“อย่าหาว่าอาเร่งเลยนะปั้น อารู้สึกแย่ลงทุกวัน กลัวไม่ได้อยู่ในงานแต่งของเราสองคน”
“พ่อคะ ไม่พูดแบบนี้สิคะ”
“พ่อรู้ตัวเองดี ขอให้พ่อรีบจัดการเรื่องนี้ก่อนนะลูก”
“พรุ่งนี้ผมจะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณน้ำอย่างเป็นทางการ คุณอาจะว่าอะไรไหมครับถ้าสถานที่ต้องเป็นที่นี่”
“สบายมาก ไม่ต้องพิธีรีตอง แล้วปั้นคุยกับพ่อแม่หรือยัง”
“เอ่อ ยังเลยครับ แต่คืนนี้ผมจะกลับไปคุย พ่อแม่ผมท่านไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เผลอๆ จะดีใจด้วยซ้ำที่ผมอยากแต่งงาน”
อยากแต่งงาน..คำนี้ทำเอาว่าที่เจ้าสาวคนสวยหันมองหน้าเขา มันคงรู้สึกดีมากถ้าเธอกับเขาเป็นคนรักกัน และเขาแต่งงานกับเธอด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่เพื่อที่ดินผืนนั้น
และมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าคนที่พูด ไม่ใช่เขา ผู้ชายเจ้าชู้มักมากที่ต่อให้แก่ตายก็คงไม่มีทางรู้จักคำว่า “พอ”
“ปั้นโอเคจริงๆ เหรอ กับเรื่องสัญญา ไม่ต้องเกรงใจอา ถ้าไม่ไหวก็ถอนตัวได้ เพราะต่อให้ปั้นปฏิเสธ เดี๋ยวอาก็หาเหยื่อรายใหม่มารับดูแลเด็กดื้อของอาได้เอง อาจจะต้องติดสินบนนิดหน่อยกันล่ะนะ ถ้าไม่มีใครจริงๆ ก็คงต้องขอร้องเพื่อนรักของเขา เจ้าราเชนทร์ ให้มารับช่วงต่อดูแลกันไป ตอนนี้เขาเรียนอยู่เมืองนอก อากลัวว่ากว่าเขาจะกลับมา อาคงไม่มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว เลยคิดถึงปั้นเป็นคนแรก”
ราเชนทร์ ชื่อนี้คือคนที่ส่งดอกไม้มาให้เธอเมื่อช่วงสาย ผู้ชายคนนั้นไม่มีทางเป็นแค่เป็นเพื่อนรักของเธอแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับดอกไม้ของหมอนั่นทำไม
“เชนกลับมาแล้วค่ะพ่อ..”
“ผมโอเคครับคุณอา ผมยินดีแต่งงานกับคุณน้ำ และผมจะจัดงานแต่งให้เร็วที่สุด ถ้าคุณอาไม่ว่าอะไร ภายในสิ้นเดือนนี้เลยก็ได้ครับ”
เขาเอ่ยแทรกทันทีก่อนที่เธอจะพูดในสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยิน เรื่องอะไรเขาจะยอมปล่อยที่ดินผืนงามให้หลุดมือ และเรื่องอะไรที่เขาจะยอมปล่อยเธอไป อย่างไรของที่ดีที่สุดทั้งสองสิ่งนี้ต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
“สิ้นเดือนนี้ คุณจะบ้าเหรอ มันไม่เร็วเกินไปหรือไง”
“แต่พ่อว่าดีนะ พ่ออยากไปงานแต่งของลูกตอนที่พ่อยังเดินไหว”
“พ่อคะ..”
เธอกุมมือเหี่ยวแห้งที่แทบเหลือแต่กระดูก มองใบหน้าซูบซีดอิดโรยของคนเป็นพ่อแล้วก็ใจหาย เวลาของพ่อเธอคงเหลือน้อยลงไปทุกทีแล้วจริงๆ
“ค่ะพ่อ น้ำตามใจพ่อค่ะ แต่งเมื่อไหร่ก็ได้ ยังไงก็ต้องแต่งอยู่ดี แต่พ่อต้องสัญญานะ ว่าจะกินข้าวให้เยอะๆ กินอาหารเสริมให้หมดทุกมื้อ”
“ได้ลูก พ่อสัญญา”
“ถ้าอย่างนั้น เรื่องงานแต่งทุกอย่าง ผมจะเป็นคนจัดการเองนะครับ คุณอาไม่ต้องเป็นห่วง พรุ่งนี้หลังจากสู่ขอคุณน้ำแล้ว ผมขออนุญาตพาคุณน้ำไปลองชุดแต่งงานเลยนะครับ เผื่อแก้ไขจะได้ทันวันงาน”
“อาขอบใจมากนะปั้น ขอบใจมากจริงๆ”
ผู้ชายสองคนมองสบตากันอย่างรู้ความหมาย ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยขอบคุณนั้นมันเป็นเรื่องอะไร
“ครับ คุณอาไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยครับ”
“ว่าไงนะ นี่แม่หูฝาดไปหรือเปล่า”
อริสาเอ่ยถามลูกชายคนเล็กอีกครั้งหลังจากที่เขากลับบ้านมาขอปรึกษาเรื่องสำคัญกับทุกคนในครอบครัว
“ไม่ฝาดหรอกครับแม่ ผมจะแต่งงานจริงๆ”
“กนกรัตน์ท้องเหรอ”
ปัณยตา พี่สาวของเขา ถามในสิ่งที่ทุกคนสงสัยออกมา เพราะคนอย่างปัณจธรไม่มีทางยอมแต่งงานกับใครง่ายๆ แน่นอน ถ้าไม่ได้พลาดไปทำผู้หญิงท้อง และผู้หญิงที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเลขาสาวสวยหน้าห้อง ที่ทำหน้าที่ทั้งบนโต๊ะและบนเตียงให้เขามาหลายปีแล้ว
“รัตน์ไม่ได้ท้องครับ และผมก็ไม่ได้จะแต่งงานกับรัตน์ด้วย”
“อ้าว ไม่แต่งกับกนกรัตน์ แล้วแต่งกับใคร ดาราคนไหน ใช่คนที่มีข่าวซุบซิบว่านายแอบย่องขึ้นคอนโดล่าสุดนี่หรือเปล่า พลาดหรือตั้งใจทำให้ท้อง”
“โหย พี่หยา จะยัดเยียดให้ผมทำผู้หญิงท้องให้ได้เลยใช่ไหม ผมไม่คิดสั้นแบบนั้นหรอกนะครับ ไม่มีผู้หญิงคนไหนท้องทั้งนั้น แล้วก็ไม่ใช่ดาราคนไหนด้วย คนที่ผมจะแต่งด้วยคือน้ำริน ลูกสาวคุณธารา เจ้าของบริษัทรินธาราจิวเวลรี่ครับ”
ทุกคนในห้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่ใช่ตกใจชื่อของว่าที่เจ้าสาว แต่ตกใจชื่อพ่อของว่าที่เจ้าสาวต่างหาก
“คุณธารา เจ้าของที่ดินบนเกาะที่นายส่งคนไปซื้อแล้วเขาปฏิเสธน่ะหรือปั้น”
ปัณยตายังจำได้ตอนที่น้องชายปรึกษาเธอเรื่องโครงการรีสอร์ตหรูบนเกาะที่ยังมีธรรมชาติสวยงาม แต่เมื่อไม่กี่วันเขาเพิ่งมาบ่นกับเธออย่างเซ็งๆ เมื่อเจ้าของที่ดินไม่ยอมขายให้ แล้วทำไมวันนี้ถึงจะแต่งงานกับลูกสาวเจ้าของที่ดินได้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ครับ”
“นี่นายไปจีบลูกสาวเขาเหรอ แต่มันไม่เร็วไปหรือไง นายเพิ่งบ่นกับพี่แค่ไม่กี่วันนี่เอง ทำไมวันนี้ถึงบอกว่าจะแต่งงาน”
“เอ่อ คือว่า ผมกับคุณอาธารามีข้อตกลงกันนิดหน่อยครับ ถ้าผมอยากได้ที่ดินผืนนั้น ผมต้องแต่งงานกับน้ำริน”
“คุณธาราหวงลูกสาวจะตาย อยู่ๆ จะมายกให้ปั้นแลกกับการขายที่ดินให้เหรอ พ่อว่ามันแปลกๆ นะ”
ปรมัตถ์ผู้เป็นพ่อตั้งข้อสงสัย ถ้าเป็นเขาจะขายที่ดินก็ขายอย่างเดียว จะมายกลูกสาวให้ใครง่ายๆ..ไม่มีทางเสียล่ะ
“ที่จริงมันจะเรียกว่าขายที่ดินให้ผมก็ไม่เชิงครับพ่อ คือคุณอาป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ท่านกังวล อยากให้มีคนมาดูแลน้ำรินต่อจากท่าน ก็เลยเรียกผมไปคุยด้วย แต่เงื่อนไขของการแต่งงานก็เยอะเลย เดี๋ยวทุกคนลองอ่านดูก่อนนะครับ ผมไม่อยากปิดบัง”
เขาส่งสำเนาสัญญาที่เขาเซ็นกับลูกสาวคนสวยของเจ้าของที่ดินไปแล้วให้กับทุกคนในครอบครัวอ่าน ไม่เว้นแม้แต่พี่เขยที่อายุเท่ากันกับเขาด้วย
“สัญญานี่ ปั้นได้อ่านหรือเปล่าก่อนเซ็นชื่อ”
“อ่านครับพ่อ เอ่อ คือผมอยากได้ที่ดินผืนนั้นมากครับ”
“แกอยากได้ลูกสาวเขามากกว่าก็ว่ามาเถอะ หลงรักเธอใช่ไหม”
“พี่หยา ความรักหน้าตามันเป็นยังไง ผมยังไม่รู้เลย แล้วจะรักน้ำรินได้ยังไงครับ”
“โอ๊ย นายปั้น แกไม่ต้องมาปิดบังพวกเราหรอก แล้วแกคิดว่าแกจะคุ้มแค่ไหน จะทนอยู่กับลูกสาวเขาได้สักกี่น้ำ ถ้าหย่ากันก่อนที่จะมีลูกขึ้นมา บริษัทเราเสียหายย่อยยับแน่ พี่คงอนุมัติโครงการนี้ให้แกไม่ได้นะ เพราะพี่ไม่มั่นใจเลย ว่าแกจะอยู่กับลูกสาวเขาได้ตลอดชีวิต”
“ผมรู้ครับพี่หยา ว่ายังไงก็ไม่มีใครอนุมัติโครงการให้ผมแน่ ทั้งพี่ ทั้งพ่อ”
“อ้าว แล้วแกยอมแต่งงานทำไม ไหนว่าอยากได้ที่ดินมากไง เอามาทำประโยชน์ตามที่แกต้องการไม่ได้ แล้วแกจะแต่งเพื่อ?”
“โห พี่หยา จะถามอะไรมากมายเนี่ย ผมก็เคยบอกทุกคนแล้วไงครับ ว่าถ้าผมจะต้องแต่งงานกับใครสักคน การแต่งงานของผมมันต้องมีประโยชน์ นี่ผมก็ว่ามันมีประโยชน์อยู่นะครับ แล้วถ้าบริษัทไม่อนุมัติโครงการรีสอร์ตของผม ผมก็จะเอาเงินส่วนตัวของผมลงไปทำแทน มันคงไม่ยิ่งใหญ่เหมือนรีสอร์ตอื่น เพราะตามเงื่อนไขที่นี่ก็คล้ายๆ โฮมสเตย์ดีๆ นี่เอง”
ทุกคนในครอบครัวหรี่ตามองเจ้าของโครงการร้อยล้าน ที่ยอมปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการของตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินผืนนั้น แถมยังยอมควักกระเป๋านำเงินส่วนตัวมาสร้างรีสอร์ตนี้อีกต่างหาก เพียงแค่เพื่อจะได้ครอบครองที่ดินผืนงามและได้แต่งงานกับลูกสาวคนสวยของเจ้าของที่ดินเท่านั้นเองหรือ
“ปั้นคิดดีแล้วใช่ไหม การแต่งงานมันไม่ใช่แค่แต่งเพื่อผลประโยชน์ อยู่กันแค่ปีสองปีแล้วหย่าร้าง ให้ลูกที่เกิดมาเป็นเด็กครอบครัวแตกแยก พ่ออยากให้ปั้นคิดอีกที เรื่องความรักมันก็สำคัญ”
“ผมคิดดีแล้วครับพ่อ สำหรับผม ทุกคนก็รู้ว่าเรื่องความรักมันไร้สาระมากเลย ผมเองก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต รู้แค่ตอนนี้ ผมต้องการที่ดินผืนนั้นครับ”
“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปสู่ขอน้ำรินให้ เอาลูกสาวเขามาแล้ว ก็ต้องดูแลให้ดี ไม่ว่าจะรักหรือไม่รัก แต่ในเมื่อปั้นเลือกเอง ปั้นต้องรับผิดชอบในสิ่งที่จะตามมาให้ได้”
“ครับพ่อ ผมรับปากครับ ว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่คนอย่างผมจะทำได้”
“คุณมานั่งรอผมตรงนี้ก่อน”เขาขยับเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานให้ แต่เธอกลับเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวมุมห้อง เล่นเอาคนตัวโตแค่นหัวเราะหยันตัวเองเบาๆ ก่อนปลดกระดุมเสื้อสูทแล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเองไม่นานจากนั้น กนกรัตน์ก็นำน้ำส้มไปเสิร์ฟให้กับผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าชนิดที่เธอเทียบไม่ติดฝุ่นแม้แต่จุดเดียว เธอเหลือบตาขึ้นมองผู้หญิงคนนั้น ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นก็มองสบตากับเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก“ขอบคุณค่ะ”หึ เย่อหยิ่งราวนางหงส์อย่างที่เธอได้ยินมาจริงๆ คอยดูเถอะ ถึงแม้จะสวยเพียงใด แต่คนอย่างปัณจธรไม่เคยใช้ผู้หญิงคนไหนนานๆ นอกจากเธอคนเดียวเท่านั้นที่เขาหลงใหล อีกไม่นานเกินรอ แม่นางหงส์ก็คงจะโดนเขาเขี่ยทิ้ง“ยินดีค่ะ”กนกรัตน์เชิดหน้าขึ้น ส่งยิ้มหยันให้กับผู้หญิงคนใหม่ของเขา แล้วเดินกลับไปเสิร์ฟกาแฟให้กับคนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างตั้งใจกิริยาที่เลขาของเขาแสดงออกมาต่อหน้าเธอ มันยืนยันได้อย่างชัดเจนเลยว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแน่นอน จึงลอบเบะปากอย่างนึกรังเกียจ ขนาดพนักงานของตัวเองยังไม่เว้น ถ้าเธอต้องแต่งงานกับเขาเพราะความรัก เธอคงหึงหวงเขาจนเป็
ปรมัตถ์ อริสา ปัณยตา และสุทธิรักษ์ เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยแล้วลอบหันมามองหน้ากัน รู้แล้วว่าเหตุใดทำให้คนอย่างปัณจธรที่ไม่เคยมีความรักให้ใคร รีบร้อนอยากแต่งงานกับลูกสาวเจ้าของที่ดินขนาดนี้ ทำอย่างกับว่าถ้าช้าอีกเพียงนาทีเดียว เจ้าหล่อนจะเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับคนอื่นอย่างไรอย่างนั้นก็ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าของพวกเขา เธอสวยงามไปทั้งตัวอย่างไร้ที่ติราวกับนางฟ้าก็ไม่ปาน ไม่ว่าจะพิศมองมุมไหนก็เพลินตา จนแทบไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลยจริงๆการเจรจาสู่ขอสำเร็จไปได้ด้วยดี เงินสินสอดทองหมั้นที่ฝ่ายชายเสนอให้ช่างสมน้ำสมเนื้อกับว่าที่เจ้าสาวคนสวยเป็นจำนวนหนึ่งร้อยล้านบาท“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวของเรานะจ๊ะ น้ำริน ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็คุยกับแม่และพี่หยาได้ คิดซะว่าแม่เป็นแม่แท้ๆ ของน้ำนะลูก”อริสาโอบกอดสาวสวยที่กำลังจะเข้ามาเป็นลูกสาวอีกคนของเธอด้วยความอบอุ่น อ้อมกอดจากแม่ที่เธอขาดหายไม่หลงเหลือในความทรงจำ วันนี้ได้รับการทดแทนจากผู้เป็นแม่ของว่าที่สามี มันอบอุ่นจนคนตัวบางน้ำตาซึม“ขอบคุณมากค่ะ คุณป้า”“ไม่เอาสิลูก เรียกพ่อกับแม่เถอะ อีกไม่กี่วันก็ต้องมาใช้นามสกุลเดียวกันแล้วนะ”“ค่ะ คุณแม
“อย่าหาว่าอาเร่งเลยนะปั้น อารู้สึกแย่ลงทุกวัน กลัวไม่ได้อยู่ในงานแต่งของเราสองคน”“พ่อคะ ไม่พูดแบบนี้สิคะ”“พ่อรู้ตัวเองดี ขอให้พ่อรีบจัดการเรื่องนี้ก่อนนะลูก”“พรุ่งนี้ผมจะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณน้ำอย่างเป็นทางการ คุณอาจะว่าอะไรไหมครับถ้าสถานที่ต้องเป็นที่นี่”“สบายมาก ไม่ต้องพิธีรีตอง แล้วปั้นคุยกับพ่อแม่หรือยัง”“เอ่อ ยังเลยครับ แต่คืนนี้ผมจะกลับไปคุย พ่อแม่ผมท่านไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เผลอๆ จะดีใจด้วยซ้ำที่ผมอยากแต่งงาน”อยากแต่งงาน..คำนี้ทำเอาว่าที่เจ้าสาวคนสวยหันมองหน้าเขา มันคงรู้สึกดีมากถ้าเธอกับเขาเป็นคนรักกัน และเขาแต่งงานกับเธอด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่เพื่อที่ดินผืนนั้นและมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าคนที่พูด ไม่ใช่เขา ผู้ชายเจ้าชู้มักมากที่ต่อให้แก่ตายก็คงไม่มีทางรู้จักคำว่า “พอ”“ปั้นโอเคจริงๆ เหรอ กับเรื่องสัญญา ไม่ต้องเกรงใจอา ถ้าไม่ไหวก็ถอนตัวได้ เพราะต่อให้ปั้นปฏิเสธ เดี๋ยวอาก็หาเหยื่อรายใหม่มารับดูแลเด็กดื้อของอาได้เอง อาจจะต้องติดสินบนนิดหน่อยกันล่ะนะ ถ้าไม่มีใครจริงๆ ก็คงต้องขอร้องเพื่อนรักของเขา เจ้าราเชนทร์ ให้มารับช่วงต่อดูแลกันไป ตอนนี้เขาเรียนอยู่เมืองนอก อากลัวว่ากว่าเขาจะกลับ
เสียงเคาะประตูห้องทำงานของ CEO สาวดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดเข้ามาโดยเลขานุการที่หอบดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่กับดอกทิวลิปสีชมพูหวานอีกหนึ่งช่อ นำมาให้เจ้านายสาวถึงที่โต๊ะ“วันนี้สองช่อค่ะคุณน้ำ”“ของใครอีกล่ะ”“คุณเทวา เจ้าเก่าเจ้าเดิม ส่วนดอกทิวลิปสีชมพูอ่อนนี่ของคุณราเชนทร์ค่ะ”“เชนเหรอ”“ใช่ค่ะ มีการ์ดด้วยนะคะ”เจ้าของห้องเปิดอ่านการ์ดของช่อกุหลาบสีขาวแล้วกำลังจะหอบเอาไปทิ้งเหมือนเดิม แต่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในห้องนี้ตามลำพังจึงเงยหน้าขึ้นมองแขกไม่ได้รับเชิญที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางห้องดวงตาคมกริบเรียบเฉยที่แปลความหมายไม่ออกจ้องเธอนิ่งนาน แต่คนตัวบางกลับไม่คิดจะสนใจ เธอยกช่อกุหลาบสีขาวขึ้นมาดมหน้าตาเฉยราวกับพิศวาสเจ้าของดอกไม้ช่อนี้เสียเต็มประดาจากนั้นจึงเปิดอ่านการ์ดของดอกทิวลิปช่องาม ซึ่งเป็นดอกไม้ช่อเดียวในช่วงนี้ที่เธอคิดจะเก็บเอาไว้ เพราะมันส่งมาจากเพื่อนผู้ชายที่แสนดีของเธอ“ผมกลับมาแล้วนะ คิดถึงน้ำมาก เดี๋ยวจัดการเรื่องที่บริษัทเสร็จแล้วจะเข้าไปหานะครับ”รอยยิ้มที่แต่งแต้มริมฝีปาก ทั้งดวงตาเป็นประกายวิบวับทำเอาปัณจธรกัดกรามกรอด เธอทิ้งดอกไม้ของเขาอย่างไม่ไยดี แต่กลับ
ตอนที่ 6 กระหายในชัยชนะ“น่าขยะแขยงที่สุด”“ตอนอยู่บนเตียงกับผม คุณไม่พูดแบบนี้แน่ น้ำริน”จมูกโด่งตรงเข้าคลอเคลียข้างแก้มใส เธอสะบัดหน้าหนีทันทีด้วยความตกใจ ทำให้ลำคอระหงหอมกรุ่นกลิ่นกายสาวผสมกับน้ำหอมราคาแพงลอยเด่นตรงหน้า เขาจึงฝังจมูกลงไปแทนแล้วกดจูบย้ำๆ สูดกลิ่นหอมหวานที่เขาหลงใหล“หยุดนะ”ไม่เพียงปลายเสียงเท่านั้นที่สั่น แต่ร่างกายบอบบางก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างจนน่าสงสาร แค่เขาคุกคามเธอนิดหน่อย คนเก่งของเขาก็ท่าจะเอาตัวไม่รอดเสียแล้ว“หึ ตัวสั่นเชียว กลัวผมเหรอครับ”เขาขยับใบหน้าออกมาจากซอกคอ เธอจึงสะบัดหน้ากลับมามองสบตากับเขาด้วยแววตาวาววับเอาเรื่อง แต่ดันได้รับรอยยิ้มมุมปากแสนมีเสน่ห์กลับไปแทน“บอกแล้วไง ว่าฉันขยะแขยง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะยกเลิกงานแต่งงานทุเรศๆ นี่”คนตัวโตยอมปล่อยข้อมือของเธอที่ตรึงไว้กับผนัง มือใหญ่ทั้งสองข้างยกขึ้นแบออกอย่างยอมแพ้ แต่ดวงตาคมกริบไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด“ยอมแล้วครับ”“หมดธุระก็กลับไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน”เธอเอ่ยไล่ว่าที่เจ้าบ่าวแบบไม่ถนอมน้ำใจ ซ้ำยังเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองหน้าตาเฉย ซึ่งคนตัวโตก็เดินตามไปนั่งที่เ
ธารารินเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแต่เช้าตรู่แล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย บนโต๊ะทำงานมีดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนช่อโตส่งกลิ่นหอมฟุ้งเช่นเดิมเธอเดินตรงดิ่งไปยังดอกไม้ช่อนั้น วางซองเอกสารสีน้ำตาลไว้ข้างๆ หยิบการ์ดใบสวยขึ้นมาดูก็เห็นข้อความของผู้ชายน่าขยะแขยงคนเดิมที่กำลังจะมาเป็นสามีของเธอในอีกไม่นานนี้“ผมดีใจนะครับ ที่จะได้แต่งงานกับคุณ สัญญาว่าจะดูแลคุณให้ดีที่สุด”CEO สาวแสนสวยเบะปาก เสียบการ์ดใบนั้นคืนที่เดิม แล้วหอบดอกไม้ช่อโตเดินตรงดิ่งไปยังถังขยะที่แม่บ้านยังไม่ยอมเพิ่มขนาดให้กับเธอเสียที ก่อนจะใช้เท้าเหยียบเพื่อเปิดฝาแล้วยัดช่อกุหลาบลงไปในถังใบนั้นให้มันเสนอหน้าชูช่อราวกับถังขยะใบน้อยเป็นแจกันทรงสวยเหมือนกับทุกวันดวงตาคมกริบเบิกกว้างด้วยความตกใจ มองแผ่นหลังบอบบางของว่าที่เจ้าสาวซึ่งกำลังยืนสะกดจิตช่อดอกไม้ของเขาในถังขยะอย่างอึ้งๆ ก่อนจะยกยิ้มขำที่มุมปากพร้อมพยักหน้าน้อยๆ ด้วยความชอบใจ เห็นทีหลังจากนี้เขาคงมีเรื่องสนุกท้าทายให้ทำอีกเยอะเลย“ผมเสียใจนะครับ น้ำริน ที่คุณทำกับดอกไม้ของผมแบบนี้”เสียงทุ้มที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง เจ้าของห้องสะดุ้งโหยงแล้วหันกลับไปมองยังต้นเสียง