บทที่ 3 ไค เคนชิน
“ฉันชื่อสุภัครพี... นามสกุลสนิทศรีศิลป์ค่ะ” เธอลังเลอยู่สักพักว่าจะบอกนามสกุลด้วยหรือไม่ แต่ในเมื่อเขาบอกมาแล้วก็เลยบอกบ้าง
“นามสกุลคุณคุ้นหูผมมากเลย” ไคขมวดคิ้วมุ่น พยายามนึกว่าเคยได้ยินหรือรู้จักกับใครที่นามสกุลนี้ แต่ก็นึกไม่ออก และเสียความมั่นใจสุด ๆ ที่เธอไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการแนะนำตัวของเขา เขาเป็นถึงเจ้าของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่นะ เธอไม่คุ้นบ้างเลยเหรอ
“อาจจะแค่คล้ายมั้งคะ คนจน ๆ แบบฉันไม่เคยรู้จักคนต่างชาติหรอกค่ะ” เธอกดลิฟต์ค้างแล้วหันหลังให้เขาเมื่อลิฟต์มาถึงชั้นที่เขากด นับหนึ่งถึงสามให้จังหวะเขาเหนี่ยวขาขึ้น
...เมื่อมาถึงห้องพักของเขาเธอก็ร้องอุทานอยู่ในใจ เพราะมันกว้างขวาง โอ่อ่า เรียกว่าอลังการแบบสุด ๆ เป็นบุญตาสำหรับเธอเหลือเกินที่ได้ย่างกรายเข้ามา
“ขอบคุณมากนะที่อุตส่าห์แบกยักษ์อย่างผมมาส่งถึงห้องพัก” ไคบอกกับหญิงสาวที่แบกเขามาส่งถึงโซฟา “นั่งพักดื่มอะไรสักหน่อยสิ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณถึงห้องปลอดภัยฉันก็ดีใจแล้ว ฉันลากลับเลยก็แล้วกันนะคะ” สุภัครพียกมือไหว้ชายหนุ่มที่เพิ่งสังเกตว่าทั้งหล่อและบุคลิกดีอย่างนอบน้อม ส่งยิ้มสดใสให้กับเขาแล้วหมุนตัวเดินจากไป พอพ้นออกมาจากห้องก็รีบยกมือนวดบริเวณบั้นเอว “สงสัยต้องจัดยาแก้ยอกสักเม็ดแล้วเรา”
ไคขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เมื่ออยู่ดี ๆ หญิงสาวที่เขาแอบมองผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ทั่วทั้งชั้นส่วนตัวชั้นนี้ เดินกลับมาเคาะประตูห้อง
“ครับ” เขาขานรับทั้งที่ข้างนอกไม่ได้ยิน รีบกระโดดกระต่ายขาเดียวไปเปิดประตู “อ้าว! ลืมอะไรเหรอครับ” เขาแกล้งทำเป็นตกใจที่เธอกลับมา
“เปล่าค่ะ แต่ฉันเพิ่งนึกได้ว่าลืมถามอาการบาดเจ็บของคุณ อยากให้ฉันตามหมอให้ไหมคะ หรือจะให้พยาบาลเบื้องต้นก่อนไหม”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมโทรบอกเลขาก็ได้ ขอบคุณมาก ๆ” เธอทำให้เขาซาบซึ้งในความมีน้ำใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบโทรนะคะ ถ้าอาการหนักจะได้รีบไปโรงพยาบาล ฉันไปก่อนนะคะ” เธอฉีกยิ้มกว้างแล้วโค้งศีรษะให้เขา “คุณเป็นคนญี่ปุ่นที่พูดไทยได้ชัดมากค่ะ” ชูนิ้วโป้งก่อนจะเดินจากไปจริง ๆ
ชายหนุ่มเจ้าของโรงแรมอมยิ้มกับอาการโก๊ะ ๆ ของหญิงสาว มองเธอเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ จนลับตาจึงปิดประตู
“สุภัครพี สนิทศรีศิลป์ นามสกุลทำไมถึงคุ้นนักนะ” เขากระโดดขาเดียวไปที่โซฟา เปิดสมุดโทรศัพท์หาเบอร์ของเลขาแล้วโทรออกด้วยโทรศัพท์ภายในห้องพัก
“บอสจะกลับไปพักที่โรงแรมหรือกลับบ้านคะ” เลขาวัยสามสิบสี่ปีนามว่ามัณฑนา ถามเจ้านายที่เด็กกว่าสองปีอย่างนอบน้อม เมื่อนั่งรถออกจากโรงพยาบาล
“ถ้าคุณลุงไม่อยู่ผมก็ไม่อยากกลับบ้านหรอก” เขาเบื่อที่จะกลับไปบ้านที่เคยเป็นเรือนหอเรือนรักของลุงกับภรรยาของท่าน เพราะเบื่อที่จะเจอกับญาติ ๆ ฝ่ายมารดาของภรรยาท่าน ที่ขยันวนเวียนไปหาเหมือนกับที่นั่นเป็นมูลนิธิ “กลับโรงแรมดีกว่าคุณมัน”
“ค่ะบอส บอสคะแล้วเรื่องงานจะเอายังไงดีคะ จะให้มันหอบไปให้ที่โรงแรมไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอกคุณมัน วันหยุดสองวันนี้ผมว่าจะรักษาตัวให้เต็มที่ วันจันทร์ก็คงจะดีขึ้น เพราะแค่เคล็ดเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องโทรยกเลิกนัดคุณปฐพี”
“อือ” ไคตอบรับในลำคอ “คุณมันไปแทนก็ได้นี่ ตีกอล์ฟเก่งอยู่ไม่ใช่เหรอ” เขาพูดยิ้ม ๆ จงใจแซวเลขาสาว ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เริ่มมาบริหารงานในประเทศไทยเมื่อสิบปีก่อน เพราะรู้ว่าเธอกำลังคบหาดูใจกับบอร์ดผู้บริหารคนหนึ่งของมามิยะไทยแลนด์
“มันเก่งแต่งานเลขาค่ะ งานอื่นได้แต่ติดตามเท่านั้น” เลขาสาวย้อนบอสหนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มอย่างรู้เท่าทัน
“น่าจะหัดเอาไว้นะ อีกหน่อยจะได้เป็นคุณนายคอยออกรอบกับสามี”
“อย่าพูดถึงเรื่องอนาคตเลยค่ะบอส มันยังไม่รู้เลยว่ามันจะไปไกลถึงตอนนั้นหรือเปล่า” เธอตอบแบบสบาย ๆ ไร้ความกังวล
“คุณมันเป็นผู้หญิงเก่งนะ คุณสิทธิโชคเขาโชคดีที่มีคนรักอย่างคุณมัน ถ้าเขาทิ้งคุณมันผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรดีแล้ว”
“มันอาจจะเป็นฝ่ายทิ้งคุณโชคก่อนก็ได้ค่ะบอส” เลขาสาวตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
“นั่นสินะ ผมก็ลืมคิดไป” บอสหนุ่มหยอกกลับเลขา มองไปที่ริมถนนมืด ๆ แล้วก็นึกถึงหญิงสาวตัวเล็กนุ่มนิ่มที่เสียสละหลังให้เขาขี่ “เออคุณมัน ผมมีเรื่องจะให้จัดการหน่อย”
“เรื่องอะไรคะบอส”
“ผมอยากได้ประวัติของพนักงานพาร์ตไทม์ที่ชื่อสุภัครพี สนิทศรีศิลป์ เธอทำงานอยู่ที่โรงแรมเรานี่แหละ จัดการให้ผมหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ ด่วนไหมคะบอส” หญิงสาวจดรายละเอียดลงในสมุดบันทึก และถามถึงความสำคัญเพื่อที่จะจัดอันดับการทำงาน “เอ๊ะ!”
“อะไรเหรอคุณมัน”
“นามสกุลไงคะ บอสไม่คุ้นบ้างเหรอคะ”
เขาคุ้นสิ ถึงได้ขอประวัติ แต่ก็ไม่พูดออกไปเพราะอยากทดสอบสมองของเลขาตัวเอง “ทำไมเหรอคุณมัน”
“ก็บอสเคยให้มันช่วยตามหาผู้หญิงที่ชื่อ.. เดี๋ยวนะคะ” เลขาสาวเปิดหาในสมุดบันทึกที่จัดไว้เป็นหมวดหมู่อย่างมีระเบียบ “ระพี สนิทศรีศิลป์ค่ะ บอสบอกให้มันตามหาที่อยู่ของเธอเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว จำได้ไหมคะ”
“ผมก็ว่าคุ้น ๆ นะคุณมัน แต่นึกไม่ออกจนคุณมันพูดนี่แหละ ถ้าอย่างนั้นผมขอเป็นเรื่องด่วนที่สุดก็แล้วกัน” หลังจากตามหามานานแรมปี บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสของเขา เธอคนนี้อาจจะเป็นกุญแจตัวสำคัญก็ได้.. สุภัครพี รพี.. รอหน่อยนะครับคุณลุง ผมอาจจะมีของขวัญวันเกิดสุดพิเศษ มอบให้คุณลุงในวันเกิดครบรอบ 65 ปีก็ได้
“ครีม ปีใหม่มีโปรแกรมไปไหนหรือเปล่า”
“ถ้าที่โรงแรมไม่โทรตามก็ไม่มีนะ จีนมีอะไรหรือเปล่า” สุภัครพีที่อยู่ในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยตอบเพื่อน
“ไปเที่ยวกับที่บ้านเราไหม พวกเราจะไปทะเล จองที่พักเอาไว้แล้ว”
“จีนไปเที่ยวเถอะ เราคงไปไม่ได้หรอก เผื่อที่โรงแรมโทรมา ช่วงเทศกาลแบบนี้เงินดีด้วยสิ”
“ทำแต่งาน พักบ้างสิ”
“จีนก็รู้ว่าเราพักไม่ได้” พ่อเธอยิ่งนับวันก็ยิ่งร่างกายเสื่อมโทรม แต่ก็ไม่ยอมเลิกกินเหล้าสักที แล้วไหนจะค่ากินค่าอยู่ ค่าเทอมค่าเล่าเรียน ยังโชคดีที่กู้รัฐได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีโอกาสมาถึงจุดนี้
“กะแล้วว่าต้องได้ยินประโยคนี้ ถ้าอย่างนั้นเอานี่ไป” อารยาวางกระเป๋าที่หิ้วลงมาจากรถให้เพื่อน
“ขอบใจจ้ะ” สุภัครพีกล่าวโดยไม่ต้องเปิดกระเป๋าดูก็รู้ว่ามันคือหนังสือการ์ตูน หนังสือนิยาย เพราะที่บ้านเพื่อนเป็นสำนักพิมพ์และยังมีโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง เวลาที่มีหนังสือปกใหม่เข้ามา เธอก็จะเอาเล่มตัวอย่างหรือเล่มปรู๊ฟมาให้อ่านฟรีตลอด “ขอบใจมากนะ พรุ่งนี้เราเอากระเป๋ามาคืนให้นะ”
“ขอบคุณพี่กาแฟมากนะคะ แค่นี้ครีมก็ซาบซึ้งมากแล้วค่ะ แต่ครีมยังไหวค่ะ”“ยังไม่ทันได้ช่วยอะไรก็ซาบซึ้งแล้วเหรอ”“แค่มีน้ำใจให้ครีมก็ซาบซึ้งแล้วค่ะ”“ซาบซึ้งอะไรกันจ๊ะ”เสียงทักกระแนะกระแหนจากทางด้านหลังทำให้หนุ่มสาวรุ่นพี่รุ่นน้องต่างหันไปมอง“นิ่ม!”“ทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะกาแฟ” หญิงสาวที่เข้ามาใหม่ถามชายหนุ่มรุ่นเดียวกัน เหลือบมองไปทางหญิงสาวรุ่นน้องด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “ได้ยินแต่คำร่ำลือว่ากาแฟมาติดพันรุ่นน้องปีหนึ่ง แต่เพิ่งมีโอกาสได้เห็นตัวจริงก็วันนี้เอง รอดสายตานิ่มไปเกือบปีได้ยังไงกันนะ”“ครีมคิดว่าพี่สาวกำลังเข้าใจผิดนะคะ” สุภัครพีตอบยิ้ม ๆ เพื่อจะทำให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่เธอคงคิดผิด เธอรีบหุบยิ้ม เม้มปากแน่นแล้วหันไปมองชายหนุ่มตัวต้นเหตุ ส่งสายตาบอกให้เขาช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดกับหญิงสาวผู้มาใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นคนรักของเขา“พูดอะไรแบบนั้นล่ะนิ่ม อย่าทำให้แฟกับน้องครีมมองหน้ากันไม่ติดสิ”“ทำไมนิ่มต้องทำแบบที่กาแฟพูดด้วยล่ะ นิ่มหึงนิ่มก็แสดงออกว่าหึง นิ่มผิดด้วยเหรอ” อดีตดาวมหาวิทยาลัยนามว่ากชกรบอกกับชายหนุ่มอดีตเดือนมหาวิทยาลัย“จะมาหึงแฟทำไม เราเป็นแค่เพื่อนกันนะ” พรหมเทพทำ
มือใหญ่เอื้อมไปลูบศีรษะของสาวน้อยเบา ๆ ส่งยิ้มเป็นมิตรให้กับเธอ “ตาบอกแล้วไงว่าไม่ต้องกังวลเรื่องของพ่อ ตาจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง”“ไม่ได้หรอกค่ะคุณตา เราไม่ได้เป็นอะไรกัน หนูจะเห็นแก่ตัวได้อย่างไรคะ”“ทำไมจะไม่ได้เป็น หนูเป็นหลานของคุณสุนทรี คนที่เคยดีกับตาทุกอย่าง ดังนั้นตามีโอกาสได้ตอบแทนน้ำใจของท่านก็ตอนนี้แหละ”“แม่บอกว่ายายทำความดีไม่เคยหวังผลตอบแทนหรอกค่ะคุณตา แม่หนูก็สอนหนูแบบนี้เหมือนกัน”“ถ้าอย่างนั้นคิดซะว่าหนูเป็นหลานของตาก็แล้วกันนะ หลานยายสุนทรีคือหลานตาฮาโตริ ดีไหม.. หือ” เห็นเธอลังเลเขาจึงย้ำถามในลำคอ“ค่ะ แต่คุณตาคะ”“หือ”“หนูซาบซึ้งในน้ำใจของคุณตามาก ๆ และกราบขอบพระคุณที่เมตตาหนู แต่หนูคงรับน้ำใจของคุณตาฝ่ายเดียวไม่ได้ เอาเป็นว่าหนูจะพยายามหาเงินมาใช้ให้คุณตานะคะ หนูจะค่อย ๆ ผ่อนใช้ให้คุณตาเท่าที่หนูจ่ายไหวนะคะ”“หนูเรียนหนังสืออยู่ไม่ใช่เหรอ” เขารู้ว่าเธอทำงานพาร์ตไทม์ที่โรงแรมในเครือมามิยะ แต่ก็แกล้งถามไปอย่างนั้นเอง“เรียนค่ะ แต่หนูก็ทำงานด้วย เดี๋ยวหนูจะลองหางานทำเพิ่มอีกสักอย่าง”“อย่าทำแบบนั้นเลยนะหนู ร่างกายจะย่ำแย่เอา ถ้าป่วยขึ้นมาอีกคนใครจะดูแลพ่อล่ะ เอาเป็น
บทที่ 5 ความรักไม่ใช่ความผิดสุภัคถอนหายใจ เดินคอตกไปนั่งร่วมวงกับลูกสาว แล้วตักข้าวใส่ปากด้วยมือที่สั่นเทาเพราะหิวเหล้าจัดหญิงสาวมองอาการมือสั่นจนน่ากลัวของบิดา ได้แต่ฝืนกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เป็นขนาดนี้แล้วแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดเหล้า ท่านไม่ห่วงเธอที่เป็นลูกเพียงคนเดียวบ้างเลยเหรอ ผิดกับเธอที่เป็นห่วงท่านที่สุดในชีวิต ห่วงจนตัดใจไม่ยอมรับทุนแลกเปลี่ยนที่ทางมหาวิทยาลัยเสนอให้ เธอยอมทิ้งอนาคตเพื่อท่าน แต่ท่านไม่เคยคิดจะสร้างอนาคตให้เธอเลยแต่ถึงจะเป็นแบบนี้เธอก็ไม่โกรธท่านหรอก เพราะรู้ว่ามันเกิดจากความรักที่ท่านมีต่อมารดา ความรักไม่ใช่ความผิด“พ่อ!” สุภัครพีอุทานด้วยความตกใจ เมื่อบิดาที่เพิ่งตักข้าวใส่ปากได้แค่สองคำช้อนร่วงลงจากมือ ตัวงอกุมท้องร้องโอดโอย ก่อนจะอาเจียนเลือดสด ๆ ออกมา “พ่อ! พ่อเป็นอะไร พ่อจ๋า” หญิงสาวเข้าไปประคองบิดา น้ำตาไหลด้วยความตกใจและเป็นห่วง“พ่อไม่เป็นไรหรอกลูก ไม่ต้องตกใจไป” สุภัคเช็ดเลือดที่ปากแล้วปลอบโยนลูกสาวเสียงอ่อนโยน ทนข่มอาการปวดท้องที่เป็นบ่อยมากในระยะหลัง ๆ มานี้ มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือด เพียงแต่ว่าครั้งนี้มันมาเกิดต่อหน้าลูกสาวเ
บทที่ 4 เพื่อนเราคนนี้ไร้เดียงสาอารยารู้ว่าเพื่อนประหยัดมาก เงินทุกบาทที่หามาได้ต้องใช้สอยอย่างรอบคอบ แม้แต่ของฟุ่มเฟือยเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็แทบจะไม่ได้ซื้อ เธอจึงมักจะแบ่งปันสิ่งที่ตัวเองมีให้เพื่อนด้วย อย่างพี่สาวของเธอที่ทำงานอยู่ในบริษัทเครื่องสำอางชั้นนำ เมื่อได้สินค้าทดลองใช้มา เธอก็มักจะนำมาแบ่งปันให้เพื่อนคนนี้ได้ใช้เสมอ“อือ อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ภาคต่อของทรูเลิฟจะออกมาแล้วนะ ได้อ่านที่ให้ไปหรือยัง”“อ่านแต่แบบเล่มเดียวจบ แบบที่เป็นเล่มต่อยังไม่ค่อยได้อ่านหรอก อ่านแล้วอารมณ์มันค้างน่ะ”“จีนก็ไม่อ่านเหมือนกัน เมื่อก่อนอ่านนะ อ่านแล้วเสียอารมณ์เป็นบ้า บางทีค้างตอนเลิฟซีน หงุดหงิดมากขอบอก”“ปั่นหัวเพื่อนครีมอีกแล้วนะคุณหนูจีน” พันวาที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบเหน็บเพื่อนสาวลูกเจ้าของธุรกิจที่มีนิสัยก๋ากั่น ปากคอเราะรายผิดกับคุณหนูทั่วไป“ปั่นอะไรยะคุณวา ฉันยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ”“เธอก็รู้ว่าเพื่อนเราคนนี้ไร้เดียงสาแค่ไหน ยังจะพูดเรื่องเลิฟซีนให้นางฟังอีก เดี๋ยวนางก็ตัวแดงหรอก” เป็นที่รู้กันในกลุ่มว่าเวลาเพื่อนสาวคนนี้อายทีไร ตัวจะแดงเถือกทั้งตัว ไม่ใช่แดงเฉพาะใบหน้าเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา
บทที่ 3 ไค เคนชิน“ฉันชื่อสุภัครพี... นามสกุลสนิทศรีศิลป์ค่ะ” เธอลังเลอยู่สักพักว่าจะบอกนามสกุลด้วยหรือไม่ แต่ในเมื่อเขาบอกมาแล้วก็เลยบอกบ้าง“นามสกุลคุณคุ้นหูผมมากเลย” ไคขมวดคิ้วมุ่น พยายามนึกว่าเคยได้ยินหรือรู้จักกับใครที่นามสกุลนี้ แต่ก็นึกไม่ออก และเสียความมั่นใจสุด ๆ ที่เธอไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการแนะนำตัวของเขา เขาเป็นถึงเจ้าของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่นะ เธอไม่คุ้นบ้างเลยเหรอ“อาจจะแค่คล้ายมั้งคะ คนจน ๆ แบบฉันไม่เคยรู้จักคนต่างชาติหรอกค่ะ” เธอกดลิฟต์ค้างแล้วหันหลังให้เขาเมื่อลิฟต์มาถึงชั้นที่เขากด นับหนึ่งถึงสามให้จังหวะเขาเหนี่ยวขาขึ้น...เมื่อมาถึงห้องพักของเขาเธอก็ร้องอุทานอยู่ในใจ เพราะมันกว้างขวาง โอ่อ่า เรียกว่าอลังการแบบสุด ๆ เป็นบุญตาสำหรับเธอเหลือเกินที่ได้ย่างกรายเข้ามา“ขอบคุณมากนะที่อุตส่าห์แบกยักษ์อย่างผมมาส่งถึงห้องพัก” ไคบอกกับหญิงสาวที่แบกเขามาส่งถึงโซฟา “นั่งพักดื่มอะไรสักหน่อยสิ”“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณถึงห้องปลอดภัยฉันก็ดีใจแล้ว ฉันลากลับเลยก็แล้วกันนะคะ” สุภัครพียกมือไหว้ชายหนุ่มที่เพิ่งสังเกตว่าทั้งหล่อและบุคลิกดีอย่างนอบน้อม ส่งยิ้มสดใสให้กับเขาแล้วหมุนตัวเดินจากไป พ
บทที่ 2 พนักงานพาร์ตไทม์“เพื่อนของครูที่เป็นผู้จัดการโรงแรม เขาต้องการพนักงานพาร์ตไทม์ เธอสนใจไหม” ถ้าเป็นก่อนหน้านี้สักปี เธอคงไม่ต้องเรียกคุยกับเด็กคนนี้ที่โรงเรียน เพราะบ้านอยู่ติดกัน แต่หลังจากมารดาของเธอเสียไปแล้ว พ่อของเธอที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจและเป็นคนเอาการเอางานก็ใจสลาย กลายเป็นคนขี้เมาหยำเป วัน ๆ เอาแต่ดื่มแล้วก็นั่งร้องไห้ จนธุรกิจเจ๊งไม่เป็นท่า บ้านก็ถูกธนาคารยึดจนต้องย้ายไปอยู่ห้องเช่าแทน“สนใจค่ะคุณครู แต่หนูต้องทำอะไรบ้างคะ”“เป็นบริกร ทำงานในห้องอาหาร เริ่มงานหกโมงครึ่ง เลิกสี่ทุ่มครึ่ง เขาให้สามร้อย รวมอาหารด้วยหนึ่งมื้อ คิดว่าทำได้ไหม”“ได้ค่ะ จะให้หนูเริ่มงานวันไหนคะ”“ถ้ามีงานเขาจะโทรมาตามเอง เดี๋ยวครูจะเอาเบอร์โทรของเธอให้เพื่อนครูไว้ก็แล้วกัน”“แต่หนูไม่มีโทรศัพท์นะคะคุณครู” พูดจบโทรศัพท์ก็ถูกยื่นมาวางไว้ข้างหน้าของเธอ“สามีครูเพิ่งซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้เป็นของขวัญวันเกิด ครูยกเครื่องนี้ให้เธอ ครูซื้อซิมใหม่ใส่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”เด็กสาวเผลอยิ้มอย่างยินดี แต่ก็รีบหุบลงและส่ายหน้าปฏิเสธ มันไม่ใช่ของเธอ เธอไม่ควรดีใจ“คุณครูอย่าให้หนูฟรี ๆ เลยนะคะ ขายให้หนูดีก