#เวลาต่อมา
หลังจากที่ได้กลับมาอยู่ที่บ้านที่กรุงเทพฯ ฉันก็ได้ใช้ชีวิตแบบปกติ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันขาดอะไรไป มันเหมือนต้องปรับตัวใหม่อยู่เหมือนกัน เพราะตอนที่อยู่ที่นั่นฉันเองก็ต้องปรับตัวเป็นการใหญ่เลย
แต่คงเป็นเพราะความเคยชินกับที่นี่ที่ฉันอยู่มาตั้งแต่เกิด มันเลยทำให้ฉันปรับตัวไม่ยาก และเข้ากับคนง่าย สังคมภายนอกมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดหรอก ถ้าเราเลือกที่จะมองผ่านน่ะนะ คนไหนไม่น่าคบเราก็แค่ปล่อยผ่าน คิดอะไรง่าย ๆ ไม่ต้องยุ่งยากให้มันซับซ้อนปวดหัว
หลังจากรายงานตัว ฉันก็เข้าทำกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย จนกระทั่งตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้วล่ะ ฉันมีเพื่อนขึ้นเยอะ แต่ก็ไม่รู้ว่าฉันถูกคบเพราะที่บ้านมีเงินหรือเปล่า แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้หรอก แล้วแต่คนจะคิดเลย สำหรับฉันแค่ไม่ล้ำเส้นกันก็นับว่าเป็นเพื่อนได้แล้ว
"น้ำตาล ๆ วันนี้เพื่อนนัดไปดื่มกัน เธอไปด้วยกันนะ"
"อ๋อ เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วจะทักบอกอีกทีนะ"
"โอเค ๆ แต่มาให้ได้นะ จะได้เปิดหูเปิดตา"
"อื้ม"
เคยคิดอยู่เหมือนกันนะตอนที่เรียนอยู่มัธยม ว่าสักวันหนึ่งที่ฉันอายุครบ 20 ฉันจะเข้าผับเข้าบาร์ เข้าไปเปิดหูเปิดตาในนั้นบ้าง เพราะอยากรู้ว่าข้างในมันเป็นยังไง ที่เขาบอกว่ามันสนุกมีความสุขและได้ปลดปล่อย ฉันอยากสัมผัสความรู้สึกแบบนั้น
#ที่บ้าน
"คุณหนูจะแต่งตัวออกไปไหนคะ"
"ไปเที่ยวกับเพื่อนค่ะ คงกลับดึก ๆ โน่นเลย ไม่ต้องรอเปิดประตูก็ได้ค่ะ หนูมีกุญแจอยู่ เดี๋ยวกลับมาเปิดเองค่ะ"
"แล้วจะกลับยังไงคะ ดื่มหรือเปล่า"
"ก็คิดว่ามีค่ะ ขากลับก็คงกลับแท็กซี่"
"ไม่ดีมั้งคะคุณหนู เมากลับมา นั่งรถแท็กซี่มันอันตรายนะคะ แค่ปกติกลับแท็กซี่ตอนดึก ๆ ก็ว่าอันตรายแล้ว นี่เมาด้วย ให้คนขับรถไปรอรับกลับนั่นแหละค่ะดีแล้ว"
"เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ"
ฉันเองก็ไม่อยากขัดใจป้าแม่บ้านเพราะแกคงเป็นห่วงจริง ๆ ถึงได้ไม่ยอมให้ฉันกลับรถแท็กซี่ตอนดึก ฉันก็ไม่ได้อยากรบกวนพวกเขาหรอก แต่ทำไงได้ นอกจากพวกเขาฉันก็ไม่มีใครแล้วนี่นา
พอถึงเวลานัดฉันก็ออกจากบ้านทันที ให้คนขับรถของตัวเองพาไปที่คลับแห่งหนึ่ง ก่อนที่ฉันจะเข้าไปเจอเพื่อน ๆ ด้านใน ซึ่งเพื่อน ๆ จองโต๊ะเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
บรรยากาศข้างในมันต่างจากบรรยากาศข้างนอกมาก เรียกได้ว่าคนละโลกเลย
"ทางนี้น้ำตาล"
ขณะที่กำลังยืนมองหากลุ่มเพื่อน ๆ เสียงของเพื่อนคนหนึ่งก็ดังขึ้น เพราะเสียงเพลงข้างในยังไม่ดังมาก เลยยังพอได้ยินเสียงพูดคุยอยู่บ้าง
"พวกแกมากันครบแล้ว รอนานไหมเนี่ย ฉันช้าสุดเลยใช่ไหม"
"ไม่หรอก คลับเพิ่งเปิดได้ไม่นานเอง"
"แกดื่มอะไรได้บ้างเนี่ยน้ำตาล" เพื่อนคนนึงถามขึ้น
"อะไรก็ได้ แต่ขอแบบไม่แรงมากนะ ฉันยังไม่เคย"
"โอเค"
ดูเพื่อนทุกคนของฉันดูเหมือนได้ใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน รู้จักรสชาติอะไรพวกนี้เป็นอย่างดี ในขณะที่ฉันยังไม่เคยแตะมันเลยแม้แต่หยดเดียว ตอนที่พ่อแม่ฉันยังอยู่ก็ยังไม่ได้คิดหรอกเพราะยังไม่โต แต่พอพวกเขาจากไปแล้วฉันต้องย้ายไปอยู่กับนายหัวคาวี ยิ่งไม่ต้องถามถึงเลย รายนั้นน่ะแทบจะไม่ให้ฉันกระดิกออกจากบ้าน ถ้าฉันไปสังสรรค์กับเพื่อนแล้วดื่มนะ มีหวังได้หัวร้อนจนไฟไหม้บ้าน คนอะไรทำตามกฎเกณฑ์ไปซะทุกอย่าง ไม้บรรทัดที่ว่าตรงแล้ว ยังไม่เท่ากับเขาเลย
"ดื่มนี่ไปก่อนนะ เอาไว้กรึ่มแล้วค่อยลองอย่างอื่น"
"ขอบใจนะ"
แก้วค็อกเทลถูกยื่นให้กับฉัน ที่รู้เพราะฉันเองก็พอจะเคยเห็นมาบ้าง มันมีหลายสีหลายรสชาติ ส่วนแอลกอฮอล์ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใส่เข้าไป จะแรงหรือน้อยก็แล้วแต่คนชอบ
"เห็นว่าแกย้ายมาจากต่างจังหวัดเหรอน้ำตาล"
"นั่นดิ เห็นว่าได้เข้ามหาลัยเพราะเกรดสูงด้วย เรียนเก่งนะเนี่ย"
"เปล่าหรอก ฉันไม่ใช่คนต่างจังหวัด ฉันก็อยู่ที่นี่แหละ แค่พ่อแม่ตายแล้วต้องไปอยู่กับญาติผู้ใหญ่มั้งที่อยู่ต่างจังหวัด แล้วก็ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่นี่ ก็เลยได้ย้ายกลับมา" ฉันไม่รู้ต้องใช้สรรพนามเรียกเขาว่ายังไง เพราะฉันเองก็ยังไม่รู้เลย ว่าเขาเป็นอะไรกับพ่อแม่ของฉัน แต่เท่าที่รู้ พ่อแม่ของฉันเขาไม่ได้มีพี่น้องนี่นา
"อ๋อ.." เพื่อนทุกคนพูดพร้อมกัน
ก็ไม่แปลกหรอก เพราะเอกสารของฉันมันถูกย้ายมาจากต่างจังหวัดนี่นา ก็ไม่แปลกที่จะมีคนเข้าใจว่าฉันย้ายมาจากต่างจังหวัด
พอดื่มไปมากขึ้นเรื่อย ๆ จากแก้วนึงเบา ๆ แอลกอฮอล์นิดเดียว ก็เริ่มแรงขึ้นด้วยการเพิ่มช็อต จากนั้นก็เปลี่ยนไปดื่มของที่มันแรงกว่านั้น จนฉันรู้สึกว่าตัวเองตัวเบามาก หัวเริ่มหมุน แสงไฟและแสงสีในคลับมันเริ่มปลุกเร้าอารมณ์ พร้อมกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม ทำเอาคนอินโทรเวิร์ดไม่ค่อยชอบเสียงเพลงดัง ๆ อย่างฉันลุกขึ้นเต้นขึ้นมาได้
มันสนุกดีนะ รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยเลย มีความสุขในแบบพิลึกดี หรือเป็นเพราะตอนนี้ฉันกำลังเมาอยู่กันนะ
เริ่มรู้สึกชอบขึ้นมาซะแล้วสิ
ไม่ใช่ฉันแค่คนเดียวนะที่ลุกขึ้นเต้น เพื่อนทั้งกลุ่มก็พากันลุกขึ้นเต้นด้วย ก่อนที่ฉันจะถูกดึงไปเต้นอยู่กลางคลับ ตรงที่คนเยอะ ๆ แสงไฟและแสงสีจดจ่อลงไปตรงนั้น รู้สึกว่านี่เหมือนเวทีเลย ปกติฉันต้องอาย แต่นี่ฉันใส่แบบจัดเต็ม ทั้งยกขวดเหล้าดื่มและก็เต้นไปด้วย มันโคตรมีความสุขเลย ! นี่เหรอชีวิตที่เขาเรียกว่าอิสระ
**************
#เช้าวันต่อมา
โอกกก !!! แหวะ !!!
ตื่นเช้ามาฉันอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ทั้งคลื่นไส้ทั้งมึนหัว รู้สึกเหมือนกับว่าบ้านมันหมุนไปหมดเลย ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าหลังดื่มเหล้าหนัก ๆ จะมีอาการแฮงค์ ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ โคตรทรมานเลย มันปวดหัวด้วยสิ
ดีนะที่เมื่อคืนเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี วันนี้ก็เลยไม่มีเรียน หยุดอยู่บ้านได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงเรียนไม่รู้เรื่อง
"น้ำหวานค่ะคุณหนู ดื่มแก้แฮงค์นะคะ"
"ขอบคุณค่ะ ยังไม่ต้องเตรียมอาหารเช้านะคะ หนูกินไม่ไหว"
"ค่ะ อยากทานเมื่อไหร่ก็บอกนะคะ"
"....." ฉันได้แต่พยักหน้าตอบรับ ก่อนจะทิ้งตัวฟุบลงกับโต๊ะ ด้วยความหมดแรงหลังจากที่เพิ่งอาเจียนไปจนหมดไส้หมดพุง
ครืด ครืด ครืด
สายเรียกเข้า >>> คนหน้าตึง
"อือ..."
อันที่จริงก็ไม่อยากรับหรอกนะ แต่เดี๋ยวก็โดนบ่นอีก
( ทำอะไรอยู่ สายแล้วนะ ยังไม่ตื่นอีกหรือไง )
"ตื่นแล้ว" ตอบเสียงอู้อี้
( แล้วทำไมเสียงเป็นแบบนั้น ไม่สบายหรือไง )
"อือ เปล่า ๆ สบายดี"
( ...... ) ปลายสายเงียบไป เขาชอบเป็นแบบนี้แหละ คุยกันอยู่ดี ๆ ก็เงียบ จนบางครั้งก็คิดว่าวางสายไปแล้วมั้ง
"นายหัวโทรมาไม ?"
( กินเหล้ามาเหรอ )
"อือ เพื่อนชวนไปน่ะ ก็เลยไปดื่มนั่งแฮงค์อยู่เนี่ย"
( แล้วไปกับใคร ใครไปส่ง เป็นผู้หญิงนะ ทำไมทำแบบนั้น )
"บ่นอีกแล้ว !!"
ที่จริงอยากจะโวยวายมากกว่านี้นะ แต่มันหมดแรงมากกว่า ไม่อย่างนั้นนะเถียงกลับมากกว่านี้ไปแล้ว ฉันโตแล้วนะ !!
( ก็รู้ว่าโตแล้ว แต่คนอย่างเธอถ้าไม่มีผู้ใหญ่กำกับเนี่ย จะเป็นยังไง ดื้อชะมัดเลย )
"จะบ่นทำไมเนี่ย ก็แค่กินเหล้าเอง"
( สภาพเสียงแบบนี้ คงดื่มหนักเลยสิท่า )
"ไม่รู้อ่ะ คงหนักมั้ง ออกไปเต้นกลางผับด้วยนะ โคตรสนุกเลยมีคนมาเต้นด้วยนะ หนุ่ม ๆ เยอะเพียบ"
( น้ำตาล! )
น้ำเสียงปลายสายเย็นยะเยือกมาก ดูเหมือนกำลังดุฉันและข่มอารมณ์ไปด้วย เล่นเอาตาสว่างเลยเหมือนกัน
เหมือนคนยังไม่สร่างเมาพูดไปเรื่อยเปื่อย พูดไปมั่วหมด แต่ไอ้ที่พูดน่ะกำลังนึกถึงเรื่องเมื่อคืนอยู่ด้วยน่ะสิ
( ฉันจะบอกป้าพร ว่าเธอทำอะไรลงไป )
"ยะ อย่านะ อย่าบอกป้าพรนะหนูขอ"
( ..... ) เขาเงียบอีกแล้ว เงียบแบบไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรอีก
"เอาเป็นว่า ต่อไปหนูจะระมัดระวังตัวก็แล้วกัน"
( ฉันคงต้องนั่งบ่นเธอสักชั่วโมงนึงสินะ ถึงจะดี )
"หึหึ ไม่ดีหรอก ไม่ต้องมาบ่น แค่นี้นะหนูปวดหัว"
ไม่ทันไรฉันก็กดวางแล้ว มันไม่ไหวจริง ๆ อยากอยู่เงียบ ๆ มากกว่า ขืนได้คุยกับเขามากกว่านี้นะ ฉันได้อ้วกแตกอ้วกแตนอีกแน่
@หนึ่งปีต่อมาหลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งมันก็เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองจะฮันนีมูนด้วยกัน แต่น้ำตาลยังเลือกไม่ถูกว่าจะไปที่ไหน ตอนนี้เธอเลยมาพักที่บ้านของนายหัวคาวีก่อน เพราะเธออยากจะเที่ยวอยู่ที่นี่ ไม่ได้อยากไปไหนไกลเลย"วันนี้ขอเข้าสวนด้วยนะ" น้ำตาลมากอดแขนออดอ้อนตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธมาทั้งเช้าแล้วเหมือนกัน"มันร้อน เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก""หนูแข็งแรงจะตายไป ทำไม? เมียอยากเข้าสวนเนี่ยไม่ได้หรือไง ซุกเด็กไว้ที่สวนหรอ""เด็กที่ว่า คงมีแต่บองหลาล่ะสิไม่ว่า""นะนะ นะคะที่รัก หนูขอไปด้วยนะ""อาๆ จะไปก็ไป"ถึงในใจจะไม่เต็มใจสักเท่าไร แต่ก็ขัดใจเธอไม่ได้จริงๆ เขาไม่ค่อยอยากให้เธอตามไปด้วย เพราะในสวนอากาศค่อนข้างร้อน แล้วก็เต็มไปด้วยสัตว์มีพิษเต็มไปหมด ไม่ได้มีอะไรน่าดู น่าเที่ยวเลยสักนิด แถมป่าก็รก ถึงคนงานจะช่วยกันถางไปบางส่วนแล้ว แต่พอฝนตกทีนึงก็เหมือนไปช่วยทำให้พวกมันได้เติบโตขึ้นมาใหม่หลังจากนั้นน้ำตาลก็ได้นั่งรถกระบะไปพร้อมกับนายหัวคาวี เข้าไปที่สวนของเขานั่นแหละ เธอมาบ่อยแล้วก็จริง แต่หลังจากที่เรียนจบจากที่นี่ และไปใช้ชีวิตในกรุงเทพฯต่อ เธอก็ไม่ได้มีโอกาสเข้าสวนบ่อยๆ อีกเลย"ห
#เวลาต่อมาที่บ้านของนายหัวคาวี หลังจากที่เขากลับมาจากทำงานในสวนแล้ว ก็เดินเข้าบ้านเตรียมตัวจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และกำลังจะโทรคุยกับสุดที่รักของตัวเองแต่ทว่า..."จะโทรทำไมคะ ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว"" !!! " นายหัวคาวีตกใจ เพราะไม่รู้ว่าที่ตัวเองเห็นนั้นมันคือตัวจริง หรือเขาคิดถึงเธอจนเห็นภาพหลอน หรือว่าเหนื่อยจากทำงานอากาศร้อนๆ เลยกลายเป็นแบบนี้"นายหัวขา ~ ""บ้าเอ้ย ! เบลอจนเห็นภาพหลอนหรอวะเนี่ย" ร่างสูงสบถออกมาเบาๆ พร้อมกับสะบัดหัวทิ้ง เหมือนต้องการที่จะให้มันปลอดโปร่งมากกว่านี้ภาพหลอนที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะได้หายไป เธอจะมาได้ยังไงกัน เพราะเมื่อตอนเช้ายังคุยกันอยู่เลยว่าเธอมีประชุมงาน และอีกอย่างถ้าเธอมาที่นี่ก็ต้องมีรถสิ แต่นี่เขาเดินเข้ามายังไม่เห็นรถสักคันเลย"คนค่ะไม่ใช่ผี ไม่ใช่ภาพหลอนด้วย"หมับ !!!พอได้ยินอย่างนั้นนายหัวคาวีก็รีบหันกลับไปกอดเธอแน่น พอได้กอดแล้วถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้เห็นภาพหลอนจริงๆ แต่ก็ยังตกใจ ที่เห็นเธออยู่ที่นี่"คิดถึงจัง""หนูก็คิดถึงนายหัว""ทำไมมาถึงไม่บอก แล้วนี่มายังไง""มีคนมาส่งค่ะ เขากลับไปแล้ว""อืม...ฉันนึกว่าตัวเองเบลอจากอากาศร้อน แล้วเห็นภาพหลอน""
#หนึ่งเดือนถัดมาถึงจะมีคนคอยดูแลงานที่สวนให้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ต้องกลับไปทำงานของตัวเองต่อ แค่มีคนมาคอยดูแลในสวนเพื่อที่เขาจะได้มาอยู่กับน้ำตานานๆ ก็เท่านั้นเอง ถึงเวลาก็ต้องกลับ ถึงในใจจะคัดค้านก็เถอะแต่มันก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ"ถึงแล้วเดี๋ยวรีบโทรบอกเลยนะ""ขับรถดีๆ นะนายหัว ไม่ต้องขับรถเร็วเข้าใจไหม""เข้าใจครับ""ทำไมต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้น" เมื่อก่อนจะเป็นเธอที่ชอบงอแงไม่อยากให้เขากลับไป แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่งอแงจนหน้าบูดบึ้งเพราะไม่อยากกลับ"ไม่อยากไปเลย""เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก ถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่เราก็โทรคุยกันได้นี่""มันก็ไม่เหมือนกับเจอตัวจริง แถมเอาผ่านโทรศัพท์ก็ไม่ได้""พูดอะไรนั่น ไม่อายคนบ้างหรือไง""ยืนอยู่กันสองคน คนอื่นก็ทำงานอยู่ข้างในกันหมดใครจะได้ยิน เจ้าที่หรือไง"เปี๊ยะ !!เธอตีแขนของเขาอย่างแรง เพราะหมั่นไส้ที่เขาเอาแต่พูดจาอะไรแบบนี้ นับวันมันยิ่งจะหนักขึ้นทุกทีเลย"ซี๊ด ! เจ็บนะ ทำไมชอบตีจริงเนี่ย ลงไม้ลงมือกับผัวตายไปจะเป็นผีเปรตนะ""ตีให้หลาบไง หมั่นไส้ พูดอะไรของนายหัวอยู่ได้""อยากอยู่ต่อจัง""ไม่ต้องมาอ้อนเลย รีบกลับได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะ
#เช้าวันต่อมาหลังจากที่เมื่อคืนนั้นจัดหนักจัดหน่วงกันไปหลายท่าหลายน้ำ ทั้งสองก็ผล็อยหลับไปพร้อมกัน ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้"อือ.."คนตัวเล็กขยับตัวไปมาเล็กน้อย เพราะรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ก่อนจะลืมตาขึ้นมองรอบๆ และได้รู้ว่าที่ตัวเธอรู้สึกอึดอัดนั้นเป็นเพราะเขากำลังกอดเธอเอาไว้แน่น"นายหัว..""อืม...อย่าดิ้นนักสิ มันแข็งแล้วเนี่ย"เพราะเมื่อคืนเผลอหลับไปพร้อมกัน เสื้อผ้าก็เลยไม่ได้ใส่ และตอนนี้เจ้าโลกแสนมโหฬารของเขาก็กำลังแข็งดันก้นของเธออยู่ด้วย"สักรอบได้ไหม""ไม่เอา เมื่อคืนก็ตั้งหลายครั้ง""ไม่เกี่ยวกันสิ เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืน วันนี้ก็ส่วนวันนี้""อือ...ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเนี่ย""ชอบว่าฉันแก่นัก โดนคนแก่เอาแล้วเป็นไงล่ะ ถึงฉันจะแก่กว่าเธอมาก แต่แรงฉันก็ยังดีนะ""อะ อือ...นายหัว มันทิ่มก้นหนูเนี่ย""จะให้มันทิ่มอย่างอื่นด้วยซ้ำ""อย่านะ อ๊ะ !!"สวบ !!เหมือนคำพูดของเธอเป็นแค่ลมสำหรับเขา พอสิ้นสุดคำพูดแก่นกายของเขาก็ผลุบเข้ามาในตัวของเธอแบบทีเดียวมิดลำ"อื้อ จุกนะคะ !""ขอโทษนะ แต่ฉันทนไม่ไหวจริงๆ ขอเอานะ""ขนาดนี้แล้ว ห้ามได้ด้วยหรอคะ""ถึงห้าม ก็ไม่ฟังหรอก ใส่เข้ามาขนาดนี้แล้ว ไม่ได
#ตกกลางคืนวันต่อมาทั้งสองมานั่งรับลมอยู่ที่ริมระเบียงด้วยกันแต่วันนี้มาพร้อมกับเครื่องดื่ม เพราะบรรยากาศมันให้ ดื่มจนพอรู้สึกมึนหัวนิดๆ ได้อารมณ์หน่อยๆ คงจะได้พากันขึ้นเตียงกันอีกไม่ผิดแน่เลย"ถ้าเราแต่งงานกัน นายหัวจะเชิญใครบ้าง""ก็เชิญคนรู้จักไง แล้วก็ส่งการ์ดเชิญไปให้ผู้ใหญ่ที่เคยทำงานด้วยกัน""ที่จริงหนูก็อยากเชิญเพื่อนนะ แต่เพื่อนก็..ไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่เรียนจบ""ไม่เป็นไรหรอก เราก็เอาที่เราพอติดต่อได้""ป้าพรมาได้หรือเปล่า""เห็นว่างานแต่งจะมานะ""นั่งเครื่องก็บินก็ได้นะ""นั่งรถยังเกือบตาย นั่งเครื่องบินไม่ตาลอยเลยหรอ""จะได้ถึงเร็วๆ ไง นั่งสบายด้วย จองชั้น vip ให้ป้าพรเลย""ถามก่อนเถอะ""ค่ะ""เธอคิดจะจัดแบบไหน แบบใหญ่โต หรือว่ากันเอง""ก็ไม่ได้จะใหญ่โตขนาดนั้นหรอก แต่ก็ไม่ได้จะแต่งกันเงียบๆ จนไม่มีใครรู้ แค่เอาพอดีๆ"ตอนนี้ต้องคุยกันก่อนเรื่องงานแต่ง เพราะยังไม่ได้ตกลงอะไรๆ กันเลย น้ำตาลอยากให้งานแต่งของเธอมันออกมาดีที่สุด ถึงมันจะเป็นงานแต่งแบบเล็กๆ กลางๆ ไม่ได้ใหญ่โตถึงขั้นมีนักข่าวมาทำข่าว แต่เธออยากให้มันออกมาดูดีและอบอุ่นมากที่สุด เท่าที่จะทำได้เลย"เธออยากมีลูกกี
#หลายเดือนต่อมา"ได้แล้วหรือยังล่ะ""เดี๋ยวสินายหัว ใจร้อนเป็นคนแก่ไปได้"ที่เขาเร่งไม่ใช่เพราะใจร้อนอะไรหรอก แต่กลัวว่าที่พักมันจะเต็มก่อนที่เธอจะกดจองพักมากกว่า เดี๋ยวถึงเวลานั้นจริงๆ เธอก็จะหงุดหงิดมีอารมณ์ไม่พอใจขึ้นมาอีก นี่ก็เลือกที่พักมาตั้งหลายที่ แต่ตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะพักที่ไหน"ดีไปหมดเลย เลือกไม่ได้ พักทุกที่เลยได้ป่ะ""จะบ้าหรือไง ไปเที่ยวอยู่ที่เดียวแต่จะพักตั้งหลายโรงแรมเนี่ยนะ ?""งั้นเอาเป็นบ้านพักก็ได้ จะได้ไม่ต้องอยู่รวมกับใคร""เท่าไหร่ ?""หนูเลือกเป็นห้องหรูเลยนะ เราไปพักกันอาทิตย์นึง รวมค่าอาหารเช้าเย็นแล้วสามหมื่นค่ะ"เธอพูดเสียงแผ่วๆ เพราะกลัวว่าเขาจะบ่น รายนี้ยิ่งขี้งกเรื่องเงินอยู่ด้วย ถึงเธอจะทำงานได้แล้วก็เถอะ มีเงินกันขนาดนี้ แต่ถ้าใช้มากเกินไปก็โดนบ่นอยู่ดี"อืม จองไปเลยสิ ดูดีแล้วใช่ไหม""ก็ดีแล้วนะคะ เป็นบ้านพักที่ติดทะเลแล้วก็ติดภูเขาด้วย วิวดีเลย เพราะแบบนี้แหละถึงแพง""อือ...""จะบ่นหนูไหมเนี่ย""ฉันจะบ่นเธอทำไม เราทำงานได้ มันก็ต้องมีบ้างที่ต้องพักผ่อน""ทีเมื่อก่อนนะ ซื้อของกินนิดหน่อย ทำเป็นบ่น""ก็ตอนนั้นเธอยังไม่ได้ทำงาน ใช้เงินเกินตัวมันไม