เรื่องราวใน '
ซามูไร อโยธยา' วางฉากอยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ยุคที่เมืองท่าของอาณาจักรเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างชาติและวัฒนธรรมหลากหลาย ความเป็นไปของยุคสมัยนี้มักถูกถ่ายทอดเป็นภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาและเรือสินค้าที่แล่นเข้าฝั่ง ผืนแผ่นดินกับพระราชวังที่คับคั่งไปด้วยการเมืองและการทูต การที่นักรบญี่ปุ่นหรือซามูไร
ปรากฏตัวในฉากเช่นนี้จึงเปิดพื้นที่ให้เรื่องราวเดินทางไปไกลทั้งในเชิงการผจญภัยและการสำรวจอัตลักษณ์ การตั้งเวลาแบบกว้างๆ เอาไว้ เช่น ปลายอยุธยาหรือกลางอยุธยา ช่วยให้โครงเรื่องสอดแทรกเหตุการณ์จริงของยุค เช่นการค้ากับชาวต่างชาติ การแทรกแซงทางการเมือง และความเปลี่ยนแปลงทางสังคม ที่สำคัญคือบรรยากาศของเมืองท่าที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ล้วนมีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการของตัวละครหลัก
เนื้อเรื่องพาเราไปติดตามการเดินทางของตัวละครหลักซึ่งเป็นซามูไรที่หลงทางหรือถูกชะตากรรมผลักดันให้มาอยู่ที่ฝั่งนี้ เส้นเรื่องมักไม่ได้จำกัดอยู่แค่การต่อสู้ด้วยดาบ แต่ยังโฟกัสที่การเรียนรู้ภาษาใหม่ การปรับตัวเข้ากับประเพณีท้องถิ่น ความสัมพันธ์กับชาวบ้านและชนชั้นปกครอง รวมถึงการเอาตัวรอดในโลกการเมืองอันซับซ้อน ฉากที่จดจำได้บ่อยคือการถูกชักจูงให้เป็นลูกศิษย์หรือทหารรับจ้างให้กับหัวเมืองท้องถิ่น การเป็นพยานการต่อรองกับพ่อค้าที่มาจากโปรตุเกสหรือฮอลันดา และการเห็นภาพวิถีชนบทกับงานศิลป์ของชาวสยามที่มีทั้งความละเอียดอ่อนและความโกลาหล การปะทะระหว่างค่านิยมแบบซามูไรกับวิถีชีวิตอยุธยาจึงกลายเป็นหัวใจของเรื่อง โดยมีตัวเลือกทางศีลธรรมและความจงรักภักดีเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เรื่องเข้มข้น
แง่มุมที่โดดเด่นคือธีมเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานและการค้นหาตัวตน เส้นเรื่องมักตั้งคำถามเกี่ยวกับความหมายของคำว่า
เกียรติยศเมื่ออยู่ต่างบ้าน ต่างวัฒนธรรม การปรับตัวของซามูไรไม่ได้แปลว่าทิ้งอุดมคติ แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความเก่าและความใหม่ ตัวละครรองมักเป็นชาวสยามที่มีมุมมองหลากหลาย บางคนเปิดรับ บางคนหวาดระแวง ความสัมพันธ์เหล่านี้เปิดช่องให้ผู้เขียนสอดแทรกฉากโรแมนติก ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ และบทสนทนาที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของสังคม อีกแง่มุมที่มักชอบคือการบรรยายฉากชีวิตประจำวันที่ทำให้เรื่องไม่แข็งทื่อ เช่นตลาดริมน้ำ งานวัด การทำข้าวสวย และเสียงพิณที่ล่องมาจากเรือ เหล่านี้ช่วยให้ภาพรวมทั้งดราม่าและมนุษยสัมพันธ์เข้าถึงได้
สิ่งที่ทำให้เรื่องราวประเภทนี้น่าติดตามสำหรับผู้ที่ชอบประวัติศาสตร์เช่นผมคือการผสมผสานระหว่างการผจญภัยกับรายละเอียดเชิงวัฒนธรรม ทำให้ทั้งเพลิดเพลินและคิดตามได้ไปพร้อมกัน การอ่าน 'ซามูไร อโยธยา' จึงเหมือนได้เดินทางข้ามเวลาไปดูความซับซ้อนของยุคสมัยนั้นด้วยสายตาของคนที่ต่างมา แต่สุดท้ายยังค้นพบความเชื่อมโยงร่วมกันของคนสองฝั่ง ซึ่งให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่นและกระตุ้นความคิดในเวลาเดียวกัน