ลองนึกภาพตอนเรียกชื่อแฝดแล้วคนรอบข้างยิ้มตามไปด้วย — นั่นแหละเสน่ห์ของชื่อไทยน่ารัก ๆ ที่เลือกให้คู่แฝดได้เลย ผมชอบเริ่มจากแนวคิดง่าย ๆ ก่อน เช่น จะให้ชื่อเข้าคู่แบบเสียงคล้องจอง ความหมายสอดคล้อง หรือต้องการโทนหวานสดใสหรือคลาสสิกอบอุ่น แต่ละแบบมีเสน่ห์ต่างกัน ถ้าอยากให้น่ารักจริง ๆ ให้คำนึงถึงความกระชับของชื่อและคำนำหน้าที่เป็นได้ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น เช่น ชื่อที่ออกเสียงสั้น ๆ สองพยางค์มักเรียกง่ายและฟังเป็นมิตร
ลองดูตัวอย่างตามสไตล์ที่ผมชอบแยกเป็นหมวดให้เลือกตามอารมณ์: หมวดเสียงคล้องจอง/ริทึม เช่น มีนา–มีน, มิกซ์–มินท์, ต้น–ตาล; หมวดความหมายสอดคล้อง เช่น แก้ว–มุก (ของมีค่า), ฟ้า–ดาว (ท้องฟ้าและดาว), น้ำ–ใส (น้ำใสสะอาด); หมวดธรรมชาติ/น่ารัก เช่น ใบเตย–ดอกไม้, ฝน–ฟ้า, เมฆ–ลม; หมวดไทยดั้งเดิมอบอุ่น เช่น สมชาย–สมหญิง ปรับให้สั้นเป็น ชาย–หญิง (ถ้าต้องการคอนเซปต์ขำ ๆ) หรือ พร–พราว; หมวดโมเดิร์นเรียบๆ เช่น โนวา–นีโอ, ลูน่า–ซีนา เพื่อคนที่ชอบชื่อฟังเป็นสากลแต่ยังคงกลิ่นไทยด้วยการสะกดหรือสำเนียง
อยากได้ไอเดียเพิ่มอีกหน่อยไหม ผมมักแนะนำให้ใช้คู่คำที่มีตัวสะกดหรือพยางค์สุดท้ายคล้ายกัน เช่น -นา/-นี/-นะ เพื่อความกลมกลืน หรือเลือกพยางค์ต้นเหมือนกันแต่ตามด้วยคำที่เติมความหมาย เช่น กรวง–กริน (ใช้กรเป็นริฟให้รู้ว่าเป็นฝาแฝด) อีกไอเดียที่ชอบคือใช้ธีมจากละครหรือ
นิทานไทยเก่า ๆ แล้วดัดให้เป็นชื่อเด็ก เช่น เอื้อง–อิ่ม (จากคำว่าเอื้องและคำให้ความหมายดี) ช่วยให้ชื่อมีเรื่องเล่าระหว่างครอบครัว นอกจากนี้ควรนึกถึงชื่อเล่นที่เรียกง่ายและเข้ากับชื่อจริง เช่น ถ้าชื่อจริงยาว อาจมีชื่อเล่นสองพยางค์ที่ฟังน่ารักและติดปากทันที
สุดท้ายนี้อยากเตือนว่าอย่าเครียดกับการเลือกชื่อจนเกินไป ชื่อที่มาพร้อมความรักและความตั้งใจมักจะกลายเป็นชื่อที่น่ารักที่สุดไม่ว่าจะเป็นแนวหวาน แปลกใหม่ หรือคลาสสิก ผมมักจินตนาการเวลาเรียกชื่อแล้วเห็นรอยยิ้มของเด็ก ๆ นั่นแหละเป็นจุดตัดสินใจสุดท้าย ถ้าเป็นไปได้ลองเขียนชื่อไว้แล้วเรียกดูทั้งสองชื่อพร้อมกัน ดูจังหวะเสียงและความรู้สึกตอนเรียก ทุกอย่างจะลงตัวเองในแบบที่อบอุ่นและน่าจดจำ