เสียงเคาะประตูห้องทำงานของ CEO สาวดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดเข้ามาโดยเลขานุการที่หอบดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่กับดอกทิวลิปสีชมพูหวานอีกหนึ่งช่อ นำมาให้เจ้านายสาวถึงที่โต๊ะ
“วันนี้สองช่อค่ะคุณน้ำ”
“ของใครอีกล่ะ”
“คุณเทวา เจ้าเก่าเจ้าเดิม ส่วนดอกทิวลิปสีชมพูอ่อนนี่ของคุณราเชนทร์ค่ะ”
“เชนเหรอ”
“ใช่ค่ะ มีการ์ดด้วยนะคะ”
เจ้าของห้องเปิดอ่านการ์ดของช่อกุหลาบสีขาวแล้วกำลังจะหอบเอาไปทิ้งเหมือนเดิม แต่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในห้องนี้ตามลำพังจึงเงยหน้าขึ้นมองแขกไม่ได้รับเชิญที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางห้อง
ดวงตาคมกริบเรียบเฉยที่แปลความหมายไม่ออกจ้องเธอนิ่งนาน แต่คนตัวบางกลับไม่คิดจะสนใจ เธอยกช่อกุหลาบสีขาวขึ้นมาดมหน้าตาเฉยราวกับพิศวาสเจ้าของดอกไม้ช่อนี้เสียเต็มประดา
จากนั้นจึงเปิดอ่านการ์ดของดอกทิวลิปช่องาม ซึ่งเป็นดอกไม้ช่อเดียวในช่วงนี้ที่เธอคิดจะเก็บเอาไว้ เพราะมันส่งมาจากเพื่อนผู้ชายที่แสนดีของเธอ
“ผมกลับมาแล้วนะ คิดถึงน้ำมาก เดี๋ยวจัดการเรื่องที่บริษัทเสร็จแล้วจะเข้าไปหานะครับ”
รอยยิ้มที่แต่งแต้มริมฝีปาก ทั้งดวงตาเป็นประกายวิบวับทำเอาปัณจธรกัดกรามกรอด เธอทิ้งดอกไม้ของเขาอย่างไม่ไยดี แต่กลับกอดและหอมดอกไม้ของว่าที่ชายชู้ทั้งสองคนต่อหน้าต่อตาว่าที่สามีอย่างเขา กล้าเหลือเกินที่ทำแบบนี้
ไหนคนของเขาบอกว่าเธอทั้งหยิ่งและเชิดใส่ผู้ชายทุกคนไง แต่ทำไมกลับดูมีท่าทีรับไมตรีจากผู้ชายทั้งสองคนนี้
คนหนึ่งคือคู่แข่งตลอดกาลของเขาอย่างนายเทวา ที่แข่งกันตั้งแต่เรื่องธุรกิจและเรื่องผู้หญิง และมักจะเป็นเขาที่ได้รับชัยชนะเสมอ
แต่อีกคนที่ชื่อราเชนทร์ เจ้าของช่อดอกทิวลิปสีชมพูอ่อนที่เธออ่านการ์ดแล้วยิ้มทั้งปากทั้งดวงตานั่น มันเป็นใคร เขาไม่เคยรู้จัก และไม่ได้มีข้อมูลอยู่ในประวัติที่ลูกน้องของเขาหามาให้
“ไม่ทิ้งเหรอครับ”
เขาก้าวขายาวๆ ไม่กี่ก้าว ก็มาหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของว่าที่ภรรยาผู้ซึ่งเนื้อหอมเหลือเกิน เพียงวันเดียวถ้ารวมเขา ก็ได้รับดอกไม้จากผู้ชายถึงสามช่อแล้ว
ที่จริงก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอเท่าไหร่ เพราะการแต่งงานทางธุรกิจที่ไม่ได้มีความรักเป็นองค์ประกอบหลักของคนแปลกหน้าสองคน มันก็คงจะเป็นเรื่องปกติที่เธอจะรู้สึกชอบผู้ชายคนอื่นมากกว่าว่าที่สามีอย่างเขา แต่มันอดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้ที่เธอทำเหมือนตั้งใจจะหยามน้ำหน้ากัน
“ทำไมต้องทิ้งคะ หมูหวาน เอาดอกกุหลาบของคุณเทวาไปใส่แจกัน แล้วมาไว้ที่ห้องพี่นะ ส่วนดอกทิวลิปของเชน เดี๋ยวพี่จะเอาไปใส่แจกันไว้ในห้องนอน”
“เอ่อ ค่ะ”
เลขาสาวร่างอวบส่งยิ้มแหย รู้ดีที่สุดว่าสิ่งที่เจ้านายสาวทำไปเป็นการแสดงที่จงใจกระตุกหนวดเสือตัวผู้ที่แสนสง่างามน่าเกรงขามตัวนี้
แม้จะรู้ว่าเจ้านายสาวของเธอก็เจ๋งพอตัว แต่ก็อดหวาดเสียวแทนไม่ได้ ว่าจะโดนเสือตัวผู้มันตะปบเอาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“เอาไปทิ้งเถอะครับ หมูหวาน”
ปัณจธรหอบดอกไม้สองช่อยัดใส่มือของเลขานุการสาวร่างอวบที่ส่งยิ้มแหยๆ ให้เขา แต่เจ้านายสาวตัวจริงของเธอกลับไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
“นี่คุณ ยุ่งอะไรด้วย ไม่ต้องทิ้งนะหมูหวาน ทำตามที่พี่สั่ง”
“เอ่อ ค่ะ คุณน้ำ”
“หมูหวาน ถ้าไม่อยากให้ผมลงโทษเจ้านายของคุณที่มีเสน่ห์มากจนมีแต่คนมารุมจีบ ก็ช่วยเอาดอกไม้สองช่อนี้ไปทิ้ง ให้เหมือนกับที่เจ้านายของคุณทิ้งดอกไม้ของผมเมื่อเช้าด้วยนะครับ”
“เอ่อ ค่ะ คุณปัณจธร”
“หมูหวาน..”
เจ้าของชื่อหมูหวานหันมองเจ้านายทั้งสองคนซ้ายทีขวาที รอยยิ้มแหยๆ นั่นแทบจะกลายเป็นเบะปากร้องไห้เพราะความกดดันอยู่แล้ว
“ถ้าผมต้องเอามันไปทิ้งเอง ผมไม่รับรองความปลอดภัยของเจ้านายคุณนะ ว่าจะออกจากห้องนี้ในสภาพไหน ผมเป็นคนขี้หวงเสียด้วยสิ”
“ได้ค่ะ หมูหวานจะเอาไปทิ้งเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“ยัยหมูหวาน..”
เลขาร่างอวบพร้อมดอกไม้สองช่อเดินแกมวิ่งออกจากห้องนี้ไปอย่างรวดเร็ว ไม่ยอมหันกลับมารับคำสั่งจากเจ้านายสาวอีกเลย เพราะไม่รู้ว่าผู้ชายเจ้าชู้และออกตัวว่าขี้หวงอย่างเขา จะทำอะไรเจ้านายของเธอบ้างถ้าหากเจ้านายของเธอยังจงใจปั่นประสาทเขาอยู่แบบนี้
“เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะครับ”
“ไม่หิวค่ะ”
“แต่ผมหิวแล้ว ถ้าไม่พาผมไปกินข้าว ในห้องนี้มีอะไรที่กินได้ ผมกินหมดนะ”
ชายหนุ่มเท้ามือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ แล้วโน้มหน้าเข้าไปหาเจ้าของห้องที่เอนหลังหนีใบหน้าหล่อเหลาของเขาแทบไม่ทัน
“ถ้ากินแฟ้มได้ก็กินเลยค่ะ”
“ไม่ใช่แฟ้มสิ ตัวนุ่มๆ หอมๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างหาก ที่จะโดนผมกิน”
“หื่น”
คนตัวบางลุกพรวดพราดสะพายกระเป๋าแบรนด์เนมใบสวย แล้วเดินนำเขาออกไปจากห้องนี้อย่างรวดเร็ว ชีวิตที่สงบสุขของเธอมันคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว
คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลมองลูกสาวคนเดียวกำลังปอกผลไม้ด้วยท่าทางทุลักทุเล เพราะลูกสาวที่ขาดแม่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรักและทะนุถนอมจากเขาและแม่บ้านเก่าแก่ที่ไม่เคยให้เธอหยิบจับอะไรแม้เพียงอย่างเดียว ทำให้เธอทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
“ไม่ต้องปอกหรอกลูก เดี๋ยวมีดบาด”
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ น้ำปอกได้ แค่มันไม่สวยแค่นั้นเอง อุ๊ย..”
เสียงร้องด้วยความตกใจทำเอาแขกที่เธอไม่อยากต้อนรับรีบวิ่งถลาเข้าไปจับมือเธอขึ้นมาดูในทันที
“มีดบาดเหรอ”
“ไม่เป็นไรซะหน่อย”
เธอจะดึงมือกลับมา แต่เขาขืนแรงเอาไว้ เพราะบาดแผลที่เห็นเพียงเล็กน้อยในตอนแรก มันมีเลือดไหลซึมออกมาเรื่อยๆ แล้ว
“เลือดไหล ไปทำแผลกันก่อน อย่าทำให้คุณอาเป็นห่วง”
“ค่ะ”
“น้ำ มีดบาดเหรอลูก”
“นิดหน่อยครับคุณอา เดี๋ยวผมพาคุณน้ำไปทำแผลเองครับ”
หนุ่มสาวพากันเดินออกจากห้องไปแล้ว คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงก็ถอนหายใจยาว
“เมือง ฉันคิดถูกหรือคิดผิดที่บังคับให้ลูกแต่งงาน ดูสิ แค่ปอกผลไม้ยังทำไม่เป็น เก่งแต่งานนอกบ้าน อยู่กับเขาจะมีปัญหาหรือเปล่านะ”
“คุณท่านอย่ากังวลไปเลยครับ ผมสืบประวัติคุณปัณจธรมาแล้ว เขาเป็นคนดี รักครอบครัว ถึงแม้จะมีสาวๆ เยอะ แต่ถ้าแต่งงานไปก็คงจะหยุดเหมือนกับพี่น้องของเขา คุณน้ำของเราทั้งสวยทั้งเก่ง เรื่องงานบ้านก็ให้เป็นหน้าที่แม่บ้านเถอะครับ อย่ากังวลเรื่องนี้เลย”
“เด็กสองคนไม่ได้รักกัน”
“ผมไม่คิดแบบนั้นนะครับ ผมรู้ว่าลึกๆ คุณท่านก็คิดแบบผม”
“หึหึ มันยังไง”
“ถ้าคุณปัณจธรคิดแค่จะเอาแต่ที่ดิน คงยอมถอยไปหาที่ดินผืนใหม่ที่ได้ง่ายกว่านี้แล้ว นี่ไม่มีสักข้อที่เขาได้เปรียบ จะได้ที่ดินนี้จริงๆ ก็ต้องแต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักไปตลอดชีวิต เพื่อแลกกับที่ดินแค่ 200 ไร่ ที่หาจากที่ไหนได้อีกตั้งเยอะ คนอย่างคุณปัณจธรไม่น่ายอมเสียเปรียบขนาดนั้นนะครับ และที่คุณท่านเขียนพินัยกรรมและเงื่อนไขโหดแบบนั้น ก็เพื่อจะประเมินด้วยนี่ครับ ว่าคุณปัณจธรรู้สึกแบบไหนกับคุณน้ำ และเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่”
“หึหึ สมกับที่เป็นคนสนิทของฉันจริงๆ ฉันคงอยู่ไม่ทันถึงเห็นหน้าหลาน คงต้องฝากนายด้วย ช่วยดูแลยัยน้ำต่อไป ให้เหมือนกับที่นายทำมาตลอดจะได้ไหม”
“คุณท่านไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมเห็นคุณน้ำมาตั้งแต่เด็ก ผมรักเธอเหมือนลูกสาวของผมคนหนึ่ง ไม่ต้องกลัวว่าผมจะทิ้งเธอ ผมจะอยู่คอยช่วยเหลือและดูเธอมีความสุขแทนคุณท่านเอง ไม่ต้องกังวลไปนะครับ”
“ขอบใจนายมากนะเมือง เดี๋ยวคงต้องรีบคุยเรื่องงานแต่งงาน เพราะฉันรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นทุกที ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
การสนทนาของชายวัยกลางคนทั้งสองถูกขัดขึ้นเมื่อคนที่เขาทั้งคู่เอ่ยถึงเปิดประตูกลับเข้ามาในห้อง
“เห็นไหมคะพ่อ แผลแค่นิดเดียวเอง น้ำปอกต่อดีกว่า”
“เดี๋ยวผมทำเองครับคุณน้ำ เชิญคุณน้ำกับคุณปัณจธรคุยธุระกับคุณท่านก่อนเถอะครับ”
“คุณมานั่งรอผมตรงนี้ก่อน”เขาขยับเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานให้ แต่เธอกลับเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวมุมห้อง เล่นเอาคนตัวโตแค่นหัวเราะหยันตัวเองเบาๆ ก่อนปลดกระดุมเสื้อสูทแล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเองไม่นานจากนั้น กนกรัตน์ก็นำน้ำส้มไปเสิร์ฟให้กับผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าชนิดที่เธอเทียบไม่ติดฝุ่นแม้แต่จุดเดียว เธอเหลือบตาขึ้นมองผู้หญิงคนนั้น ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นก็มองสบตากับเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก“ขอบคุณค่ะ”หึ เย่อหยิ่งราวนางหงส์อย่างที่เธอได้ยินมาจริงๆ คอยดูเถอะ ถึงแม้จะสวยเพียงใด แต่คนอย่างปัณจธรไม่เคยใช้ผู้หญิงคนไหนนานๆ นอกจากเธอคนเดียวเท่านั้นที่เขาหลงใหล อีกไม่นานเกินรอ แม่นางหงส์ก็คงจะโดนเขาเขี่ยทิ้ง“ยินดีค่ะ”กนกรัตน์เชิดหน้าขึ้น ส่งยิ้มหยันให้กับผู้หญิงคนใหม่ของเขา แล้วเดินกลับไปเสิร์ฟกาแฟให้กับคนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างตั้งใจกิริยาที่เลขาของเขาแสดงออกมาต่อหน้าเธอ มันยืนยันได้อย่างชัดเจนเลยว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแน่นอน จึงลอบเบะปากอย่างนึกรังเกียจ ขนาดพนักงานของตัวเองยังไม่เว้น ถ้าเธอต้องแต่งงานกับเขาเพราะความรัก เธอคงหึงหวงเขาจนเป็
ปรมัตถ์ อริสา ปัณยตา และสุทธิรักษ์ เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยแล้วลอบหันมามองหน้ากัน รู้แล้วว่าเหตุใดทำให้คนอย่างปัณจธรที่ไม่เคยมีความรักให้ใคร รีบร้อนอยากแต่งงานกับลูกสาวเจ้าของที่ดินขนาดนี้ ทำอย่างกับว่าถ้าช้าอีกเพียงนาทีเดียว เจ้าหล่อนจะเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับคนอื่นอย่างไรอย่างนั้นก็ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าของพวกเขา เธอสวยงามไปทั้งตัวอย่างไร้ที่ติราวกับนางฟ้าก็ไม่ปาน ไม่ว่าจะพิศมองมุมไหนก็เพลินตา จนแทบไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลยจริงๆการเจรจาสู่ขอสำเร็จไปได้ด้วยดี เงินสินสอดทองหมั้นที่ฝ่ายชายเสนอให้ช่างสมน้ำสมเนื้อกับว่าที่เจ้าสาวคนสวยเป็นจำนวนหนึ่งร้อยล้านบาท“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวของเรานะจ๊ะ น้ำริน ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็คุยกับแม่และพี่หยาได้ คิดซะว่าแม่เป็นแม่แท้ๆ ของน้ำนะลูก”อริสาโอบกอดสาวสวยที่กำลังจะเข้ามาเป็นลูกสาวอีกคนของเธอด้วยความอบอุ่น อ้อมกอดจากแม่ที่เธอขาดหายไม่หลงเหลือในความทรงจำ วันนี้ได้รับการทดแทนจากผู้เป็นแม่ของว่าที่สามี มันอบอุ่นจนคนตัวบางน้ำตาซึม“ขอบคุณมากค่ะ คุณป้า”“ไม่เอาสิลูก เรียกพ่อกับแม่เถอะ อีกไม่กี่วันก็ต้องมาใช้นามสกุลเดียวกันแล้วนะ”“ค่ะ คุณแม
“อย่าหาว่าอาเร่งเลยนะปั้น อารู้สึกแย่ลงทุกวัน กลัวไม่ได้อยู่ในงานแต่งของเราสองคน”“พ่อคะ ไม่พูดแบบนี้สิคะ”“พ่อรู้ตัวเองดี ขอให้พ่อรีบจัดการเรื่องนี้ก่อนนะลูก”“พรุ่งนี้ผมจะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณน้ำอย่างเป็นทางการ คุณอาจะว่าอะไรไหมครับถ้าสถานที่ต้องเป็นที่นี่”“สบายมาก ไม่ต้องพิธีรีตอง แล้วปั้นคุยกับพ่อแม่หรือยัง”“เอ่อ ยังเลยครับ แต่คืนนี้ผมจะกลับไปคุย พ่อแม่ผมท่านไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เผลอๆ จะดีใจด้วยซ้ำที่ผมอยากแต่งงาน”อยากแต่งงาน..คำนี้ทำเอาว่าที่เจ้าสาวคนสวยหันมองหน้าเขา มันคงรู้สึกดีมากถ้าเธอกับเขาเป็นคนรักกัน และเขาแต่งงานกับเธอด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่เพื่อที่ดินผืนนั้นและมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าคนที่พูด ไม่ใช่เขา ผู้ชายเจ้าชู้มักมากที่ต่อให้แก่ตายก็คงไม่มีทางรู้จักคำว่า “พอ”“ปั้นโอเคจริงๆ เหรอ กับเรื่องสัญญา ไม่ต้องเกรงใจอา ถ้าไม่ไหวก็ถอนตัวได้ เพราะต่อให้ปั้นปฏิเสธ เดี๋ยวอาก็หาเหยื่อรายใหม่มารับดูแลเด็กดื้อของอาได้เอง อาจจะต้องติดสินบนนิดหน่อยกันล่ะนะ ถ้าไม่มีใครจริงๆ ก็คงต้องขอร้องเพื่อนรักของเขา เจ้าราเชนทร์ ให้มารับช่วงต่อดูแลกันไป ตอนนี้เขาเรียนอยู่เมืองนอก อากลัวว่ากว่าเขาจะกลับ
เสียงเคาะประตูห้องทำงานของ CEO สาวดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดเข้ามาโดยเลขานุการที่หอบดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่กับดอกทิวลิปสีชมพูหวานอีกหนึ่งช่อ นำมาให้เจ้านายสาวถึงที่โต๊ะ“วันนี้สองช่อค่ะคุณน้ำ”“ของใครอีกล่ะ”“คุณเทวา เจ้าเก่าเจ้าเดิม ส่วนดอกทิวลิปสีชมพูอ่อนนี่ของคุณราเชนทร์ค่ะ”“เชนเหรอ”“ใช่ค่ะ มีการ์ดด้วยนะคะ”เจ้าของห้องเปิดอ่านการ์ดของช่อกุหลาบสีขาวแล้วกำลังจะหอบเอาไปทิ้งเหมือนเดิม แต่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในห้องนี้ตามลำพังจึงเงยหน้าขึ้นมองแขกไม่ได้รับเชิญที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางห้องดวงตาคมกริบเรียบเฉยที่แปลความหมายไม่ออกจ้องเธอนิ่งนาน แต่คนตัวบางกลับไม่คิดจะสนใจ เธอยกช่อกุหลาบสีขาวขึ้นมาดมหน้าตาเฉยราวกับพิศวาสเจ้าของดอกไม้ช่อนี้เสียเต็มประดาจากนั้นจึงเปิดอ่านการ์ดของดอกทิวลิปช่องาม ซึ่งเป็นดอกไม้ช่อเดียวในช่วงนี้ที่เธอคิดจะเก็บเอาไว้ เพราะมันส่งมาจากเพื่อนผู้ชายที่แสนดีของเธอ“ผมกลับมาแล้วนะ คิดถึงน้ำมาก เดี๋ยวจัดการเรื่องที่บริษัทเสร็จแล้วจะเข้าไปหานะครับ”รอยยิ้มที่แต่งแต้มริมฝีปาก ทั้งดวงตาเป็นประกายวิบวับทำเอาปัณจธรกัดกรามกรอด เธอทิ้งดอกไม้ของเขาอย่างไม่ไยดี แต่กลับ
ตอนที่ 6 กระหายในชัยชนะ“น่าขยะแขยงที่สุด”“ตอนอยู่บนเตียงกับผม คุณไม่พูดแบบนี้แน่ น้ำริน”จมูกโด่งตรงเข้าคลอเคลียข้างแก้มใส เธอสะบัดหน้าหนีทันทีด้วยความตกใจ ทำให้ลำคอระหงหอมกรุ่นกลิ่นกายสาวผสมกับน้ำหอมราคาแพงลอยเด่นตรงหน้า เขาจึงฝังจมูกลงไปแทนแล้วกดจูบย้ำๆ สูดกลิ่นหอมหวานที่เขาหลงใหล“หยุดนะ”ไม่เพียงปลายเสียงเท่านั้นที่สั่น แต่ร่างกายบอบบางก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างจนน่าสงสาร แค่เขาคุกคามเธอนิดหน่อย คนเก่งของเขาก็ท่าจะเอาตัวไม่รอดเสียแล้ว“หึ ตัวสั่นเชียว กลัวผมเหรอครับ”เขาขยับใบหน้าออกมาจากซอกคอ เธอจึงสะบัดหน้ากลับมามองสบตากับเขาด้วยแววตาวาววับเอาเรื่อง แต่ดันได้รับรอยยิ้มมุมปากแสนมีเสน่ห์กลับไปแทน“บอกแล้วไง ว่าฉันขยะแขยง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะยกเลิกงานแต่งงานทุเรศๆ นี่”คนตัวโตยอมปล่อยข้อมือของเธอที่ตรึงไว้กับผนัง มือใหญ่ทั้งสองข้างยกขึ้นแบออกอย่างยอมแพ้ แต่ดวงตาคมกริบไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด“ยอมแล้วครับ”“หมดธุระก็กลับไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน”เธอเอ่ยไล่ว่าที่เจ้าบ่าวแบบไม่ถนอมน้ำใจ ซ้ำยังเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองหน้าตาเฉย ซึ่งคนตัวโตก็เดินตามไปนั่งที่เ
ธารารินเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแต่เช้าตรู่แล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย บนโต๊ะทำงานมีดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนช่อโตส่งกลิ่นหอมฟุ้งเช่นเดิมเธอเดินตรงดิ่งไปยังดอกไม้ช่อนั้น วางซองเอกสารสีน้ำตาลไว้ข้างๆ หยิบการ์ดใบสวยขึ้นมาดูก็เห็นข้อความของผู้ชายน่าขยะแขยงคนเดิมที่กำลังจะมาเป็นสามีของเธอในอีกไม่นานนี้“ผมดีใจนะครับ ที่จะได้แต่งงานกับคุณ สัญญาว่าจะดูแลคุณให้ดีที่สุด”CEO สาวแสนสวยเบะปาก เสียบการ์ดใบนั้นคืนที่เดิม แล้วหอบดอกไม้ช่อโตเดินตรงดิ่งไปยังถังขยะที่แม่บ้านยังไม่ยอมเพิ่มขนาดให้กับเธอเสียที ก่อนจะใช้เท้าเหยียบเพื่อเปิดฝาแล้วยัดช่อกุหลาบลงไปในถังใบนั้นให้มันเสนอหน้าชูช่อราวกับถังขยะใบน้อยเป็นแจกันทรงสวยเหมือนกับทุกวันดวงตาคมกริบเบิกกว้างด้วยความตกใจ มองแผ่นหลังบอบบางของว่าที่เจ้าสาวซึ่งกำลังยืนสะกดจิตช่อดอกไม้ของเขาในถังขยะอย่างอึ้งๆ ก่อนจะยกยิ้มขำที่มุมปากพร้อมพยักหน้าน้อยๆ ด้วยความชอบใจ เห็นทีหลังจากนี้เขาคงมีเรื่องสนุกท้าทายให้ทำอีกเยอะเลย“ผมเสียใจนะครับ น้ำริน ที่คุณทำกับดอกไม้ของผมแบบนี้”เสียงทุ้มที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง เจ้าของห้องสะดุ้งโหยงแล้วหันกลับไปมองยังต้นเสียง