LOGINเช้าวันต่อมาลลิลก็ยังออกไปทำงานแต่เช้าเหมือนทุกๆวัน ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดอะไรขึ้น เธอจะแยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวเสมอ ถึงแม้เธอจะยังเด็กในสายตาของใครหลายๆคน แต่เธอก็เป็นคนเก่งงานคนหนึ่งเลยทีเดียว
"มีใครรู้หรือเปล่าว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น"
ลลิลที่ได้ยินเสียงสนทนาก็เอะใจหันไปมองทางกลุ่มรุ่นพี่พนักงานในแผนกเดียวกัน
"มีเรื่องอะไรเหรอ"
หญิงสาวอีกคนที่นั่งใกล้ๆกันถามขึ้น
"เห็นเขาพูดกันว่าเมื่อคืนคุณชานนท์ไม่ได้กลับบ้าน และยังแว่วๆมาว่าเขาทะเลาะกับคุณสโรชา เขาโดนฝ่ายหญิงบอกเลิก เพราะคุณชานนท์แอบกิ๊กกับพนักงานในบริษัทของเรา"
ลลิลที่ได้ฟังก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว เธอรู้ดีว่าหญิงสาวพนักงานที่พวกนั้นพูดถึงนั้นคือใคร หากแต่มันไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เธอโดนใส่ร้าย ก่อนหน้านี้เธอกับชานนท์ไม่แม้จะเคยพูดกันด้วยซ้ำ ไม่เคยอยู่ใกล้กัน มีแต่เธอที่แอบมองเขาอยู่ฝ่ายเดียวแล้วจะมากล่าวหาว่าเธอเป็นกิ๊กกับชานนท์ได้อย่างไร
"จริงเหรอเธอเอาเรื่องนี้มาจากไหน" หญิงสาวอีกคนถามขึ้น
"จากไหนไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือพนักงานสาวคนนั้นอยู่ในแผนกของเรา"
ชั่วพริบตานึงถ้าลลินไม่ได้ตาฝาดเธอเห็นหญิงสาวคนที่พูดชายตามามองเธอแล้วหันไปพูดคุยต่อ
"ใคร ใครกัน ฉันอยากรู้"
"เล่าสิเร็วๆ"
การการสนทนาของกลุ่มพนักงานได้อัพเลเวลขึ้น รวมไปถึงเสียงที่พวกหล่อนใช้ก็เริ่มเสียงดังขึ้นเช่นกัน
"ก็ต้องเป็นเด็กสาวเอ๊าะๆอยู่แล้วไหมล่ะ ใครจะมาสนใจสาวใหญ่อย่างพวกเรา"
คราวนี้หญิงสาวคนดังกล่าวจึงหันมามองลลิลอย่างเต็มตา เธอทำไม่สนใจ ก้มหน้าทำงานต่อ ในเมื่อมันไม่ได้เป็นความจริงแล้วเธอจะสนใจใยเล่า สู้เธอเอาเวลามาตั้งหน้าตั้งตาทำงานดีกว่า...
เที่ยงของวันเดียวกัน บัวทิพย์ที่เพิ่งออกมาจากห้องประชุมก็เดินตรงมาหาลลิลที่ยังนั่งทำงานอยู่ เขายืนมองเด็กสาวด้วยความเอ็นดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วเอามือวางบนไหล่เบาๆ
"อ้าวพี่บัว เพิ่งเลิกประชุมหรอ"
"ใช่จ้ะ ไปทานข้าวกันเถอะ"
"ขอลิลเก็บของแป๊บนึงนะคะ"
วันนี้ทั้งสองคนเลือกร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆกับบริษัท ลลิลและบัวทิพย์เลือกที่จะเดินไปและคุยกันไปเรื่อยๆจนไปถึงร้านข้าว ก็เจอสาวใหญ่พนักงานในแผนกเดียวกันที่จับกลุ่มพูดคุยเมื่อตอนสาย แต่เธอก็ทำไม่สนใจแล้วเดินไปยังโต๊ะที่ว่าง
"วันนี้ทานอะไรดี"
"ลิลขอเป็นกระเพราหมูกรอบก็แล้วกันค่ะ"
"งั้นพี่เอาด้วยดีกว่าจะได้ไม่ต้องรอนาน"
ผ่านไปสักพักก่อนที่ข้าวจะมาเสิร์ฟบัวทิพย์หันไปเห็นกลุ่มหญิงสาวพนักงานที่นั่งอยู่ก่อนแล้วหันมามองทางโต๊ะที่เธอนั่งกับลลิลอยู่เป็นระยะๆ แต่เธอก็ไม่อยากใส่ใจเพราะจริงๆแล้วตอนเช้าก่อนเข้างานเธอก็ได้ยินมาบ้างว่าสาวใหญ่พวกนี้เม้าท์มอยกันเรื่องอะไร
"ทำงานมาแค่ปีกว่าๆ กะจะไต่เต้าไปเป็นเมียเจ้าของบริษัท"
พนักงานสาวคนหนึ่งพูดกันแนะกันแหนขึ้นมาแต่ทั้งสองก็ยังไม่สนใจ เพราะคิดว่าหล่อนคุยกับคนอื่น
"ทำเป็นหยิ่ง ใครมันจะไปจริงจังกับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า"
"ใช่ มีแค่ความสาวสักวันมันก็หมด"
บัวทิพย์ที่เริ่มรับรู้ว่าสิ่งที่พวกหล่อนพูดไม่ใช่แค่บทสนทนาแต่เป็นการกระแนะกระแหน เธอจึงหันขวับไปจ้องมอง
"มองอะไรคะน้องบัวทิพย์ สงสัยอะไรหรือเปล่า ถามได้นะคะ"
หญิงสาวในกลุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าบัวทิพย์หันไปมอง แต่บัวทิพย์กลับไม่ตอบอะไรแล้วหันกลับมาทางแบมแบมต่อ
"เราก็อุตส่าห์เอ็นดู คิดว่าเป็นเด็กสาวใสซื่อ น่ารัก ที่ไหนได้หัวสูงนี่เอง"
ปัง!!!
สิ้นเสียงพูดของหล่อนคนดังกล่าว บัวทิพย์ลุกขึ้นตบโต๊ะอย่างเหลืออด จนทำให้ลลินที่นั่งอยู่ใกล้ๆสะดุ้ง ส่วนคนอื่นๆ ก็เงยหน้ามามอง บัวทิพย์ไม่อยากทำอย่างนี้ แต่สาวๆพวกนี้ถ้าไม่ทำอะไรบ้างก็ไม่ยอมหุบปากเป็นแน่
"กินไม่อิ่มหรอคะ ถึงได้โหยหวนกันอย่างนี้" บัวทิพย์มองไปยังสาวๆกลุ่มนั้นอีกครั้ง
"มันจะมากไปแล้วนะ" หญิงสาวคนหนึ่งก็ลุกขึ้นยืนแล้วจ้องหน้าบัวทิพย์
"แล้วที่พูดกระแนะกระแหนคนอื่นเนี่ย ไม่คิดบ้างหรอคะว่ามันก็มากไป" บัวทิพย์ก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
"กระแนะกระแหนตรงไหน นี่พวกฉันพูดความจริงทั้งนั้น"
"ความจริงที่ไม่จริงงั้นเหรอ ความจริงที่ทำให้คนอื่นเสียหาย โดยไม่รู้ว่าที่ฟังมานั้นใช่เรื่องจริงหรือเปล่า"
"ต้องจริงอยู่แล้วแหละคุณสโรชาเป็นคนโทรมาบอกฉันเอง เธอร้องห่มร้องไห้น่าสงสาร บอกว่าน้องสาวตัวดีของเธอแจ้งคุณชานนท์ไป"
ประโยคหลังหล่อนหันไปมองลลิล
บัวทิพย์รู้สึกสงสารลลิลจับใจ เธอรู้ว่าทั้งหมดไม่ใช่ความจริง ชานนท์ไม่เคยแม้แต่จะชายตามองลลิลเลยสักครั้ง มีแต่น้องสาวของเธอที่ได้แต่มองตามชายหนุ่มตาละห้อยทุกครั้ง
" ก็นะ ระดับการศึกษาไม่ได้ช่วยยกระดับความคิดของพวกพี่เลยนะ การฟังความข้างเดียวเขาเรียกหูเบา คนที่มีวุฒิภาวะเขาจะรู้จักแยกแยะฟังหูไว้หู คิดวิเคราะห์หาความจริงด้วยตัวเอง แต่สำหรับพวกหมามันก็ฟังแต่เจ้านายมันนั่นแหละ"
ทำไมบัวทิพย์จะไม่รู้ว่าสาวใหญ่คนนี้ ทำตัวสนิทสนมกับสโรชาเพราะอะไร เพราะเธอคิดว่าวันหนึ่งสโรชาต้องมาเป็นภรรยาของประธานบริษัทอย่างแน่นอน แล้วเธอก็จะมีผลประโยชน์เธอจะได้ทำงานที่นี่อย่างสบายมีคนคุ้มกะลาหัว...
"นี่แก ว่าพวกฉันเป็นหมาหรอ"
"แล้วฟังแต่เจ้านายไหมล่ะ ถ้าฟังแต่เจ้านายก็คงจะใช่ล่ะมั้ง ไปลลิล ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว นี่ค่ะแป่ะ ค่าข้าวไม่ต้องทอนนะคะ"
พูดจบบัวทิพย์ก็จูงมือลลิลออกไปจากร้านทันที เธอได้ยินเสียงคนด่าตามหลังมากมาย แต่ใครจะไปแคร์ล่ะ เพราะตอนสมัยเรียนเรื่องตบตีเธอก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน...
เดินมาจนใกล้ถึงบริษัทตอนนี้เธอรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆบนร่างกายของสาวน้อยผ่านมือที่เธอเกาะกุมอยู่
"อย่าเสียน้ำตาให้คนพวกนั้นเลย ในเมื่อทั้งหมดมันไม่ใช่ความจริงก็อย่าได้แคร์"
บัวทิพย์กอดปลอบเด็กสาวเบาๆ ทำไมลลิลต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งๆที่ผ่านมาเธอเป็นเด็กดีมาตลอด เธอชอบชานนท์ก็จริงแต่เธอก็อยู่ในมุมของเธอไม่เคยเข้าไปยุ่งวุ่นวาย ไม่แม้จะทำให้เขารู้ว่าเธอชอบเขา เพราะอะไรกันสโรชาถึงได้ปล่อยข่าวเสียๆแบบนั้นออกมา...
หลังเลิกงานวันนี้บัวทิพย์เดินมาส่งนะรินจนถึงรถเพราะเธอกลัวว่าสาวๆพวกนั้นจะมายุ่งวุ่นวายกับลลิลอีก
"ขอบคุณพี่บัวมากนะคะสำหรับวันนี้"
"ไม่เป็นไรจ้ะ เธอก็เปรียบเหมือนน้องสาวของพี่คนหนึ่ง มีอะไรอยากเก็บไว้คนเดียวนะพูดกับพี่ได้ทุกเรื่องโทรหาพี่ได้ตลอด"
"ค่ะพี่บัว ถ้าลิลไม่ไหวลิลจะบอกพี่เป็นคนแรกค่ะ"
บัวทิพย์รอให้ลลิลขับรถออกไปก่อนเธอถึงจะขับออกไป เธอครุ่นคิดถึงสาเหตุของเรื่องนี้ตลอดทาง แต่ไม่เลยเธอคิดไม่ออกสักนิด หากจะรอให้ลลิลเล่า 10 ปีเธอก็ไม่รู้ความจริง เพราะปกติลลิลเป็นคนที่ไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังอยู่แล้ว
ด้านลลิลเมื่อกลับถึงบ้าน เธอนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น เธอยังงงๆว่าทำไมเรื่องราวทั้งหมดถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ เพราะเธอไปรู้ความลับของหล่อนมาหรือเปล่า หล่อนจึงคิดที่จะกำจัดเธอเพื่อไม่ให้เธอเอาความลับของหล่อนไปพูดกับชานนท์ แต่หล่อนไม่คิดบ้างหรอ ว่าถึงเธอจะพูดไปชานนท์ก็ไม่มีทางเชื่อเธอหรอก...
ลลิลมัวแต่นั่งคิดถึงเรื่องราวของวันนี้ มารู้สึกตัวอีกทีตะวันก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว เธอจึงทิ้งความคิดไว้แค่นั้น แล้วขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เธอไม่มีชุดนอนเหมือนกับคนอื่นเขาหรอกเพราะเธอไม่ชอบ เสื้อยืดคอกลมตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นเป็นอะไรที่เธอชอบที่สุดแล้ว...
วันนี้ลลิลลืมไปว่าเธอยังไม่ได้ทานข้าว แต่แปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกหิว ถึงท้องจะร้องบ้างแต่เธอก็ไม่อยากกิน เธอทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาหน้าทีวี กลิ้งไปกลิ้งมาเปิดช่องนั้นทีช่องนี้ที เหมือนรายการในทีวีวันนี้จะไม่ถูกใจเธอสักรายการ เธอจึงปิดทีวี นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนทำให้เธอเผลอหลับไปบนโซฟา...
หลังแต่งงานชานนท์ก็ซื้อบ้านหนึ่งหลัง เขาพาลลิลกับอคิณเข้ามาอยู่ เขาอยากใช้ชีวิตครอบครัวกับลลิลอย่างจริงจัง เขาตั้งใจจะชดเชยให้เธอและลูก วันปกติเขาและลลิลออกไปทำงาน ส่วนอคิณก็ไปโรงเรียน พอวันหยุดก็ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ด้วยกันอย่างเช่นวันนี้"หม่าม๊าฮะ เมื่อไหร่จะมีน้องให้คิณฮะ"อคิณวิ่งเข้าไปหาลลิลที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว เธอวางมีดลงก่อนจะย่อตัวลงมาหาลูกชาย ลูกชายของเธอเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว ตั้งแต่เริ่มไปโรงเรียน อคิณมักจะกลับมาบอกว่าอยากมีน้องสาวเกือบทุกวัน"ใครใช้ให้มาถามครับ"ถึงยังไงเธอก็ไม่ไว้ใจ เพราะคิดว่าชานนท์ต้องสอนลูกให้พูดแน่ๆ"คิณถามเองฮะ คิณอยากมีน้องผู้หญิง หม่าม๊าเอาน้องให้คิณได้มั้ยฮะ""ถ้าคิณเป็นเด็กดี หม่าม๊าจะมีน้องให้นะ""ฮะ คิณจะเป็นเด็กดี"เมื่อได้ยินคนเป็นแม่รับปาก อคิณจึงวิ่งออกไปยังห้องนั่งเล่น ที่มีพ่อนั่งรออยู่"เป็นไงครับ ขอน้องจากหม่าม๊าได้มั้ย""หม่าม๊าบอกว่าคิณต้องเป็นเด็กดี หม่าม๊าถึงจะมีน้องให้""งั้นคิณต้องไม่ดื้อไม่ซนนะครับ""ฮะ""เดี๋ยวคืนนี้ป่าป๊าทำน้องให้เลย""เย้ๆ คิณจะมีน้องไปอวดเพื่อนที่โรงเรียนแล้ว"ลลิลที่แอบตามลูกชายออกมา เธอแอบยืนฟังพ่อลูกค
สามวันที่ผ่านมาลลิลไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะตั้งแต่วันนั้น ลลิลก็ไม่ได้พูดคุยกับชานนท์อีกเลย กว่าเธอจะกลับจากบริษัทก็ดึกแล้ว และทุกครั้งที่ไปเยี่ยมชานนท์ เขาก็จะหลับก่อนทุกครั้งบรรยากาศในงานคืนนี้ดูจะคึกคัก ทุกคนต่างก็แต่งตัวด้วยชุดสวยตามสไตล์ของตัวเอง รวมไปถึงลลิลที่วันนี้เธอแต่งหน้าเข้มกว่าปกติเพราะเธอต้องขึ้นแสดง ทำให้เธอดูเฉี่ยวคม ตอนนี้เธอรออยู่หลังเวทีเพื่อแต่งตัว"หม่าม๊าอยู่ไหนฮะ"เด็กน้อยที่ตามมาทีหลังพร้อมกับลุงและอา เพราณิชาอาสาไปรับหัสดินกับอคิณที่บ้าน เด็กน้อยเมื่อมาถึงก็ชะเง้อคอ หันซ้ายหันขวา หาแม่ของเขา"หม่าม๊าแต่งตัวอยู่""จะไปหาหม่าม๊า""อยู่กับอาณิก่อนนะ เดี๋ยวหม่าม๊าออกมา""อยากไปหาหม่าม๊าฮะ"หัสดินที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงหันไปหาหลาน"ใครอยากกินขนมอร่อยๆ บ้าง""คิณฮะ"หัสดินจึงอุ้มอคิณมาจากมือของณิชา เพื่อพาหลานไปโซนอาหารและเครื่องดื่ม"คุณนี่เลี้ยงเด็กเก่งนะคะ""ไม่ทุกคนหรอกครับ กับเด็กคนอื่นผมไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไง แต่กับอคิณผมรู้จักแกดี เลยรู้ว่าต้องหลอกล่อยังไง"ทั้งคู่พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกัน จึงไม่แปลกที่จะทำความรู้จักกันเ
ในตอนดึกของคืนเดียวกัน ชานนท์รู้สึกตัวขึ้นมา เขารู้สึกเจ็บแปลบๆ ตรงบริเวณใต้ซี่โครงด้านซ้าย เขามองเห็นเพดานของโรงพยาบาล จึงทำให้นึกได้ว่าเขาโดนแทงมาชานนท์พยายามดันตัวลุกขึ้น แต่มือกลับไปสัมผัสใครคนหนึ่ง เมื่อเขาหันมองปรากฏว่าเป็นลลิล เพราะความเหนื่อยล้าสะสมมาตั้งแต่เมื่อคืนทำให้ลลิลเผลอหลับไป เขาอยากจะอุ้มเธอขึ้นมานอนด้วยกัน แต่ประเมินจากความแสบที่แผล เขาไม่น่าจะอุ้มเธอไหวชานนท์รู้สึกดีใจ ที่ลลิลยอมมาเฝ้าเขาที่โรงพยาบาล แม้จะอยากพูดคุยกับเธอเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่อยากรบกวนเธอ เขาจึงนอนนิ่งและได้แต่เอามือลูบศรีษะของเธอเบาๆ เธอจึงขยับหันหน้ามาทางหัวเตียง ทำให้เขาสามารถเห็นหน้าของเธอได้ชัดเจน เขาจึงใช้นิ้วเกลี่ยไรผมให้เธอ แล้วลากนิ้วไปตามทุกส่วนบนใบหน้าเรียวนั้น ก่อนเขาจะกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งเช้าวันต่อมา หลังจากชานนท์ตื่น เขากวาดสายตาไปรอบๆ ที่เขาคิดว่าคนตัวเล็กของเขาจะอยู่ แต่เขากลับไม่เห็นลลิล เห็นแต่น้องสาวของเขานั่งอยู่ตรงโซฟา"ณิ ลิลไปไหน""น้องลิลไปทำงานค่ะ พี่มีอะไรหรือเปล่า" เธอตอบพลางลุกเดินมาหาชานนท์"ไปนานหรือยัง""ตั้งแต่เช้ามืดค่ะ"เขารู้สึกเสียดายที่ตื่นมาไม่ทันลลิล
ลลิลเดินทางไปถึงโรงพยาบาล เธอเร่งอุ้มลูกน้อยไปยังหน้าห้องผ่าตัด สิ่งแรกที่เธอเห็นคือพี่ชายและเจ้านาย เสื้อผ้าของทั้งสองเต็มไปด้วยคราบเลือด และแน่นอนมันคงจะเป็นคราบเลือดของชานนท์ มันดูเยอะจนเธอตกใจ“พี่ดิน!!”“ส่งลูกมาให้พี่มา”หัสดินรู้ดีว่าลลิลคงไม่ไหว เขาเลยขอเด็กน้อยมาอุ้มไว้ แต่ด้วยคราบเลือดที่มีบนตัว ทำให้ลลิลเอาผ้าที่หยิบมาด้วยห่อให้ลูกชายก่อนจะส่งให้หัสดิน“พ่อดินฮะ”เมื่อถูกเปลี่ยนมืออคิณจึงรู้สึกตัว แหงนหน้ามามองคนที่อุ้ม“นอนนะครับ”เขาเอามือกดหัวหลานเบาๆ ให้ซบลงตรงไหล แล้วเอามือลูบหลัง เด็กน้อยจึงหลับลงไปอีกรอบ“คุณชานนท์เป็นยังไงบ้างคะ” เธอถามด้วยความร้อนใจ“ยังไม่รู้เลย ตอนนี้หมอยังไม่ออกมา”ขณะที่ทุกคนรออยู่หน้าห้อง ครอบครัวของชานนท์ก็มาถึงโรงพยาบาล เพราะว่ายุได้โทรไปบอกเช่นกัน“สวัสดีค่ะ”ลลิลยกมือไหว้ณัฐชา แม่ของชานนท์ เธอรับไหว้พลางจ้องมองหน้าของลลิล จนเธอต้องหลบสายตา ณัฐชาเดินเข้าไปใกล้ๆ“ใช่หนูลลิลหรือเปล่า”ลลิลจึงเงยหน้ามามองสบตาอีกครั้ง“ใช่ค่ะ”“ได้เจอตัวจริงสีกที ฟังแต่เรื่องเล่าจากปากตานนท์ ว่าแล้วต้องน่ารักมากๆ เจอตัวจริงปรากฏว่าน่ารักกว่าตั้งเยอะ”ลลิลอึ้งไป
สองวันต่อมาครบกำหนดที่ต้องออกจากโรงพยาบาลชานนท์ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของลลิลสักวัน เขาเริ่มใจไม่ดี เพราะบางทีความรักที่ลลิลเคยมีให้เขาอาจไม่หลงเหลืออีกแล้ว แต่ยังไงเขาก็จะพยายามจนถึงที่สุด พยายามจนได้รู้ว่ามันไม่มีทางไปแล้ว“เป็นไงมึง”วายุเป็นฝ่ายมาหาชานนท์ที่บริษัทเอง เพราะยังไม่อยากให้ชานนท์ไปเจอลลิลที่บริษัทของเขา“ปวดใจ อยากจะร้องไห้”“ใจเย็นๆ มันเพิ่งเริ่ม เราต้องใช้แผนต่อไป”วายุยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ แผนสำรองที่เขาเตรียมไว้คือแกล้งให้ชานนท์ทำทีเป็นเมาขับรถชนฟุตบาท“เล่นแรงไปมั้ยวะ”“ไม่ลองไม่รู้”“ถ้าลลิลจับได้นี่กูตายเลยนะ”ทั้งสองคุยกันจนลืมไปว่าประตูห้องทำงานยังปิดไม่สนิท ด้วยความรีบร้อนของวายุ ทำให้คนที่กำลังเดินผ่านไปได้ยินบทสนทนาทั้งหมดหลังเลิกงานบัวทิพย์ตั้งใจไปหาลลิลที่บ้าน เพราะต้องการเล่นกับหลาน แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือเพื่อต้องการจะเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้ลลิลฟัง“นี่ลิลรู้มั้ย คุณวายุเนี่ยตัวดีเลย เจ้าแผนการที่หนึ่ง วันก่อนที่พี่ไปเดินห้างกับลิลจำได้มั้ย” ลลิลพยักหน้า “วันนั้นโกหกพี่ว่าไม่สบาย พี่เลยฟาดไปหลายที แค่นี้หลอกกันแล้ว ถ้าคบกันไปล่ะ ไม่หลอกกันแบบนี้ไปตลอดเหรอ”
เข้าสู่วันที่หกสำหรับการพาครอบครัวมาพักผ่อนของชานนท์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าการง้อเมียนั่นเอง เขาดูแลเอาใจใส่ทั้งสองคนทุกอย่าง แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับคืนมาก็มีแค่คำว่าขอบคุณจากลลิล ชานนท์ไม่รู้เลยว่าลลิลยอมใจอ่อนให้เขาบ้างหรือยัง ถึงแม้บางทีเธอจะยอมให้กอด หรือจับมือ แต่ก็แค่นั้นจริงๆ"พรุ่งนี้เราก็จะต้องกลับกรุงเทพฯแล้วนะลิล ลิลไม่มีอะไรจะบอกพี่บ้างเหรอ"แม้ว่าลลิลจะตั้งใจไว้ว่าจะเปิดใจให้ชานนท์ พอเอาเข้าจริงๆเธอก็ไม่กล้า เธอทำได้แค่รับความรักมาจากเขา แต่เธอไม่กล้าที่จะให้ความรักของเธอไป เธอไม่รู้ว่าชานนท์รักเธอจริงๆ หรือแค่ต้องการลูก และที่ทำอยู่เพียงเพราะหน้าที่ของพ่อเท่านั้น"ไม่มีค่ะ"ชานนท์หน้าหงอยลงทันที เขาเพียงแค่อยากได้ยินคำว่ารักจากเธอบ้าง เขารู้ว่าคำพูดไม่ได้ยืนยันสิ่งที่พูดออกมาเสมอ เพราะบางคนบอกว่ารักแต่จริงๆ ไม่ได้รักก็มีเยอะแยะ แต่เขาแค่อยากจะฟังมันให้ชื่นใจ...หรือบางทีเวลาเท่านี้อาจจะเร็วไป ลลิลอาจไม่มั่นใจในคำว่ารักของเขา แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะรอ"ลิล วันหยุดยาว เราพาลูกมาอีกนะ""คงไม่ได้แล้วค่ะ ถ้าวันหยุดยาวอีกทีก็อีกสองเดือน ถึงตอนนั้นฉันกับลูกก็กลับไปอยู่บ้านแล้ว"บ้าน







