ฝุ่นโขมงคละคลุ้งเร่ิมจางไป เจฟเฟอร์ไม่ถึงกับสลบแต่รู้สึกได้เลยว่าพวงแก้มเขาไม่ปกติแน่ มันเจ็บแปล๊บ ๆ แซมไปกับประกายไฟที่สปาร์คเป๊าะแป๊ะ ๆ อยู่ใต้ผิว ขบกรามซี๊ดริมฝีปากก่อนจะใช้มือที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวลูบลงไปยังใบหน้าที่เพิ่งโดนตบ
.
"ซี๊ดดดดด! เจ็บชิบหาย หมอยูมิโกะแกไปเอาแรงควายแบบนี้มาจากไหนฟะ อูยยย! "
"โอ๊ะ! แล้วนี่มัน! เชี้ย! กระเทาะออกมาเป็นกาบเลยแม่งเอ๊ย! หนังหน้ากู!"
.
"เป๊าะแป๊ะ ๆ ! , เปรี๊ยะ ๆ ! "
.
ฝ่ามือสั่นระริกภายหลังจากที่เจฟเฟอร์คลำไปโดนแผงโลหะกับเศษสายไฟที่อยู่ในหน้าตัวเองเข้า มันเสียหายหนักเอาการ! หน้าเขาแหว่งไปครึ่งซีก ผิวหนังหลุดร่อนแตกระแหงออกเป็นขุย ยิ่งพยายามจับยิ่งเจอแต่หลุมโบ๋ อย่าว่าแต่ใช้กระจกส่องเลย แค่นี้เจฟเฟอร์ก็รู้แล้วล่ะว่าใบหน้าอันหล่อเหลาของตนได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว มิหนำซ้ำ! ลิ่มเลือดกับเศษน้ำมันหล่อลื่นที่ไหลซึมออกมา ยังไปเรียกแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างฝูงแมลงวัน ให้มาตอมใบหน้าเข้าให้อีก
.
"ไป! ชิ่ว! ไป! ฉันยังไม่ตายสักหน่อยเจ้าแมลงวันหัวเขียว คนเว๊ย! ไม่ใช่ศพฉันยังไม่เน่าโว๊ยเจ้าพวกบ้า! ไป! ชิ่ว! "
"แหนะ! ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ อย่านะเว่ยอย่าไชเข้ามาในหน้าฉัน แผลแตกระดับนี้จะซ่อมได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ชิ่ว! ไป! "
.
โถเจฟเฟอร์ผู้หน้าสงสาร ด้วยความที่เขามีแขนอยู่ข้างเดียวอะไร ๆ ก็เลยยากไปหมด สุดท้ายก็เลยต้องตัดสินใจลุกขึ้น แล้วก็วิ่งหนีฝูงแมลงวันอันสกปรกแบบโคตรจะทุลักทุเล ล้มลุกคลุกคลานหน้าทิ่มดินไปหลายรอบ เรียกได้ว่าหมดกันกับสภาพสายลับเชิงสูงผู้เก่งกาจที่สุดของ Parallel
.
เขาเลือกที่จะวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม ตามทางที่เพิ่งจะถูกฝ่ามืออรหันต์ตบจนปลิวละล่อง ในแง่ของการนำทางนั้นถือได้ว่าแรงอัดขนาดมหึมาที่ทำให้ผิวดินลึกลงเป็นร่องยาวหลายร้อยเมตรนี้ ได้ช่วยเขาเอาไว้มาก แต่กับคำถามที่ว่ามันคือพลังอะไร? หมอยูมิโกะทำได้ยังไง? และที่นี่คือที่ไหน? ยังคงเป็นปริศนาที่ทำให้เจ้าตัวต้องฉุดคิดอยู่ตลอด มันควรจะเป็นชั้น 4 ของอาคาร Parallel มิใช่เหรอ พื้นที่เหยียบอยู่ก็ควรจะเป็นแผ่นกระเบื้องหรือไม่ก็ปูนซิเมนต์หยาบ ๆ สิ ด้านบนเองก็ควรจะเป็นฝ้าเพดานที่มีหลอดไฟส่องสว่าง ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ดวงเบ้อเร่อกับก้อนเมฆขาวปุกปุยเช่นนี้
.
"วุ๊ย! รำคาญจริงเว๊ย! ไอ้แมลงพวกนี้คนยิ่งต้องใช้สมาธิในการคิดอยู่"
.
"หึ่ง ๆ ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆ ๆ "
.
"พวกมึงจะตอมอะไรกูนักหนาห๊ะ! เดี๋ยวยิงแม่งทิ้งซะให้หมด!"
.
"แล้วดูสิร้อนชิบหาย! กอหญ้าแห้งกลิ้งหลุน ๆ นั่นอีก! พ้ืนที่ด้านหลังม่านเจลตึ๋งหนืดนี่มันยังไง จะว่าเป็นโฮโรแกรมสำหรับฝึกซ้อมการออกภาคสนาม ตัวเรา , ปิเก้ , เฟอร์นันโด ก็เคยใช้มาก่อนแล้ว มันไม่ใช่แบบนี้เลย! สิ่งที่เราสัมผัสอยู่นี้คือของจริงล้วน ๆ เล่นจริงเจ็บจริง! หน้าเละ ๆ ของเรานี่ไงคือหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด"
.
"หึ่ง ๆ ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆ ๆ "
.
"เออ! ใช่! จ๊ะใช่! แมลงวันอย่างพวกมึงก็เป็นของจริงด้วย! พอใจรึยัง! ชิ!"
.
ระหว่างพรั่นพรึงกับตัวเองไปเรื่อย ๆ สองเท้ากับแขนหนึ่งข้างก็ประคองร่างอันอิดโรยเดินโซซัดโซเซตามทางมาจนกระทั่ง เริ่มสังเกตเห็นเงาตะคุ่มของหญิงสาวในชุดรัดรูปสีเหลืองอำพัน
.
"อ่ะนั่นไงเริ่มเห็นเงาลาง ๆ ของหมอยูมิโกะแล้ว ชะลอฝีเท้าหน่อยดีกว่าเรา เซ็ทระบบอาวุธไว้ด้วยก็ดีเผื่อหมอแกจะทำอะไรบ้า ๆ ใส่เราอีก"
.
"โหมดจู่โจม สวิทซ์ออน!"
.
สิ้นสุดคำสั่งควันดันขึ้นโขมง! ซ้ำร้ายเขม่าบางส่วนยังลอยลอดออกมาทางผิวหน้าที่แตกเป็นโพรง ในมุมมองบุคคลที่หนึ่งเจฟเฟอร์ไม่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างเป็นสีแดงได้ ตรงกันข้ามหน้าจอสั่งการของเขากลับปรากฏแถบดำคาดเด่นขึ้นมากลางจอ พร้อมกับข้อความเตือนที่แจ้งให้ทราบว่า
.
"SYSTEM.. ERROR!!!"
.
"ตายโหงแล้วมึงเอ๊ย! เอาไงต่อดีวะทีนี้ คิดสิคิด! แต่เราไม่มีชอยต์ให้เลือกเลยอ่ะ จะกลับออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ ต้องเป็นเพราะเราไปเผาม่านเจลของหมอแกแน่แกถึงได้เล่นงานเอาแบบนี้"
.
"เฮ้อ..!"
.
"เอาวะ! ทำใจดีสู้เสือดูสักตั้ง อธิบายเหตุผลให้หมอแกฟังดี ๆ บางทีอารมณ์แกอาจจะดีขึ้นก็ได้ เพราะถึงยังไงซะแขนซ้ายที่ขาดของเราก็มีแค่หมอยูมิโกะเท่านั้นที่มีสกิลพอที่จะช่วย งานนี้ยังไงก็ต้องพึ่งหมอว่ะ"
.
ชายหนุ่มรวบรวมความกล้า เขายืดตัวขึ้นแล้วเดินตรงเข้าไปหาหมอสาวอย่างสง่าผ่าเผยแบบไม่มีอะไรจะเสีย แม้ว่าใบหน้าจะเต็มไปด้วยกลุ่มควันโพยพุ่ง พวงแก้มจะกะเทาะแตกเป็นรูโบ๋ และเต็มไปด้วยฝูงแมลงวันตอนหึ่ง ๆ ก็ตามที
.
"หมอครับคือผมขอโทษ เรื่องม่านเจลผม.. ผะ...!"
.
"ชู่วววว! ไม่ต้องอธิบายอะไรหรอกค่ะ หมอรู้ทุกอย่างหมดแล้ว.."
.
"ได้ไงครับ ก็ในเมื่อผมเพิ่งเจอกับหมอ?!"
.
"เอ้าคุณเจฟเฟอร์! ก็ในเมื่อในนี้คือโลกของหมอ หมอย่อมต้องรู้ทุกอย่างสิแล้วหมอก็มีรีโมท มาสิมายืนทางนี้หมอจะทำให้ดู" , "ติ๊ด!"
.
หมอยูมิโกะกวักมือเรียกเจฟเฟอร์ให้มายืนข้าง ๆ ทั้งที่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรต่างกัน ตำแหน่งที่หมอสาวในชุดรัดรูปยืนอยู่ก็เป็นแค่เนินดินลูกรังกว้าง ๆ มีต้นไม้แห้ง ๆ งอกกระหยอมกระแหยมคล้ายกับจะตายมิตายแหล่ แต่ทว่าวินาทีที่เสียงรีโมทหยุดร้อง ความลับบางส่วนก็ได้ถูกเฉลยออกมา!
.
.
จู่ ๆ รอบจุดที่ทั้งสองยืนอยู่ก็เกิดการเคลื่อนไหววูบวาบ! ดินแห้ง ๆ แข็ง ๆ ดันกลายสภาพเป็นอะไรที่ยืดหยุ่นราวกับเยลลี่ ใช่แล้ว! คุณลักษณะเหมือนกับม่านเจลตึ๋งหนืดที่เจฟเฟอร์เพิ่งเผาทำลายไปเป๊ะ ๆ ต่างกันก็แค่สี ที่หนนี้เป็นแผ่นเจลสีน้ำตาลเข้มคล้ายกับสีของดินมากกว่า
.
30 วิผ่านไปเจฟเฟอร์ก็ต้องตกตะลึงอีกที เมื่อคราวนี้หน้าจอคอนโซลสั่งการแล้วก็แป้นคีย์บอร์ดควบคุมต่าง ๆ ได้ค่อย ๆ กระเถิบตัวผุดขึ้นมาจากเบื้องล่าง โผทะยานแหวกก้อนเจลที่แผ่สยายอยู่เต็มพื้น รูปร่างมันคล้ายกับหน้าจอสำหรับดูภาพวงจรปิดตามห้างสรรพสินค้า ส่วนชุดคีย์บอร์ดเองก็เป็นระบบยิงแสงโฮโรแกรม เหมือนกันกับที่หมอยูมิโกะใช้อยู่ในโซนของชั้น 4 ส่วนหน้า ในโลกข้างนอก
.
"เอิ่ม! หน้าจอพวกนี้คืออะไรครับหมอ? ดูดิผุดขึ้นมาทั้งโต๊ะทำงานเลย?"
เจฟเฟอร์ถามด้วยความสงสัย พลางสืบเท้าเข้าไปดูภาพเคลื่อนไหวที่เด่นหลาอยู่บนนั้น จ๊วก.. จ๊าก.. จึก.. จัก!.. จึก! คือเสียงฝ่าเท้าที่จมบุ๋บลงไปในเจลกว่าครึ่งแข้ง ซึ่งก็เป็นความอยากรู้อยากเห็นเจ้ากรรมนี้เอง ที่ทำให้เจฟเฟอร์ลืมไปซะสนิทว่าตัวเองนั้นเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเพราะเมือกเจลแบบนี้มาแล้ว
.
"จะดูเอาเอง.. หรือจะให้หมออธิบายล่ะคะคุณเจ้าหน้าที่?"
เจฟเฟอร์ทำหน้างงหลังได้ยินคำถาม แต่ถึงครานั้นเจ้าตัวก็ยังเดินหน้าต่อ
"หืม!.. เฮ่ย!"
"น่ะ.. นี่มันความทรงจำของผมนี่! ทุกอย่างเลยทั้งคำพูดท่าทางความคิด หมอ Drain มันออกไปจากหัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่!"
.
"ไม่สำคัญหรอกค่ะ ก็คุณสลบไปตั้งกี่ที หมอจะให้ยูมิจังผู้ช่วย Drain ออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ถูกต้องไหมคะ?"
แพทย์หญิงหรี่ตากอดอก พลันจ้องเขม็งมาทางเจฟเฟอร์หมายจะเอาเรื่อง
.
"แต่กับสิ่งที่คุณคิดและทำหมอรับไม่ได้จริง ๆ ค่ะคุณเจฟเฟอร์ พวกคุณมันสารเลว! ทุกคนเลย! พวกภาคสนามทุก ๆ คน! หมอเห็นแล้วนะว่าเกิดอะไรขึ้นในโรงอาบน้ำ ไหนจะความคิดวิตถารที่คิดจะทำมิดีมิร้ายกับแคทเธอรีนร้านดอกไม้อีก แล้วก็กับยูมิจังผู้ช่วยหมอ! โอ๊ยเยอะแยะเต็มไปหมด! พวกคุณทำกับสตรีเพศอย่างเราได้ยังไงมิทราบ นั่นต่ำทรามและไร้ความเป็นสุภาพบุรุษที่สุด! เรื่องนี้ต้องถึงหูบอสคอยดู!"
.
"งั้นเหรอครับ! เพราะงั้นหมอก็เลยตบผมจนหน้าเป็นอย่างงี้อ่ะเหรอ!"
.
"แกร๊ก!" , "โอ๊ย!"
เจฟเฟอร์ขึ้นเสียงใส่บ้างเพื่อเป็นการตอบโต้ แต่ดันโกรธไปหน่อยก็เลยพลาดสะบัดคอแรงเกินไป
.
"หมอดูสภาพผมดิแมลงวันตอมหึ่ง ๆ เลย สายไฟแม่งขาดจนสปาร์คออกมาข้างนอก ควันก็ขึ้นโขมง! ทีแรกผมก็คิดว่าเป็นเพราะผมไปยิงทำลายผนังม่านเจลของหมอซะอีก ที่แท้สาเหตุก็เป็นเพราะเรื่องนี้นี่เอง"
.
"นั่นก็ส่วนหนึ่งค่ะแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ผนังนั่นเป็นสิ่งมีชีวิตเทียมสังเคราะห์ที่หมอสร้างขึ้นมาเช่นเดียวกับยูมิจังและนาริตะ จะต่างกันนิดหน่อยก็แค่ไม่มีกระดูกสันหลังแล้วก็ไม่มีร่างกายเหมือนมนุษย์ หมอดีดนิ้วเปร๊าะเดียวทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิมแล้ว ลองหันกลับไปดูสิ!"
.
จบประโยคเจฟเฟอร์ก็เลยรีบเอี้ยวตัวกลับไปมอง แล้วก็ได้พบกับความจริงอันน่าอัศจรรย์ที่ว่า ม่านเจลกำแพงกั้นนั้นได้เซ็ตตัวกลับคืนรูปร่างแล้ว สีแดงช้ำเลือดช้ำหนองของมันกลับมาทำงานเป็นปกติ รอยไหม้หรือร่องรอยความเสียหายถูกกลืนกินไปหมด มิหนำซ้ำการเต้นตุบ ๆ ของมันก็เหมือนจะรวดเร็วขึ้นจนน่าเกรงขาม
.
"มะ.. มัน! มีชีวิต! มิน่าล่ะทำไมหมอถึงผ่านเข้ามาได้ง่าย ๆ ถ้างั้นพื้นดิน , ดวงอาทิตย์ , ท้องฟ้า , ก้อนเมฆ , อุณหภูมิ ฯลฯ โลกหลังม่านเจลนี้คืออะไรกันแน่หมอ?"
.
"หึ ๆ ก็บอกแล้วไงคะว่านี่คือโลกของหมอ อย่าว่าแต่สิ่งที่คุณพูดมาเลยคุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ แม้แต่แมลงวันที่ตอมหึ่ง ๆ อยู่บนผิวหน้าคุณนั่นก็ด้วย คุณไม่รู้สึกตัวเลยรึไงว่าผิวหนังกับอวัยวะเทียมของคุณกำลังถูกซ่อมแซมอยู่ ถ้าหมอเดาไม่ผิดคุณคิดที่จะทะลึ่งใช้อาวุธกับหมอใช่ไหม? ไม่งั้นควันพวกนั้นคงไม่เกิดขึ้นหรอก เสียใจด้วยนะคะจากที่จะรักษาได้ภายในสิบนาที ดูท่าทางคงต้องยืดออกไปเป็นชั่วโมงซะแล้ว.."
.
ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับสะดุ้ง! เพราะทันทีที่เจฟเฟอร์ลูบไล้ลงไปบนใบหน้าตัวเองอีกครั้ง เขาก็ได้พบว่าผิวหนังแผ่นใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาทดแทนอันเดิมแล้วกว่าครึ่ง กลับกลายเป็นแมลงวันอันแสนสกปรกซะอีกที่เป็นคนรักษาพยาบาลตัวเขา ชายหนุ่มนิ่งเงียบโน้มคอลงต่ำ พยายามครุ่นคิดที่จะประติดประต่อเรื่องราวที่ยังสงสัยเข้าด้วยกัน
.
"ถ้างั้นเรี่ยวแรงมหาศาลของหมอเมื่อครู่ล่ะครับ มันเกิดจากอะไรผมคิดยังไงก็คิดไม่ออก?"
"เฮ้อ.. ให้ตายสิ! หมอขอพูดกับคุณตรง ๆ นะคุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ ว่าที่หมอทำไปน่ะเพราะจรรณยาบรรณล้วน ๆ หมอไม่อยากรักษาคุณด้วยซ้ำ พวกคุณมันเลว! มันทำร้ายผู้หญิง! แต่หมอก็เลือกปฏิบัติไม่ได้ เพราะในอีกบทบาทหนึ่งเจ้าหน้าที่ภาคสนามของ Parallel ก็คือคนที่ช่วยให้โลกนี้สงบสุข พวกคุณยับยั้งการเกิดสงคราม พ่อแม่หมอเองก็ตายในสงครามและหมอไม่อยากเห็นมันเกิดขึ้นอีก"
.
เธอชำเลืองสายตามายังเขา ก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาใกล้ ๆ และวางมือลงที่บาดแผลตรงแขนซ้ายที่ขาดวิ่น
.
"ถามว่าพลังแขนหมอมาจากไหนใช่ไหม? เห็นแก่คุณงามความดีของคุณหมอจะบอกความจริงให้รู้ก็ได้ สถานที่แห่งนี้คือห้องทดลองของหมอ ทุกอย่างในนี้คือสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ที่หมอเพาะขึ้นจากเนื้อเยื่อในห้องแล็บ คุณเองก็เห็นยูมิจังกับนาริตะจังแล้วใช่ไหม?"
.
"เอิ่ม.. ใช่ครับ พวกเธอเหมือนคนจริง ๆ แถมยังมีอารมณ์ความรู้สึก"
.
"ถูก! แล้วคุณคิดว่าขนาดสิ่งมีชีิวิตซับซ้อนระดับนั้นหมอยังสร้างได้ แล้วประสาอะไรกับสิงสาราสัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวอย่างจุลินทรีย์ ทำไมหมอจะสร้างไม่ได้ถูกไหม?"
.
"นั่นสินะครับ งั้นหรือหมอกำลังจะบอกผมว่าหมอบังคับได้แม้กระทั่งจุลินทรีย์ที่มองไม่เห็น"
"ก็ตามนั้นแหละ ที่หมอตบคุณจนกระโหลกยุบกระเด็นไปเป็นกิโลได้น่ะ ไม่ใช่เพราะหมอหรอกแต่เป็นเพราะจุลินทรีย์ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเป็นล้าน ๆ ๆ ตัวต่างหากที่เป็นคนทำ!"
.
มันดูจริงเอามาก ๆ เจฟเฟอร์ได้ยินถึงกับเสียวแปร๊บขึ้นฉับพลัน หมอยูมิโกะไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นในพื้นทีี่ส่วนตัวของเธอตรงนี้ ถ้าเธอคิดจะฆ่าใครขึ้นมาแล้วล่ะก็ ไม่มีทางเลยที่คน ๆ นั้นจะรอดไปได้ ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มก็เลยพยายามหาทางเลี่ยงด้วยการลองชมเธอดู
.
"ขอบคุณมากนะครับหมอ ทุกอย่างเลย ผมรู้แล้วล่ะครับว่าทำไมบอสถึงเลือกให้เด็กสาวชาวเอเชียที่เหลืออยู่น้อยนิดบนโลก มาทำงานเป็นแพทย์ประจำ Parallel ด้วยงานที่ต้องใช้ความรับผิดชอบสูงขนาดนี้หมอยูมิโกะเก่งมาก ๆ เลยนะครับ"
.
"นี่คิดว่าชมหมอแล้วหมอจะหายโกรธเรื่องที่พวกคุณโทรมหญิงในห้องอาบน้ำเหรอคะ บอกเลยค่ะว่าไม่มีทาง! เรื่องนี้ยังไงซะก็ต้องถึงหูบอสแน่ พวกเราสนิทกันจะตาย!คุณลืมไปแล้วรึไง?"
"เปล่าครับ.. ผมชมจริง ๆ ผมยอมรับชะตากรรมทุกอย่างแหละหมอ แต่ที่ผมชมหมอเนี่ยะเพราะตอนนี้ผมคิดว่าหน้าผมมันโอเคแล้ว ระบบจู่โจมก็หาย ERROR แล้วด้วย แมลงวันของหมอช่วยชีวิตผมเอาไว้เชียว"
.
"เอ๋.. งั้นเหรอนี่พวกเราคุยกันนานขนาดนั้นเชียว ถ้างั้นหมอขอสรุปรวบยอดเลยแล้วกันเกี่ยวกับเรื่องแขนซ้ายที่ขาดไปของคุณ"
.
"ตกลงหมอยังจะช่วยผมอยู่ใช่ไหมครับ? หายโกรธแล้วใช่ไหม?"
.
"อารมณ์ก็ส่วนอารมณ์ค่ะงานก็ส่วนงาน หน้าที่ของหมอคือช่วยรักษาเจ้าหน้าที่ทุกคนใน Parallel ในเมื่อคุณแขนขาดมาหมอก็ต้องรักษาให้ได้ ส่วนเรื่องความผิดของคุณกับพวกที่รุมโทรมหญิงนั้น ไว้ค่อยเคลียร์กันทีหลังหมอคิดว่าหมอมีวิธีเล่นงานคุณได้อยู่แล้ว"
.
"อะ...เอิ่ม ยังไงก็ได้ครับ สุดแต่ใจหมอจะไขว่คว้าเถอะ"
เจ้าหน้าที่หนุ่มหลุบตามามองต้นแขนที่ขาดหายไปของตัวเอง สลับกับการมองเข้าไปยังนัยน์ตาอันเล็กหยีเรียวยาวของหมอยูมิโกะ ที่คาดเดาไม่ได้ว่าเธอจะทำอะไรต่อจากนี้
.
"โอเคถ้างั้นหลบมาทางนี้แป๊บนึง ขอหมอใช้คีย์บอร์ดหน่อยรีโมทมันสัญญาณไปไม่ถึง"
.
"กร๊อก ๆ ๆ แกร๊ก ๆ ๆ "
นิ้วเรียวคีย์ข้อมูลบนโต๊ะสั่งการด้วยความรวดเร็ว แล้วทันทีที่เคาะปุ่นเอ็นเตอร์หน้าจอเล็ก ๆ 4 - 5 จอที่ฉายภาพความทรงจำสุดฉาวของเจฟเฟอร์อยู่ก็ดับ ฟับ!!! ลง
.
ตามติดมาด้วยแผ่นเจลบนพื้นที่เต้น ตุบ ๆ ๆ ๆ ด้วยความรุนแรง! การกระเพื่อมของมันถี่รัวราวกับหัวใจมนุษย์ที่กำลังสูบฉีดเลือดด้วยอัตราเร็วสูงสุด!
.
"ปู๊นนนนน!!!"
.
ควันเป็นสายพุ่งออกมาตามรอยแยกบนเนื้อเจล ความสูงของลำเขม่าสูงเหนือหัวเจฟเฟอร์ไปมากกว่าสามช่วงตัวเห็นจะได้ ซึ่งเป็นอะไรที่สูงมาก มิหนำซ้ำยังกระจายตัวพุ่งแบบนี้เป็นจุด ๆ ไปทั่วบริเวณ สลับกับการแผดเสียงโหยหวนอันแสนน่ากลัวเป็นพัก ๆ
.
"ปู๊นนนนน! , ปู๊นนนนน! , ปู๊นนนนน!"
.
สถานการณ์วิกฤตหนักเมื่อเท้าของเจฟเฟอร์ดันขวิดลอยพ้นจากพื้น! เขาเสียการทรงตัวยืนไม่อยู่เนื่องจากพื้นมันยุบยวบยาบขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ตลอดเวลา ใบหน้าคะมำลงไปไม่เจ็บเท่าไหร่แต่ไอ้เจลยางระยำนี่สิ ที่กำลังจะดูดเจฟเฟอร์ลงไปตายข้างล่างอีกเป็นครั้งที่สอง โชคดีที่หมอยูมิโกะสังเกตเห็นได้ทันเวลาพอดี ก็เลยโผลตัวลงมาจากด้านบนพร้อมกับฉุดรั้งมือเขาเอาไว้!
.
"หมับ!"
.
"อะไรเนี่ยะหมอ? หมอบินได้ด้วยเหรอ!? "
.
เชื่อว่าเป็นใครก็ต้องตกใจเหมือนกับเจฟเฟอร์ ในมุมมองของเขา ๆ เห็นแสงระยิบระยับ ขยับยุกยิกส่องประกายอยู่รอบตัวหมอยูมิโกะราวกับเป็นออร่าของเทพเจ้า ซึ่งแน่นอนว่านั่นไม่ใช่เวทย์มนต์แต่อย่างใด หากแต่เป็นหนึ่งในจุลินทรีย์บนชั้นบรรยากาศที่หมอแกเลี้ยงไว้ใช้งานซะมากกว่า
.
"ชู่ววววว! ช่วยหุบปากก่อนสักพักได้ไหมคะ ฮึบ! คือหมอไม่คิดว่าจะรั้งน้ำหนักตัวคุณได้ไหว ถ้าเห็นส่วนรางโผล่พ้นขึ้นมาจากเจลเมื่อไหร่รีบบอกหมอเลยนะ จะได้รีบวางคุณลง! ฮึบ! โอ๊ยหนักจัง! อดทนหน่อยนะเด็ก ๆ "
.
"รางห่ารางเหวอะไรวะ!?" คือสิ่งที่เจฟเฟอร์คิดแต่ไม่พูดออกมา เขายังคงเพ่งความสนใจไปที่ออร่าเปล่งประกายอันสวยงามที่อยู่รายรอบมากกว่า ลอยสูงจากพื้นประมาณ 3 เมตร เท่ากับตึก 2 ชั้นเห็นจะได้ แต่รู้อะไรไหม? เจฟเฟอร์แม่งไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองตัวเบาสบายขนาดนี้มาก่อนเลย นี่เขาเป็นประจำเดือนหรอ? เขาสวมผ้าอนามัยแบบมีปีกอยู่รึเปล่า?
.
เสี้ยววินาทีต่อมาเจลยางข้างล่างก็มีสภาพไม่ต่างจากขุมนรก มันเต้นตุบ ๆ ๆ จนเสียดสีกันและเกิดเป็นความร้อนระดับสูงขึ้น! เนื้อเจลเดือดปุด ๆ ชนิดที่ควันที่เคยพุ่งออกมานั้นสลายกลายเป็นหมอก นั่นจึงส่งผลให้ทัศนวิสัยแย่ลงก็เลยยิ่งทำให้คนจากด้านบนเพ่งมองลงมาลำบากมากขึ้น
.
.
หมอยูมิโกะกำลังมองหาอะไร? เจฟเฟอร์จะหล่นลงมาจมเจลลาวาตายไหม? แล้วแขนซ้ายเจ้ากรรมที่กำลังตามหาล่ะ ติดตามต่อได้ตอนหน้าจ่ะ
คุ้มไหมกับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย คุ้มไหมกับเวลาที่เสียไปให้แก่แขนข้างหนึ่ง เพื่อเอามาแลกกับการทำอะไรที่ต่ำทรามเช่นนี้."นี่กูจำเป็นต้องทำแบบนี้จริง ๆ เหรอวะ? แม่งเอ๊ย! มันกระจอกเกินไปรึเปล่าวะไอ้เจฟ?".มือซ้ายข้างใหม่ที่เพิ่งได้รับการปลูกถ่ายมาสั่นพับ ๆ เจฟเฟอร์กำลังช่างใจอย่างหนักว่าจะใช้มือข้างนี้ชักว่าวให้แก่ลำควยที่แข็งโด่ขึ้นมาดีไหม เพราะต่อให้เขาจะเป็นคนสถุลหื่นกามยังไง มือข้างใหม่ก็ควรจะนำไปใช้ในภารกิจช่วยโลกไม่ใช่เอามาช่วยตัวเอง."ถ้าแกมีชีวิตแกคงเกลียดฉัน เอาเป็นว่าฉันจะไม่ทำล่ะกัน ตราบใดที่ใจแข็งพอเชื่อว่าไม่นานลำควยก็จะสงบ มันคงอ่อนตัวลงไปเองโดยไม่ต้องง้อการชักว่าว".เคยได้ยินแต่สำนวนที่ว่า "รออย่างมีความหวัง" มาตอนนี้เจฟเฟอร์กับกำลัง "รออย่างมีความเงี่่ยน" อย่าว่าแต่มือเลย นาทีนี้แม้แต่ขาข้างใหม่ก็ยังโรมรันร้องครือครางเอี๊ยด.. อ๊าดดด.. ไม่ต่างจากมอเตอร์ไซต์ 250 cc ของวาเลนติโน่ รอสซี่ ที่เตรียมจะออกตัวจากกริดสตาร์ท มันจวนจะปะทุอยู่รำไร.ก็อย่างที่บอกแหละว่าก่อนหน้านี้ ขาเจ้ากรรมนั้นเคยเดินโทง ๆ ไปหาช่อดอกลาเวนเดอร์เองมาแล้ว กับครั้งนี้เองก็ด้วย! กลไกกับชุดฟันเพืองของม
เปลือกตาหนักอึ้งเริ่มเคล่ือนเปิดกว้าง พรายแสงเจิดจ้าจากหลอดไฟเพดานคือสักขีพยานสำหรับการตื่นตัว บนเตียงผ่าตัดในห้องพยาบาลชั้น 4 ในที่สุดเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ก็วกกลับคืนสู่โลกภายนอกได้สำเร็จ พร้อมกับแขนและขาข้างใหม่ที่ทั้งสวยงามและวาววับ ไม่มีแล้วกับไอ้ด้วนแขนกุด นาทีนี้มีแต่เจ้าหน้าที่ภาคสนามที่พร้อมจะทำภารกิจทุกชนิด แบบใส่สุดไม่หยุดสุดสัปดาห์.แต่ก็แปลกตรงที่สิ่งแรกที่เจ้าตัวเลือกทำ กลับมิใช่การก้าวเท้าลงจากเตียงผ่าตัดแล้วขยับเขยื้อนยืดเส้นยืดสาย เหมือนกับที่ผู้ช่วยนาริตะทำกับร่างกายของออเจ้าดาวิกา เขากลับเลือกที่จะถามหมอยูมิโกะขึ้นว่า."ดอกไม้ผมอยู่ไหน?"พลางหันซ้ายแลขวา สอดส่ายสายตาลอกแลก."ดอกไม้?! ดอกอะไรของคุณคะ หมอไม่เห็นรู้เรื่อง หรือว่าสมองคุณผิดปกติเพราะได้รับรังสีจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มันปวดตรงไหนรึเปล่าเอ่ย?"
“งั้นเหรอคะ จริงสิเกือบลืมคุณไปเลยคุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ หมอรักษาสัญญาอยู่แล้วน่าไม่ต้องห่วง เด็ก ๆ จ๊ะมาจับตัวเขาไว้ที!”สิ้นสุดเสียงสั่งสองพี่น้องผู้ช่วยพยาบาลก็ทำตาขวาง พลางถลันตัวเข้ามาจับเจฟเฟอร์ที่แขนขาดข้างหนึ่งเอาไว้.“เฮ้! เดี๋ยวสิออเจ้า นี่มันอะไรกันไม่เห็นจะต้องรุนแรงขนาดนี้ก็ได้นี่!”แน่นอนว่าไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ กลับมา เพราะออเจ้าดาวิกาได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว.“คุณพูดอะไรของคุณ ฉันฟังไม่เห็นรู้เรื่อง..”.“ไม่ต้องสนใจหรอกน้องนาริตะ แค่พาเขาไปที่เครื่องแปลงมวลสารให้ได้ก็พอ ฮึบ!”.ยูมิจังแทรกขึ้นก่อนจะใช้พลังที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมด ออกแรงดันช่วยกันกับน้อง ทำให้แขนกับขาเทียมข้างใหม่ของเจฟเฟอร์ร่วงหลุดจากมือ สายลับหนุ่มพลั้งพลาดเข้าให้แล้ว ร่างแกร่งถลันถลาเซแถด ๆ จนศีรษะมุดเข้าไปอยู่ในอุโมงค์ส่วนหน้าโดยไม่รู้ตัว.“เดี๋ยวก่อน! อธิบายกันก่อนสิหมอ ผมแขนขาดนะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสมองเลย ทำไมถึงต้อง?! เฮ้! เดี๋ยวก่อนเซ้!”.“ชู่ววว! อย่าเอ็ดตะโรไปสิคะคุณเจ้าหน้าที่ ก็ในเมื่อคุณรู้ความจริงหมดแล้ว ว่าทั้งหมดที่เห็นอยู่ก็แค่ของสมมติที่หมอฝังโปรแกรมไว้ในเลนส์ตาของคุณ ที่จริงคุณจะ Drai
การเรียนรู้ของเราสองคนคือความเข้าใจ เธอเข้าใจและฉันเข้าใจก็ทำให้เรามั่นใจ.. (ในสิ่งนั้น) ซะที่ไหนล่ะ! นาทีนี้แม้แต่ชาติ เดอะวอยซ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เจฟเฟอร์สายลับหนุ่มผู้อาภัพได้แต่พร่ำพรึงถึงความหลังที่ผ่านมา ว่าตลอดระยะเวลาหลาย 10 ชั่วโมงที่เข้ามาที่นี่ เขาต้องพจญภัยผ่านชะตากรรมอันหนักหน่วงอยู่คนเดียวเพื่ออะไรกัน แขนข้างใหม่ที่เหน็บอยู่ใต้รักแร้กับขาไทเทเนียมอัลลอยเงาวับนี่ล่ะ ทำไมถึงไม่มีใครสนใจใยดีเลย.มากไปกว่านั้น ยูมิจังผู้ช่วยยังมายึดเอาอุปกรณ์ชิ้นสำคัญของเขาไปอีก."คุณเจ้าหน้าที่คะ.. ขอหูฟังคืนด้วยค่ะ หมอให้มาทวง"."เอิ่ม.. ม.. ก็ได้เอ้านี่เอาไป! ชิ!".เจฟเฟอร์ถอดมันออกพลันสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า บรรดาหมู่มวลจุลชีพสีดำขลับนับล้านต่างพากันบินแตกฮือขึ้นไปกลางฟากฟ้า ดั่งได้รับการปลดปล่อย."อานีคาโหตุ.. จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย สุขีอัตตานัง ปะริหารันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด.. สาธุ"ขึ้นเสียงสูงประชดประชันแกมหมั่นไส้ ทั้งที่ความจริงก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตนเป็นชาวคริสต์นิกายไหนกันแน่ ถึงได้แผ่เมตตาเข้าใส่ได้อ
"อูยยยย....บัดซบเอ๊ย! ให้ตายเถอะมันจะวินาศสันตะโรอะไรกันขนาดนี้ว่ะเนี่ยะ คุ้มกันไหมกับการสำเร็จความใคร่ใส่หุ่นยนต์แอนดรอยน์ ".ร่างอันล่อนจ้อนแต่สุดจะแข็งแกร่งค่อย ๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นยืน ด้านบนคือผืนฟ้ากว้างสุดสายตา ส่วนด้านล่างเป็นพื้นทรายประสมกรวดหินและเศษวัสดุ."สัด! นี่กูกระเด็นมาไกลถึงนี่เลยเหรอวะ? ไม่ใช่ว่าแขนขากูขาดเพิ่มไปแล้วนะเฟ้ย! หึ๊ยยย! ออกไปให้พ้นมันหนักโว๊ยยย! ไอ้ก้อนหินสารเลว!"."เปร๊ีียงงง!".ชั่วเคี้ยวหมากแหลกเศษอิฐผนังที่กระเด็นปลิวทะลุตามมาด้วย ก็โดนเจฟเฟอร์หวดเข้าอย่างจัง มันพุ่งแหวกอากาศย้อนกลับไปทางเดิมด้วยความรุนแรงที่มากกว่าหลายเท่า ก่อนจะชนกระทบเข้ากับผนังโกดังเสียงดัง โครมมม! เพิ่มความเสียหายให้กระจายเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น."เวร.. เวร.. เวรของกูแท้ ๆ"เจฟเฟอร์ส่ายหน้า พลางสะบัดขาเจ็บแปล๊บ ๆ.ในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First - person) ตัวเลขความเสียหายวิ่งตื๋อขึ้นมามากมาย บ่งบอกว่าร่างกายของเขานั้นไม่อยู่ในสภาพที่จะใช้การอะไรได้อีกต่อไปแล้ว แขนขาด ขาหมดพลัง แม้แต่ควยกับไข่หำก็ยังแฟบลงเหี่ยวหยดย้อย คล้อยไปกับแสงแดด.นี่จึงเป็นสาเหตุให้เขาออกอาการเซ็งอย่างท
รวบขึงข้อมือคู่น้อยเข้าด้วยกันด้วยฝ่ามือหนาเพียงข้างเดียว! ชูขึ้นเหนือหัว! พลันซุกไซร้มุมปากสลับกับการลงลิ้นเลียกินวงแขนขาวจนหนำใจและพึงพอใจเป็นที่สุด ความคลั่งหื่นกระหายกำลังจะเปลี่ยนให้เจฟเฟอร์เป็นโปรดิวเซอร์หนังโป๊แนวพีเรียดกึ่งย้อนยุค ด้วยเหตุผลดังกล่าวลีลารักที่เขาร่ายรำ จึงไม่ต่างจากกิจกรรมในซ่องชำเลาบุรุษหลังกำแพงวังพระนครศรีฯ."อ๊ายยย! คนบ้าทำอะไรเนี่ยะ"."ก็เลียให้ไง นึกว่าชอบแบบเสียว ๆ ? ".ออเจ้าหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ด้วยความที่แขนทั้งสองข้างถูกรวบตรึงให้ชูขึ้นค้างเติ่ง ไอครั้นจะแสร้งเบี่ยงหน้าหลบก็ดูจะเป็นการใช้มุกเดิมซ้ำซากจนเกินไป."ก็ชอบอยู่... ก็จั๊กจี้ดี แต่ฉันอยาก.. ก.. ก เอิ่ม.. ม.. ม".".....?".