LOGINการันต์ตอบกลับเสียงเข้มงวด มาเพิ่มพลังให้กับร่างกายและจิตใจที่บอบช้ำให้แข็งแกร่ง พร้อมที่จะกลับไปห้ำหั่นศัตรูผู้หมายคิดร้าย ไม่มีที่ไหนดีไปกว่าการได้มาพักกับคนที่เขาไว้ใจได้ เขาคนนั้นนอกจากจะดูแลเปรมมิกาเป็นอย่างดีแล้ว ยังจะเอาหญิงสาวอยู่ด้วย แล้วที่สำคัญก็คือ...ที่นี่ไกลมาก ไกลจนญาติ ๆ ผู้ไม่หวังดีทั้งหลายแหล่จะไม่ตามมารังควาญซ้ำเติมเปรมมิกาให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจแน่นอน
“แต่มันไกลมากเลยนะคะ พี่ใหญ่ก็รู้ คนของพี่ใหญ่ก็ไม่ได้ชอบหน้าเปรมสักเท่าไหร่ด้วย อยู่ใกล้กันกลัวจะทะเลาะจนฆ่ากันตายเสียมากกว่า” เปรมมิกาเอ่ยด้วยความหงุดหงิดที่ไม่ปกปิดเอาไว้เลย เมื่อคิดถึงคู่แค้นที่เจอกันทีไรต้องปะทะคารมกันทุกครั้งที่เจอ
ก็มีอย่างที่ไหน เจอเธอครั้งแรกก็มาหาว่ายั่วยวนให้ท่า ผู้หญิงอย่างเธอนิสัยก็แย่ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เขาไม่คิดจะชายตามองให้เสียลูกกะตาหรอกนะ
ชิ...ไอ้คนปากเสีย ทำอย่างกับตัวเองดีนักหนา ขยันทำงานเหลือเกิน ว่างเป็นไม่ได้ต้องทำโน่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา แล้วยังทำตัวอย่างกับฤษีชีไพล ไม่สนใจผู้หญิงที่เขาทอดสายตาให้ ทำว่าพ่อนะรักมั่นคงอยู่กับผู้หญิงคนเดียว
แล้วเป็นไงละ สมน้ำหน้า บ้างานดีนัก เลยถูกแม่ผู้หญิงนั่นหันไปหาผู้ชายคนอื่น แต่พ่อเจ้าประคุณก็ยังทำเป็นไม่รับรู้ไม่สนใจ จนแม่แฟนใจกล้าพาท้องโย้ใกล้เกิดมาขอเลิก นั่นแหละถึงได้ทำเป็นว่าตัวเองนะรักเขามาก ที่ทำไปทุกอย่างเพื่ออนาคตและคนที่รัก แต่เป็นเธอ บ้างานหมกตัวอยู่แต่ในป่าปาล์มตั้งแต่เช้าตะวันยังไม่ทันจะขึ้น ไม่กลับบ้านถ้าหากตะวันยังไม่ตกดินอย่างนั้น เป็นเธอก็ขอเลิกเหมือนกันแหละ ขยันทำงานนะดีมาก แต่มันก็ควรที่จะรู้เวลาด้วย ไม่ใช่ทำหามรุ่งหามค่ำแบบนั้น
“ให้เปรมไปพักที่อื่นไม่ได้หรือคะพี่ใหญ่” เปรมมิกาทาบมือนุ่มบนแขนแกร่ง ช้อนนัยน์ตากลมโตเป็นประกายมอง แพหนังตายาวงอนอ่อนนุ่มกระพริบอย่างออดอ้อนซ้ำลงไปอีกเล็กน้อย
“ทำไมละ...จะว่าไปตอนที่พี่โทรมาบอกเต็ม เขาก็ไม่ได้เต็มใจที่จะดูแลเราหรอกนะ บอกกับพี่ว่า ผู้หญิงเรื่องมาก จู้จี้จุกจิก ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ให้มาพักด้วยก็รังแต่จะเป็นภาระเขาเท่านั้นแหละ” การันต์เอ่ยเย้าน้ำเสียงรื่นรมย์ บอกให้รู้ว่าเปรมมิกาเองก็ไม่เป็นที่ปรารถนาของคนที่จะไปหาเช่นกัน
“พี่คิดไม่ถึง ยิ่งไม่เชื่อด้วยว่าเราจะกลัวเต็มถึงขนาดนี้” ชายหนุ่มเสริมทายไปอีกนิด อย่างรู้จุดอ่อนคนเป็นน้องดีว่า ไม่ชอบให้ใครมาท้าทาย การัตน์เหลือบตามองหน้าน้องสาว รอยยิ้มแต้มที่มุมหนึ่งของปากหนา เมื่อเห็นประกายในดวงตาที่มันวามวาวและใบหน้าขาวนวลแดงระเรื่อขึ้นทันควัน
“อะไรนะคะ!” เปรมมิกาแผดเสียงสูงลิ่ว หันหน้ามาประจันกับพี่ชายแบบเต็ม ๆ “อีตาไม่เต็มสิบพูดแบบนั้นจริง ๆ หรือคะ” หญิงสาวเปลี่ยนชื่อของคนที่ถูกกล่าวถึงจากเต็มสิบเป็น...ไม่เต็มสิบที่เพราะและเหมาะสมกับอีกฝ่ายที่สุดแล้วล่ะ
“อือ...” การันต์พยักหน้ารับ สองมือประคองพวงมาลัยรถหลบหลุมขนาดใหญ่กินพื้นที่เกือบจะเป็นครึ่งหนึ่งของถนน “หรือว่าเราจะกลับกันเลยก็ดีนะ พี่ชักจะเห็นด้วยกับเราแล้วละ อยู่ด้วยกันไม่รู้จะถึงวันไหม เปรมกับเต็มคงได้ปะทะคารมจนสวนป่าปาล์มของพี่แตกแน่เลย แล้วเกิดเต็มทนปากเราไม่ไหว เผลอลงไม้ลงมือบีบคอเราจนตาย พี่ก็หาน้องสาวน่ารักๆ แบบนี้ไม่ได้อีกนะสิ”
“ไม่ค่ะ...” เปรมมิกาปฏิเสธเสียงแข็ง ใบหน้านวลเชิดขึ้นสูงอย่างถือดี สองแขนเรียวยาวยกขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก
“เปรมจะอยู่ที่นั่น แล้วก็จะทำให้ไอ้โอเลี้ยงปากเสียนั่นรู้ด้วย เปรมมีดีกว่าที่เห็น” เปรมมิกาพูดอย่างเข่นเขี้ยว นัยน์ตาเป็นประกายเกรี้ยวกราด จนไม่ทันฉุกใจว่าเธอกระโดดลงไปในหลุมที่พี่ชายขุดล่อเอาไว้อย่างเต็ม ๆ เลย
“ถ้าไม่อยากพักก็ไม่เป็นไรนะ พี่เข้าใจ เต็มเองก็คิดเอาไว้แล้วละ เป็นตายยังไงเปรมก็คงจะขอร้องให้พี่เปลี่ยนใจ ส่งเปรมไปพักที่ไหนก็ได้ ไม่ใช่ที่นี่” การันต์ซ้ำไปอีกชุดพร้อมแอบกลั้นหัวเราะเอาไว้ นัยน์ตาเป็นประกายวาววับเมื่อเห็นท่าทางตั้งมั่นไม่ยอมแพ้ของน้องสาว
“ไม่...เปรมจะพักกับนายโอเลี้ยงปากเสียนั่น แล้วพี่ใหญ่ก็หยุดพูดไปเลยนะ” เปรมมิกาห้ามพี่ชายเสียงแข็ง นัยน์ตาเป็นประกายมุ่งมั่น มาดหมาย เธอจะต้องทำให้ไอ้บ้าไม่เต็มสิบนั่นรู้ ดูถูกเธอเหรอ เดี๋ยวได้เจอดีแน่ไอ้ไม่เต็มบาด เธอจะปั่นป่วนอยู่ไม่เป็นสุขไปทั้งสวนป่าปาล์มเลย!
“วันนี้ไม่ไปไหนหรือลูกผิง” บัลลังก์ทักอย่างแปลกใจ ด้วยวัน ๆ มัญชิษฐาไม่เคยอยู่ติดบ้านเลย เขาออกไปแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่ตื่น ตกกลางคืนก็ไม่รู้ว่าใครจะกลับเข้าบ้านก่อนใคร ด้วยตัวเขาเองถ้าไม่ไปเล่นกอล์ฟกับกลุ่มเพื่อนฝูง ก็แวะเวียนไปหาพวกน้อยๆ ที่เลี้ยงไว้ดูเล่นประดับบารมีและอวดความเก่งว่ายังมีไฟในเรื่องพวกนี้อยู่
“แล้วนี่ใครทำอะไรให้โกรธอีกละ ไหนนางคนไหนทำให้ลูกสาวพ่อไม่สบายใจบอกมา ชักกำแหงใหญ่แล้วนะนางพวกนี้ เดี๋ยวพ่อไล่ออกให้หมดทุกคนเลย” คนเป็นพ่อเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาใกล้แล้วได้เห็นลูกสาวคนสวยนั่งหน้าตาบูดบึ้ง นัยน์ตาเข้มจัดอันเนื่องมาจากการการตกแต่งจนดูเกินงามไปมีท่าทางขุ่นขวาง
แม้จะเห็นแบบนั้นแทนที่บัลลังก์จะทรุดตัวลงนั่งใกล้กับบุตรสาว ชายวัยกลางคนแต่ยังรักษาสุขภาพร่างกายเป็นอย่างดีและคงความสง่างามสมวัยกลับทรุดตัวลงนั่งตรงกันข้ามแทน ด้วยไม่อยากให้เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ยับย่น ไหนจะกลิ่นน้ำหอมที่ลูกสาวใช้อีกละ ติดตามตัวไปแม่หนู ๆ ของเขาก็กระเง้ากระงอดไม่พอใจอีกนะซิ เขาอยากได้ความบันเทิงเริงใจ ไม่ใช่ต้องคอยงอนง้อเอาอกเอาใจ พร้อมเสียเงินมากมาเกินความจำเป็น เงินทองต้องแลกมาให้ได้ซึ่งความต้องการนะ ใช่อยู่... แต่ถ้ามากมายเกินไป มันก็ไม่คุ้มค่าจะเสีย
ใบหน้าขาวนวลหงิกงอมากยิ่งขึ้น นัยน์ตาเข้มขุ่นเหลือบขึ้นเล็กน้อย พร้อมกลีบปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดเบะออก เพลิงโทสะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ เมื่อบิดานอกจากจะไม่ใส่ใจแล้วยังใช้อำนาจบาดใหญ่ จะไล่ใครออกก็ได้ เห็นเงินเป็นพระเจ้า อะไร ๆ เงินก็ซื้อได้หมด
“คุณใหญ่!” มัญชิษฐาร้องตะโกนพร้อมวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปในบ้านพักอย่างเร็วรี่“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้วิ่งหน้าตาตื่นมาแบบนี้กันผิง” การันต์เอ่ยถามพร้อมวางแก้วน้ำในมือลง อ้าแขนรับร่างเพรียวบางซึ่งโถมตัวเข้าหาอย่างกับกลัวเขาจะเป็นอะไรไปอย่างนั้นแหละ คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัย“คุณใหญ่ คุณใหญ่เป็นอะไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนบ้าง” สองมือเล็กทาบเคลื่อนไปทั่วกายใหญ่พร้อมเสียงละลักละล่ำถามไถ่อย่างตื่นตระหนก“ใจเย็น ๆ นะผิง เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงหน้าตาตื่นแบบนี้” การันต์ปลอบประโลมพร้อมดันร่างอรชนไปนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม“ก็คุณเปรมบอกว่าคุณประสบอุบัติเหตุ ไม่ยอมไปหาหมอนี่คะ” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีอาการดังที่เปรมมิกาบอกไว้ ทำให้มัญชิษฐาผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างโล่งอก“หรือว่าคุณ...” ก่อนความโกรธจะเข้ามาแทนที่เมื่อคิดว่าการันต์ร่วมมือกับน้องสาวหลอกเธอมาที่นี่“ยายเปรม...ฉันเปล่านะผิง ฉันก็โดนยายน้องสาวตัวดีหลอกมาเหมือนกัน” อยากจะทั้งสมนาคุณและเขกหัวยายตัวดีช่างวางแผนนัก “ยายเปรมโทรไปบอกว่าให้รีบมาด่วน มีคนอยากเจอ ไม่คิดว่ามาถึงไม่ทันจะได้นั่งด้วยซ้ำ ผิงก็โผล่หน้ามานี่แหละ”“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่ได
“แต่ฉันว่าคุณควรปล่อยเพื่อนฉันได้แล้ว” ชานนท์รีบเข้ามาขวาง เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักกำลังจะใจอ่อน ถ้าอยากได้เพื่อนเธอไปเป็นเพชรประดับใจ ก็ต้องพิสูจน์วัดใจกันหน่อยซิ จริงใจไม่ใช่จริงโจ้... “แล้วกรุณาออกไปจากห้องฉันด้วย ก่อนฉันจะเรียกตำรวจมาเชิญตัวคุณออกไป”อยากดึงดันอยู่เพื่อง้อมัญชิษฐาต่อ แต่เมื่อเห็นปราการด่านหนาราวยิ่งกว่ากำแพงเมืองของเพื่อนชายหัวใจสาวที่คอยปกป้องคนรักเขาอย่างไม่คิดชีวิตก็ทำให้คิดได้ว่าควรจะล่าถอยไปก่อน แล้วค่อยกลับมารุกใหม่ ถ้าดื้อนักก็ดักลักพาตัวไปที่บ้านพักเพื่อทบทวนความทรงจำหวานๆ เสียหน่อย ง้อหนักๆ มากหน่อย ขี้คร้านจะใจอ่อน“ก็ได้...ฉันจะกลับไปก่อนนะผิง แต่...” โน้มใบหน้าไปจนริมฝีปากแนบกับหูเล็ก “อย่าคิดว่าฉันจะยอมแพ้ปล่อยเธอไงง่าย ๆ นะ...เตรียมตัวให้ดีนะที่รัก ต่อไปนี้ฉันจะรุกแบบไม่มีถอย จนกว่าจะได้เธอมาเป็นเมียเหมือนเดิม”“คุณขู่อะไรเพื่อนฉัน” ชานนท์เอ่ยถาม เมื่อเห็นเพื่อนรักอ้าปากค้าง“เปล่า แค่บอกว่าอย่าคิดหนี ถ้าจับตัวได้เมื่อไหร่ จะพาไปขังลืมที่บ้านพักกับรีสอร์ทของคุณพุดจีบ...จำได้ไหมผิงที่นั่นเกิดอะไรขึ้นบ้าง” การันต์เอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม ยิ้มทั้งปากและนัยน์ตา“แ
มัญชิษฐาถอนหายใจอย่างหนักอก คำพูดการันต์คือคำไหนคำนั้น “แกไปเก็บของต่อเถอะชาช่า พรุ่งนี้เราจะได้เดินทางกันแต่เช้า ส่วนผู้ชายคนนี้เดี๋ยวฉันคุยกับเขาเอง” ส่งยิ้มให้เพื่อนรักที่มองมาอย่างเป็นกังวลใจ คงกลัวเธอใจอ่อน ไม่ละ...เจ็บครั้งเดียวพอแล้ว ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายใจดำคนนี้อีกแล้ว “ไม่เป็นไรชาช่า ฉันเจ็บแล้วจำ”“แน่ใจนะผิง...อือ...” ชานนท์รับคำในลำคอ ก่อนสะบัดหน้าเชิดเดินเข้าไปที่ห้องเก็บของต่ออย่างไม่มั่นใจในคำพูดของเพื่อนรักสักนิด รักเขาเสียขนาดนั้น เชื่อได้เหรอที่จะไม่ใจอ่อนกับคำอ้อนวอนหวาน ๆ ของอีตาหน้าหล่อนั่นนะหรือ ขนาดเธอยังต้องปั้นหน้าแข็งขืนและโกรธกรุ่นแทบตาย“เธอโชคดีมากเลยนะผิง ที่มีเพื่อนรักมากถึงขนาดนี้ แล้วเมื่อกี้บอกว่าจะไปตั้งแต่เช้า จะไปไหนกัน”“ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” หญิงสาวพยายามสะบัดกายออกจากการเกาะกุม ทว่านอกจากจะไม่หลุดแล้วยังจมหายเข้าไปในอกกว้างมากยิ่งขึ้น“ปล่อยฉันนะ แล้วคุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาคุณการันต์”“แหม...พูดจาห่างเหินจังเลยนะผิง ไม่คิดถึงกันเลยหรือไง ว้า...มันน่าเสียใจจริง ๆ เลย ฉันหรืออุตส่าห์คิดถึงเธอทุกลมหายใจเข้าออก” การันต
“รักสิ...พี่รักน้องเปรมมากนะ น้องเปรมถามอย่างนี้ทำไม”“ถ้ารักแล้วทำไมพี่เต็มถึงไม่เชื่อใจเปรมละคะ” บางเหตุการณ์ย่อมมีครั้งแรกและครั้งต่อไปไม่จบไม่สิ้น แต่ในความรักไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีสิ่งนี้ ‘ไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ’ ดังนั้นควรคุยกันให้เข้าใจเสียก่อน ไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นในครานี้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะคราวต่อไปเธอคงไม่ใจเย็นและไม่มีพี่ชายแสนดีคอยเตือนสติให้รู้ให้แก้ไขเหตุการณ์ได้ทันท่วงทีเช่นครั้งนี้“พี่ขอโทษนะครับน้องเปรม ขอโทษที่คิดน้อยไปหน่อย” เต็มสิบยอมรับผิด เขาจะยอมให้ความรู้สึกบ้า ๆ นี่มาบั่นทอนความสุขและความรักที่เขาและเปรมมิกามีต่อกันหรือ...“พี่สัญญา ต่อไปนี้พี่จะเชื่อมั่นและเชื่อใจในความรักของเรา” “สัญญานะคะ เพราะคราวต่อไป เปรมคงไม่มาง้อแล้วล่ะ มาถึงยังเจอกับภาพบาดตาบาดใจเสียอีก เปรมก็เจ็บเป็นและน้อยใจเป็นเหมือนกัน” หญิงสาวเว้าวอนเสียงหวาน การรักกันนะง่าย แต่การจะครองรักกันอยู่กันอย่างเข้าอกเข้าใจนั้นนะยาก มีอะไรจึงควรเปิดใจพูดกันให้กระจ่างโดยไม่ใช้อารมณ์“พี่คงไม่มีสิ่งไหน หรือคำใด ๆ แก้ตัวได้ แต่พี่จะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์” เต็มสิบกอดกระชับร่างเล็กแนบชิดจนแทบไม่มีท
“เอ่อ...” จะตอบไปว่าเขาไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ทำอะไรก็ปฏิเสธไม่ลง เพราะจำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แต่ตีหน้าจืดเจื่อนใส่“ตื่นมาต้องการอะไรคะ”“หิวน้ำ” คนป่วยบอกอ้อนเล็กน้อยด้วยสายตา อยากยื่นแขนไปโอบกอดร่างเล็กให้สมกับความคิดถึง แต่เจอสายตาดุ ๆ เต็มไปด้วยความกระเง้ากระงอดและเง้างอน“รอแปบนะคะ เดี๋ยวเปรมไปเอาน้ำมาให้ก่อน” เปรมมิกาบอกเมื่อยื่นมือไปคว้าขวดน้ำที่เอามาวางไว้หัวเตียงไม่มีน้ำหลงเหลืออยู่อีกแล้ว“เร็ว ๆ นะครับ พี่คิดถึง” เต็มสิบหยอดคำหวานไปเล็กน้อยให้กับคนขี้งอนอยากตอกกลับไปว่า ตัวเขาเองนั่นแหละทิ้งเธอ... โทรมาก็ไม่ยอมรับ น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ แต่เพราะเห็นว่าป่วยอยู่เลยยกหนี้ครั้งนี้ไปก่อน รอให้หายดีก่อนเถอะ...คุยกันยาวแน่“ได้ค่า...” เปรมมิกาตอบกลับเสียงยาวและรีบเดินออกไปรินน้ำใส่กระติกน้ำที่สามารถบรรจุน้ำร้อนไว้ได้ไปให้คนป่วยได้กิน“ทำอย่างนี้ทำไมคะพี่เต็ม” เมื่อเห็นว่าเต็มสิบดูดีขึ้น น่าจะคุยได้รู้เรื่องแล้วเปรมมิกาก็เลยเอ่ยปากถาม อย่างไม่ยอมปล่อยเรื่องที่สงสัย เพราะเธอนอนไม่หลับแน่นอนถ้าไม่ได้ฟังคำตอบจากปากเต็มสิบ ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์เธอ ทำไมถึงได้กลับบ้านแล้วไม่พาเธอมาด้วย“เรื่อ
น้ำปรุงสะดุ้งเฮือก จนผ้าขนหนูผืนเล็กแทบหลุดจากมือ รีบหันมามองคนมาใหม่ทันควัน “คุณมาก็ดีแล้ว เป็นเมียประสาอะไรนะ ทำไมถึงได้ปล่อยให้ผัวกลับมาด้วยสภาพเจ็บแบบนี้ แล้วทำไมป่านนี้ถึงได้เพิ่งคิดมาหาตอนนี้ ไม่ปล่อยให้พี่เต็มเข้าโรงพยาบาลก่อนละถึงมานะ”“เธอพูดบ้าอะไรน้ำปรุง” แผดเสียงถามด้วยความสงสัย เมื่อถูกแม่เด็กหน้าใสด่าว่าจนเถียงไม่ทัน“ใครมานะน้ำปรุง แฟนเหรอ ไปเถอะ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก ยังดูแลตัวเองได้ ขอบใจนะ” เต็มสิบพูดเสียงเบาหวิว นิ่วหน้าด้วยความปวดในศีรษะจนแทบจะแตกจนหูเพี้ยนไปฟังไม่ออกว่าคนที่มาไม่ใช่แฟนน้ำปรุงอย่างที่เข้าใจ“ก็ว่าคุณนะสิ มาก็ดีแล้ว ดูแลผัวตัวเองดี ๆ ละ ไม่ใช่ปล่อยให้กลับบ้านมาพร้อมอาการบาดเจ็บ แล้วยังมาทำงานงก ๆ ตากแดดตากฝนจนป่วยเป็นไข้ถึงขนาดนี้ นี่ดีนะว่าฉันมีแฟนแล้ว ไม่อย่างนั้นนะ ป่านนี้ฉันเอาพี่เต็มทำผัวไปแล้ว” น้ำปรุงพูดใส่หน้า ชะเง้อจนคอยาวออกไปนอกบ้านเพื่อดูว่าหนุ่มคนรัก ซึ่งได้พบหลับจากที่เต็มสิบและเปรมมิกาไปได้ไม่ถึงสามวันมาหรือยังจากที่ไม่ถูกชะตาเพราะแฟนหนุ่มมองหุ่นอวบอัดซึ่งสวมใส่เสื้อผ้า เปิดนี่นิดปิดนี่หน่อยจนตาวาวแทบจะหลุดออกมานอกเบ้า ก่อนที่หนุ่มน้อยห







