“น่าขยะแขยงที่สุด”
“ตอนอยู่บนเตียงกับผม คุณไม่พูดแบบนี้แน่ น้ำริน”
จมูกโด่งตรงเข้าคลอเคลียข้างแก้มใส เธอสะบัดหน้าหนีทันทีด้วยความตกใจ ทำให้ลำคอระหงหอมกรุ่นกลิ่นกายสาวผสมกับน้ำหอมราคาแพงลอยเด่นตรงหน้า เขาจึงฝังจมูกลงไปแทนแล้วกดจูบย้ำๆ สูดกลิ่นหอมหวานที่เขาหลงใหล
“หยุดนะ”
ไม่เพียงปลายเสียงเท่านั้นที่สั่น แต่ร่างกายบอบบางก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างจนน่าสงสาร แค่เขาคุกคามเธอนิดหน่อย คนเก่งของเขาก็ท่าจะเอาตัวไม่รอดเสียแล้ว
“หึ ตัวสั่นเชียว กลัวผมเหรอครับ”
เขาขยับใบหน้าออกมาจากซอกคอ เธอจึงสะบัดหน้ากลับมามองสบตากับเขาด้วยแววตาวาววับเอาเรื่อง แต่ดันได้รับรอยยิ้มมุมปากแสนมีเสน่ห์กลับไปแทน
“บอกแล้วไง ว่าฉันขยะแขยง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะยกเลิกงานแต่งงานทุเรศๆ นี่”
คนตัวโตยอมปล่อยข้อมือของเธอที่ตรึงไว้กับผนัง มือใหญ่ทั้งสองข้างยกขึ้นแบออกอย่างยอมแพ้ แต่ดวงตาคมกริบไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด
“ยอมแล้วครับ”
“หมดธุระก็กลับไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน”
เธอเอ่ยไล่ว่าที่เจ้าบ่าวแบบไม่ถนอมน้ำใจ ซ้ำยังเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองหน้าตาเฉย ซึ่งคนตัวโตก็เดินตามไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอหน้าตาเฉยเช่นกัน
“นี่คุณ มานั่งทำไม ทำไมยังไม่กลับไปอีก”
“ผมยังไม่หมดธุระ คุณเมืองบอกให้ผมมาเซ็นสัญญากับคุณ”
เกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้เธอมีภารกิจอะไร เพราะเมืองย้ำหนักหนาให้ตามเขามาเซ็นสัญญาให้ได้เร็วที่สุด ไม่รู้จะรีบอะไรกันขนาดนั้น
“อยู่ในซองนี่ อ่านให้ละเอียดอีกรอบ เผื่อคุณจะเปลี่ยนใจ”
เขาเปิดซองเอกสารออกมาอ่านอีกครั้ง เนื้อความในสัญญาเหมือนเดิมกับฉบับเมื่อคืนที่เมืองส่งมาให้ จึงตวัดปลายปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงไปในสัญญาทั้งสองฉบับที่มีพยานลงนามไว้เรียบร้อยแล้ว
“ผมไม่เปลี่ยนใจ เซ็นชื่อคุณสิครับ”
เธอมองหน้าเขาแล้วเลื่อนสายตาไปมองรูปถ่ายของเธอกับพ่อที่มุมด้านหนึ่งของโต๊ะทำงาน ก่อนตัดสินใจเซ็นชื่อตัวเองลงไปในสัญญาทั้งสองฉบับทันทีเช่นกัน
“เก็บไว้คนละฉบับค่ะ”
“ขอบคุณครับ เรื่องงานแต่ง ผมจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณอย่างเป็นทางการอีกครั้ง คุณอยากจะแต่งช่วงไหนดีครับ ผมได้ตลอดนะ”
“ไม่อยากแต่งค่ะ”
“หึหึ รู้แล้วครับว่าไม่ได้อยากแต่ง แต่ยังไงเราก็ต้องแต่งกันอยู่ดี และผมว่าเราควรจัดงานกันให้เร็วที่สุด พ่อของคุณจะได้สบายใจด้วย ท่านน่าจะมีความสุขมากนะ ถ้าได้อยู่ในงานแต่งของเรา ได้เห็นคุณใส่ชุดเจ้าสาว”
ขนาดเขาเองยังอยากที่จะเห็นเธอในชุดเจ้าสาวแล้ว อยากรู้ว่าเธอจะสวยงามเพียงไหน
“งั้นคุณอยากทำอะไรก็ทำแล้วกัน”
“เดี๋ยววันนี้ผมไปเยี่ยมท่าน จะปรึกษาเรื่องนี้เลย เรื่องงานแต่งผมจัดการเอง คุณรอเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดของผมก็พอ”
“ค่ะ แต่แต่งงานแล้วฉันไม่ไปไหนนะ ฉันจะอยู่ที่บ้านของพ่อ คุณก็อยู่บ้านของคุณไปแล้วกัน ใช้ชีวิตเหมือนเดิม อยากทำอะไรก็ทำ อยากนอนกับใครก็นอน แต่อย่ามายุ่งกับฉัน”
“หึหึ คุณกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับน้ำริน เราไม่ได้แกล้งแต่งงานกันในนามเหมือนในละครนะ เราแต่งงานกันจริงๆ ถึงแม้จะไม่ได้มีความรัก แต่เราต้องอยู่ด้วยกัน ผมไปอยู่บ้านคุณก็ได้ เพราะเราต้องดูแลพ่อของคุณ”
“งั้นฉันจะให้แม่บ้านจัดห้องไว้ให้คุณหนึ่งห้องแล้วกัน แต่ห้ามพาผู้หญิงของคุณมานอนที่บ้านฉัน”
“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นครับ ผมจะนอนห้องเดียวกับคุณ”
“นี่คุณ จะบ้าหรือเปล่า เราไม่ได้เป็นแฟนกันนะ”
ปัณจธรหลุดขำพรืด ท่าทางเธอจะดูละครมากไป
“น้ำรินครับ เราไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เรากำลังจะเป็นผัวเมียกัน ผัวเมียที่ไหนเขาก็ต้องนอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกันทั้งนั้น แล้วอย่าคิดจะไล่ผมลงไปนอนที่พื้นหรือโซฟาเหมือนในละครนะ ผมไม่ทำให้ชีวิตผมลำบากแบบนั้นหรอก แล้วถ้าพ่อคุณรู้ว่าคุณพยายามจะไล่ผมไปนอนที่อื่น ท่านคงไม่สบายใจ”
เธอตวัดสายตามองเขาอย่างเอาเรื่อง อะไรก็เอาพ่อเธอมาขู่
“ก็บอกคุณไปแล้วไง ว่าฉันจะไม่ให้ความร่วมมือกับคุณ ต่อให้คุณแต่งงานกับฉัน ฉันก็จะไม่นอนกับคุณ ไม่ยอมมีลูก ที่ดินผืนนั้นจะไม่มีวันเปลี่ยนเป็นชื่อคุณ ไม่ว่าคุณจะทนอยู่กับฉันอีกสักกี่ปีรีสอร์ตมันก็ยังเป็นของฉัน เพราะฉะนั้น ถอนตัวไปแล้วล้มเลิกการลงทุนที่เสียเปล่านี่ไปซะเถอะ”
เขารู้อยู่แล้ว ไม่ว่าทางไหนเขาก็เสียเปรียบเธอ เผลอๆ อยู่กันไปเกิดอึดอัดใจจนไปต่อไม่ได้ก่อนที่จะมีลูก เขาอาจเสียเงินมหาศาลในการก่อสร้างรีสอร์ตนั้นไปฟรีๆ ก็ได้ แต่เขาว่าเขามีวิธี ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นของเขาตามพินัยกรรม
“ไม่ทันแล้วครับ ผมเซ็นสัญญากับคุณไปแล้ว”
“ฉันฉีกทิ้งได้”
เธอหยิบสัญญาแผ่นนั้นขึ้นมา กำลังจะฉีกทิ้งต่อหน้าเขา แต่กลับต้องชะงักเมื่อเขาไม่ยอม
“หยุด อย่าแม้แต่จะคิด ถ้าคุณฉีกสัญญานั้นทิ้ง ผมจะเข้าหอกับคุณวันนี้ ตอนนี้ บนโต๊ะทำงานตัวนี้เลย”
ดวงตาคมกริบวาบขึ้นราวกับมีกองไฟอยู่ในนั้น ใบหน้าหล่อเหลามองเธอนิ่งๆ แต่มันกลับทำเอาเธอขนลุกซู่ไปทั้งร่าง
ตอนนี้เธอยังไม่ทันได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ และคนอย่างเขาทำอะไรได้บ้าง เพราะฉะนั้น การไม่ลองดีกับเขาในตอนนี้น่าจะปลอดภัยที่สุด
“ฉันขอเตือน อย่ามาแตะต้องตัวฉันเด็ดขาด”
“คุณว่าผมจะเชื่อคุณไหม”
“นี่คุณ..”
“หึหึ ไปลุ้นเอาเองดีกว่าครับ ปกติผมเองถึงแม้จะชอบเอาชนะ แต่ผมก็ไม่นิยมใช้กำลังข่มขืนผู้หญิงซะด้วยสิ ถ้าต้องนอนกับคนที่ไม่เต็มใจแล้วนอนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ก็คงไม่สนุก ไม่เป็นไรครับ เรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน ผมรอคุณเต็มใจนอนกับผมได้”
“ไม่มีวันนั้น ฉันไม่มีวันเต็มใจนอนกับคุณ เพราะฉะนั้น แยกเตียง แยกห้อง หรือแยกบ้านไปเสียแต่ตอนนี้ดีกว่า”
“นอนของผม กับนอนของคุณ ความหมายอาจต่างกัน นอนของผมคือ..ผมนอนอยู่บนตัวคุณนะ”
“ลามก”
แก้มใสแดงปลั่งทันตา เขากับเธอถึงแม้กำลังจะแต่งงานกัน แต่ไม่เคยพูดคุยหรือคบหากันมาก่อนไม่ว่าจะในสถานะใดก็ตาม อยู่ๆ ก็จะมาเป็นสามีภรรยากันเลย แถมยังโดนเขาพูดจาลามกใส่หลายรอบ เธอคงตั้งตัวไม่ทัน แต่ท่าทางเชิดๆ หยิ่งๆ แก้มแดงๆ เพราะความเขินของเธอ มันน่ารักชะมัด
“ก็ผมเป็นผู้ชาย แล้วคุณก็สวย..”
“ผู้หญิงของคุณก็สวย และพวกเธอก็เต็มใจนอนกับคุณ เพราะฉะนั้น เราต่างคนต่างอยู่”
“นี่คุณไม่คิดจะห้ามไม่ให้สามีของตัวเองไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นหน่อยเหรอ”
“ไม่ค่ะ คุณอยากมีใครอีกสักกี่คนนั่นมันเรื่องของคุณ แค่คุณและผู้หญิงพวกนั้นอย่ามายุ่งกับฉันก็พอ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“อืม เดี๋ยวอยู่ๆ กันไป คุณก็หึงหวงผมเอง ผมมั่นใจ”
“คุณอาจเป็นฝ่ายหึงหวงฉันก็ได้ แต่อย่ามาวุ่นวายล่ะ ฉันขี้รำคาญ”
ปัณจธรแค่นยิ้มขำ เขาไม่เคยเข้าหาผู้หญิงคนไหน ไม่เคยตามจีบหรือตามตื๊อใคร เพราะฉะนั้น ผู้หญิงแบบเธอ เขาไม่เคยเจอ เห็นทีว่าการแต่งงานครั้งนี้มันคงไม่จืดชืดไร้รสชาติอย่างที่เขาเคยคิดเสียแล้ว
“แต่ผมไม่ได้ใจกว้างแบบคุณนะครับ ผมไม่ยอมให้คุณยุ่งกับใครทั้งนั้น ถ้าต้องการอะไรให้สะกิดผม ผมจะทำให้คุณทุกอย่าง แต่ถ้าผมรู้ว่าคุณมีคนอื่น เตรียมตัวบอกลาผู้ชายคนนั้นได้เลย”
“จะเก็บฉันเหรอ”
“เก็บแน่ แต่อาจจะเก็บคุณไว้แค่บนเตียง ไม่ให้ลงไปเจอใครอีก”
“คุณนี่ท่าจะบ้าจริงๆ เสร็จธุระแล้วก็กลับไปสิ”
“วันนี้ผมไม่กลับครับ ผมไม่เข้าออฟฟิศ ตั้งใจมาพาคุณไปกินข้าวกลางวัน แล้วเราไปเยี่ยมพ่อคุณกันต่อ จะได้ไปคุยเรื่องงานแต่งงานของเราด้วย งานคุณไม่ยุ่งใช่ไหม”
“ยุ่งสิ ฉันไม่ได้ว่างงานเหมือนคุณนะ”
คนงานยุ่งแต่บนโต๊ะกลับไม่มีแฟ้มงานใดวางอยู่สักแฟ้ม ต่างจากเขาที่เธอค่อนขอดว่าว่างงาน แต่เขากลับเลือกที่จะทิ้งแฟ้มกองโตมาหาเธอก่อน เรื่องงานเอาไว้ทีหลัง
“งั้นคุณก็รีบทำสิครับ ตอนนี้งานมันไม่ได้สำคัญไปกว่าความสบายใจของพ่อคุณแล้วนะ”
“รู้แล้วค่ะ ไปนั่งที่โซฟาสิคะ มานั่งจ้องฉันทำไม แบบนี้ฉันไม่มีสมาธิ”
“โอเคครับ”
เดี๋ยวเขาจะหาว่าเธอแล้งน้ำใจ จึงโทรสั่งให้เลขานุการหน้าห้องที่เพิ่งกลับมาจากทำธุระให้เธอนำกาแฟและของว่างมาเสิร์ฟให้เขา จากนั้นจึงเรียกแฟ้มงานสำคัญเข้ามาเซ็น แล้วจึงใช้เวลาที่เหลือนั่งออกแบบชุดเครื่องเพชรสำหรับส่งประกวดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ปัณจธรนั่งมองว่าที่ภรรยาของตัวเองนิ่งนาน น่าแปลกที่ปกติถ้าไม่ใช่คนที่สนิทสนมกันมานาน เขามักจะเงียบขรึมและสงวนคำพูด นึกขำตัวเองเหมือนกัน วันนี้วันเดียวเขาพูดมากกว่าวันปกติถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำ แถมยังกวนประสาทเธอไปตั้งเยอะ
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้คุณหนูน้ำรินคนสวยน่าแกล้งขนาดนี้ เขาชอบตอนที่ดวงตากลมโตมองเขาอย่างเอาเรื่อง ชอบตอนที่ริมฝีปากอวบอิ่มเถียงเขาฉอดๆ และชอบตอนที่ใบหน้าสวยงามเชิดสูงอย่างเย่อหยิ่งราวนางหงส์นั่นที่สุด
มันกระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าผู้ที่ต้องอยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ทำให้ผู้ที่แพ้ไม่เป็นอย่างเขาตื่นตัวจนหัวใจเต้นรัวทุกครั้งที่อยู่ใกล้เรือนกายบอบบางหอมกรุ่น และมันกระตุ้นให้เขากลับมากระหายในชัยชนะอีกครั้ง
“คุณมานั่งรอผมตรงนี้ก่อน”เขาขยับเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานให้ แต่เธอกลับเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวมุมห้อง เล่นเอาคนตัวโตแค่นหัวเราะหยันตัวเองเบาๆ ก่อนปลดกระดุมเสื้อสูทแล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเองไม่นานจากนั้น กนกรัตน์ก็นำน้ำส้มไปเสิร์ฟให้กับผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าชนิดที่เธอเทียบไม่ติดฝุ่นแม้แต่จุดเดียว เธอเหลือบตาขึ้นมองผู้หญิงคนนั้น ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นก็มองสบตากับเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก“ขอบคุณค่ะ”หึ เย่อหยิ่งราวนางหงส์อย่างที่เธอได้ยินมาจริงๆ คอยดูเถอะ ถึงแม้จะสวยเพียงใด แต่คนอย่างปัณจธรไม่เคยใช้ผู้หญิงคนไหนนานๆ นอกจากเธอคนเดียวเท่านั้นที่เขาหลงใหล อีกไม่นานเกินรอ แม่นางหงส์ก็คงจะโดนเขาเขี่ยทิ้ง“ยินดีค่ะ”กนกรัตน์เชิดหน้าขึ้น ส่งยิ้มหยันให้กับผู้หญิงคนใหม่ของเขา แล้วเดินกลับไปเสิร์ฟกาแฟให้กับคนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างตั้งใจกิริยาที่เลขาของเขาแสดงออกมาต่อหน้าเธอ มันยืนยันได้อย่างชัดเจนเลยว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแน่นอน จึงลอบเบะปากอย่างนึกรังเกียจ ขนาดพนักงานของตัวเองยังไม่เว้น ถ้าเธอต้องแต่งงานกับเขาเพราะความรัก เธอคงหึงหวงเขาจนเป็
ปรมัตถ์ อริสา ปัณยตา และสุทธิรักษ์ เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยแล้วลอบหันมามองหน้ากัน รู้แล้วว่าเหตุใดทำให้คนอย่างปัณจธรที่ไม่เคยมีความรักให้ใคร รีบร้อนอยากแต่งงานกับลูกสาวเจ้าของที่ดินขนาดนี้ ทำอย่างกับว่าถ้าช้าอีกเพียงนาทีเดียว เจ้าหล่อนจะเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับคนอื่นอย่างไรอย่างนั้นก็ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าของพวกเขา เธอสวยงามไปทั้งตัวอย่างไร้ที่ติราวกับนางฟ้าก็ไม่ปาน ไม่ว่าจะพิศมองมุมไหนก็เพลินตา จนแทบไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลยจริงๆการเจรจาสู่ขอสำเร็จไปได้ด้วยดี เงินสินสอดทองหมั้นที่ฝ่ายชายเสนอให้ช่างสมน้ำสมเนื้อกับว่าที่เจ้าสาวคนสวยเป็นจำนวนหนึ่งร้อยล้านบาท“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวของเรานะจ๊ะ น้ำริน ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็คุยกับแม่และพี่หยาได้ คิดซะว่าแม่เป็นแม่แท้ๆ ของน้ำนะลูก”อริสาโอบกอดสาวสวยที่กำลังจะเข้ามาเป็นลูกสาวอีกคนของเธอด้วยความอบอุ่น อ้อมกอดจากแม่ที่เธอขาดหายไม่หลงเหลือในความทรงจำ วันนี้ได้รับการทดแทนจากผู้เป็นแม่ของว่าที่สามี มันอบอุ่นจนคนตัวบางน้ำตาซึม“ขอบคุณมากค่ะ คุณป้า”“ไม่เอาสิลูก เรียกพ่อกับแม่เถอะ อีกไม่กี่วันก็ต้องมาใช้นามสกุลเดียวกันแล้วนะ”“ค่ะ คุณแม
“อย่าหาว่าอาเร่งเลยนะปั้น อารู้สึกแย่ลงทุกวัน กลัวไม่ได้อยู่ในงานแต่งของเราสองคน”“พ่อคะ ไม่พูดแบบนี้สิคะ”“พ่อรู้ตัวเองดี ขอให้พ่อรีบจัดการเรื่องนี้ก่อนนะลูก”“พรุ่งนี้ผมจะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณน้ำอย่างเป็นทางการ คุณอาจะว่าอะไรไหมครับถ้าสถานที่ต้องเป็นที่นี่”“สบายมาก ไม่ต้องพิธีรีตอง แล้วปั้นคุยกับพ่อแม่หรือยัง”“เอ่อ ยังเลยครับ แต่คืนนี้ผมจะกลับไปคุย พ่อแม่ผมท่านไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เผลอๆ จะดีใจด้วยซ้ำที่ผมอยากแต่งงาน”อยากแต่งงาน..คำนี้ทำเอาว่าที่เจ้าสาวคนสวยหันมองหน้าเขา มันคงรู้สึกดีมากถ้าเธอกับเขาเป็นคนรักกัน และเขาแต่งงานกับเธอด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่เพื่อที่ดินผืนนั้นและมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าคนที่พูด ไม่ใช่เขา ผู้ชายเจ้าชู้มักมากที่ต่อให้แก่ตายก็คงไม่มีทางรู้จักคำว่า “พอ”“ปั้นโอเคจริงๆ เหรอ กับเรื่องสัญญา ไม่ต้องเกรงใจอา ถ้าไม่ไหวก็ถอนตัวได้ เพราะต่อให้ปั้นปฏิเสธ เดี๋ยวอาก็หาเหยื่อรายใหม่มารับดูแลเด็กดื้อของอาได้เอง อาจจะต้องติดสินบนนิดหน่อยกันล่ะนะ ถ้าไม่มีใครจริงๆ ก็คงต้องขอร้องเพื่อนรักของเขา เจ้าราเชนทร์ ให้มารับช่วงต่อดูแลกันไป ตอนนี้เขาเรียนอยู่เมืองนอก อากลัวว่ากว่าเขาจะกลับ
เสียงเคาะประตูห้องทำงานของ CEO สาวดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดเข้ามาโดยเลขานุการที่หอบดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่กับดอกทิวลิปสีชมพูหวานอีกหนึ่งช่อ นำมาให้เจ้านายสาวถึงที่โต๊ะ“วันนี้สองช่อค่ะคุณน้ำ”“ของใครอีกล่ะ”“คุณเทวา เจ้าเก่าเจ้าเดิม ส่วนดอกทิวลิปสีชมพูอ่อนนี่ของคุณราเชนทร์ค่ะ”“เชนเหรอ”“ใช่ค่ะ มีการ์ดด้วยนะคะ”เจ้าของห้องเปิดอ่านการ์ดของช่อกุหลาบสีขาวแล้วกำลังจะหอบเอาไปทิ้งเหมือนเดิม แต่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในห้องนี้ตามลำพังจึงเงยหน้าขึ้นมองแขกไม่ได้รับเชิญที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางห้องดวงตาคมกริบเรียบเฉยที่แปลความหมายไม่ออกจ้องเธอนิ่งนาน แต่คนตัวบางกลับไม่คิดจะสนใจ เธอยกช่อกุหลาบสีขาวขึ้นมาดมหน้าตาเฉยราวกับพิศวาสเจ้าของดอกไม้ช่อนี้เสียเต็มประดาจากนั้นจึงเปิดอ่านการ์ดของดอกทิวลิปช่องาม ซึ่งเป็นดอกไม้ช่อเดียวในช่วงนี้ที่เธอคิดจะเก็บเอาไว้ เพราะมันส่งมาจากเพื่อนผู้ชายที่แสนดีของเธอ“ผมกลับมาแล้วนะ คิดถึงน้ำมาก เดี๋ยวจัดการเรื่องที่บริษัทเสร็จแล้วจะเข้าไปหานะครับ”รอยยิ้มที่แต่งแต้มริมฝีปาก ทั้งดวงตาเป็นประกายวิบวับทำเอาปัณจธรกัดกรามกรอด เธอทิ้งดอกไม้ของเขาอย่างไม่ไยดี แต่กลับ
ตอนที่ 6 กระหายในชัยชนะ“น่าขยะแขยงที่สุด”“ตอนอยู่บนเตียงกับผม คุณไม่พูดแบบนี้แน่ น้ำริน”จมูกโด่งตรงเข้าคลอเคลียข้างแก้มใส เธอสะบัดหน้าหนีทันทีด้วยความตกใจ ทำให้ลำคอระหงหอมกรุ่นกลิ่นกายสาวผสมกับน้ำหอมราคาแพงลอยเด่นตรงหน้า เขาจึงฝังจมูกลงไปแทนแล้วกดจูบย้ำๆ สูดกลิ่นหอมหวานที่เขาหลงใหล“หยุดนะ”ไม่เพียงปลายเสียงเท่านั้นที่สั่น แต่ร่างกายบอบบางก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างจนน่าสงสาร แค่เขาคุกคามเธอนิดหน่อย คนเก่งของเขาก็ท่าจะเอาตัวไม่รอดเสียแล้ว“หึ ตัวสั่นเชียว กลัวผมเหรอครับ”เขาขยับใบหน้าออกมาจากซอกคอ เธอจึงสะบัดหน้ากลับมามองสบตากับเขาด้วยแววตาวาววับเอาเรื่อง แต่ดันได้รับรอยยิ้มมุมปากแสนมีเสน่ห์กลับไปแทน“บอกแล้วไง ว่าฉันขยะแขยง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะยกเลิกงานแต่งงานทุเรศๆ นี่”คนตัวโตยอมปล่อยข้อมือของเธอที่ตรึงไว้กับผนัง มือใหญ่ทั้งสองข้างยกขึ้นแบออกอย่างยอมแพ้ แต่ดวงตาคมกริบไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด“ยอมแล้วครับ”“หมดธุระก็กลับไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน”เธอเอ่ยไล่ว่าที่เจ้าบ่าวแบบไม่ถนอมน้ำใจ ซ้ำยังเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองหน้าตาเฉย ซึ่งคนตัวโตก็เดินตามไปนั่งที่เ
ธารารินเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแต่เช้าตรู่แล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย บนโต๊ะทำงานมีดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนช่อโตส่งกลิ่นหอมฟุ้งเช่นเดิมเธอเดินตรงดิ่งไปยังดอกไม้ช่อนั้น วางซองเอกสารสีน้ำตาลไว้ข้างๆ หยิบการ์ดใบสวยขึ้นมาดูก็เห็นข้อความของผู้ชายน่าขยะแขยงคนเดิมที่กำลังจะมาเป็นสามีของเธอในอีกไม่นานนี้“ผมดีใจนะครับ ที่จะได้แต่งงานกับคุณ สัญญาว่าจะดูแลคุณให้ดีที่สุด”CEO สาวแสนสวยเบะปาก เสียบการ์ดใบนั้นคืนที่เดิม แล้วหอบดอกไม้ช่อโตเดินตรงดิ่งไปยังถังขยะที่แม่บ้านยังไม่ยอมเพิ่มขนาดให้กับเธอเสียที ก่อนจะใช้เท้าเหยียบเพื่อเปิดฝาแล้วยัดช่อกุหลาบลงไปในถังใบนั้นให้มันเสนอหน้าชูช่อราวกับถังขยะใบน้อยเป็นแจกันทรงสวยเหมือนกับทุกวันดวงตาคมกริบเบิกกว้างด้วยความตกใจ มองแผ่นหลังบอบบางของว่าที่เจ้าสาวซึ่งกำลังยืนสะกดจิตช่อดอกไม้ของเขาในถังขยะอย่างอึ้งๆ ก่อนจะยกยิ้มขำที่มุมปากพร้อมพยักหน้าน้อยๆ ด้วยความชอบใจ เห็นทีหลังจากนี้เขาคงมีเรื่องสนุกท้าทายให้ทำอีกเยอะเลย“ผมเสียใจนะครับ น้ำริน ที่คุณทำกับดอกไม้ของผมแบบนี้”เสียงทุ้มที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง เจ้าของห้องสะดุ้งโหยงแล้วหันกลับไปมองยังต้นเสียง