คำว่า '
จับพลัดจับผลู' เป็นสำนวนไทยที่ฉันชอบมากเพราะมันทั้งกระชับและมีภาพชัดในใจ มันหมายถึงการเกิดขึ้นของเหตุการณ์แบบไม่ได้ตั้งใจ บังเอิญ หรือเป็นการพบเจอที่ไม่คาดคิด บ่อยครั้งคนใช้เพื่อบอกว่าการเจอกันหรือการถูกเลือกนั้นมาจากความบังเอิญล้วน ๆ ไม่ได้มีการวางแผนหรือจงใจ เช่นว่าเจอคนรักในงานวัดแบบจับพลัดจับผลูก็ฟังแล้วโรแมนติกและชะตาชีวิตปน
โชคชะตาไปพร้อมกัน ในเชิงนิรุกติศาสตร์ประโยคนี้ประกอบด้วยคำสามคำที่แต่ละคำมีรสชาติของความหมายร่วมกัน: 'จับ' ให้ความหมายของการมีกระทำหรือการยึด การได้มา, 'พลัด' สื่อถึงการพลัดหลง พลัดพราก หรือความบังเอิญที่แยกออกจากสิ่งที่คาดหวัง ส่วน 'ผลู' ฟังดูเป็นคำโบราณหรือคำสัมผัสที่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้จังหวะและน้ำเสียงในวลีดูกลมกล่อมขึ้นมากกว่าจะให้ความหมายเฉพาะตัวเดียว วิธีสร้างคำแบบนี้มีบ่อยในภาษาไทยพื้นบ้านที่ชอบใช้การสัมผัสและการซ้ำพยางค์เพื่อเน้นอารมณ์หรือจังหวะของการเล่า
ในแวดวงวรรณกรรมไทย สำนวนนี้มีรากจากการใช้ในภาษาพูดและวรรณกรรมพื้นบ้านมากกว่าการเป็นคำที่มาจากหนังสือสำนวนโบราณฉบับเดียว มันโผล่ในบทพูดของละครพื้นบ้าน บทร้อยกรองท้องถิ่น และนิทานทำนองเล่าปากต่อปาก ก่อนจะถูกบันทึกในงานเขียนของนักประพันธ์ยุคต่อมา เพราะสำนวนนี้สะท้อนวิถีชีวิตแบบชาวบ้านที่พบเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้บ่อย เช่นการได้งานได้คู่หรือการพลัดพลากจากบ้านเกิด การ
ปรากฏตัวของสำนวนในงานเขียนร่วมสมัยแสดงให้เห็นว่าภาษาพูดได้ส่งเสริมให้เกิดสำนวนที่อยู่ในความทรงจำของสังคมและถูกนำมาใช้เสมอเมื่อผู้เขียนต้องการถ่ายทอดความบังเอิญแบบมนุษย์ ๆ
มุมมองการใช้งานในเชิงวรรณคดีพบว่าคนเขียนมักหยิบวลีนี้มาเพื่อแต่งฉากการพบกันที่แฝงความหมายของโชคชะตา ยกตัวอย่างเช่นบรรยายการพบเจอของตัวละครหลักโดยไม่ต้องอธิบายการจัดฉากมากนัก เพราะคำเดียวก็ทำให้ผู้อ่านนึกถึงการชนกันของเส้นทางชีวิตที่ไม่ตั้งใจ นอกจากนี้ยังมีการใช้ในเชิงประชดหรือบอกโชคไม่ดี เช่น 'จับพลัดจับผลูเสียงาน' เพื่อสื่อว่าความพลัดพลูพาให้เกิดสิ่งไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน ดังนั้นวลีนี้จึงยืดหยุ่นทั้งเชิงบวกและเชิงลบตามบริบท
จากประสบการณ์ส่วนตัว ฉันมักได้ยินคำนี้จากคนสูงอายุในครอบครัวเวลาพูดถึงเรื่องราวในอดีต ทำให้มันกลายเป็นคำที่อบอุ่นและมีเสน่ห์ ทั้งยังเป็นสำนวนที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตได้สั้นแต่ครบ เมื่อใช้ในงานเขียนหรือบทภาพยนตร์ มันช่วยสร้างบรรยากาศของโชคชะตาแบบไทย ๆ ได้ดี และเป็นคำที่ฉันมักเลือกใช้เวลาจะเล่าเหตุการณ์แปลก ๆ ของตัวเองให้เพื่อนฟัง เพราะฟังแล้วทั้งขำ ทั้งยอมรับชะตาในแบบที่นุ่มนวลกว่าคำว่า 'บังเอิญ' ธรรมดา