เข้าสู่ระบบเมื่อกลับมาถึงเรือนของตนเอง ไป๋ลี่เฟยก็พบกับมารดาของตนนั่งรออยู่ด้วยใบหน้าไม่สบายใจนัก
“ท่านแม่มารอลูกหรือเจ้าคะ” ลี่เฟยยิ้มออดอ้อนเดินเข้าไปหามารดา
“มีคนบอกว่าเจ้าออกไปข้างนอกกับช่างชาง ก่อนที่องค์ชายเสด็จกลับไปเสียอีก จะแก้ตัวว่าอย่างไร” จงว่านกุ้ยดันตัวบุตรสาวที่ตรงเข้ามาหาให้ออกห่าง
“เห้อ แล้วองค์ชายว่ากล่าวอันใดหรือไม่เจ้าคะ” ลี่เฟยถอนหายใจที่สุดท้ายก็ต้องถูกว่ากล่าวในเรื่องนี้จนได้
“ไม่ได้พูด แต่จะว่าหรือไม่แล้วมันเกี่ยวอันใด” ฮูหยินเอกของจวนถาม
“หากองค์ชายไม่ได้มีท่าทีอันใด ก็อย่าเอามาใส่ใจเลยเจ้าค่ะท่านแม่ อย่างไรก็คุ้นเคยกันมานาน หากไม่พอใจย่อมเอ่ยมาตามตรงแล้ว” ลี่เฟยพยายามชักจูงมารดาของตนให้ปล่อยวางเรื่องนี้
“แม้มู่กุ้ยเฟยจะนำเจ้าเข้าวังไปเป็นเพื่อนเล่นองค์ชายตั้งแต่ยังเล็กจนคุ้นเคยกัน แต่ทำเช่นนี้ไม่ใช่เจ้าบ้านที่ดีเลย”
“การให้คนมาแจ้งล่วงหน้าไม่ถึงชั่วยามก็ไม่ใช่การกระทำของแขกที่ดีเช่นกัน” คุณหนูใหญ่ไป๋เริ่มมีความโมโหจึงกดเสียงลงต่ำเรียกความประหลาดใจ จากจงว่านกุ้ยให้ปรากฎ
“ลูกแม่เจ้าไม่สบายตรงที่ใดหรือไม่ ปกติแล้วเจ้ารักษาท่าทีอย่างที่แม่สอนเสมอ” ฮูหยินจงไม่เคยเห็นบุตรสาวคิดเล็กคิดน้อยมาก่อน ลูกคนนี้มักจะยึดถือกับการทำหน้าที่ของตนให้ไม่ขาดตกบกพร่อง มารยาททางสังคมไม่เคยหย่อนแม้ว่าอีกฝ่ายจะกระทำเช่นไรมา
“ลูกสบายดีทุกอย่างเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวล มารยาทที่ดีสมควรเก็บไว้ใช้กับคนที่คู่ควร” ลี่เฟยเอ่ยจบก็คลี่ยิ้มเต็มดวงหน้าพร้อมกับเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน “วันนี้ไปกับพี่ชายรองและจี้ผ่าสนุกนักท่านแม่”
“คุณหนูฉือผู้นี้สดใสยิ่งนัก แม่ชอบให้เจ้าเป็นเพื่อนกับนาง” เมื่อบรรยากาศเปลี่ยนมาเป็นเรื่องที่เริงใจ จงว่านกุ้ยก็คลายข้องใจ เรื่องกลิ่นอายที่เป็นแปลงไปของบุตรสาว ทั้งยังถูกเรื่องที่บุตรชายของตนสนใจคุณหนูสกุลจางอยู่ผู้หนึ่งกลบความกังวลไปจนหมดจด
ไป๋ลี่เฟยคุยเล่นกับมารดาไปจนยามเซิน ผู้เป็นแม่ก็ขอตัวกลับไปเตรียมน้ำให้สามีอาบ ซึ่งนางเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดมารดาจะต้องทำสิ่งเหล่านี้เอง ทั้งที่สามารถใช้สอยให้บ่าวทำได้
“คุณหนูเจ้าคะ” จูจูบ่าวคนสนิทเรียกขานเมื่อฮูหยินเอกของจวนจากไปแล้ว
“ว่าอย่างไรจูจู”
“บ่าวในเรือนนี้ที่คุณหนูให้แบ่งไปสอดส่องดูคุณหนูรองห่างๆ แจ้งมาว่าคุณหนูรองกำลังร้องไห้อยู่ที่ผาน้ำตกจำลองเจ้าค่ะ”
“ซินหยานร้องไห้…แปลกจริง” เมื่อได้ยินคำกล่าวของจูจู ไป๋ลี่เฟยจึงสาวเท้าออกจากเรือนของตน เพื่อไปสอดส่องดู นางคิดเอาเองว่าหากไปเที่ยวตลาดมาก็ควรมีรอยยิ้มประดับจึงขะถูกต้อง
ไป๋ซินหยานนั่งอยู่ริมสระเดิม ทำให้ลี่เฟยต้องนั่งแอบอยู่ที่พุ่มไม้อันคุ้นเคย เพื่อยุ่งย่ามในเรื่องราวของน้องสาว
“ข้าไม่เข้าใจเลยหม่าเจียว เหตุใดท่านแม่ต้องโกรธเคืองข้ามากเช่นนี้” ซินหยานที่ร้องไห้จนสงบลงบ้างแล้วเริ่มระบายสิ่งที่ติดค้างในใจกับคนของตน
“คุณหนูรอง…” หม่าเจียวตอบเจ้านายได้เพียงเท่านั้นก็ต้องชะงัก
“อย่าเรียกข้าเช่นนั้น!” ซินหยานหันไปตวาดบ่าวข้างกาย
“บ่าวขออภัยเจ้าค่ะ บ่าวโง่เขลา หากอยู่ลำพังห้ามเรียกว่าคุณหนูรอง เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ บ่าวมันโง่ สมควรตาย บ่าวปัญญาหมู” หม่าเจียวคุกเข่าโขกศรีษะด่าว่าตนเองซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด
ไป๋ซินหยานมองดูบ่าวคนสนิทจนหน้าผากเริ่มแดงช้ำจึงค่อยสั่งให้หยุด “พอ เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องเป็นรองเพราะโชคชะตาเล่นตลก”
ไป๋ลี่เฟยที่แอบดูอยู่ตกใจกับสิ่งที่เห็น ภาพลักษณ์อ่อนหวานงดงามที่ซินหยานแสดงออกมา กับการยืนมองบ่าวของตนทำร้ายตัวเองตอนนี้คืออันใดกัน กลีบดอกไม้อันบอบบางที่ลี่เฟยมักใช้เปรยเปรยถึงซินหยานแท้ที่จริงแล้วก็อาจไม่เป็นเช่นนั้น แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่น้องรองบอกว่าชะตาเล่นตลกกับชีวิตของนาง ไป๋ลี่เฟยเองก็พอจะรู้
ชะตาชีวิตของไป๋ซินหยานคือความพลิกผันที่ใครต่อใครต่างเวทนา เดิมทีแล้วลี่จีฮวามารดาของซินหยานต้องได้เป็นฮูหยินเอกของท่านเจ้ากรมไป๋ผู้เป็นบิดาของทั้งสอง แต่เพราะยามนั้น บิดาของจงว่านกุ้ย และไป๋มู่ชางสร้างผลงานโดดเด่นในราชสำนัก ฮ่องเต้จึงมอบสมรสพระราชทานให้แก่ไป๋มู่ชางและบุตรสาวของขุนนางจง โดยที่ไม่ได้ล่วงรู้ว่ามู่ชางในวัยหนุ่มรักใคร่กับลี่จีฮวาอยู่ก่อนแล้ว
ต่อมาเมื่อการแข่งขันภายในเกี่ยวกับการมีบุตรเกิดขึ้น ลี่จีฮวาชนะด้วยการมีบุตรชายคนแรกในแก่ไป๋มู่ชาง นางคลอดบุตรชายตัวอวบอ้วนก่อนฮูหยินเอกของเรือนถึงหนึ่งปีเต็ม แต่เมื่อมาถึงคราวบุตรสาว มารดาของซินหยานกลับคลอดนางออกมาหลังจากฮูหยินจง ทั้งที่ตรวจพบว่าตั้งครรภ์ก่อน นั่นทำให้ตลอดมาไป๋ซินหยานรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างห้ามไม่อยู่ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ไป๋ลี่เฟยมักดีกับน้องรองผู้นี้อยู่เสมอด้วยเช่นกัน
“แต่หากคุณหนูทำอย่างที่ท่านแม่ต้องการย่อมเป็นผลดีนะเจ้าคะ” หม่าเจียวกล่าวสนับสนุน
“แน่สิ เป็นมารดาของชายาองค์ชายมีอันใดไม่น่าอิจฉากัน หึ” ไป๋ซินหยานแค่นเสียง พร้อมกับปาดน้ำตาที่หยดออกมาทิ้งท้าย
“เช่นนั้นอย่าร้องไห้เลยเจ้าค่ะ ไปขัดผิวให้ผ่องใสกันเถิดคุณหนูของหม่าเจียว ความงามของท่านต้องมัดใจองค์ชายได้แน่”
น้องรองตั้งใจหรือ…ไหนคราแรกเรียกหลินไฉ่ว่าคุณชายมิใช่หรือ มัดใจอันใดกัน
“ไม่ร้องได้อย่างไร ท่านแม่ก่นด่าว่าข้าไร้คุณค่า เพียงเพราะออกไปกับองค์ชายแต่กลับได้ของมาไม่มากพออย่างที่นางหวัง ข้าถึงกับต้องถูกทุบตีเพราะเรื่องนี้เลยหรือ แม้กระทั่งมารดาแท้ยังไม่รักไม่ถนอม ข้าไม่ร้องได้หรือหม่าเจียว” ซินหยานเจ้าของดวงหน้างามหมดจดหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง นางเปิดแขนเสื้อให้เห็นรอยแดงที่พึ่งถูกตี และร่องรอยช้ำจากความรุนแรงในอดีตมากมาย
เมื่อไป๋ซินหยานตัดพ้อเช่นนั้นออกมา ลี่เฟยก็ถึงกับสับสน ทุกคราที่เจอกับฮูหยินรอง นางจะคอยย้ำว่าบุตรสาวของนางนั้นดีเพียงไร เรียบร้อยเพียงใด ศาสตร์ทั้งสี่เชี่ยวชาญอย่างไรล้วนประกาศจนครบ ทั้งยังกล่าววาจากระทบกระทั่งย้ำว่าซินหยานงามกว่านางทุกทีที่สบโอกาส แท้จริงแล้วลับหลังกลับรุนแรงกับบุตรของตนไม่น้อย
ไป๋ลี่เฟยรู้สึกว่าตนเองเข้าใจในตัวน้องสาวคนรองคนนี้มากยิ่งขึ้นแล้ว หากว่านางจะหลงไหลเมื่อถูกมอบความรักให้ก็คงไม่แปลกอันใด แต่อย่างไรเมื่อรู้แล้วว่าชายคนนั้น คือว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวก็ควรหยุดยั้ง แต่ซินหยานกลับไปข้างนอกกับจ้าวหลินไฉ่หน้าตาเฉย ทั้งยังกล่าววาจาเหมือนตั้งใจจะยัดเยียดตนเองเข้าไปเป็นชายา น้องรองผู้ใสซื่อแปดเปื้อนความผิดแล้ว นางมีส่วนในการหลอกลวงนางในชาติก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย
หากการได้ครองรักกับองค์ชายสามเป็นความตั้งใจของเจ้า การใช้เจ้าเป็นเครื่องมือแก้แค้นก็ควรถือว่าเป็นเวรกรรม ซินหยาน!
เมื่อหายข้องใจกับเรื่องของน้องรองแล้ว ลี่เฟยก็ตัดสินใจกลับเรือนของตน นางเผยแววตาแน่วแน่ออกมา ที่ลี่เฟยเคยลั่นวาจาไว้ยามกรุ่นโกรธว่าจะร้ายจนนางร้ายต้องกราบกรานนั้น เดิมทีก็หวั่นใจว่าจะเป็นการทำร้ายผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างอยุติธรรมหรือไม่ แต่เมื่อได้รู้ว่าผู้ไร้มลทินในเรื่องนี้ไม่มีอยู่จริง นางก็ไม่ต้องเกรงกลัวหรือเกรงใจอันใดอีกบทพิเศษ 4 บรรจบเป็นวงกลมในที่สุดสหายรักของไป๋ลี่เฟยก็เดินทางถึงเมืองหลวงในแคว้นจ้าวอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนเสียที หลังเดินทางเข้ามาถึงตงหม่าจางต้องทำเรื่องขอกลับเข้าเป็นองครักษ์ ส่วนฉือจี้ผ่าก็จำเป็นต้องกลับไปอยู่บ้านเดิมให้บิดามานดาของนางเห็นหน้ามากหน่อย กว่าจะได้มาพบปะสหายทั้งหลาย เวลาก็ผ่านไปเกือบรอบจันทร์แล้ว“ข้ามาแล้ว” จี้ผ่าเอ่ยทักเมื่อเข้ามาในร้านประมูลของแม่นางอูที่เปิดขึ้นใหม่เมื่อสองปีก่อน“จี้ผ่า คิดถึงเจ้านัก” ลี่เฟยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสียดายที่มิได้ร่ำลากัน”“โชคยังดีที่มีโอกาสได้กลับมา” จี้ผ่ายิ้มเล็กน้อย“และโชคดีที่พวกเจ้าออกมาหาข้าได้ มิเช่นน
บทพิเศษ 3 งานปักผ้าของจี้ผ่าชีวิตของฉือจี้ผ่าและตงหม่าจางหลังออกจากเมืองหลวงมิได้ลำบากนัก ด้วยทรัพสินเงินทองที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ติดตัวมิได้น้อยเลย หากจะมีลำบากก็เพราะตงหม่าจางต้องติดสินบนปลอมแปลงเอกสารยืนยันตัวตน เพื่อผ่านทางไปยังแคว้นอื่นที่สงบจากภัยสงครามในขณะนี้แต่เมื่อผ่านมาได้แล้วทั้งสองก็เลือกปักหลักอยู่ที่เมืองทางทิศใต้ของทะเลสาบต้งถิง เป็นเมืองที่มีผู้คนผ่านไปมามาก จึงทำให้ผู้มาใหม่ทั้งสองสามารถกลืนไปกับผู้คนในเมืองได้ไม่ยากเย็นนัก จวนที่ซื้อต่อจากสกุลวานิชเล็กๆ สกุลหนึ่ง กลายเป็นบ้านใหม่ของคู่สามีภรรยาเยาว์วัยคู่นี้ทุกๆ วันตงหม่าจางจะเข้าป่าเพื่อสร้างสถานที่เก็บตำราของฮ่องเต้ พร้อมกับคิดค้นกับดักและร่ายอักขระไว้ปกป้องตำราภายในด้วย ส่วนจ
บทพิเศษ 2 ความร้อนในกายช่วยให้อบอุ่นโจวเฉิงจับข้อมือของไป๋ลี่เฟยอ้าออกก่อนจะก้มลง เพื่อใช้ลิ้นร้อนฉ่าทักทายยอดบัวชมพูอย่างตั้งใจ อีกมือหนึ่งผละจากท่อนแขนมากอบกุบความนุ่มนวลตรงหน้านี้ สลับข้างไปมาอย่างคนถูกมอมเมามิอาจละตัวให้ห่างไปได้เลย“อ๊ะ..พะ พี่” ลี่เฟยที่ถูกจู่โจมเช่นนี้รู้สึกวูบวาบจนเริ่มหายใจติดขัด จะกล่าววาจาใดก็ไม่ถนัดดังเช่นยามปกติเห็นเช่นนั้นท่อนแขนแข็งแรงช้อนตัวไป๋ลี่เฟยให้ขึ้นไปนั่งยังบริเวณขอบบ่อ หยดน้ำพราวเกาะบนผิวยิ่งทำให้ร่างกายนี้เย้ายวนเหนือบรรยาย ใบหน้าของชายหนุ่มไล่สายตาจนมาหยุดอยู่ที่กึ่งกลางร่างกายของไป๋ลี่เฟย“เฟยเฟยอ้าขาออก”
บทพิเศษ 1 พักตากอากาศเมืองซุ่ยปาคือจุดมุ่งหมายที่สองบิดามารดามือใหม่ตั้งใจจะไปพักผ่อนให้สบายจิตใจ เมืองแห่งนี้เป็นเมืองสงบมีผู้คนอยู่อาศัยไม่มากนัก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นขุนนางที่ปลดระวางตนเองจากตำแหน่งหน้าที่แล้วมาอยู่อาศัย ไม่ห่างไกลจากเมืองหลวงเกินไป เพื่อให้สะดวกหากมีขุนนางคนใดอยากเข้ามาปรึกษาหารือประเด็นต่างๆเมืองซุ่ยปามีทิวเขางดงาม ป่าไม่อุดมสมบูรณ์มีแหล่งพลังปราณธรรมชาติหนาแน่น สตรีมีครรภ์และผู้มีอายุจึงนิยมมาอาศัยในเมืองแห่งนี้เพื่อบำรุงร่างกาย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวมีเพียงอากาศที่เย็นกว่าพื้นที่ส่วนอื่นของแคว้นอย่างน่าประหลาดจ้าวโจวเฉิงจับจูงไป๋ลี่เฟยให้เดินชมสวนของจวนไม่เล็กไม่ใหญ่หลังนี้ “ชอบหรือไม่”
บทที่ 67 คลี่คลายง่ายนัก“ท่านหมอ พอรู้หรือไม่ว่าต้องทำอย่างไร” ไป๋ลี่เฟยเอ่ยถามออกไป แต่ไม่ทันที่จะได้เว้นช่วงให้หมอเทวดาตอบ นางก็มิอาจกลั้นอาเจียนไว้ได้อีกต่อไป“พระชายาไป๋ นั่งลงก่อน” หมอเทวดาดวงตาเป็นประกาย เมื่อเห็นความท้าทายในการรักษาถึงสองอาการ คนหนึ่งหลับไปเฉยๆ โดยที่มิได้รับความบาดเจ็บใด ส่วนอีกผู้หนึ่งอาเจียนเป็นเลือด แต่ยังเดินเหินและดูแข็งแรงปกติไป๋ลี่เฟยนั่งลงให้ท่านหมอตรวจอาการ และไม่ลืมนำน้ำหกธาตุพิชิตออกมาให้หมอเทวดาผู้นี้ดู ก่อนจะเล่าว่าอาการของตนและองค์ชายหกเกิดได้อย่างไร แต่มิได้บอกความมหัศจรรย์ของพิษจิตแตก บอกแต่เพียงว่าเป็นพิษ“วิเศษนัก” ท่านหมอกล่าวระหว่างยกขวดโอสถขึ้นมาส่องดู ก่อนจะวางลงข้างกาย “อาการขององค์ชายหก
บทที่ 66 ความสุขกลับคืนทีละน้อยเช้าวันรุ่งขึ้นข่าวแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงว่าองค์รัชทายาทต้องการพาพระชายาไปพักผ่อนให้เป็นส่วนตัว จึงมิได้ให้องครักษ์คนใดติดตามไป เกิดเป็นเรื่องราวน่าใจหายองค์ชายถูกสัตว์รุมกัด มีร่องรอยการต่อสู้ดุเดือด ส่วนไท่จื่อเฟยก็หนีอยากหวาดกลัว กล่าวกับผู้คนว่าองค์ชายปกป้องตนเองจนตัวตายท่าทางของพระชายาคนงามดูอ่อนแอบอบบางจนมีแต่ผู้คนสงสาร เล็บมือเล็บเท้าของสตรีสูงศักดิ์ฉีกขาดเพราะการหนีตาย ยิ่งทำให้หมดข้อสงสัยว่าไป๋ซินหยานมีส่วนรู้เห็นกับการตายขององค์ชายสาม ช่วงเวลาต่อมาวังเมฆาแสงจันทร์ถูกปิดตาย ด้วยคำสั่งพระชายามีเพียงหมอหลวง และคนจากสกุลเดิมเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตเข้าออกวังแห่งนี้ได้ ส่วนตัวไป๋ซินหยานเองก็ออกมาด้ายนอกเพียงเพื่อร่วมพิธีศพเท่านั้น“ซินหยาน เป็







