เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลมาทำงานตามปกติ ในวันนี้พนักงานส่วนใหญ่ใส่เสื้อผ้าสีดำกัน เนื่องจากในคืนนี้ทางบริษัทรับเป็นเจ้าภาพงานศพของแก้วตา นิรมลก็สวมใส่เสื้อสีดำเพื่อไปงานเช่นกัน
ก่อนเริ่มทำงาน นิรมลนึกถึงคำร้องขอของแก้วตาขึ้นมาได้ เธอจึงเดินไปยังห้องพักของแม่บ้านที่ชั้นหนึ่ง ไม่มีใครอยู่ในห้อง หญิงสาวเดินไปที่ตู้ล็อกเกอร์ที่ใช้เก็บของ มองหาตู้เก็บของที่มีชื่อแก้วตา แต่ไม่สามารถเปิดได้เพราะมีกุญแจล็อกอยู่
นิรมลมองซ้ายมองขวา หาอุปกรณ์ที่จะนำมางัดตู้ล็อกเกอร์ ระหว่างที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่นั้น มีแม่บ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพักแห่งนี้ มองหญิงสาวอย่างสงสัย
“คุณทำอะไรคะ ต้องการอะไรหรือเปล่า”
นิรมลชะงัก เริ่มอึกอัก มองซ้ายมองขวาเหมือนหาบางสิ่งบางอย่างอยู่ แม่บ้านยืนมองด้วยสีหน้าแปลกใจ หญิงสาวยืนนิ่ง ได้แต่บอกเสียงอ่อย
“คะ...คือ...นิวอยากจะเปิดตู้ล็อกเกอร์ของแก้วตาค่ะ”
“คุณจะเปิดตู้ล็อกเกอร์ของแก้วตาทำไมล่ะคะ มีอะไรหรือเปล่า”
นิรมลนึกหาคำตอบ แล้วอยู่ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เมื่อวันก่อนที่แก้วตาจะเสีย มาขอยืมของนิวไปค่ะ ตอนนี้อยากจะได้ของคืน ก็เลยคิดเอาเองว่าเธอน่าจะเก็บของไว้ที่นี่ค่ะ”
แม่บ้านคิ้วขมวด สีหน้าแสดงความสงสัยแต่ไม่ได้พูดว่าไม่เชื่อ หันมาบอกกับหญิงสาวที่มีสีหน้าวิตกกังวล
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปเอากุญแจล็อกเกอร์สำรองมาเปิดให้ค่ะ คุณรออยู่ตรงนี้แหละ”
แม่บ้านหายไปครู่หนึ่งก็กลับเข้ามา พร้อมด้วยกุญแจสำรองที่ถือเข้ามา แม่บ้านมาไขให้แล้วหันมาบอกกับนิรมล
“หาของได้เลยค่ะคุณนิว”
นิรมลค้นหาของ ซึ่งข้างในตู้เล็กๆ นั้นมีกระดาษเอสี่ และของใช้ส่วนตัวของแก้วตา ในขณะที่แม่บ้านยืนมองอยู่ด้านหลัง เธอทำเป็นค้นหาของกุกกักราวกับหาของไม่เจอ ทั้งๆ ที่ตู้ก็เล็กเพียงแค่นั้น ในขณะที่กำลังทำเป็นหาของอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเสียงโทรศัพท์ของแม่บ้าน
“ฮัลโหล เออ...ฉันอยู่ที่ห้องพักของเราเนี่ยแหละ เดี๋ยวขึ้นไป แค่นี้แหละ”
นิรมลได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบหันมาทันที
“พี่ไปทำงานต่อเถอะค่ะ นิวเจอของแล้ว”
นิรมลพูด หยิบสายชาร์จแบตเตอรี่ขึ้นมาแล้วเดินออกไป ทำทีว่าไม่สนใจอะไรอีก แม่บ้านคนนั้นรีบวิ่งออกไปทันทีโดยไม่ได้สนใจจะปิดประตูตู้ล็อกเกอร์ของแก้วตา
นิรมลเดินถอยกลับมา เธอเดินมาดูของในล็อกเกอร์แก้วตาอีกครั้ง เจอสร้อยพระและเงินตามที่แก้วตาบอก หญิงสาวรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้
หลังจากที่ได้ของตามต้องการ นิรมลตั้งใจว่าเย็นนี้เธอจะนำไปให้สามีและลูกของแก้วตาที่วัด แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ตั้งแต่แรก เมื่อหัวหน้างานของเธอสั่งให้ไปพบลูกค้าวีไอพีภายในวันนี้ ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะขอต่อรองก็ตาม
“นิวขอไปพบลูกค้าวันพรุ่งนี้แทนได้ไหมคะ”
“ไม่ได้หรอก ลูกค้าบอกว่าอยากให้เราไปเสนอสินค้าภายในวันนี้ เขามีเวลาให้เราถึงบ่ายสามโมงนะคุณนิว ผมถามหน่อยเถอะว่าทำไมคุณถึงจะไม่ไปล่ะ ตอนนี้คุณไม่มีงานด่วนนี่”
นิรมลอึกอัก หากตอบตามความจริงออกไปน่าจะโดนดุแน่นอน แต่ว่า...ถ้าไม่ลองพูดดูก็จะไม่รู้ แล้วก็เป็นจริงอย่างที่เธอคิดไว้
“คะ...คือ นิวตั้งใจว่าวันนี้จะไปวัด ไปงานของแก้วตาค่ะ วันนี้บริษัทเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมไม่ใช่เหรอคะ”
“งานมีตั้งทุ่มสองทุ่มโน่น คุณไปพบลูกค้ากลับมาก็ยังทันอยู่ดี อีกอย่างงานนี้ก็สำคัญกับบริษัทมากทีเดียว”
นิรมลไม่มีทางเลือก เธอจำใจเตรียมเอกสารและสิ่งของเพื่อไปพบลูกค้าวีไอพีที่อยู่ค่อนข้างไกลจากบริษัทตามที่หัวหน้าสั่ง
หญิงสาวไปนำเสนองาน โชคดีที่ลูกค้าซื้อสินค้าชุดใหญ่ และซื้อเป็นจำนวนมาก ทำให้เธอต้องสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเพราะวันนี้เธอนำสินค้ามาไม่พอกับที่ลูกค้าต้องการ
“นิวขอเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้าไว้ก่อนก็แล้วกันค่ะ วันนี้สินค้ามีไม่พอ นิวขอเวลาสักห้าวันนะคะ”
“ได้สิครับ ยังไงคุณนิวติดต่อผ่านเลขาฯ ของผมได้เลยนะครับ”
กว่านิรมลจะออกมาจากบริษัทของลูกค้าได้ก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว หญิงสาวดูนาฬิกาข้อมือ บ่นพึมพำกับตัวเอง
“นี่ฉันจะไปวัดทันไหมเนี่ย”
แต่ดูเหมือนว่าเย็นนั้นการจราจรบนท้องถนนจะไม่เป็นใจเอาเสียเลย รถยนต์ติดหนักแทบไม่ขยับเขยื้อน กว่าหญิงสาวจะถึงคอนโดฯ ตัวเองก็ล่วงไปจนเวลาสามทุ่ม เธอได้แต่ดูรูปงานศพของแก้วตาที่เพื่อนร่วมงานถ่ายรูปเอาไว้ นึกเสียดายที่ไม่ได้ไปร่วมงานด้วยอย่างที่ตั้งใจ
“วันพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
............................................
เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลทำงานจนถึงเวลาพักเที่ยง หญิงสาวชวนเอกภพออกไปรับประทานอาหารกลางวันข้างนอกแถวบริษัท เพื่อที่จะได้รีบไปรีบกลับ ในระหว่างที่นั่งรออาหาร เธอก็เอ่ยถามเอกภพเรื่องไปงานศพของแก้วตา เขาก็ไม่ได้ไปงานนี้เช่นกัน
“จิ๋วมีอะไรหรือเปล่า?”
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว จิ๋วจะชวนไปฝ่ายบุคคลด้วยกันหน่อยนะ”
นิรมลชวนเขา เอกภพคิ้วขมวดด้วยความสงสัย
“ไปทำไมล่ะ จิ๋วมีเรื่องอะไรที่ต้องติดต่อฝ่ายบุคคล”
นิรมลไม่ตอบ ได้แต่ถอนหายใจ เธอเงยหน้ามองเอกภพแล้วตัดสินใจพูดเลี่ยงๆ ไม่บอกเขาตรงๆ ว่าเธอเจออะไรมาบ้าง
“คือ...จิ๋วอยากจะไปบ้านของแก้วตาน่ะ เมื่อวานตั้งใจจะไปงานศพ แต่กลับมาไม่ทัน คือ...เธอฝากของไว้ให้เอาไปให้สามีและลูก”
เอกภพมองหน้านิรมล ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด แต่สีหน้าของเขาแสดงความแปลกใจมากกว่าว่าหญิงสาวจะเอาของอะไรไปให้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่พยักหน้าให้
“กินเสร็จพอดี ไปกันเถอะจิ๋ว เดี๋ยวจะเข้างานสาย”
เอกภพพูด แล้วลุกขึ้นไปจ่ายเงินค่าอาหาร ก่อนเดินนำหน้าเธอเพื่อกลับเข้าบริษัท นิรมลรีบลุกขึ้นตามไป เอกภพเดินพาเธอมาจนถึงห้องที่อยู่ชั้นหนึ่ง ด้านหน้ามีป้ายเขียนไว้ว่า ‘ฝ่ายบุคคล’
“มีอะไรหรือเปล่าน้องนิว วันนี้ลงมาถึงห้องนี้ได้”
นิรมลยิ้มให้กับทุกคนในห้อง ตามปกติเธอไม่ได้ลงมาห้องนี้บ่อยนัก หากวันไหนเธอเดินลงมา นั่นแสดงว่าวันนี้ต้องมีอะไรบางอย่าง
“นิวแค่อยากจะมาขอที่อยู่ของแก้วตาค่ะ บังเอิญว่าก่อนที่แก้วตาจะเสียชีวิต เธอฝากของไว้กับนิว ก็เลยจะเอาของไปคืนให้สามีกับลูกของเธอค่ะ”
............................................
ในระหว่างที่นิรมลอยู่ในห้องนั้น เอกภพที่ยืนรออยู่หน้าห้องก็มองว่าเธอจะทำอย่างไร เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในห้องนั้นเพราะประตูห้องเป็นกระจกใส มองเห็นได้ว่าใครทำอะไร
“อ้าว...หนึ่ง มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ ไม่ไปทำงานหรือไง”
เอกภพหันไปมอง ชมพูนุทนั่นเองที่ทักทายเขา
“มายืนรอเป็นเพื่อนนิวน่ะ เข้าไปติดต่อฝ่ายบุคคลอยู่ตรงนั้น”
เขาพูดพร้อมชี้ให้ชมพูนุทดู เธอเห็นนิรมลยืนจดอะไรบางอย่างอยู่ที่แฟ้ม กำลังจะถามเอกภพต่อ แต่เธอกลับรู้สึกว่ามีใครบางคนสะกิดไหล่
“ชมพู หัวหน้าเรียกเข้าห้องทำงานแล้ว เดี๋ยวตอนบ่ายมีประชุมนะ”
ชมพูนุทหันหน้าไปมอง เพื่อนคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ นั่นเอง เธอพยักหน้าให้ พูดเบาๆ เพียงแค่ว่า
“เดี๋ยวฉันตามไป”
“ชมพูไปทำงานเถอะ เดี๋ยวนิวออกมาแล้วหนึ่งก็จะไปทำงานเหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้นชมพูไปทำงานก่อนก็แล้วกัน”
ชมพูนุทเดินจากไป พอดีกับที่นิรมลเดินยิ้มออกมาจากห้องฝ่ายบุคคล เธอมองหน้าเอกภพ และมองตามหลังชมพูนุทที่เดินหายเข้าห้องประชาสัมพันธ์ที่อยู่ติดกัน
“อ้าว! ชมพูรีบไปไหนล่ะหนึ่ง นี่ยังไม่ถึงเวลาเข้าทำงานเลยนี่นา”
“ได้ยินว่าตอนบ่ายมีประชุมน่ะ ก็เลยต้องรีบเข้าห้องไปก่อน แล้วได้มาไหม ที่อยู่ของแก้วตาน่ะ”
นิรมลยิ้มให้ และชูกระดาษขึ้นให้เอกภพเห็นชัดเจน
“นี่ไง โชคดีนะที่เขาเปิดแฟ้มของแก้วตาอยู่พอดี นิวเห็นก็เลยขอจดที่อยู่ไว้ก่อน เสียดายที่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์”
เอกภพพยักหน้า ยิ้มให้นิรมลด้วยความดีใจตามไปด้วย
“ดีแล้วละนิว ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นไปทำงานกันเถอะ จวนจะบ่ายโมงแล้ว”
เอกภพพูดแล้วเดินไปที่ลิฟต์ เขากดเพื่อขึ้นไปชั้นสามซึ่งเป็นห้องทำงานของนิรมล เมื่อทั้งสองคนก้าวเข้าไปในลิฟต์ และอยู่กันตามลำพัง เขาก็ถามหญิงสาวอีกครั้ง
“จิ๋วจะเอาของอะไรไปให้เหรอ ถ้าจิ๋วไปจริงๆ บีจะไปเป็นเพื่อนนะ บีเป็นห่วงไม่อยากให้ไปคนเดียว”
นิรมลยิ้มให้ แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไรออกมา ประตูลิฟต์ก็เปิดออก
ติ๊ง!
“งั้นนิวไปก่อนนะ ขอบใจที่มาส่งนะหนึ่ง”
“อ้าว! นิว”
เอกภพตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างเล็กบางนั้น เธอกลับเดินเข้าไปในห้องกระจกเพื่อทำงานต่อ เขาได้แต่ยืนมอง ถอนหายใจยาว พูดพึมพำอยู่คนเดียว
“ช่างเถอะ เดี๋ยววันเสาร์ค่อยคุยกัน”
ตู้ด....ตู้ด...“อ้าว สายหลุดเหรอเนี่ย ไม่เป็นไรงั้นเดี๋ยวโทร. ใหม่ก็แล้วกัน”กฤติกาโทรศัพท์อีกครั้ง แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าไม่มีสัญญาณอีกเลย นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวร้อนใจมากขึ้น จนต้องโทรศัพท์ไปหาใครอีกคนหนึ่ง“คุณอาไม่รับโทรศัพท์พี่เลย เราจะเอายังไงดีคะ ได้ค่ะ เย็นนี้เราไปบ้านคุณอาด้วยกัน”เย็นวันนั้น นรีนันท์แวะมาหากฤติกาที่โรงเรียน เพื่อจะเดินทางไปหาพ่อแม่ของมาวินด้วยกัน โดยมีนรีนันท์เป็นผู้นำทางไปบ้านมาวิน แต่เมื่อไปถึงที่นั่น ทั้งสองคนพบว่าไม่มีใครอยู่บ้าน กฤติกาจึงโทรศัพท์หาพ่อของมาวินอีกครั้ง“พี่โทรศัพท์ไม่ติดเลย สงสัยว่าคุณอาจะบล็อกเบอร์พี่ไปแล้วแน่ๆ”นรีนันท์เห็นแบบนั้น เธอจึงโทรศัพท์หาพ่อแม่ของมาวิน แต่ทั้งสองคนก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์เธอด้วยเช่นกัน ทำให้ทั้งคู่ได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าเหตุใดพ่อแม่ของมาวินไม่ยอมรับโทรศัพท์กันแน่!ถัดจากนั้นอีกสามวัน ที่โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด ช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนเลิกเรียนและกำลังทยอยกลับบ้าน ในระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของกฤติกาก็ดังขึ้น“สวัสดีค่ะ วั
เช้าวันเสาร์ นิรมลขับรถกลับมาบ้านที่จังหวัดนครปฐมอีกเช่นเคย แต่ในวันนี้แทนที่เธอจะได้พบเจอกับนรีนันท์ดังเช่นทุกครั้ง หญิงสาวกลับเจอแม่อยู่ที่บ้าน ถือว่าผิดปกติ“สวัสดีค่ะแม่ วันนี้ไม่ได้ไปทำนาเหรอคะ ทำไมอยู่บ้าน แล้วน้องไปไหนคะ”แม่ในตอนนั้นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ หันมาตอบในขณะที่กำลังกวาดพื้นบ้านอยู่“วันนี้แม่อยู่บ้าน ตั้งใจว่าจะเก็บของในห้องให้เป็นระเบียบมากกว่านี้จ้ะ ส่วนนัทไปค่ายอาสาน่ะ ตามกำหนดจะกลับมาบ้านวันนี้”นิรมลพยักหน้ารับรู้ เธอเห็นแม่ดูท่าทางเหน็ดเหนื่อย หญิงสาวเดาว่าแม่น่าจะทำความสะอาดตั้งแต่เช้าแล้วจึงรีบอาสาช่วยงานทันที“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวหนูเอาของขึ้นไปเก็บก่อนนะคะ แล้วจะลงมาช่วยค่ะแม่”นิรมลเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องชั้นสอง เพียงครู่เดียวก็รีบลงมา พร้อมกับเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น แม่ของเธอหันมาเห็นก็ยิ้มให้“แหม...จริงๆ แล้วไม่ต้องเปลี่ยนชุดก็ได้ แต่เอาเถอะตั้งใจขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวนิวช่วยแม่เอาของจากลังนี่ มาใส่กล่องพลาสติกให้แม่ที”แม่พูดแล้วชี้ให้นิรมลดูว่าเธอต้องย้ายของจากกล่องไหน หญิงสาวพยักหน
วันรุ่งขึ้น เป็นเช้าวันจันทร์อันแสนสดใส นิรมลขับรถออกจากบ้านที่นครปฐมตั้งแต่ตีห้า หญิงสาวต้องไปแวะที่คอนโดฯ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย เธอขับรถผ่านจุดที่เกิดเหตุ ก็ได้พบเจอกับร่างโปร่งแสงของมาวินอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มาวินไม่ได้มาในสภาพน่ากลัวอีก แต่กลับยิ้มให้ด้วยใบหน้าที่มีความสุข พูดขอบคุณหญิงสาวที่ช่วยเหลือเขามาตลอด“ผมขอบคุณพี่นิวมากนะครับ ของที่ฝากพี่ไก่ไว้ เดี๋ยวพ่อแม่ผมไปเอาของคืนเอง แล้วก็...ผมฝากให้พี่ช่วยบอกพ่อแม่กับคุณลุงคุณป้าลองปรับความเข้าใจกันด้วยนะครับ”มาวินพูดเพียงแค่นั้น แล้วร่างโปร่งแสงของเขาก็หายวับไปกับตา นิรมลจึงพูดเสียงดัง“ตกลงจ้ะ วันไหนพ่อแม่ได้ของคืนแล้วมาบอกพี่ด้วยนะ”นิรมลเข้าทำงานที่บริษัท ด้วยความที่เป็นเช้าวันจันทร์ จึงมีแต่โทรศัพท์จากลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสาย นอกจากนี้ยังมีประชุมอย่างต่อเนื่อง หญิงสาวยุ่งกับงานจนลืมเรื่องราวของมาวินไปเสียสนิทเหตุการณ์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ นิรมลยุ่งวุ่นวายกับการทำงานจนลืมวันลืมคืน จนกระทั่งถึงวันพฤหัสบดี เป็นวันครบรอบการคบกันถึงเจ็ดปีของนิรมลและเอกภพ ด้วยความยุ่งทำให้นิรมลลืม แต
นิรมลและนรีนันท์ไปถึงโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด ซึ่งเป็นโรงเรียนเดิมของทั้งคู่ ประตูรั้วโรงเรียนปิดเนื่องจากเป็นวันหยุด แต่ทั้งสองคนก็ยังมองเห็นว่าภารโรงของโรงเรียนยืนคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่พวกเธอทั้งสองคนมองไม่เห็นหน้า เนื่องจากหญิงสาวคนนั้นหันหลังให้นิรมลยืนมองด้านนอกประตูรั้ว ทีแรกนรีนันท์จะเปิดประตูเข้าไป แต่พี่สาวของเธอห้ามไว้“จะเข้าไปทำไม ยืนรออยู่ตรงนี้ก่อนดีกว่า”โชคดีที่ทั้งคู่ต่างยืนรอกันอยู่ที่หน้าโรงเรียน อีกสิบห้านาทีต่อมา หญิงสาวคนที่ยืนคุยอยู่นั้นก็เดินออกมา นรีนันท์ที่ยืนมองอยู่ตาโตด้วยความดีใจ เธอรีบสะกิดบอกนิรมลทันที“พี่นิว พี่คนนี้แหละค่ะที่เป็นญาติของมาวิน”“จริงเหรอ นัทรู้ได้ยังไง”นรีนันท์ยิ้มให้กับพี่สาว แต่ก่อนที่จะทันอธิบายอะไรออกมา หญิงสาวคนนั้นก็ออกมาถึงหน้าโรงเรียนแล้ว นรีนันท์จึงเปลี่ยนเป็นเดินไปหาหญิงสาวคนนั้นแทน“สวัสดีค่ะพี่ไก่ จำนัทได้ไหมคะ”หญิงสาวคนนั้นหยุดชะงัก เธอมีใบหน้าคล้ายกับมาวิน แต่ขาวกว่า รูปร่างส่วนสูงพอๆ กันกับนรีนันท์ หญิงสาวคนนั้นหยุดคิดเพียงครู่เดียว แล้วร้องออกมา“
เช้าวันรุ่งขึ้น นรีนันท์รีบมาที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า เธอนัดเพื่อนๆ ที่ห้องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย หญิงสาวได้รับข้อความจากพี่สาวว่ารู้พาสเวิร์ดแล้วและพิมพ์บอกรหัสนั้นมาให้กับเธอนรีนันท์ตื่นเต้น และลุ้นมากว่ารหัสพาสเวิร์ดที่พี่สาวบอกนั้นจะถูกต้องหรือไม่ แต่เมื่อพวกเธอได้ทดลองเข้าอีเมลของมาวิน ปรากฏว่าถูกต้อง สามารถเข้าอีเมลได้ ทั้งสามคนต่างก็ดีใจกันมาก“เอาล่ะ คราวนี้กลุ่มพวกเราก็มีงานส่งกันสักที”นรีนันท์และเพื่อนๆ อีกสองคนต่างก็วุ่นวายกับการช่วยกันทำรายงานส่งอาจารย์ และสามารถส่งงานอาจารย์ได้ทันภายในวันศุกร์ตามที่กำหนดไว้ จนนรีนันท์ลืมถามนิรมลว่ารู้รหัสพาสเวิร์ดของมาวินได้อย่างไร?จนกระทั่งถึงวันเสาร์ นิรมลกลับมาถึงบ้านที่นครปฐมตั้งแต่เช้า ได้เจอกับนรีนันท์ที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก“พี่นิว ดีใจจังเลยค่ะที่กลับมา นัทกำลังคิดถึงพี่อยู่เลย”นรีนันท์วิ่งมากอดพี่สาวด้วยความคิดถึง นิรมลกอดน้องสาวตอบ เธอมองน้องสาวที่แต่งตัว สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ เหมือนว่าเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกมากกว่าจะอยู่บ้าน“นัทจะออกไปข้างนอกเหรอ แต่งตัวจะไปไห
นรีนันท์ที่ตอนนั้นถึงจะไม่เชื่อพี่สาวก็ตาม แต่เมื่อเธอย้อนกลับไปคิดทบทวนอีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจที่จะทำตามอย่างที่พี่สาวบอก นั่นก็คือลองสอบถามจากเพื่อนๆ ของเธอที่ไปเจอมาวินในที่เกิดเหตุ“แกต้องไปถามแม่ของมาวินแล้วแหละ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าของมาวินอยู่ไหน บางทีของอาจจะอยู่กับพ่อแม่ของเขาแล้วก็ได้”นรีนันท์ค้นหาเบอร์โทรศัพท์แม่ของมาวินที่เธอเคยขอไว้สำหรับการติดต่อกันเมื่อตอนงานศพของมาวิน แต่คำตอบของแม่มาวินกลับทำให้เธอสงสัยมากขึ้น‘แม่ยังไม่ได้ไปรับของคืนที่สถานีตำรวจเลย พ่อแม่ยังไม่ว่าง หนูมีอะไรหรือเปล่า’“เอ่อ...นัท...ตอนนี้นัทยังไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่นัทนึกถึงวันที่มาวินมาที่บ้าน วันนั้นดูเหมือนว่ามาวินจะมีโน้ตบุ๊กมาด้วย”‘งั้นเหรอจ๊ะ เอาเป็นว่าถ้าวันไหนแม่ว่างจะลองไปติดต่อที่สถานีตำรวจดูนะ’นรีนันท์วางโทรศัพท์ เธอนึกถึงเรื่องเมื่อเช้านี้ที่พี่สาวของเธอโทรศัพท์มาเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟัง‘มาวินบอกว่าไฟล์รายงานที่ทำงานกลุ่มกัน อยู่ในโน้ตบุ๊กของเขา เขาอยากจะให้เอาของไปคืนให้พ่อแม่ของเขาให้หมดน่ะ’“แล้วพี่นิวรู้ได้ยังไงกัน มาวินมาเข้าฝันพี่หรือไง”นรีนันท์พูดเย้าแหย่พี่สาวเล่นๆ แต