต้นไม้ยักษ์ "ข้าเป็นบัณฑิต ไม่สมควรกระทำเรื่องที่น่าละอายเช่นนี้" เขารำพึงรำพันกับตัวเองพยายามประคองสติให้กลับมา แต่เมื่อเขาหลับตาลงภาพที่เขาเห็นกลับติดตาติดใจไปเสียแล้ว ขณะที่เขากำลังหลับตาต่อสู้กับจิตใจตนเองอยู่นั้น
สวบ เสียงเหยียบกิ่งไม้ตรงหน้าทำให้ฮุ่ยหมิ่นลืมตาขึ้นมอง ภาพสตรีเบื้องหน้าที่มีความงดงามดุจเทพเซียน สวมอาภรณ์ขาวบางเบาจนเห็นทรวดทรงทุกสัดส่วน ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้น
"มะมะแม่นาง...หญิงชายไม่ควรใกล้ชิดกัน ท่านควรกลับไปเถอะขอรับ" ฮุ่ยหมิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
ดวงตาหวานฉ่ำน้ำที่แสนยั่วยวนกำลังจ้องมองเขา ซือซือยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อนเอ่ยด้วยริมฝีปากบางสีชมพูมันวาว "ข้าไม่ถือๆ จุ๊ๆ ท่านอย่าได้กังวลใจเลยเจ้าค่ะ"
นางค่อยๆ เดินเยื้องย่างเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ และ ยั่วยวน ผิวกายขาวนวลยามต้องแสงจันทร์ ทำให้เห็นทรวดทรงของนางอย่างชัดเจน ยิ่งนางเดินเข้ามาใกล้ๆ ฮุ่ยหมิ่น ยิ่งใจเต้นด้วยความวาบหวาม เขารู้สึกถึงแก่นกายที่กำลังขยายใหญ่อยู่เบื้องล่าง ซือซือเห็นแก่นกายของเขากำลังพองโตคับกางเกง นางก็กลั้นยิ้มเล็กน้อย "คิคิ ข้ารู้ว่าท่านต้องการอะไร"
ฮุ่ยหมิ่นยืนพิงต้นไม้ตัวแข็งทื่อ เขาไม่เคยใกล้ชิดสตรีมาก่อน เนื่องจากเขาคร่ำเคร่งอ่านตำราเพื่อไปสอบจอหงวน ตึกๆๆ ตักๆๆ หัวใจเขาเต้นรัวเร็วด้วยความตื่นเต้น
ซือซือเดินเข้ามาจนประชิดตัวของฮุ่ยหมิ่น นางใช้สองมือประคองใบหน้าคมสัน ที่บัดนี้แดงจนไปถึงใบหู นางค่อยๆ แตะริมฝีปากบางลงบนริมฝีปากหนาของฮุ่ยหมิ่น นางเลียริมฝีปากหนาช้าๆ ก่อนจะดูดดึง แล้วจึงสอดลิ้นเล็กเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นหนา
ฮุ่ยหมิ่นทีแรกตกใจแต่เมื่อได้รับสัมผัสวาบหวามที่นางมอบให้เขาก็ตกตะลึง ก่อนจะเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กของนางตอบ ในที่สุดเขาก็ยกสองมือขึ้นมาประคองใบหน้าของนางให้แนบชิดเข้ามายิ่งขึ้น
หน้าอกอวบอิ่มที่บัดนี้ยอดปทุมถันกำลังชูชันแข็งเป็นไต กำลังถูไถผ่านเนื้อผ้าบางเบาของนางกับอกแกร่งของเขา
แก่นกายของเขาขยายใหญ่เต็มกางเกงกำลังถูกับขาอ่อนของนาง นางจึงล้วงมือลงไปในกางเกง ก่อนจะจับลูบไปมาอย่างเบามือ และชักรูดขึ้นลง
"อ่า..อ่า...ซี๊ด" เมื่อริมฝีปากหนาหลุดออกมาจากริมฝีปากบางของนาง ก็ร้องครางอย่างกระสันเสียว
นางยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะเร่งจังหวะเร็วยิ่งขึ้น
ฮุ่ยหมิ่นร้องคราง และใช้สองมือเกาะต้นไม้ใหญ่ไว้แน่นด่วยความเสียวซ่าน "อ่า..อ่า...อ่า ซี๊ด อ่า อ่า แม่นาง อึก..อะ อ่า ซี๊ด ข้า..ข้า จะทน..ไม่ไหวแล้ว อ่า..อ่าห์"
"แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก" ฮุ่ยหมิ่นในที่สุดก็ทนไม่ไหวสุดท้ายก็ได้ปลดปล่อยเต็มฝ่ามือบาง แล้วเขาก็ยืนหอบหายใจด้วยความเสียวซ่าน
ซือซือค่อยๆ รูดรั้งกางเกงของเขาลงจนสุดปลายขา แล้วนางก็ย่อตัวลงไปนั่งคุกเข่า เบื้องหน้าของนางคือแก่นกายที่เพิ่งจะปลดปล่อยของฮุ่ยหมิ่น นางใช้มือข้างหนึ่งจับแก่นกายยกขึ้นมา
ก่อนจะใช้ลิ้นร้อนเลียช้าๆ ตรงส่วนหัวแล้วไล้ลิ้นร้อนลงไปเรื่อยๆ จนสุดโคน นางเลียขึ้น เลียลง จากช้าๆ แล้วก็เร่งจังหวะให้เร็วขึ้น จนแก่นกายของฮุ่ยหมิ่นกลับมาผงาดอีกครั้ง
นางจึงอ้าปากแล้วอมแก่นกายของเขาเข้าไปจนหมด แล้วจึงค่อยๆ รูดรั้ง จนฮุ่ยหมิ่นเสียวกระสันขึ้นมาอีกครั้ง
"อ่า..อ่า แม่นาง ซี๊ด อ่า..อ่า" ฮุ่ยหมิ่นครางเสียงต่ำอย่างเสียวซ่าน
ซือซือจึงผละริมฝีปากบางออกมา ทำให้ฮุ่ยหมิ่นค้างกลางทาง เขาจึงก้มลงมามองนางอย่างหิวกระหาย ก่อนจะดึงนางขึ้นมาแล้วผลักนางไปพิงกับต้นไม้ด้านใน
ฮุ่ยหมิ่นเวลานี้ร้อนรุ่มกายจนทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงยกขาขาวนวลของนางขึ้นข้างหนึ่ง แล้วสอดใส่แก่นกายที่ขยายใหญ่ลงไปทันที
ผนังอ่อนนุ่มภายในของนางบีบรัดแก่นกายของเขาแน่นจนแทบขยับไม่ได้ เขาต้องแช่แก่นกายไว้สักครู่ จึงเริ่มโยกขยับแก่นกายของเขาเข้าออกอย่างรวดเร็ว
"อะ..อ่า....อ่า...อ่า ซี๊ด อ่า อ่า" ซือซือเมื่อถูกแก่นกายของเขาเสียบลงมาทีเดียวจนสุด นางก็เสียวซ่านทันที
"อ่า..อ่า..ซี๊ด...อ่า..อ่า แม่นาง...อ่า..ท่านตอดรัด..อ่า..อ่า แก่นกายของข้า...ซี๊ด อ่า เหลือเกิน อ่า..อ่า" เมื่อฮุ่ยหมิ่นเริ่มขยับได้เขาก็เพิ่มแรงกระแทกนางเข้าอย่างรัวเร็ว
ฮุ่ยหมิ่นก้มลงและใช้ลิ้นร้อนเลียยอดปทุมถัน ที่กำลังชูชันอวดสายตาของเขาผ่านเนื้อผ้าบางเบา และจึงงับลงไป ก่อนจะดูดดึงอย่างแรง ทำให้เกิดเสียงดัง จ๊วบ..จ๊วบ..จ๊วบ
ตั๊บๆๆๆๆ ตั๊บๆๆๆๆ ตั๊บๆๆๆๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังไม่หยุดหย่อน ฮุ่ยหมิ่นเริ่มเห็นสวรรค์รำไรๆ ตรงหน้า เขาจึงเร่งแรงกระแทกอีกสาม สี่ ครั้งจนในที่สุดทั้งคู่ก็ไปแตะถึงสวรรค์พร้อมกัน "อ่าห์"
ฮุ่ยหมิ่นปลดปล่อยน้ำนมสีขาวขุ่นเข้าไปเต็มกลีบบุปผาอวบอูมของนางจนล้นทะลัก
"แฮ่ก..แฮ่ก..แฮ่ก" ฮุ่ยหมิ่นหอบหายใจอย่างถี่รัว ก่อนจะปลดเปลื้องอาภรณ์ตัวบางของนางลงไปกองกับพื้น บัดนี้ความถูกผิดในใจของเขาหายไปในบัดดล คงเหลือไว้เพียงกิเลสตัณหาที่หยุดไม่ได้
สองมือบีบบี้เต้าอวบอิ่มที่ชูยอดปทุมถันตรงหน้า ก่อนจะก้มลงเลีย และดูดดึงอย่างหิวกระหาย "จ๊วบ..จ๊วบ"
ซือซือแอ่นทรวงอกให้เขาบีบบี้ตามอำเภอใจ นางได้แต่ยกขาขาวนวลนุ่มนิ่ม ถูไถมังกรที่เพิ่งสงบไป ให้กลับมาตั้งผงาดอีกครั้ง
ฮุ่ยหมิ่น ใช้มือข้างหนึ่งนวดเฟ้นทรวงอกอวบอิ่ม ก่อนจะก้มลงไปขบเม้ม และดูดดึงอีกครั้ง แล้วเขาก็ใช้อีกมือ ข้างที่ว่างลูบไล้ทรวดทรงของนางลงต่ำจนไปถึงกลีบบุปผาของนาง ที่บัดนี้กำลังอิ่มเอมกับน้ำนมขาวขุ่นของเขาอยู่
เขาใช้มือลูบไล้วนเวียนตรงเนินอวบอิ่ม ก่อนจะใช้นิ้วถูไถกลีบบุปผาของนาง ต่างคนต่างลูบไล้กันจนเกิดความกระสันเสียวขึ้นอีกครั้ง
ฮุ่ยหมิ่นจึงจับนางพลิกหันหลังให้ตน แล้วหันใบหน้าของนางไปแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ เขายกสะโพกกลมกลึงของนางขึ้นมาก่อนจะสอดใส่แก่นกายที่ถูกนางปลุกให้ตื่นลงไปอีกครั้ง
"อ่า" นางร้องครางเสียงหวานเมื่อถูกฮุ่ยหมิ่นสอดใส่แก่นกายเข้ามาทีเดียวจนสุด
"ซี๊ดดด อ่า...อ่า อ่า แม่นาง...ท่าน..ตอดรัด..ซี๊ด อ่า..อ่า ข้า...เหลือเกิน อ่า...อ่า...อ่า ซี๊ด" ฮุ่ยหมิ่นเสียวซ่านทันทีที่สอดใส่แก่นกายลงไปในตัวนางอีกครั้ง จึงส่งเสียงครางอย่างกระสันเสียวไม่หยุด
"อ่า..อ่า..ท่าน ซี๊ด อ่า..อ่า เร็วอีกๆ อ่า..อ่า" ซือซือเสียวซ่านสุดๆ เมื่อเขากระแทกลงมาอย่างแรงจนสุดและชนผนังอ่อนนุ่มข้างในตัวนาง จนทำให้นางเสียวจนขนลุกขนชัน
"อ่า...อ่า..อ่า ใจเย็นๆ อ่า..อ่า..แม่นาง ซี๊ด อ่า...อ่า" เมื่อโดนนางเร่งเร้า เขาจึงเพิ่มแรงกระแทก อย่ารัวเร็วจนเกิดเสียงดังลั่นป่า ตั๊บบบบ....ตั๊บบบบ....ตั๊บบบบ
"ซี๊ด อ่า..อ่า ท่าน อ่า..อ่า..ซี๊ด แรงอีกๆ อ่า...อ่า..อ่า" ซือซือเสียวสะท้านทรวงขึ้นมาจากแรงกระแทกของฮุ่ยหมิ่น
"อ่า..อ่า ซี๊ด อ่า...อ่า..อ่า" เขาเพิ่มแรงกระแทกจนสุด
และในที่สุดทั้งสองคนก็ไปแตะถึงสวรรค์พร้อมกัน "อ่าห์"
แรงบีบขมิบผนังอ่อนนุ่มของซือซือยังคงขมิบแก่นกายของเขาไม่หยุดเมื่อนางได้เสร็จสม
ฮุ่ยหมิ่นเองหลังได้ปลดปล่อยจนสุด เขาก็ถอนแก่นกายออกมา "ป๊อก" น้ำกามขาวขุ่นก็ไหลล้นทะลักกลีบบุปผาของนางจนมันไหลย้อยลงตามขาวขาวนวล
ฮุ่ยหมิ่นหอบหายใจอย่างแรง ก่อนจะล้มลงบนหลังของซือซือ และนอนหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
ซือซือเองก็หอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะผละออกมาจากฮุ่ยหมิ่นที่ล้มไปกอง และนอนอยู่บนพื้น
นางยืนมองสภาพของฮุ่ยหมิ่นก็ได้แต่ยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะผิวปากเรียกซือจงออกมา
"เจ้าจัดการด้วย ข้าจะไปอาบน้ำก่อน" ว่าแล้วนางก็หยิบชุดคลุมขึ้นมาสวม แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ซือจงได้แต่ยืนมอง ฮุ่ยหมิ่นที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น ก่อนจะจัดการทุกอย่างให้เป็นเหมือนเดิม
รุ่งเช้า ฮุ่ยหมิ่นตื่นมาในสภาพสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อย และนอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่เล็กๆ ในห้องเก็บฟืน ข้าวของทุกอย่างยังคงวางอยู่อย่างเรียบร้อย
เขาสงสัยว่าเขากลับมาได้อย่างไร เมื่อคืนไม่ใช่ว่าเขาได้เจอกับนางฟ้านางสวรรค์ และได้....เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็ก้มลงมาแก่นกายของเขาที่ยังคงสงบ
หรือว่าเขาจะฝันไป อาจจะเพราะเห็นนางเปลือยเปล่าจึงเก็บเอามาฝัน ใช่เมื่อคืนเขาไปเอาน้ำ กระบอกน้ำอยู่ไหนนะ แล้วเขาก็หันไปเจอกระบอกน้ำซึ่งยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ด้วยความไม่แน่ใจเขาจึงลงไปยกกระบอกน้ำดู
ด้วยน้ำหนักของน้ำทำให้เขารู้ว่ามีน้ำเต็มกระบอก หรือเมื่อคืนเขารีบกลับมา ด้วยความเหน็ดเหนื่อยเขาจึงได้หลับไปและเก็บเอานางมาฝัน
แต่อย่างไรก็ดี ถ้าเรื่องนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน เขาก็ไม่ต้องรู้สึกผิดแต่อย่างไร เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบลุกไปล้างหน้าล้างตาแล้วออกเดินทางต่อ
"นายท่านจะไปแล้วหรือขอรับ" เสี่ยวเอ้อน้อยทักทันทีที่เห็นฮุ่ยหมิ่นถือสัมภาระออกมา
" ข้าต้องรีบเดินทาง ขอบใจเจ้ามากที่ให้ที่พักข้า ข้าจะไม่ลืมบุญคุณเลย" ฮุ่ยหมิ่นกล่าวก่อนขอตัวออกเดินทางต่อ
ในใจของฮุ่ยหมิ่นยังสงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หลังสอบเสร็จเขาจะต้องกลับมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ได้ อย่างไรเขาก็ต้องใช้เส้นทางนี้เดินทางกลับเมืองจิ่นกวางอยู่ดี
บทส่งท้าย : เคียงคู่ (จบบริบูรณ์)20 ปีต่อมา ซือจง และ ซือซือมีบุตรทั้งหมด 8 คน เป็นบุตรชาย 5 คน และบุตรี 3 คน ลูกๆ ของนางต่างก็เติบโต และออกเรือนไปสร้างวิถีชีวิตใหม่เป็นของตนเอง ซือจิ้ง บุตรชายคนโต เป็นเถ้าแก่โรงเตี๊ยม ดูแลกิจการต่อจากบิดาซือสือ บุตรชายคนรอง รับราชการเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นอยู่ในราชสำนักซือเฉิง บุตรชายคนที่สาม ทำกิจการภัตตาคาร เปิดตามหัวเมืองใหญ่ๆซือจี๋ บุตรชายคนที่สี่ เปิดสำนักคุ้มภัย เพื่อคุ้มกันสินค้าไปส่งตามเมืองต่างๆซืออ้าย บุตรสาวคนที่ห้า ได้ออกเรือนกับบุตรชายของเถ้าแก่ร้านอาภรณ์ จึงช่วยสามีดูแลกิจการงานผ้าซืออิ๋ง บุตรสาวคนที่หก ได้ออกเรือนกับนายอำเภอหนุ่มคนใหม่แห่งเมืองหยางปิน ได้ตบแต่งเป็นฮูหยินเอกซือเป่า บุตรชายคนที่เจ็ด รับราชการเป็นทหารอยู่ในสังกัดทัพหลวง ประจำการอยู่ชายแดนเขตเมืองหยางปินซือซิง บุตรสาวคนสุดท้อง ได้ออกเรือนกับท่านรองแม่ทัพหัวหน้าของซือเป่าซือซือ ยังคงเป็นสตรีที่งดงามแม้จะอยู่ในวัยสี่สิบกว่าปี ส่วนซือจงก็ยังคงเป็นบุรุษแข็งแกร่ง และยังคงดูเป็นหนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ แม้อายุจะล่วงเลยมาห้าสิบปีทั้งคู่ต่างก็เป็นคู่รัก ที่ผู้คนในเมืองหยางปินอิจฉ
ตอนที่ 32 ชีวิตใหม่ 3 (จบ)หลังจากซือเชี่ยนไปจัดการที่เมืองหยางปิงเรียบร้อยดีแล้ว ก็กลับมาพาพวกเขาย้ายไปอยู่บ้านหลังใหญ่ที่นางซื้อให้บุตรสาวและบุตรเขย "ซือเอ๋อร์เจ้าชอบที่นี่ไหมจ๊ะ" ซือเชี่ยนพาบุตรสาว และบุตรเขยเดินสำรวจเรือนหลังใหญ่"ด้านข้างที่ติดกับกำแพงนี้เป็นโรงเตี๊ยม เอาไว้ให้อาจงดูแลก็แล้วกัน ส่วนนี้เป็นเรือนของเจ้า ด้านหน้าเอาไว้รับรองแขก ส่วนเรือนพักของพวกเจ้า ข้าจัดไว้ด้านหลัง ที่นั่นเป็นส่วนตัว และเงียบสงบดี ส่วนข้าจะพักปีกทางขวานี่ และปีกทางซ้ายก็เก็บไว้ให้ลูกๆ ของเจ้า พวกเจ้าคิดเห็นเป็นเช่นไร" ซือเชี่ยนเอ่ยถามบุตรสาวและบุตรเขย หากพวกเขามิชอบสิ่งใด นางจะได้จัดการโยกย้ายและปรับปรุง"ท่านแม่ขอรับ ทุกอย่างท่านแม่ได้จัดสรรเป็นอย่างดีแล้วขอรับ ลูกเห็นด้วยทุกอย่างขอรับ" ซือจงเอ่ยหลังจากแม่ยาย ได้พาเขาและซือซือเดินชมบริเวณบ้าน"ท่านแม่ ลูกเองก็เห็นด้วยเจ้าค่ะ ท่านแม่รอบคอบดีทุกอย่าง ลูกล้วนเห็นชอบด้วยเจ้าค่ะ"ซือซือเองก็พึงพอใจที่มารดาจัดสรรได้ตรงใจของนางยิ่งนัก"ถ้าพวกเจ้าชอบก็ดีแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ วันพรุ่งนี้แม่จะให้ท่านหมอมาตรวจดูอาการของลูก" ซือเชี่ยนยกยิ้ม ที่บุตรสาวและบุตรเข
ตอนที่ 31 ชีวิตใหม่ 2เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงบ้านของชงเมิ่ง ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายในบ้าน จึงได้รีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในบ้าน"ท่านพี่ภรรยา ต้องขออภัยด้วย ท่านเข้าไปมิได้ขอรับ นางกำลังจะคลอดแล้ว" เป็นน้องเขยของซือจงเข้ามาห้ามทันทีที่เห็นซือจงเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน"เป็นเช่นนั้นหรือ" ซือจงหันหน้ามามองภรรยารักของเขาด้วยความปีติยินดี ซือซือก็ยกยิ้มยินดีกับสามีของนางด้วยเช่นกัน"อุแว้...แว้..แว้" เสียงเด็กร้องไห้ดังลั่นห้อง ทำเอาทุกคนปีติยินดีกับสมาชิกใหม่ของครอบครัว"ยินดีด้วยอาปิง นางคลอดแล้วเป็นเด็กผู้ชาย เจ้าได้บุตรชายอาปิง" หมอตำแยอุ้มทารกน้อยตัวสีแดงๆ ที่กำลังหลับสนิทหลังจากดื่มนมจากมารดาอิ่มแล้วซือซือจึงเดินเข้ามาดูใกล้ๆ เด็กทารกช่างน่ารักน่าชังเสียจริง ซือจงเดินมาโอบไหล่บอบบางของนาง แล้วก้มดูหลานชายของตนเอง หากซือซือคลอดลูกจะช่างน่ายินดีขนาดไหนนะเมื่อเห็นชงเมิ่งพักผ่อน ซือจงและซือซือก็ไม่อยากรบกวน จึงจะเดินทางกลับบ้านของซือจงซือซือเดินออกมาพร้อมซือจงก็รู้สึกเวียนศีรษะ และกำลังจะล้มลงโชคดีที่ซือจงยืนอยู่เคียงข้างนาง จึงรับนางเข้ามาในอ้อมกอดของเขาทัน"ภรรยาข้า เจ้าเป็นอันใดไป" ซือจ
ตอนที่ 30 ชีวิตใหม่ 1หลังจากซือจง และซือซืออยู่พูดคุย และทานอาหารร่วมกับครอบครัวของชงเมิ่งแล้ว เขาก็พาซือซือเดินทางกลับบ้านหลังเก่าของเขาเมื่อเดินทางมาถึง เขาก็ปลุกนางให้ตื่นขึ้นมา หลังจากนางพิงแผงอกแกร่งของเขาตลอดทาง นางอาจจะเหนื่อยและอ่อนเพลียก็เป็นไปได้เมื่อซือจงได้จัดเตรียมน้ำให้นางอาบเสร็จเรียบร้อย เขาก็เดินมาปลุกนางที่นั่งสัปหงกอยู่ตรงโต๊ะน้ำชา"ภรรยารัก เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ข้าเห็นเจ้าอ่อนเพลีย และง่วงนอนตลอดเวลา หรือเป็นเพราะเมื่อคืนข้ารังแกเจ้ามากไปจึงได้ทำให้เจ้าอ่อนเพลีย" เขานั่งลงข้างๆ นาง"ข้าก็มิรู้เหมือนกันท่านพี่ สงสัยจะเดินทางติดต่อกัน อาจทำให้ข้าอ่อนเพลียไปบ้าง เดี๋ยวข้านอนพักก็คงจะดีขึ้นเจ้าค่ะ" นางตอบอย่างงัวเงีย สงสัยเมื่อวานนางนั่งม้ามาทั้งวัน อีกทั้งวันนี้ยังต้องตื่นแต่ยามเหม่า เพื่อไปเยี่ยมชงเมิ่ง จึงทำให้นางเหน็ดเหนื่อย และอ่อนแรงก็เป็นไปได้หลังจากซือจงอาบน้ำกลับมา เขาก็เห็นนางนอนหลับสนิทไปเสียแล้ว เขาจึงปีนขึ้นเตียงไปนอนเคียงข้างนาง ก่อนจะขยับศีรษะของนางมาหนุนแขนของเขา แล้วโอบกอดนางนอนหลับไปด้วยกันยามเฉิน ซือจงเดินเข้าไปปลุกซือซือในห้องนอน นางนอนหลับสนิทตล
ตอนที่ 29 เยี่ยมน้องสามี 2รุ่งเช้าซือจงยกโจ๊กร้อนๆ มาให้ภรรยารักของเขา เห็นนางกำลังยุ่งกับการจัดเก็บของลงหีบ"เจ้าทำอะไรอยู่หรือ ภรรยาข้า เจ้าลุกขึ้นมาทำไมรึ หรือว่าเจ้าหายดีแล้ว" เขาวางโจ๊กไว้บนโต๊ะ ก่อนจะลงมานั่งเคียงข้างนางที่โต๊ะกลางห้องโถง"ข้ากำลังหาของขวัญให้น้องสามีเช่นไรเจ้าค่ะ ท่านพี่" นางผละมือบางออกมาจากหีบเล็กบนโต๊ะ แล้ววางลงบนหลังมือหนาของเขาที่ยังจับถาดโจ๊กไว้อยู่ซือจงจึงเปลี่ยนมากอบกุมมือภรรยาที่นุ่มนิ่มแทน"มิเห็นจำเป็นเลย ภรรยาข้า สมบัติของข้าที่ได้ให้นางไว้นั้นก็มากเพียงพอแล้ว นางคงจะใช้ไม่หมดเป็นแน่" เขาลูบหลังมือนุ่มนิ่มเบาๆซือซือยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะวางมือบางอีกข้างลงบนมือหนาของสามีที่กำลังลูบหลังมือของนางอยู่"ท่านพี่ ข้าเป็นพี่สะใภ้ของนาง ข้าควรแสดงความจริงใจต่อนาง สมบัติของท่าน คือ สมบัติของพี่ชายที่มอบให้แก่น้องสาว อีกอย่างท่านเคยบอกแก่ข้ามิใช่หรือเจ้าค่ะ ว่านางท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว หากเราไปแล้วนางได้ให้กำเนิดบุตรแล้ว เราจะได้มอบเป็นของรับขวัญหลาน มิดีหรอกหรือเจ้าค่ะ" นางกล่าวพลางสบสายตาหวานซึ้งแก่ผู้เป็นสามีซือจงจึงรั้งนางเข้ามากอด "ภรรยารักของข้าช่างรอบคอบเ
ตอนที่ 28 เยี่ยมน้องสามี 1หลังจากซือจง ปรับปรุงโรงเตี๊ยมให้เป็นเรือนหลังใหญ่เสร็จเรียบร้อย เขาก็ได้ย้ายสัมภาระของซือซือ และตนเองเข้ามาอยู่"เจ้าชอบหรือไม่ ภรรยาข้า ข้าจัดทำห้องโถงด้านล่างเป็นเรือนรับรอง ไว้ท่านแม่ยายมาเยี่ยมเจ้าจะได้มีที่รับรองท่าน" ซือจงโอบไหล่บางของซือซือพาเข้ามาห้องโถงด้านล่าง ที่เขาปรับปรุงเป็นห้องรับรองแขก ก่อนจะพานางเดินขึ้นบันไดไปชมห้องพักข้างบนเมื่อเดินมาถึงชั้นบนของเรือน เขาก็พานางเดินมายังห้องริมสุดท้ายฝั่งซ้ายมือของทางเดินซือซือเดินเคียงข้างสามีที่โอบไหล่บางของนาง นางยิ้มน้อยๆ อย่างมีความสุข ในขณะที่ซือจงก็กระตือรือร้นแนะนำในสิ่งที่เขาปรับปรุงตลอดทางเดิน"ห้องนี้ข้าทำเป็นห้องพักรับรอง ไว้ให้ท่านแม่ยาย ส่วนอีกสองห้องตรงกลางข้าจะจัดทำไว้ให้ลูกๆ ของเรา ส่วนสองห้องริมสุดท้ายนี้ ข้าได้พังผนังกั้นห้องออก รวมเป็นห้องเดียวกัน สำหรับเจ้าและข้า" เมื่อเดินมาถึงห้องสุดท้ายที่ซือจงปรับปรุงใหม่สำหรับเขาและซือซือ เขาก็ผลักประตูเปิดเข้าไปเขาปรับปรุงห้องสุดท้ายเป็นห้องโถง มีเก้าอี้ โต๊ะน้ำชา และกระถางดอกไม้ตกแต่ง เขาทำโต๊ะไม้ติดหน้าต่างอีกชุดหนึ่ง สำหรับให้นางได้นั่งรับ







