LOGINชานนท์ขับรถไปเรื่อยเปื่อย พบบาร์แห่งหนึ่งจึงหยุดรถ เพราะเป็นเวลาดึกผู้คนในร้านจึงดูหนาตา ชายหนุ่มสั่งเหล้ากับพนักงานมาดื่มเพียงลำพัง มีผู้หญิงมากมายเดินผ่านไปผ่านมาทั้งยังส่งสายตาเชิญชวนให้ชายหนุ่มแต่เขากลับเมินเฉย กลับกระดกเหล้าเข้าปากอย่างกับน้ำเปล่า เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเมาจนได้ที่ก็เช็คบิลแล้วขับรถออกไป
ชานนท์ขับรถไปจนถึงมินิมาร์ทที่เปิด 24 ชั่วโมง ชายหนุ่มลงไปเพื่อจะซื้อน้ำมาล้างหน้าแต่ระหว่างเดินเข้ามินิมาร์ทนั้นกลับเจอใครคนหนึ่งที่คุ้นตา หญิงสาวตัวเล็กผิวขาว เขาเพ่งพินิจมองสาวในชุดเสื้อยืดตัวโตและกางเกงขาสั้น
ลลิลที่เผลอหลับไปตอนหัวค่ำ พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเธอก็หิว แต่เธอไม่อยากทำอาหารแล้ว ขนมในตู้เย็นก็หมด เธอจึงเดินออกมามินิมาร์ทที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเธอนักเพราะมันสะดวกกว่า
“คุณมาทำอะไรแถวนี้”
หญิงสาวที่เป็นฝ่ายทักชายหนุ่มก่อน เพราะเธอรู้ดีว่าบ้านของชานนท์ไม่ได้อยู่แถวนี้ แต่ดูจากสภาพและกลิ่นเหล้าที่โชยเข้าจมูกแล้ว เขาคงจะดื่มเหล้ามา
“เรื่องของฉัน”
เขาขมวดคิ้วใส่เธอ ก่อนจะเดินกระแทกจนลลิลเซไปโดนกระจกของร้านด้านนอก ส่วนเขาก็เดินเข้าไปในมินิมาร์ทโดยไม่ได้สนใจเธอ เขาเข้าไปเพียงแป๊บเดียวเมื่อได้สิ่งที่ต้องการก็ชำระเงินแล้วกลับออกมา ซึ่งลลิลก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เขาจัดการล้างหน้าล้างตาก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถแล้วขับออกไป
เขาขับรถไปตามทาง กลับเห็นหญิงสาวคนเดิมกำลังเดินอยู่ริมฟุตบาท เขาจึงเลี้ยวรถเข้าไปจอดตรงฟุตบาททันที ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินไปดักหน้าเธอ
“คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไปกับฉัน”
ตอนแรกเขาสะลึมสะลือไม่ทันได้สังเกต ว่าคนที่เขาเจอที่มินิมาร์ทคือลลิน ตอนนี้เมื่อเขาเห็นเธออีกครั้งเขาจำเธอได้แล้ว ทำให้ความโกรธที่มีเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เขาจำได้ไม่ลืมว่าเพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาต้องเลิกกับสโรชา เธอคือคนที่ทำลายความรักของเขาฉะนั้นเธอต้องชดใช้
“ไม่ไป!! ฉันจะกลับบ้าน”
“ไม่!!! เธอต้องไปกับฉัน เดี๋ยวนี้!!!”
ชายหนุ่มตะโกนใส่หน้าเธอ ก่อนจะฉุดกระชากลากแขนเพื่อพาเธอขึ้นรถ เธอทั้งผลักทั้งตีเขาด้วยสองมือที่มีหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ กลับลากเธอไปจนถึงประตูรถสปอร์ตคันหรู เขาดันเธอเข้าไปในรถ แต่เธอก็ยังผลักเขาเพื่อที่จะลงจากรถให้ได้
“ชอบฉันไม่ใช่เหรอ ชอบมากเลยสินะ ฉันจะทำให้เธอสมหวังโดยไม่ต้องพยายามอีกต่อไปแล้ว”
ลลิลหน้าถอดสีทันที เธอไม่คิดว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ จริงอยู่ที่เธอชอบเขา แต่ใช่ว่าเขาจะทำอะไรกับเธอก็ได้
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันอื้อ”
จะพยายามร้องเรียกให้คนช่วย แต่ก็โดนมือหยาบปิดปากไว้ เธอพยายามผลักเขาอยู่หลายครั้ง แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอมีหรือจะสู้แรงผู้ชายร่างกำยำแบบเขาได้ แถมตอนนี้เขายังเมาขาดสติแม้เธอจะพยายามดิ้นรนขัดขืนแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย
“ปล่อยนะ ปล่อยฉันสิ ปล่อย!!!”
เธอตะโกนใส่เขาสุดเสียง พยายามลงจากรถให้ได้แต่โดนเขาเอามือกดหัวให้นั่งลงไป
“คุณมันบ้าไปแล้ว!”
“ใช่ฉันมันบ้า!! เพราะเธอเป็นคนทำลายมัน ทําลายความรักของฉัน”
เพราะเธอเหรอ เขาโทษเธอเหรอ ทำไมไม่โทษคนของตัวเองบ้างหากหล่อนมีความหนักแน่นในตัวเขาพอ มันคงไม่มากล่าวหาเขากับเธอแบบนี้
“ปล่อยฉันนะ คุณจะพาฉันไปไหนคุณชานนท์ คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้”
“เธอไม่มีหน้าที่ถาม เธอมีหน้าที่ชดใช้”
“ที่คุณทำอยู่มันเป็นการละเมิดสิทธิของฉันอยู่นะ ฉันสามารถแจ้งความจับคุณได้นะคุณชานนท์”
“หึ ใครจะสนกันล่ะ”
ชายหนุ่มครางในลำคอ เสียงที่เขาเปล่งออกมาทำให้หญิงสาวถึงกับขนลุก ตอนนี้เขาไม่ใช่ชานนท์ที่ลลิลแอบชอบอีกต่อไปแล้ว เขาเหมือนซาตานที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้ราบเป็นหน้ากลอง
ชานนท์ใช้เนคไทมัดมือของลลิลไพล่หลังไว้ จากนั้นก็ใช้สายเบลท์คาดเธอให้นั่งติดกับเบาะ ส่วนเขาก็ขึ้นไปยังฝั่งคนขับแล้วเหยียบคันเร่งออกไปด้วยความเร็ว
รถสปอร์ตคันหรูถูกขับออกไปยังเส้นทางที่ลลิลคุ้นตา ซึ่งลลิลก็จำได้แม่นว่านี่คือทางไปบริษัท เขาจะพาเธอไปที่นั่นทำไม แต่เดี๋ยวเมื่อรถเข้าไปถึงบริษัทชานนท์ก็ต้องจอดให้ลุงยามมาเปิดประตูจังหวะนั้นลลิลคิดไว้ว่าจะลดกระจกเพื่อขอความช่วยเหลือจากลุงยาม
เมื่อรถเคลื่อนตัวมาถึงบริษัทสิ่งที่เธอคิดไว้ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเขาจอดรถให้ลุงยามเปิดประตูโดยไม่ได้ลดกระจกลงไปพูดคุยกับลุงยามแถมเขายังล็อคกระจกฝั่งที่ลลิลนั่งอีกด้วย เพราะรถของชานนท์ติดฟิล์มกระจกดำจนคนที่อยู่ข้างนอกมองผู้โดยสารไม่เห็น ลลิลจึงพยายามทุบกระจกรถแต่ชานนท์ก็จับไว้ เขาเหยียบคันเร่งเข้าไปจอดตรงหลังตึกซึ่งเป็นที่จอดรถเฉพาะของเขา แล้วเขาสามารถเข้าไปในบริษัทโดยใช้ประตูด้านหลังซึ่งแน่นอนในค่ำคืนนี้จะไม่มีใครรู้ว่าลลิลมากับเขา
เธอพยายามส่งเสียงให้คนช่วย แต่ชานนท์ก็เอามือหยาบปิดปากของเธอไว้ นี่มันเป็นการลักพาตัวชัดๆหญิงสาวเริ่มหวาดกลัว
“พาฉันมาที่นี่ทำไม” เธอทำเสียงสั่น ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตอบแต่กลับกระชากแขนให้ตามเขาไปอย่างรวดเร็ว
“คุณชานนท์ฉันเจ็บ”
“เจ็บสิดี เพราะเธอสมควรเจ็บมากกว่านี้ เจ็บให้เท่าฉันได้ยิ่งดี” เขาลากเธอต่อไปยังห้องทำงานของเขา โดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของเธอ
แกร๊ก!!
เขาผลักเธอเข้าไปในห้องก่อนจะเดินตามเข้าไป
ปัง!! เสียงประตูถูกปิด คลิก! เสียงปุ่มล็อคถูกกด...
ร่างบางสะดุ้งพร้อมไฟที่เปิดสว่าง เธอถอยหลังหนีคนที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาหาเธอ
“อย่าเข้ามานะ คุณจะทำอะไร” เสียงของเธอเริ่มสั่น ยิ่งเขาเข้ามาใกล้ใจของลลิลยิ่งเต้นแรง
“เรื่องมันเกิดขึ้นที่นี่ ปัญหาทุกอย่างเกิดจากห้องนี้ เธอก็ต้องมาชดใช้ทุกอย่างในห้องนี้เช่นกัน”
ลลิลหน้าเริ่มถอดสีอีกครั้ง เธอเดาไม่ถูกว่าผู้ชายคนนี้จะทำอะไร คำพูดของเขาทำให้เธอสับสน หรือตอนนี้เธอหวาดกลัวจนเกินกว่าจะเข้าใจคำพูดเหล่านั้น
“ชดใช้ จะให้ฉันชดใช้อะไร” ลลิลเริ่มหวาดกลัวเข้าไปอีกเมื่อได้ฟังคำพูดของเขา
“เธอไม่ต้องทำอะไรแค่นอนเฉยๆ ฉันทำเอง” ชายหนุ่มเริ่มปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด ในขณะที่ขายาวก็ก้าวเข้าไปหาลลิลเรื่อยๆ
ลลิลต้องเบิกตาขว้างเธอเริ่มรู้ความหมายของคำพูดได้ในทันทีเมื่อเห็นการกระทำของเขา
“คุณบ้าไปแล้วคุณชานนท์ ทำไมคุณไม่มองเป็นอย่างอื่นบ้างล่ะ เขาบอกเลิกคุณ จริงๆแล้วมันเป็นเพราะอะไรกันแน่”
ลลิลพยายามข่มเสียงให้เป็นปกติแม้ตอนนี้หัวใจของเธอได้หล่นไปอยู่ตรงตาตุ่มแล้วก็ตาม
ส่วนเขาไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้น เขาไม่อยากหาเหตุผลจากสโรชา แต่เขาจะจัดการตัวต้นเหตุตอนนี้ตรงนี้
“อย่าเข้ามานะคุณชานนท์...ว๊ายย’
เขาก้าวเท้าเข้ามาอย่างไว ในขณะที่เธอยังลังเลเพื่อหาทางหลบหนี เธอโดนเขากอดไว้ แล้วแกะเน็คไทที่มือของเธอ จากนั้นเธอก็โดนเขายกขึ้นพาดบ่าแล้วพาเดินไปยังโซฟานุ่ม เธอพยายามใช้มือตีเพื่อให้เขาเจ็บ แต่ร่างกายที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นดูจะไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่นัก
ปึก!!
เขาโยนเธอลงไปบนโซฟาหนังหลังใหญ่สีน้ำตาล ส่วนเขาก็ตามลงไปทาบทับร่างบางนั้นทันที
“ไม่นะ”
“อยู่นิ่งๆถ้าเธอไม่อยากเจ็บตัว”
แต่ใครเล่าจะฟัง ลลิลไม่สนใจเธอทั้งผลักทั้งถีบ ร้องโวยวายจนเขานึกรำคาญ จึงประกบปากกับริมฝีปากเล็กได้รูปของเธอนั้น เสียงโวยวายถูกกลืนกลับเข้าไปในลำคอ เขาจูบเธอยังดุดันหาความนุ่มนวลไม่ได้เลย นั่นเป็นจูบแรกของเธอกับเขาแต่ไม่มีอะไรที่น่าประทับใจเลยสักนิด
“อื้อ!!....อื้อ...ลุกออกไปนะ” แม้จะพยายามแค่ไหนผลักไสหรือทุบตีเท่าไหร่ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ขยับเขยื้อนสักนิด
“ชอบฉันมากไม่ใช่หรอ ถึงขนาดวิ่งเต้นมาสมัครงานที่บริษัทฉัน เพราะเธออยากอยู่ใกล้ฉันไม่ใช่หรอ มาฉันจะทำให้เธอสมหวัง”
“ไม่นะ อย่า...กรี๊ด!!”
หลังแต่งงานชานนท์ก็ซื้อบ้านหนึ่งหลัง เขาพาลลิลกับอคิณเข้ามาอยู่ เขาอยากใช้ชีวิตครอบครัวกับลลิลอย่างจริงจัง เขาตั้งใจจะชดเชยให้เธอและลูก วันปกติเขาและลลิลออกไปทำงาน ส่วนอคิณก็ไปโรงเรียน พอวันหยุดก็ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ด้วยกันอย่างเช่นวันนี้"หม่าม๊าฮะ เมื่อไหร่จะมีน้องให้คิณฮะ"อคิณวิ่งเข้าไปหาลลิลที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว เธอวางมีดลงก่อนจะย่อตัวลงมาหาลูกชาย ลูกชายของเธอเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว ตั้งแต่เริ่มไปโรงเรียน อคิณมักจะกลับมาบอกว่าอยากมีน้องสาวเกือบทุกวัน"ใครใช้ให้มาถามครับ"ถึงยังไงเธอก็ไม่ไว้ใจ เพราะคิดว่าชานนท์ต้องสอนลูกให้พูดแน่ๆ"คิณถามเองฮะ คิณอยากมีน้องผู้หญิง หม่าม๊าเอาน้องให้คิณได้มั้ยฮะ""ถ้าคิณเป็นเด็กดี หม่าม๊าจะมีน้องให้นะ""ฮะ คิณจะเป็นเด็กดี"เมื่อได้ยินคนเป็นแม่รับปาก อคิณจึงวิ่งออกไปยังห้องนั่งเล่น ที่มีพ่อนั่งรออยู่"เป็นไงครับ ขอน้องจากหม่าม๊าได้มั้ย""หม่าม๊าบอกว่าคิณต้องเป็นเด็กดี หม่าม๊าถึงจะมีน้องให้""งั้นคิณต้องไม่ดื้อไม่ซนนะครับ""ฮะ""เดี๋ยวคืนนี้ป่าป๊าทำน้องให้เลย""เย้ๆ คิณจะมีน้องไปอวดเพื่อนที่โรงเรียนแล้ว"ลลิลที่แอบตามลูกชายออกมา เธอแอบยืนฟังพ่อลูกค
สามวันที่ผ่านมาลลิลไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะตั้งแต่วันนั้น ลลิลก็ไม่ได้พูดคุยกับชานนท์อีกเลย กว่าเธอจะกลับจากบริษัทก็ดึกแล้ว และทุกครั้งที่ไปเยี่ยมชานนท์ เขาก็จะหลับก่อนทุกครั้งบรรยากาศในงานคืนนี้ดูจะคึกคัก ทุกคนต่างก็แต่งตัวด้วยชุดสวยตามสไตล์ของตัวเอง รวมไปถึงลลิลที่วันนี้เธอแต่งหน้าเข้มกว่าปกติเพราะเธอต้องขึ้นแสดง ทำให้เธอดูเฉี่ยวคม ตอนนี้เธอรออยู่หลังเวทีเพื่อแต่งตัว"หม่าม๊าอยู่ไหนฮะ"เด็กน้อยที่ตามมาทีหลังพร้อมกับลุงและอา เพราณิชาอาสาไปรับหัสดินกับอคิณที่บ้าน เด็กน้อยเมื่อมาถึงก็ชะเง้อคอ หันซ้ายหันขวา หาแม่ของเขา"หม่าม๊าแต่งตัวอยู่""จะไปหาหม่าม๊า""อยู่กับอาณิก่อนนะ เดี๋ยวหม่าม๊าออกมา""อยากไปหาหม่าม๊าฮะ"หัสดินที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงหันไปหาหลาน"ใครอยากกินขนมอร่อยๆ บ้าง""คิณฮะ"หัสดินจึงอุ้มอคิณมาจากมือของณิชา เพื่อพาหลานไปโซนอาหารและเครื่องดื่ม"คุณนี่เลี้ยงเด็กเก่งนะคะ""ไม่ทุกคนหรอกครับ กับเด็กคนอื่นผมไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไง แต่กับอคิณผมรู้จักแกดี เลยรู้ว่าต้องหลอกล่อยังไง"ทั้งคู่พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกัน จึงไม่แปลกที่จะทำความรู้จักกันเ
ในตอนดึกของคืนเดียวกัน ชานนท์รู้สึกตัวขึ้นมา เขารู้สึกเจ็บแปลบๆ ตรงบริเวณใต้ซี่โครงด้านซ้าย เขามองเห็นเพดานของโรงพยาบาล จึงทำให้นึกได้ว่าเขาโดนแทงมาชานนท์พยายามดันตัวลุกขึ้น แต่มือกลับไปสัมผัสใครคนหนึ่ง เมื่อเขาหันมองปรากฏว่าเป็นลลิล เพราะความเหนื่อยล้าสะสมมาตั้งแต่เมื่อคืนทำให้ลลิลเผลอหลับไป เขาอยากจะอุ้มเธอขึ้นมานอนด้วยกัน แต่ประเมินจากความแสบที่แผล เขาไม่น่าจะอุ้มเธอไหวชานนท์รู้สึกดีใจ ที่ลลิลยอมมาเฝ้าเขาที่โรงพยาบาล แม้จะอยากพูดคุยกับเธอเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่อยากรบกวนเธอ เขาจึงนอนนิ่งและได้แต่เอามือลูบศรีษะของเธอเบาๆ เธอจึงขยับหันหน้ามาทางหัวเตียง ทำให้เขาสามารถเห็นหน้าของเธอได้ชัดเจน เขาจึงใช้นิ้วเกลี่ยไรผมให้เธอ แล้วลากนิ้วไปตามทุกส่วนบนใบหน้าเรียวนั้น ก่อนเขาจะกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งเช้าวันต่อมา หลังจากชานนท์ตื่น เขากวาดสายตาไปรอบๆ ที่เขาคิดว่าคนตัวเล็กของเขาจะอยู่ แต่เขากลับไม่เห็นลลิล เห็นแต่น้องสาวของเขานั่งอยู่ตรงโซฟา"ณิ ลิลไปไหน""น้องลิลไปทำงานค่ะ พี่มีอะไรหรือเปล่า" เธอตอบพลางลุกเดินมาหาชานนท์"ไปนานหรือยัง""ตั้งแต่เช้ามืดค่ะ"เขารู้สึกเสียดายที่ตื่นมาไม่ทันลลิล
ลลิลเดินทางไปถึงโรงพยาบาล เธอเร่งอุ้มลูกน้อยไปยังหน้าห้องผ่าตัด สิ่งแรกที่เธอเห็นคือพี่ชายและเจ้านาย เสื้อผ้าของทั้งสองเต็มไปด้วยคราบเลือด และแน่นอนมันคงจะเป็นคราบเลือดของชานนท์ มันดูเยอะจนเธอตกใจ“พี่ดิน!!”“ส่งลูกมาให้พี่มา”หัสดินรู้ดีว่าลลิลคงไม่ไหว เขาเลยขอเด็กน้อยมาอุ้มไว้ แต่ด้วยคราบเลือดที่มีบนตัว ทำให้ลลิลเอาผ้าที่หยิบมาด้วยห่อให้ลูกชายก่อนจะส่งให้หัสดิน“พ่อดินฮะ”เมื่อถูกเปลี่ยนมืออคิณจึงรู้สึกตัว แหงนหน้ามามองคนที่อุ้ม“นอนนะครับ”เขาเอามือกดหัวหลานเบาๆ ให้ซบลงตรงไหล แล้วเอามือลูบหลัง เด็กน้อยจึงหลับลงไปอีกรอบ“คุณชานนท์เป็นยังไงบ้างคะ” เธอถามด้วยความร้อนใจ“ยังไม่รู้เลย ตอนนี้หมอยังไม่ออกมา”ขณะที่ทุกคนรออยู่หน้าห้อง ครอบครัวของชานนท์ก็มาถึงโรงพยาบาล เพราะว่ายุได้โทรไปบอกเช่นกัน“สวัสดีค่ะ”ลลิลยกมือไหว้ณัฐชา แม่ของชานนท์ เธอรับไหว้พลางจ้องมองหน้าของลลิล จนเธอต้องหลบสายตา ณัฐชาเดินเข้าไปใกล้ๆ“ใช่หนูลลิลหรือเปล่า”ลลิลจึงเงยหน้ามามองสบตาอีกครั้ง“ใช่ค่ะ”“ได้เจอตัวจริงสีกที ฟังแต่เรื่องเล่าจากปากตานนท์ ว่าแล้วต้องน่ารักมากๆ เจอตัวจริงปรากฏว่าน่ารักกว่าตั้งเยอะ”ลลิลอึ้งไป
สองวันต่อมาครบกำหนดที่ต้องออกจากโรงพยาบาลชานนท์ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของลลิลสักวัน เขาเริ่มใจไม่ดี เพราะบางทีความรักที่ลลิลเคยมีให้เขาอาจไม่หลงเหลืออีกแล้ว แต่ยังไงเขาก็จะพยายามจนถึงที่สุด พยายามจนได้รู้ว่ามันไม่มีทางไปแล้ว“เป็นไงมึง”วายุเป็นฝ่ายมาหาชานนท์ที่บริษัทเอง เพราะยังไม่อยากให้ชานนท์ไปเจอลลิลที่บริษัทของเขา“ปวดใจ อยากจะร้องไห้”“ใจเย็นๆ มันเพิ่งเริ่ม เราต้องใช้แผนต่อไป”วายุยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ แผนสำรองที่เขาเตรียมไว้คือแกล้งให้ชานนท์ทำทีเป็นเมาขับรถชนฟุตบาท“เล่นแรงไปมั้ยวะ”“ไม่ลองไม่รู้”“ถ้าลลิลจับได้นี่กูตายเลยนะ”ทั้งสองคุยกันจนลืมไปว่าประตูห้องทำงานยังปิดไม่สนิท ด้วยความรีบร้อนของวายุ ทำให้คนที่กำลังเดินผ่านไปได้ยินบทสนทนาทั้งหมดหลังเลิกงานบัวทิพย์ตั้งใจไปหาลลิลที่บ้าน เพราะต้องการเล่นกับหลาน แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือเพื่อต้องการจะเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้ลลิลฟัง“นี่ลิลรู้มั้ย คุณวายุเนี่ยตัวดีเลย เจ้าแผนการที่หนึ่ง วันก่อนที่พี่ไปเดินห้างกับลิลจำได้มั้ย” ลลิลพยักหน้า “วันนั้นโกหกพี่ว่าไม่สบาย พี่เลยฟาดไปหลายที แค่นี้หลอกกันแล้ว ถ้าคบกันไปล่ะ ไม่หลอกกันแบบนี้ไปตลอดเหรอ”
เข้าสู่วันที่หกสำหรับการพาครอบครัวมาพักผ่อนของชานนท์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าการง้อเมียนั่นเอง เขาดูแลเอาใจใส่ทั้งสองคนทุกอย่าง แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับคืนมาก็มีแค่คำว่าขอบคุณจากลลิล ชานนท์ไม่รู้เลยว่าลลิลยอมใจอ่อนให้เขาบ้างหรือยัง ถึงแม้บางทีเธอจะยอมให้กอด หรือจับมือ แต่ก็แค่นั้นจริงๆ"พรุ่งนี้เราก็จะต้องกลับกรุงเทพฯแล้วนะลิล ลิลไม่มีอะไรจะบอกพี่บ้างเหรอ"แม้ว่าลลิลจะตั้งใจไว้ว่าจะเปิดใจให้ชานนท์ พอเอาเข้าจริงๆเธอก็ไม่กล้า เธอทำได้แค่รับความรักมาจากเขา แต่เธอไม่กล้าที่จะให้ความรักของเธอไป เธอไม่รู้ว่าชานนท์รักเธอจริงๆ หรือแค่ต้องการลูก และที่ทำอยู่เพียงเพราะหน้าที่ของพ่อเท่านั้น"ไม่มีค่ะ"ชานนท์หน้าหงอยลงทันที เขาเพียงแค่อยากได้ยินคำว่ารักจากเธอบ้าง เขารู้ว่าคำพูดไม่ได้ยืนยันสิ่งที่พูดออกมาเสมอ เพราะบางคนบอกว่ารักแต่จริงๆ ไม่ได้รักก็มีเยอะแยะ แต่เขาแค่อยากจะฟังมันให้ชื่นใจ...หรือบางทีเวลาเท่านี้อาจจะเร็วไป ลลิลอาจไม่มั่นใจในคำว่ารักของเขา แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะรอ"ลิล วันหยุดยาว เราพาลูกมาอีกนะ""คงไม่ได้แล้วค่ะ ถ้าวันหยุดยาวอีกทีก็อีกสองเดือน ถึงตอนนั้นฉันกับลูกก็กลับไปอยู่บ้านแล้ว"บ้าน







