การอ่านงานเขียนของสรวลทำให้โลกในหัวฉันเต็มไปด้วยภาพและกลิ่นของอดีต
เวลาอ่านฉันมักนึกถึงการเอาพื้นบ้านมาแปลงเป็นเรื่องเล่าใหญ่โตเหมือนที่เห็นในตำนานโบราณ บทกวีและนิทานพื้นบ้านที่เขาชอบอ้างอิงมีความรู้สึกแบบ
มหากาพย์แต่ผสมกับความใกล้ชิดของชีวิตประจำวัน ฉันเห็นร่องรอยของงานคลาสสิกอย่าง 'พระอภัยมณี' ในวิธีการเล่าเรื่องที่ใช้สัญลักษณ์และตัวละครเหนือจริงมาเป็นกระจกสะท้อนความจริง และยังเห็นแรงสั่นสะเทือนจากนิยายสมัยใหม่อย่าง 'One Hundred Years of Solitude' ที่ทำให้เขากล้าที่จะผสมความจริงกับสิ่งมหัศจรรย์จนเกิดเป็นอารมณ์เฮฮาและเศร้าพร้อมกัน
นอกจากวรรณกรรม ฉันเชื่อว่าเหตุการณ์สังคมในชนบทและการเปลี่ยนผ่านสู่เมืองเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ช่วงที่ชุมชนท้องถิ่นถูกกลืนด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ปรากฏการณ์เหล่านั้นกลายเป็นฉากหลังให้สรวลเขียนตัวละครที่ทั้งมีความหวังและเหนื่อยล้า ฉันจำภาพตลาดเช้าที่เปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้าไม่ได้ แต่ความรู้สึกจากการถูกละทิ้งนั้นชัดเจนในเรื่องของเขา
ท้ายที่สุดสิ่งที่ทำให้เขาน่าสนใจคือการผสมผสาน: เอาตำนานมาเป็นโครง สอดแทรกความเป็นสมัยใหม่ และใช้เหตุการณ์ทางสังคมเป็นพลังขับเคลื่อน ผลลัพธ์คือภาษาแบบที่ยิ้มทั้งน้ำตา อ่านจบแล้วฉันมักอยู่กับความคิดอะไรบางอย่างที่ยังคงขบคิดต่อไปในหัวเป็นวันๆ