จากวันนั้นที่ปีศาจดำยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าเขานั้นจะเกี้ยวพาตนเองนี่ผ่านมาแล้วถึงเจ็ดวัน ฉางตี้ฮ่องเต้หรือปีศาจดำแห่งต้าเซี่ยคนนั้นก็ไม่เคยคิดจะหยุดพัก เขาเสนอหน้ามาพบนางไม่ใช่แค่สามเวลาหลังอาหารแต่เขาเล่นโผล่มาเกี้ยวพานางแทบจะทุกหนึ่งชั่วยาม!นางอยากจะเสียสติ!แถมนอกจะขยันโผล่มาเกี้ยวพานางอยากเปิดเผยแล้วพี่ชายทั้งสองที่สมควรจะปกป้องนางและหวงแหนน้องสาวที่เหลือเพียงผู้เดียวเช่นนางยังคล้อยจะรู้เห็นเป็นใจให้ปีศาจดำอีกด้วย เกินไปแล้ว เกินไปมาก ปีศาจดำผู้นั้นช่างเกินจนล้นไปแล้วนะ!"ไม่ต้องประคองแล้ว"จีเมี่ยวหลัวเอ่ยกับเสี่ยวม่าน เพราะตนเองรู้สึกเบื่อเต็มทนที่ต้องคอยถูกใครต่อใครประคบประหงมราวกับสตรีอ่อนแอ ในชีวิตของคุณหนูลิ่วจีที่รับไม่ได้ก็คือตนเองกลายเป็นสตรีบอบบางนี่แหละ ช่วงนี้นอกจะปวดหัวกับปีศาจดำหน้าทนแล้ว จีเมี่ยวหลัวนั้นจะจะต้องเบื่อหน่ายกับการถูกพี่ชายทั้งสองของตนเองทะนุถนอมราวกับเป็นหยกชิ้นบางหากไม่ระวังก็อาจจะแตกสลายหายไปกับอากาศได้อย่างไรอย่างนั้น"คุณหนูจะไปที่ใดเจ้าค่ะ"จางลี่รีบร้องถามในยามที่เห็นคุณหนูลิ่วจีเริ่มมุ่งหน้าเดินออกไปไกลจากลานด้านข้างห้องพัก จีเมี่ยวหลัวนั้น
"หนีไปแล้ว!""...""..."พอซ่างกวนโทวที่มีงานราชการด่วนตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมาให้ต้องจัดการแต่ช่วงบ่ายวันนี้เขาได้จัดการสะสางจนเรียบร้อยเลยรีบมาพบหน้าคนหน้าสตรีที่ตนเองพยายามเกี้ยวพานางอยู่ แต่กลับต้องมาพบว่าภายในห้องนั้นว่างเปล่าด้านนอกก็ไม่เห็นเตรียมออกตามหาก็พอดีพบเข้าจีม่อชงและจีหย่วนโจวกับสาวใช้ของจีเมี่ยวหลัว ยังไม่ทันเอ่ยปากถามว่าคนป่วยหายไปที่ใดก็ได้ฟังทั้งสี่ชีวิตบอกว่าจีเมี่ยวหลัวหนีไปแล้ว"แล้วนางหนีไปที่ใด ไม่สินางหนีไปนี่นะพวกเจ้าย่อมไม่ทราบ ถามใหม่ เหตุใดนางจึงหนีไป"เรือนกายสูงใหญ่นั้นยกมือสองข้างเท้าเอวสอบใบหน้าก็เริ่มดำคล้ำขึ้นทุกขณะ แม้แต่จีม่อชงที่อายุมากกว่าและเป็นดังพี่ใหญ่ของทุกคนยังอดจะขนลุกขึ้นมาไม่ได้ปีศาจดำมีโทสะแล้วจริงๆ"คะ...คุณหนูลิ่วจีกล่าวว่านางเบื่อเพคะ"เสี่ยวม่านจำใจต้องกล่าวออกมา เมื่อจางลี่หวาดกลัวจนไม่กล้าเอ่ยปาก"เบื่อ?""เพคะ คุณหนูของพวกหม่อมฉันบ่นว่าเบื่อที่ถูกกักขังให้อยู่แค่ในตำหนัก นางอยากออกไปข้างนอก อยากออกไปดูร้าน ออกไปด้านนอก แต่เอ่อ...ฝ่าบาทกับใต้เท้าซานจีและนายท่านต้าจีล้วนไม่ฟังคำนาง นางก็เลยหนีไปเพคะ"ให้ตายเสี่ยวม่านก็ไม่กล้ากล่า
ตกถึงยามอู่ตัวของจีเมี่ยวหลัวนั้นพลันร้อนระอุราวกับเตาอุ่นมือ ร้อนเสียจนซ่างกวนโทวมีอันต้องสะดุ้งตื่นทั้งที่อดหลับอดนอนมาหลายวัน ปีศาจดำเหลียวมองไปสำรวจรอบห้องหลังจากตื่นเต็มตา หากแต่กลับไม่พบใครภายในห้องนี้สักคนเดียวไม่ว่าจะเป็นคนของเขาหรือคนของจีเมี่ยวหลัว คาดว่าคงเห็นเขาหลับอยู่จึงไม่กล้าเข้ามารบกวน"ตัวร้อนมาก คงมีไข้ขึ้นมาแล้ว กุ้ยไป๋! กุ้ยไป๋!"หลังจากสัมผัสตามลำคอกับเนื้อตัวภายในร่มผ้าของคุณหนลิ่วจีแล้วพบว่าร้อนเสียยิ่งกว่าหน้าผากซ่างกวนโทวจึงตะโกนเรียกองครักษ์ของตนเองออกไปทันทีและไม่ทันถึงเสี้ยวลมหายใจกุ้ยไป๋ก็รีบเปิดประตูเข้ามาเป็นคนแรก โดยมีสองสาวใช้คนสนิทของจีเมี่ยวหลัวตามเข้ามาติดๆ เช่นกัน"ไปบอกให้ใต้เท้าซานจีเร่งไปรับท่านหมอผู้เฒ่ามา คุณหนูลิ่วจีอาการไม่ดี" คนแรกที่ฉางตี้ฮ่องเต้นึกถึงย่อมเป็นท่านหมอผู้เฒ่าที่เพิ่งให้คนไปส่งไม่ทันข้ามวัน"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" กุ้ยไป๋รับรับคำแล้วจากไปอย่างรวดเร็วราวกับเขาคือสายลม"พวกเจ้าสองคนน่ะไปเตรียมน้ำอุ่นกับผ้าสะอาดมาให้เจิ้นเร็วเข้า"ก่อนอื่นระหว่างรอท่านหมอผู้เฒ่าซ่างกวนโทวคิดว่าจะต้องเช็ดตัวระบายความร้อนในร่างกายให้กับจีเมี่ยวหลัวเสีย
ในใต้หล้านี้นอกจากมารดาก็คงมีเพียงจีเมี่ยวหลัวแล้วที่บังอาจข่มขู่ฉางตี้ฮ่องเต้เช่นนี้ ทั้งขับไล่ให้เขาไสหัวไป ทั้งข่มขู่จะถลกผิวหนังของเขา ไหนจะยังกล่าวหาว่าเขาท้าทายอำนาจมืด เจ้ามันเหลือเกินจริงๆ เมี่ยวเมี่ยว!"มิกล้า มิกล้า ต่อไปเจิ้นจะระวังไม่ส่งเสียงดังรบกวนเจ้าแล้ว"กล่าวรับปากไป ซ่างกวนโทวก็ก้าวขึ้นไปบนเตียงแล้วไปนั่งอยู่ที่เดิมแต่คราวนี้เขาไม่ได้จับศีรษะเล็กมาหนุนตักของตนเองอีกแล้วเนื่องจากกลัวอำนาจมืดของหวู่โจวคนดีเข้า ไม่ใช่สิ!ใครกลัวอำนาจมืดของสตรีตัวเล็กๆ เล่า เขาเพียงไม่อยากรบกวนคนพักผ่อนก็เท่านั้น นั่งไปนั่งมาก็บังเกิดความง่วงเล่นงานสุดท้ายฉางตี้ฮ่องเต้ก็ทอดกายนอนชิดด้านในเคียงข้างคนป่วยเสียแล้วเกิดมายี่สิบแปด เฉียดยี่สิบเก้าปี มีสตรีมากมายมาตั้งแต่อายุสิบหกปี แต่เชื่อเถอะนะว่าซ่างกวนโทวผู้นี้ไม่เคยยอมนอนร่วมเตียงกับสตรีคนใดมาก่อนและจนบัดนี้ทายาทสักเพียงหนึ่งคนเขาก็ไม่ยอมให้ถือกำเนิด ถึงจะถูกเหล่าขุนนางอาวุโสกดดันอยู่ทุกวันที่ฮ่องเต้รับสนมแต่ไม่ยอมให้กำเนิดสายเลือดมังกรแล้วมันอย่างไร?เด็กหนึ่งคนสมควรเกิดมาจากความรักของบิดาและมารดา มิใช่เกิดมาเพียงหน้าที่ แต่เขาต้องฝื
"ข้าจะลงมือแล้วนะแม่นาง"หลังจากดื่มยาระงับปวดไปได้ครู่หนึ่งท่านหมอผู้เฒ่าประมาณเวลาแล้วคาดว่ายาคงเริ่มออกฤทธิ์แล้วเขาจึงเริ่มลงมือ ความเจ็บปวดนี้จีเมี่ยวหลัวถึงกับมองเห็นดาวเห็นเดือนเลยทีเดียว ผ้าสะอาดถูกนำมาให้นางกัดเอาไว้ หยาดเหงื่อมากมายไหลรินเต็มกรอบใบหน้า แต่นางก็ควบคุมสติได้ไม่ร้องเอะอะออกมาให้ใครต้องกังวลซ่างกวนโทวจึงคอยใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้กับนาง ใบหน้าที่เคยอิ่มเอิบและสดใสเต็มไปด้วยเลือดฝาดบัดนี้ซีดขาวชวนใจหาย มือของนางกำหมัดแน่นจนเห็นข้อนิ้วขาวซีด แต่กลับไม่มีเสียงร้องโอดโอยออกมาสักแอะเดียวเป็นสตรีที่มีความอดทนมากกว่าบุรุษตัวโตอีกหลายคนเสียด้วยซ้ำกระมังจีหย่วนโจวน้ำตาไหลออกมาอีกครั้งเมื่อได้เห็นสภาพของจีเมี่ยวหลัว น้องสาวตัวน้อยของเขาต้องมามีสภาพเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะไอ้สารเลวซ่างกวนเผิงผู้นั้นที่ฉางตี้ฮองเต้ตัดคอของมันไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นภายในใจของใต้เท้าซานจีกลับยังนึกอยากจะไปสับซากศพของซ่างกวนเผิงระบายความโกรธแค้นขึ้นมาเป็นระยะท่านหมอชราใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามจึงสำเร็จนำเอามีดสั้นออกมาได้และเย็บปิดปากแผลอย่างดีและห้ามเลือดได้เรียบร้อย ท่านหมอผู้เฒ่าถึงกับยกแขนเสื
มันรวดเร็วมาก รวดเร็วเพียงแค่เสี้ยวลมหายใจ นางที่อยู่ใกล้กับพี่ชายคนที่สามมากที่สุดจึงผลักจนร่างกำยำสูงใหญ่ของจีหย่วนโจวเซถลาพ้นไปจากวิถีของคมมีดสั้น ทว่ากลับเป็นนางเองที่รับเอามีดนั้นเข้ามาเต็มท้อง!"เมี่ยวเมี่ยว!" จีม่อชง"เมี่ยวเมี่ยว!" จีหย่วนโจว"เมี่ยวเมี่ยว!" ซ่างกวนโทวฉับ!สามบุรุษตะโกนออกมาแทบจะพร้อมกัน ก่อนจะเป็นซ่างกวนโทวที่พุ่งทะยานลงมาตวัดดาบตัดฉับลงบนลำคอของซ่างกวนเผิงอย่างไม่มีอาการลังเลแม้แต่น้อย มันสมควรตาย บังอาจแตะต้องยอดดวงใจของเขาตัดศีรษะนี้นับว่าเขาใจเร็วรีบสังหารมันให้ตายสบายเกินไปด้วยซ้ำ!"เมี่ยวเมี่ยวเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?!"เป็นจีหย่วนโจวที่รับร่างของจีเมี่ยวหลัวขณะที่นางค่อยๆ ทรุดลงในขณะที่สองมือนั้นกุมอยู่บนด้ามของมีดสั้นที่เสียบอยู่ตรงช่องท้อง เลือดอุ่นๆ ไหลทะลักออกมาตามจังหวะที่จีเมี่ยวหลัวหายใจ ถึงจะเป็นในยามราตรี แต่แสงของคบเพลิงด้านหน้าตำหนักโซ่วอ๋องแห่งนี้ย่อมสว่างไสว จึงแลเห็นโลหิตสีคล้ำไหลลงพื้นจนแดงฉาน"เมี่ยวเมี่ยว เจ้าเด็กดื้อ เหตุใดจึงโง่เช่นนี้"น้ำตาลูกผู้ชายของจีหย่วนโจวร่วงหล่นดังกับเม็ดฝนเสียแล้ว ยามที่มองเห็นร่างน้องน้อยของตนแดงฉานไปด้วยเลื