ปรมัตถ์ อริสา ปัณยตา และสุทธิรักษ์ เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยแล้วลอบหันมามองหน้ากัน รู้แล้วว่าเหตุใดทำให้คนอย่างปัณจธรที่ไม่เคยมีความรักให้ใคร รีบร้อนอยากแต่งงานกับลูกสาวเจ้าของที่ดินขนาดนี้ ทำอย่างกับว่าถ้าช้าอีกเพียงนาทีเดียว เจ้าหล่อนจะเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับคนอื่นอย่างไรอย่างนั้น
ก็ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าของพวกเขา เธอสวยงามไปทั้งตัวอย่างไร้ที่ติราวกับนางฟ้าก็ไม่ปาน ไม่ว่าจะพิศมองมุมไหนก็เพลินตา จนแทบไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลยจริงๆ
การเจรจาสู่ขอสำเร็จไปได้ด้วยดี เงินสินสอดทองหมั้นที่ฝ่ายชายเสนอให้ช่างสมน้ำสมเนื้อกับว่าที่เจ้าสาวคนสวยเป็นจำนวนหนึ่งร้อยล้านบาท
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวของเรานะจ๊ะ น้ำริน ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็คุยกับแม่และพี่หยาได้ คิดซะว่าแม่เป็นแม่แท้ๆ ของน้ำนะลูก”
อริสาโอบกอดสาวสวยที่กำลังจะเข้ามาเป็นลูกสาวอีกคนของเธอด้วยความอบอุ่น อ้อมกอดจากแม่ที่เธอขาดหายไม่หลงเหลือในความทรงจำ วันนี้ได้รับการทดแทนจากผู้เป็นแม่ของว่าที่สามี มันอบอุ่นจนคนตัวบางน้ำตาซึม
“ขอบคุณมากค่ะ คุณป้า”
“ไม่เอาสิลูก เรียกพ่อกับแม่เถอะ อีกไม่กี่วันก็ต้องมาใช้นามสกุลเดียวกันแล้วนะ”
“ค่ะ คุณแม่”
“คุณธาราไม่ต้องเป็นห่วงน้ำรินนะครับ พวกผมสัญญาว่าจะช่วยดูแลน้ำรินให้เหมือนกับเป็นลูกสาวแท้ๆ เลย”
“ขอบคุณทุกคนมากครับ ที่เอ็นดูยัยน้ำของผม แค่นี้ผมก็นอนตายตาหลับแล้ว”
ธารามองภาพตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกปัณจธร ครอบครัวนี้เป็นคนดีและมีเมตตามาก เขามั่นใจว่าลูกสาวของเขาจะได้รับการดูแลที่ดีต่อจากนี้ ส่วนเรื่องของหนุ่มสาว ก็ปล่อยให้ความใกล้ชิดทำงาน ให้เด็กทั้งสองคนเรียนรู้กันและกัน เพื่อวันหนึ่ง ความรักจะได้เบ่งบานในหัวใจ และวันนั้น เขาคงมองลงมาจากที่ไกลๆ อย่างมีความสุขที่สุด
ในรถยนต์คันหรูที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ธารารินนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ ทอดสายตามองไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายราวกับคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด แต่ภวังค์นั้นก็ถูกขัดด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือของเขา..ว่าที่สามีของเธอ
“ครับ”
“คุณปั้นหายไปไหนคะ รัตน์โทรหาคุณตั้งแต่เมื่อวาน แต่คุณไม่รับสายรัตน์เลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
เสียงที่เล็ดลอดออกมาทำให้ว่าที่เจ้าสาวลอบเบะปาก ขนาดกำลังจะพาเธอไปลองชุดแต่งงาน ผู้หญิงของเขายังโทรเข้ามาออดอ้อนกันเสียงหวาน ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าต้องใช้ห้องนอนร่วมกันทุกวัน จะได้ยินเขาคุยกับผู้หญิงคืนละกี่คน
“ผมมีธุระ”
“ไม่เห็นคุณปั้นแจ้งรัตน์ไว้ วันนี้เข้าออฟฟิศหรือเปล่าคะ”
“มีงานด่วนอะไรหรือเปล่า ผมขับรถอยู่ แต่จะไปทำธุระ”
กนกรัตน์นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ปกติไม่ว่าเขาจะไปไหน แม้แต่ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ถ้าเธอถาม เขายังยอมบอกเธอ แต่นี่กลับตอบแค่ว่าไปธุระ มันดูมีลับลมคมในแปลกๆ
“มีค่ะ คุณไม่เข้าออฟฟิศมาสองวันแล้ว มีเอกสารการเงินด่วนค้างอยู่บนโต๊ะคุณค่ะ”
“งั้นผมจะแวะเข้าไปก่อน คุณช่วยแยกแฟ้มงานด่วนไว้ให้ผมทีนะ ผมใกล้ถึงแล้ว”
เขากดวางสายแล้วเหลือบสายตามามองปฏิกิริยาของว่าที่เจ้าสาวคนสวย แต่ก็เห็นเพียงใบหน้าเรียบเฉยราวกับตุ๊กตาปั้นไร้ชีวิต
“ผมขอแวะเข้าไปเซ็นงานด่วนแป๊บนึงนะครับ คุณรีบหรือเปล่า”
“ตามสบายค่ะ วันนี้ฉันไม่เข้าออฟฟิศแล้ว มีนัดกับเพื่อนต่อ”
“ให้ผมไปส่งที่ไหน”
“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวเพื่อนฉันมารับที่ร้าน เราแยกกันหลังลองชุดเสร็จเลยแล้วกันค่ะ”
“เพื่อนคนไหน ผมถามได้ไหม”
“คุณถามมาแล้วค่ะ เพื่อนฉัน คุณไม่รู้จักหรอก”
“แล้วทำไมไม่แนะนำให้ผมรู้จักบ้างล่ะ”
“ยังไม่สะดวกค่ะ”
“หึ เพื่อนผู้ชาย?”
“ค่ะ”
กรามแกร่งขบกันแน่น มือกำพวงมาลัยรถยนต์ก่อนหักเลี้ยวเข้าโรงแรมหกดาวในเครือของอธิพัฒน์โภคินทันที
“คุณ นี่มันโรงแรมนี่”
“ครับ โรงแรม”
“แล้วคุณพาฉันมาที่นี่ทำไม ไหนว่าจะไปเซ็นงานด่วนไง”
“ก็ออฟฟิศผมอยู่ที่นี่ คุณลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าสามีคุณทำธุรกิจอะไร”
“ว่าที่สามีค่ะ”
“เดี๋ยวก็เป็นสามี มันยาว ขี้เกียจพูด”
ผู้บริหารหนุ่มรูปหล่อใช้มือโอบเอวบางของสาวสวยข้างกายแล้วพาเธอเดินเข้ามาในโรงแรมหรูท่ามกลางสายตาของพนักงานที่จับจ้องไปยังหนุ่มหล่อสาวสวยที่สมกันราวกิ่งทองใบหยก
“คุณ มากอดฉันทำไมเนี่ย เดินไม่ถนัด”
“ทำตัวให้ชินไว้ ผมชอบแบบนี้”
“แต่ฉันเดินไม่ถนัดนี่ คุณขายาว ฉันก้าวไม่ทัน”
“ผมก้าวช้าลงได้ แบบนี้โอเคยังครับ”
เธอขี้เกียจเถียงต่อเมื่อเขาพาเข้ามาในลิฟต์ระดับผู้บริหาร คิดว่าจะจบแค่นั้น จึงจะขยับตัวออกห่าง แต่เขากลับดึงเธอเข้ามาให้แนบชิดกว่าเดิมหน้าตาเฉย
“นี่คุณ ปล่อยสิ”
“ชู่ว์ อย่าโวยวายสิ เดี๋ยวเดินออกไปก็เจอพนักงานของผม คุณจะมาฉีกหน้าผมแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
“ฉันไม่ใช่อีหนูของคุณนะ ถึงจะได้มาเดินกอดกันเข้าไปในห้องทำงานของคุณ”
“คุณไม่ใช่อีหนูอยู่แล้ว คุณเป็นเมีย”
พูดจบก็โอบประคองพาเธอเดินผ่านหน้าเลขานุการสาวสวยและผู้ช่วยคนสนิทของเขาทั้งสองคนที่ลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“สวัสดีครับ คุณปั้น คุณน้ำริน”
ปัณจธรหยุดยืนหน้าพนักงานทั้งสามของเขา สบประสานสายตาที่เบิกกว้างของกนกรัตน์แล้วจึงลดมือที่โอบกอดเอวบางลงมาล้วงกระเป๋ากางเกงทันที
ท่าทางที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่มข้างกายทำเอาธารารินเหลือบมองปฏิกิริยาของเขาและสาวสวยตรงหน้าที่มองเธอและเขาอย่างอึ้งๆ
“สวัสดี นี่คุณน้ำรินนะ นั่นสาธิตกับประณต มือขวามือซ้ายของผม ส่วนนั่น กนกรัตน์ เลขาของผมครับ”
“สวัสดีครับ คุณน้ำริน”
“สวัสดีค่ะ”
“อืม รัตน์ เดี๋ยวขอน้ำส้มให้คุณน้ำรินด้วยนะ ของผมขอกาแฟเหมือนเดิม”
พูดจบก็ดันแผ่นหลังบอบบางของว่าที่ภรรยาเข้าไปในห้องทำงาน โดยไม่ได้หันกลับมาสนใจไยดีเลขาหน้าห้องผู้จงรักภักดีที่มองตามเขาและผู้หญิงอีกคนผ่านม่านน้ำตา
สาธิตกับประณตมองเลขาสาวที่เคยเป็นคนโปรดของเจ้านายแล้วก็ลอบถอนหายใจ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าอย่างไรเจ้านายของพวกเขาไม่มีทางเลือกเธอคนนี้ขึ้นมาเชิดหน้าชูตา แต่เหมือนว่าเจ้าตัวจะพยายามปิดหูปิดตาไม่รับรู้ในเรื่องนี้มาตลอด จนตอนนี้ ทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว
เจ้านายของพวกเขาหายเงียบไปสองวันเต็มๆ ไม่ยอมรับสายใคร แม้แต่คนสนิทที่ต้องคอยขับรถรับส่งอย่างพวกเขาสองคนก็ได้รับคำสั่งแค่เพียงว่า “มีธุระ ไม่ต้องมารับ”
ใครจะไปคิดว่าแค่สองวันที่เจ้านายหายเงียบไป จะกลับเข้าออฟฟิศมาอีกทีพร้อมกับลูกสาวคนสวยของเจ้าของที่ดินผืนงามที่เขาอยากได้ แถมท่าทางโอบประคองกันมานั้น คงไม่ใช่แค่คนซื้อขายที่ดินกันธรรมดาๆ แน่ๆ
“รัตน์ เป็นอะไรไหม”
สาธิตเรียกหญิงสาวที่ยืนมองไปยังประตูห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม เธอกะพริบตาไล่หยาดน้ำตาแล้วเช็ดมันออกจากแก้มอย่างรวดเร็ว แต่คนที่อยู่ตรงนี้ก็เห็นอยู่ดี
“ไม่เป็นค่ะ ผู้หญิงคนนี้ คือลูกสาวเจ้าของที่ดินที่คุณปั้นอยากได้ใช่ไหม”
“อืม”
“เธอมาทำไม”
“พี่จะไปรู้เหรอ เขาไปคุยกันตอนไหนพวกพี่สองคนยังไม่รู้เลย คุณปั้นหายไปสองวัน ติดต่อไม่ได้ พอกลับมาก็พาคุณน้ำรินมาด้วยแล้ว”
“รัตน์จะถามคุณปั้นให้รู้เรื่อง”
“พี่ว่ารัตน์อย่ายุ่งเรื่องของเจ้านายจะดีกว่า”
ประณต ผู้ที่เงียบขรึมและจริงจังเป็นนิจเอ่ยเตือนสติ เพราะการที่ได้ขึ้นเตียงกับเจ้านายและยังเป็นคนเดียวที่ได้อยู่บนเตียงกับเขา ไม่ได้ถูกเขี่ยทิ้งทั้งที่นอนด้วยกันมาหลายปี ทำให้เธอคนนี้สำคัญตัวเองผิดและลืมความเป็นจริงบางเรื่องไป
“รัตน์เป็นเมียคุณปั้น”
“พี่ว่ารัตน์ลืมข้อตกลงของคุณปั้นไปนะ ปกติคุณปั้นก็มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว พี่ไม่เห็นรัตน์จะเป็นแบบนี้เลย ถ้ายังอยากอยู่กับคุณปั้นแบบนี้ต่อไป พี่ว่ารัตน์อย่ายุ่งเรื่องของท่านดีกว่านะ”
กนกรัตน์กำมือแน่นจนตัวสั่น นับวันความอดทนของเธอมันยิ่งต่ำลงเรื่อยๆ จนหลายครั้งที่ทำให้ปัณจธรไม่พอใจในตัวเธอบ่อยๆ แต่ถ้าเธอไม่ทำอะไรเลย เธอจะต้องเสียเขาไปตลอดกาลแน่นอน
“คุณมานั่งรอผมตรงนี้ก่อน”เขาขยับเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานให้ แต่เธอกลับเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวมุมห้อง เล่นเอาคนตัวโตแค่นหัวเราะหยันตัวเองเบาๆ ก่อนปลดกระดุมเสื้อสูทแล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเองไม่นานจากนั้น กนกรัตน์ก็นำน้ำส้มไปเสิร์ฟให้กับผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าชนิดที่เธอเทียบไม่ติดฝุ่นแม้แต่จุดเดียว เธอเหลือบตาขึ้นมองผู้หญิงคนนั้น ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นก็มองสบตากับเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก“ขอบคุณค่ะ”หึ เย่อหยิ่งราวนางหงส์อย่างที่เธอได้ยินมาจริงๆ คอยดูเถอะ ถึงแม้จะสวยเพียงใด แต่คนอย่างปัณจธรไม่เคยใช้ผู้หญิงคนไหนนานๆ นอกจากเธอคนเดียวเท่านั้นที่เขาหลงใหล อีกไม่นานเกินรอ แม่นางหงส์ก็คงจะโดนเขาเขี่ยทิ้ง“ยินดีค่ะ”กนกรัตน์เชิดหน้าขึ้น ส่งยิ้มหยันให้กับผู้หญิงคนใหม่ของเขา แล้วเดินกลับไปเสิร์ฟกาแฟให้กับคนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างตั้งใจกิริยาที่เลขาของเขาแสดงออกมาต่อหน้าเธอ มันยืนยันได้อย่างชัดเจนเลยว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแน่นอน จึงลอบเบะปากอย่างนึกรังเกียจ ขนาดพนักงานของตัวเองยังไม่เว้น ถ้าเธอต้องแต่งงานกับเขาเพราะความรัก เธอคงหึงหวงเขาจนเป็
ปรมัตถ์ อริสา ปัณยตา และสุทธิรักษ์ เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยแล้วลอบหันมามองหน้ากัน รู้แล้วว่าเหตุใดทำให้คนอย่างปัณจธรที่ไม่เคยมีความรักให้ใคร รีบร้อนอยากแต่งงานกับลูกสาวเจ้าของที่ดินขนาดนี้ ทำอย่างกับว่าถ้าช้าอีกเพียงนาทีเดียว เจ้าหล่อนจะเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับคนอื่นอย่างไรอย่างนั้นก็ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าของพวกเขา เธอสวยงามไปทั้งตัวอย่างไร้ที่ติราวกับนางฟ้าก็ไม่ปาน ไม่ว่าจะพิศมองมุมไหนก็เพลินตา จนแทบไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลยจริงๆการเจรจาสู่ขอสำเร็จไปได้ด้วยดี เงินสินสอดทองหมั้นที่ฝ่ายชายเสนอให้ช่างสมน้ำสมเนื้อกับว่าที่เจ้าสาวคนสวยเป็นจำนวนหนึ่งร้อยล้านบาท“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวของเรานะจ๊ะ น้ำริน ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็คุยกับแม่และพี่หยาได้ คิดซะว่าแม่เป็นแม่แท้ๆ ของน้ำนะลูก”อริสาโอบกอดสาวสวยที่กำลังจะเข้ามาเป็นลูกสาวอีกคนของเธอด้วยความอบอุ่น อ้อมกอดจากแม่ที่เธอขาดหายไม่หลงเหลือในความทรงจำ วันนี้ได้รับการทดแทนจากผู้เป็นแม่ของว่าที่สามี มันอบอุ่นจนคนตัวบางน้ำตาซึม“ขอบคุณมากค่ะ คุณป้า”“ไม่เอาสิลูก เรียกพ่อกับแม่เถอะ อีกไม่กี่วันก็ต้องมาใช้นามสกุลเดียวกันแล้วนะ”“ค่ะ คุณแม
“อย่าหาว่าอาเร่งเลยนะปั้น อารู้สึกแย่ลงทุกวัน กลัวไม่ได้อยู่ในงานแต่งของเราสองคน”“พ่อคะ ไม่พูดแบบนี้สิคะ”“พ่อรู้ตัวเองดี ขอให้พ่อรีบจัดการเรื่องนี้ก่อนนะลูก”“พรุ่งนี้ผมจะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณน้ำอย่างเป็นทางการ คุณอาจะว่าอะไรไหมครับถ้าสถานที่ต้องเป็นที่นี่”“สบายมาก ไม่ต้องพิธีรีตอง แล้วปั้นคุยกับพ่อแม่หรือยัง”“เอ่อ ยังเลยครับ แต่คืนนี้ผมจะกลับไปคุย พ่อแม่ผมท่านไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เผลอๆ จะดีใจด้วยซ้ำที่ผมอยากแต่งงาน”อยากแต่งงาน..คำนี้ทำเอาว่าที่เจ้าสาวคนสวยหันมองหน้าเขา มันคงรู้สึกดีมากถ้าเธอกับเขาเป็นคนรักกัน และเขาแต่งงานกับเธอด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่เพื่อที่ดินผืนนั้นและมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าคนที่พูด ไม่ใช่เขา ผู้ชายเจ้าชู้มักมากที่ต่อให้แก่ตายก็คงไม่มีทางรู้จักคำว่า “พอ”“ปั้นโอเคจริงๆ เหรอ กับเรื่องสัญญา ไม่ต้องเกรงใจอา ถ้าไม่ไหวก็ถอนตัวได้ เพราะต่อให้ปั้นปฏิเสธ เดี๋ยวอาก็หาเหยื่อรายใหม่มารับดูแลเด็กดื้อของอาได้เอง อาจจะต้องติดสินบนนิดหน่อยกันล่ะนะ ถ้าไม่มีใครจริงๆ ก็คงต้องขอร้องเพื่อนรักของเขา เจ้าราเชนทร์ ให้มารับช่วงต่อดูแลกันไป ตอนนี้เขาเรียนอยู่เมืองนอก อากลัวว่ากว่าเขาจะกลับ
เสียงเคาะประตูห้องทำงานของ CEO สาวดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดเข้ามาโดยเลขานุการที่หอบดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่กับดอกทิวลิปสีชมพูหวานอีกหนึ่งช่อ นำมาให้เจ้านายสาวถึงที่โต๊ะ“วันนี้สองช่อค่ะคุณน้ำ”“ของใครอีกล่ะ”“คุณเทวา เจ้าเก่าเจ้าเดิม ส่วนดอกทิวลิปสีชมพูอ่อนนี่ของคุณราเชนทร์ค่ะ”“เชนเหรอ”“ใช่ค่ะ มีการ์ดด้วยนะคะ”เจ้าของห้องเปิดอ่านการ์ดของช่อกุหลาบสีขาวแล้วกำลังจะหอบเอาไปทิ้งเหมือนเดิม แต่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในห้องนี้ตามลำพังจึงเงยหน้าขึ้นมองแขกไม่ได้รับเชิญที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางห้องดวงตาคมกริบเรียบเฉยที่แปลความหมายไม่ออกจ้องเธอนิ่งนาน แต่คนตัวบางกลับไม่คิดจะสนใจ เธอยกช่อกุหลาบสีขาวขึ้นมาดมหน้าตาเฉยราวกับพิศวาสเจ้าของดอกไม้ช่อนี้เสียเต็มประดาจากนั้นจึงเปิดอ่านการ์ดของดอกทิวลิปช่องาม ซึ่งเป็นดอกไม้ช่อเดียวในช่วงนี้ที่เธอคิดจะเก็บเอาไว้ เพราะมันส่งมาจากเพื่อนผู้ชายที่แสนดีของเธอ“ผมกลับมาแล้วนะ คิดถึงน้ำมาก เดี๋ยวจัดการเรื่องที่บริษัทเสร็จแล้วจะเข้าไปหานะครับ”รอยยิ้มที่แต่งแต้มริมฝีปาก ทั้งดวงตาเป็นประกายวิบวับทำเอาปัณจธรกัดกรามกรอด เธอทิ้งดอกไม้ของเขาอย่างไม่ไยดี แต่กลับ
ตอนที่ 6 กระหายในชัยชนะ“น่าขยะแขยงที่สุด”“ตอนอยู่บนเตียงกับผม คุณไม่พูดแบบนี้แน่ น้ำริน”จมูกโด่งตรงเข้าคลอเคลียข้างแก้มใส เธอสะบัดหน้าหนีทันทีด้วยความตกใจ ทำให้ลำคอระหงหอมกรุ่นกลิ่นกายสาวผสมกับน้ำหอมราคาแพงลอยเด่นตรงหน้า เขาจึงฝังจมูกลงไปแทนแล้วกดจูบย้ำๆ สูดกลิ่นหอมหวานที่เขาหลงใหล“หยุดนะ”ไม่เพียงปลายเสียงเท่านั้นที่สั่น แต่ร่างกายบอบบางก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างจนน่าสงสาร แค่เขาคุกคามเธอนิดหน่อย คนเก่งของเขาก็ท่าจะเอาตัวไม่รอดเสียแล้ว“หึ ตัวสั่นเชียว กลัวผมเหรอครับ”เขาขยับใบหน้าออกมาจากซอกคอ เธอจึงสะบัดหน้ากลับมามองสบตากับเขาด้วยแววตาวาววับเอาเรื่อง แต่ดันได้รับรอยยิ้มมุมปากแสนมีเสน่ห์กลับไปแทน“บอกแล้วไง ว่าฉันขยะแขยง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะยกเลิกงานแต่งงานทุเรศๆ นี่”คนตัวโตยอมปล่อยข้อมือของเธอที่ตรึงไว้กับผนัง มือใหญ่ทั้งสองข้างยกขึ้นแบออกอย่างยอมแพ้ แต่ดวงตาคมกริบไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด“ยอมแล้วครับ”“หมดธุระก็กลับไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน”เธอเอ่ยไล่ว่าที่เจ้าบ่าวแบบไม่ถนอมน้ำใจ ซ้ำยังเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองหน้าตาเฉย ซึ่งคนตัวโตก็เดินตามไปนั่งที่เ
ธารารินเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแต่เช้าตรู่แล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย บนโต๊ะทำงานมีดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนช่อโตส่งกลิ่นหอมฟุ้งเช่นเดิมเธอเดินตรงดิ่งไปยังดอกไม้ช่อนั้น วางซองเอกสารสีน้ำตาลไว้ข้างๆ หยิบการ์ดใบสวยขึ้นมาดูก็เห็นข้อความของผู้ชายน่าขยะแขยงคนเดิมที่กำลังจะมาเป็นสามีของเธอในอีกไม่นานนี้“ผมดีใจนะครับ ที่จะได้แต่งงานกับคุณ สัญญาว่าจะดูแลคุณให้ดีที่สุด”CEO สาวแสนสวยเบะปาก เสียบการ์ดใบนั้นคืนที่เดิม แล้วหอบดอกไม้ช่อโตเดินตรงดิ่งไปยังถังขยะที่แม่บ้านยังไม่ยอมเพิ่มขนาดให้กับเธอเสียที ก่อนจะใช้เท้าเหยียบเพื่อเปิดฝาแล้วยัดช่อกุหลาบลงไปในถังใบนั้นให้มันเสนอหน้าชูช่อราวกับถังขยะใบน้อยเป็นแจกันทรงสวยเหมือนกับทุกวันดวงตาคมกริบเบิกกว้างด้วยความตกใจ มองแผ่นหลังบอบบางของว่าที่เจ้าสาวซึ่งกำลังยืนสะกดจิตช่อดอกไม้ของเขาในถังขยะอย่างอึ้งๆ ก่อนจะยกยิ้มขำที่มุมปากพร้อมพยักหน้าน้อยๆ ด้วยความชอบใจ เห็นทีหลังจากนี้เขาคงมีเรื่องสนุกท้าทายให้ทำอีกเยอะเลย“ผมเสียใจนะครับ น้ำริน ที่คุณทำกับดอกไม้ของผมแบบนี้”เสียงทุ้มที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง เจ้าของห้องสะดุ้งโหยงแล้วหันกลับไปมองยังต้นเสียง