คําโปรยเป็นใบหน้าของมังงะที่ต้องชวนให้คนหยุดกวาดสายตาในเสี้ยววินาทีเดียว
หน้าที่ของคําโปรยมีหลายชั้น ไม่ใช่แค่บอกพล็อตสั้นๆ แต่ต้องบอกน้ำเสียงของเรื่อง บอกว่าอ่านแล้วจะได้อะไร และกระตุ้นความอยากรู้โดยไม่สปอยล์จนหมด ในการแปล ผมมองว่าจุดแรกที่ต้องรักษาไว้คือ ‘จังหวะ’ — คําโปรยภาษาญี่ปุ่นมักมีจังหวะการอ่านที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้าแปลตรงตัวจนจบประโยคยาวเกินไป ก็จะเสียพลัง hook ไปทันที แต่ทางกลับกัน การตัดทอนจนเหลือเพียงคำสั้น ๆ ก็อาจทำให้ความหมายหลักหายไป
หลักการปฏิบัติที่ผมนิยมใช้คือการตั้งคำถามก่อนแปลเสมอว่า คําโปรยนี้ต้องการดึงคนแบบไหน เข้าถึงได้เร็วแค่ไหน และอะไรคือจุดขายชัดเจนสุด จากนั้นจึงเลือกคำทดแทนที่ใกล้เคียงทั้งด้านความหมายและอารมณ์ ตัวอย่างเล็กๆ เช่นในคําโปรยของ '
death note' ถ้าตรงไปตรงมาเกินไป ความลึกลับและการเล่นกับศีลธรรมจะจางลง จึงต้องเลือกวลีที่ยังคงไว้ซึ่งความไม่ชัดเจน แต่ให้อารมณ์หนักแน่นเหมือนต้นฉบับ
ท้ายที่สุด ผมเชื่อว่าการทดลองวลีหลายแบบก่อนตัดสินใจเป็นสิ่งจำเป็น การยืนระยะกับคําโปรยสักหน่อยจะช่วยให้เราเจอจังหวะที่ใช่มากกว่าการแปลแบบทันทีทันใด จบด้วยความชอบส่วนตัวที่ชอบเห็นคําโปรยที่ท้าทายให้ผู้อ่านคิดต่อมากกว่าแค่สรุปเหตุการณ์