บทที่ 3
กึด! เจ้าหญิงแอนเจลีก้ายืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว สมเด็จเจ้าฟ้าชายยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ หางตาของเจ้าชายจับจ้องมายังสีหน้าหวาดผวาของเจ้าหญิงแสนสวยอย่างคาดโทษ “เราแยกกันล่าสัตว์เป็นสองกลุ่มดีไหม ให้เด็กๆ ไปด้วยกัน ส่วนคนแก่อย่างเราแยกไปล่าสัตว์ด้วยกันอีกเส้นทาง” สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สองกล่าวขึ้นมาอย่างรู้งาน “ดีครับ” พระเจ้าโอเชียนนัสที่ห้าตอบรับอย่างเห็นด้วย เจ้าหญิงแอนเจลีก้ามองไปที่พระราชบิดาของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สมเด็จพระราชินีนาตาชาหันไปมองลูกสาวที่จ้องมองมาด้วยสายตาวิงวอน นัยน์ตาฉายแววความกังวลใจ แต่กลับยิ้มบางๆ ให้กับลูกสาว เจ้าหญิงแอนเจลีก้าส่งสายตาอ้อนวอนไปยังพระราชบิดาและพระราชมารดาของเธออย่างสิ้นหวัง เหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรงทองคำ พยายามหาทางหนีจากอันตรายที่กำลังเผชิญ เธอไม่ต้องการเข้าป่าไปล่าสัตว์กับเจ้าชายคาร์ดอส ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเมื่อนึกถึงวิธีการอันโหดเหี้ยมที่สมเด็จเจ้าฟ้าชายจะกระทำต่อเจ้าหญิงในป่าดังคำขู่ แต่พระราชบิดาและพระราชมารดาของเจ้าหญิงกลับมองผ่านสายตาของเธอไปราวกับมองไม่เห็นความสิ้นหวังที่ฉายชัดในดวงตาของลูกสาว พวกท่านมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับราชวงศ์ที่จะต้องพึ่งพาและขอคำปรึกษาจากพระบิดาของเจ้าชายคาร์ดอส จึงเลือกที่จะมองข้ามความหวาดกลัวของลูกสาวอย่างสิ้นเชิง “ลูกสาวเรากลัวเสียงปืน เราฝากท่านดูแลแองจี้ด้วย” สมเด็จพระราชินีนาตาชาพูดกับเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พระองค์ไม่ต้องกังวล อยู่กับกระหม่อม ลูกสาวของพระองค์จะปลอดภัย กระหม่อมจะดูแลลูกสาวของพระองค์เป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ” สมเด็จเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสตอบรับน้ำเสียงนุ่มนวลแฝงความเยือกเย็น รอยยิ้มมุมปากของเขาแฝงไว้ด้วยความร้ายกาจ ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกหวาดหวั่นยิ่งขึ้น ความผิดหวังและความสิ้นหวังท่วมท้นหัวใจของเจ้าหญิง ขณะที่เธอถูกบังคับให้เข้าไปอยู่ในเงื้อมมือของชายที่เธอเกลียดชังที่สุด และไม่มีใครที่จะช่วยเธอได้ เธอรู้ดีว่าในสถานการณ์นี้เธอไม่อาจหลีกหนีได้ เสมือนนกในกรงทองคำที่ถูกขังอยู่ในกรงอย่างสิ้นหวัง “ท่านพ่อ” เจ้าหญิงเอ่ยเชิงเว้าวอนผู้เป็นพ่อให้เห็นใจ “พ่อมีธุระต้องคุยกับคาร์โล ลูกอยู่กับเจ้าฟ้าชายไปก่อน” พระเจ้าโอเชียนนัสบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบก่อนจะหันไปพูดกับเจ้าชายคาร์ดอสอย่างสนิทสนมว่า... ”คาร์ดอส อาฝากน้องด้วยนะ“ ”ครับ“ เจ้าชายคาร์ดอสโค้งศีรษะตอบรับเล็กน้อย จากนั้นพระราชบิดาของเจ้าชายก็เชิญพระราชบิดาและพระราชมารดาของเจ้าหญิงเดินแยกไปล่าสัตว์อีกทาง เจ้าหญิงแอนเจลีก้าส่ายหน้าไปมาเบาๆ จ้องมองไปที่พระราชมารดาอย่างเว้าวอน มือบางทั้งสองข้างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เจ้าชายคาร์ดอสหลุบตามองมือบางที่กำลังสั่นเทาอย่างหนัก ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปาก สมเด็จพระราชินีนาตาชาหันไปมองลูกสาวที่จ้องมองมาด้วยสายตาวิงวอน นัยน์ตามีความกังวลใจแต่กลับยิ้มบางๆ ให้กับลูกสาว ในขณะที่หัวใจของท่านปวดร้าว พระราชบิดาและพระราชมารดาต่างรู้ดีถึงความหวาดกลัวของลูกสาว แต่ความจำเป็นในการพึ่งพาอำนาจและการสนับสนุนจากราชวงศ์สไมโลดอน ทำให้พวกท่านต้องทนทำเป็นไม่เห็นความทุกข์ใจของเจ้าหญิงแอนเจลีก้า แม้จะรู้สึกสงสารลูกสาวอย่างลึกซึ้ง ทว่าความกลัวและความจำเป็นในการคงสถานะและอำนาจในราชวงศ์ ทำให้ท่านไม่อาจปกป้องลูกสาวได้อย่างที่ต้องการ เจ้าหญิงแอนเจลีก้าก้มหน้าลง หยาดน้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงบนพื้น หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกบีบแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ความหวังที่เคยมีว่าพระราชบิดาและพระราชมารดาจะยื่นมือมาช่วยกลับมลายหายไปเหลือแต่ความสิ้นหวังอันขมขื่น “อึก” เธอรู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงลึกของความมืดที่ไม่มีทางออก เสียงสะอื้นเบาๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากขณะที่เธอก้มหน้าลง สองมือบางกำแน่นข้างลำตัวพยายามยับยั้งน้ำตาไม่ให้ไหลออกมามากไปกว่านี้ แต่ก็ไม่อาจห้ามได้ หยดน้ำตาที่อาบแก้มเนียนยิ่งทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวและอ่อนแอในโลกที่ไม่เป็นธรรม “หึ” เสียงหัวเราะเบาๆ ของเจ้าชายคาร์ดอสดังขึ้น รอยยิ้มเหยียดหยามที่ยิ้มออกมาทันทีที่เห็นน้ำตาของเธอ ทำให้หัวใจเธอแหลกสลายยิ่งขึ้น เธอรู้ดีว่าไม่มีใครที่จะมาช่วยเธอได้ในตอนนี้ ความกลัวและความสิ้นหวังจึงโอบล้อมเธอไว้ เหลือเพียงความเงียบที่กดดันจิตใจของเธอให้จมดิ่งลึกลงไปในห้วงอารมณ์ที่ขมขื่นเกินทน “ถ้ากลัวฉันขนาดนั้น” นิ้วชี้ของเจ้าชายคาร์ดอสจับคางมนเงยหน้าขึ้นมาสบตาอย่างเลือดเย็น “ก็ควรจะทำตัวให้เชื่องๆ เข้าไว้สิ เป็นสัตว์เลี้ยงของฉันก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน” เจ้าชายคาร์ดอสบีบปลายคางมนอย่างแรง ทำให้เจ้าหญิงนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด พลางน้ำตาไหลรินออกมาจากหางตาคู่สวย “อึก” “หึ” ยิ่งเห็นน้ำตาของเจ้าหญิง เจ้าชายก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจ “อย่างที่ฉันเคยบอกเธอไป เชื่อฟังฉัน แล้วเธอจะได้ทุกอย่าง” เจ้าหญิงจ้องมองใบหน้าของเจ้าชายด้วยความเกลียดชังอย่างเปิดเผย เขามีสิทธิ์อะไรที่บอกว่าเธอเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา และมีสิทธิ์อะไรมาข่มเหงเธอแบบนี้ เพียงแค่เขาถูกใจรูปลักษณ์ของเธอ เขาก็ทำทุกอย่างโดยไม่สนใจวิธีการ ไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บปวดกับการกระทำของเขายังไง เขามันเลวระยำ เปรตกลับชาติมาเกิด สิ่งที่เขาทำกับเธอมันบัดซบสิ้นดี ไม่มีผู้ชายดีๆ ที่ไหนเขาทำกัน เธอเกลียดเขา แต่ในขณะเดียวกันเธอก็หวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก “เธอรู้ดีว่าทุกครั้งที่เธอไม่เชื่อฟังฉัน เธอจะโดนฉันลงโทษยังไง” เจ้าชายบีบปลายคางมนแรงขึ้น แรงจนคนถูกบีบรู้สึกเหมือนกระดูกที่คางจะแตกหักออกจากกัน “แต่ก็ยังดื้อ ทำไม แค่เชื่อฟังฉัน มันยากนักเหรอ” “อึก ปล่อยเรานะ!” เจ้าหญิงรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด ผลักมือหนาออกไปอย่างแรง ทำให้มือของเจ้าชายหลุดออกจากปลายคางมน ทำเอาเจ้าชายจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด ตวัดตาไปมองเจ้าหญิง มือหนาตะปบเข้าไปที่ลำคอระหงอย่างแรง ฮึก!! การกระทำอันป่าเถื่อนของเจ้าชายทำให้เหล่าข้าราชบริพารที่อยู่บริเวณนั้นเบือนหน้ามองอีกทาง พวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าชายของพวกเขาทำนั้น โหดร้ายมากแค่ไหน แต่ด้วยอำนาจของเจ้าชายในตอนนี้ ล้ำหน้าของกษัตริย์ไปไกลแล้ว ทำให้พวกเขาไม่อาจเอ่ยแย้งหรือเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหญิงได้ “มานี่” เจ้าชายกระชากเรียวแขนของเจ้าหญิงให้เดินตาม ทำให้เจ้าหญิงสะดุ้งด้วยความตกใจ เจ้าชายเหวี่ยงร่างของเจ้าหญิงขึ้นไปบนหลังม้าสีดำตัวโปรดของเจ้าชายอย่างแรง แล้วเจ้าชายก็ตามขึ้นไปนั่งซ้อนด้านหลังของเจ้าหญิงอย่างรวดเร็ว มือหนาจับสายบังเหียนเพื่อการควบคุมม้าให้อยู่ในโอวาท ชักเชือกออกคำสั่งให้ม้าวิ่งไปตามคำสั่ง ทำให้ม้าวิ่งเข้าไปภายในป่าตามคำสั่งของเจ้าชาย เจ้าหญิงที่หวาดกลัวการขี่ม้า ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวอย่างหนัก เพราะเมื่อเยาว์วัยเจ้าหญิงเคยตกม้าถึงขั้นขาหัก และโดนม้าถีบจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จึงเป็นภาพจำอันโหดร้าย หลังจากนั้นเจ้าหญิงจึงไม่ขี่ม้าอีกเลย แม้จะเดินผ่านม้าก็ยังไม่กล้าเดินผ่าน เจ้าหญิงแอนเจลีก้านั่งสั่นเกร็งบนหลังม้า น้ำตาไหลรินลงอาบแก้มไม่หยุด ขณะที่เจ้าชายคาร์ดอสบังคับม้าให้วิ่งเข้าไปในป่า ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเธอ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก ราวกับเสียงกลองรบ เจ้าชายคาร์ดอสเหลือบตามองเจ้าหญิงที่ตัวสั่นเทาด้วยความพึงพอใจ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและสะใจ เจ้าหญิงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงของเล่นในมือของปีศาจร้าย ที่เขาจะทำอะไรกับเธอก็ได้ตามใจชอบ ม้าควบตะบึงเข้าไปในป่าลึก เสียงกีบม้ากระทบพื้นดังก้องในความเงียบของป่า เมื่อมาถึงลำธารที่มีน้ำตก เจ้าชายคาร์ดอสหยุดม้า พลิกตัวลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระชากเจ้าหญิงแอนเจลีก้าลงมาอย่างไม่ปรานี “อ๊ะ!” เจ้าหญิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกเหวี่ยงไปชนกับโขดหินข้างลำธาร ร่างบางกระแทกกับหินจนรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง “เธอจะต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังฉัน” เจ้าชายคาร์ดอสเดินเข้ามาหาเจ้าหญิงที่นั่งคุดคู้พยายามหนีจากเงื้อมมือของเขา เจ้าชายกระชากกระโปรงของเจ้าหญิงขึ้นโดยไม่สนใจเสียงร้องไห้ที่ออกมาจากปากของเจ้าหญิง “อึก ได้โปรด อย่าทำเราเลยนะ อึก ปล่อยเราไปเถอะ” เจ้าหญิงร้องขอด้วยเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาไหลพรากอาบแก้มขาวเนียน “ฉันบอกแล้วไงว่าเธอเป็นของฉัน” เจ้าชายคาร์ดอสกระชากตัวเจ้าหญิงขึ้นมาอีกครั้ง บังคับให้เธอยืนขึ้นก่อนจะดันร่างบางไปชนกับโขดหินอีกครั้ง “เธอจะต้องเรียนรู้ว่าการขัดขืนฉันมันไร้ประโยชน์” เจ้าชายกระซิบเสียงต่ำที่ข้างหูของเธอ มือหนากดปลายคางมนให้หันมาสบตาเขา สายตาที่ดุดันของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองด้วยสายตาของปีศาจ เจ้าหญิงรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกบีบแน่น ความกลัวและความเกลียดชังผสมผสานกันในหัวใจ เธอรู้ดีว่า ไม่ว่าจะร้องไห้หรือขอความช่วยเหลือจากใคร ก็ไม่มีใครที่จะมาช่วยเธอได้ในตอนนี้ เธออยู่ในกำมือของชายที่โหดเหี้ยมที่สุดที่เธอเคยพบเจอบทที่ 20“แก้ตัว”เจ้าชายคาร์ลอสเอ่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แต่น่ากลัวราวกับใบมีดบางเฉียบที่เฉือนลึกจนคนฟังตัวแข็งทื่อ แม้แต่เจ้าหญิงแอนเจลีก้าที่นั่งอยู่ข้างกายก็รู้สึกเหมือนร่างแข็งเป็นหิน เลือดในกายหยุดไหล “ถ้าทำงานดี ไอ้เวรนั่นมันไม่มีทางแตะเส้นทางของเราได้ อีกเรื่อง…” คำพูดหยุดลงเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าชายจะปรายตามองด้วยสายตาที่เย็นชาราวน้ำแข็ง “โคเคนล็อตนี้คุณภาพต่ำกว่าที่มันควรจะเป็น”ความเงียบงันเข้าปกคลุมทั้งห้อง ในขณะที่มิสเตอร์บิลละฮ์และมิสเตอร์อัชรอฟหน้าซีดเผือด เหงื่อก็เริ่มผุดขึ้นตามไรผม“พวกแกคิดว่าฉันโง่พอที่จะไม่รู้เรื่องนี้สินะ” “....” มิสเตอร์บิลละฮ์และมิสเตอร์อัชรอฟนั่งตัวสั่น แต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปาก“ลดคุณภาพเพื่อเก็บส่วนต่างเข้ากระเป๋าตัวเอง” เจ้าชายเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน เสียงต่ำหนักของเจ้าชายทำเอาหัวใจของทั้งสองแทบหยุดเต้น สายตาของเจ้าชายที่มองมายังพวกเขานั้นเย็นชาเหมือนไม่ใช่มนุษย์“มะ...ไม่มีทางครับท่าน...พ...พวกเราไม่มีวันทำแบบนั้น” มิสเตอร์บิลละฮ์รีบโพล่งออกมา เสียงสั่นจนฟังแทบไม่เป็นคำ“ถ้าฉันเชื่อคำพูดของพวกแก…” เจ้าชายหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาถือ มุมปากบิดยิ้ม
บทที่ 19เจ้าชายคาร์ลอสปรายตามองพวกเขา ก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากเล็กน้อย เจ้าชายเอนหลังพิงโซฟาในท่าทางผ่อนคลายอย่างคนที่รู้ว่าตัวเองอยู่เหนือทุกสิ่ง ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าคริสตัลใสที่บรรจุของเหลวสีอำพันขึ้นมาจิบ ละเลียดชิมรสชาติเข้มข้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกระดกมันรวดเดียวจนหมดแก้ว กังเสียงกระแทกแก้วลงบนโต๊ะหินอ่อนดังขึ้นเบาๆ ทำให้ทุกคนในห้องหยุดหายใจชั่วคราว เจ้าชายยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้าง สายตาคมกริบกวาดมองไปที่มิสเตอร์บิลละฮ์และมิสเตอร์อัชรอฟ“โคเคนล็อตใหม่ครับท่าน” มิสเตอร์บิลละฮ์ยื่นถาดเงินที่วางผงสีขาวบริสุทธิ์ให้เจ้าชายเจ้าชายคาร์ลอสแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าใกล้ถาด มือหนายกขึ้นปัดผมด้านหน้าเล็กน้อยให้พ้นจากดวงตา จมูกโด่งคมคายโน้มลงไปสูดผงสีขาวอย่างช่ำชอง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ขณะที่ผงโคเคนไหลผ่านปลายจมูกตรงเข้าสู่ร่างกาย เสียงสูดดังหวีดในความเงียบของห้อง ทำให้ทุกคนในที่นั้นมองเขาด้วยสายตาที่ยำเกรง เจ้าชายผละใบหน้าออกอย่างช้าๆ ก่อนจะเอามือปัดจมูกเบาๆ เพื่อขจัดคราบผงที่ติดอยู่ เขาพิงตัวกลับไปบนโซฟาอีกครั้ง ริมฝีปากคลี่ยิ้มกวนๆ ดวงตาคมเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและอันตราย เจ้าหญิ
บทที่ 18แม้เจ้าหญิงจะถึงจุดสุดยอดแล้ว แต่ไข่สั่นก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำเอาร่างบางนั่งตัวเกร็ง สะโพกและต้นขาสั่นระริกจนยากจะควบคุม สองมือบางกำพนักเก้าอี้แน่น ใบหน้าเรียวขึ้นสีแดงระเรื่อ ผมยาวสลวยก็ตกลงมาปรกแก้มนวลเพราะอาการหอบหายใจแรงจากความกระดากอาย“หึ” องค์รัชทายาทที่นั่งไขว่ห้าง แค่นหัวเราะในลำคอหนาออกมาเบาๆ สายตาคมกริบกวาดมองจากใบหน้าที่แดงเรื่อไล่ลงไปยังกลางหว่างขา ซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวานสีใส เจ้าหญิงก้มหน้าหลบสายตานั้น มือบางกำกระโปรงแน่น ดวงตากลมโตเอ่อคลออย่างพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกที่อยากจะหนีออกไปจากสถานที่นี้ให้ได้องค์รัชทายาทแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะดึงไข่สั่นออกมาจากช่องทางรักบวมช้ำ“อ๊ะ” เจ้าหญิงก็สะดุ้งเจ็บเบาๆ รีบดึงกระโปรงลง เจ้าชายมองท่าทีนั้นด้วยความสมเพช ก่อนจะถอดเสื้อคลุมออก แล้วยื่นให้เธอเจ้าหญิงตวัดตาขึ้นมองเขาอย่างลังเล ทั้งรู้สึกอายและขุ่นเคืองในเวลาเดียวกัน แม้จะเกลียดเขาแทบขาดใจ แต่ในสถานการณ์นี้ เธอกลับไม่อาจปฏิเสธได้ เธอยื่นมือไปรับเสื้อคลุมมาคลุมกระโปรงไว้อย่างไม่เต็มใจ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาขยับกว้างขึ้น พึงพอใจที่เห็นเธอยอมรับความช่วยเหลือจากเ
บทที่ 17มือหนาขององค์รัชทายาทแหวกแพนตี้ออกให้พ้นทาง ก่อนจะแยกกลีบบวมช้ำ ลูบไล้เบาๆ บริเวณคลิตอริส สัมผัสอ่อนโยนแต่หนักแน่น ทำเอาเจ้าหญิงตัวสั่นเล็กน้อย ร่างสะดุ้งเป็นระยะๆ ทุกการสัมผัสราวกับกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างกาย ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำตา ที่ร้องไห้ ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวด แต่เป็นความรู้สึกที่เกินจะควบคุมมือหนากระตุ้นคลิตอริสแรงขึ้น ทำให้น้ำหวานสีใสค่อยๆ ไหลเยิ้มออกมาเปรอะเปื้อนปลายนิ้วหนา องค์รัชทายาทมองดูน้ำหวานสีใสบนนิ้วของตัวเองพลางยกยิ้มมุมปากก่อนจะค่อยๆ สอดนิ้วชี้เข้าไปในช่องทางแคบๆ สัมผัสลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม เจ้าหญิงก็ตัวสั่น มือเล็กๆ จับมือหนาของเขาไว้แน่น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว ริมฝีปากอวบอิ่มก็เม้มแน่น พยายามกลั้นเสียงครางที่กำลังจะหลุดออกมา“ยะ...อย่าเพคะ...” เสียงเจ้าหญิงแผ่วเบาและสั่นเครือ ดวงตากลมโตหันมององค์รัชทายาทด้วยความเว้าวอน “ไม่ชอบนิ้ว?”“...เพคะ”“เอาดุ้นแทนไหมล่ะ?” “ไม่เพคะ” เจ้าหญิงปฏิเสธทันทีองค์รัชทายาทแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านใน มันเป็นไข่สั่นไร้สายระยะไกล ควบคุมผ่านมือถือ เจ้าหญิงผู้ไม่ประสีประสาเรื่องลามก
บทที่ 16“แต่จะว่าไป เจ้าชายฮินาโตะก็หล่อใช่ย่อยนะ” หญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีแดงสดพูดขึ้น “หล่อแล้วยังไงล่ะ?” หญิงสาวอีกคนยักไหล่อย่างไม่แยแส “เจ้าชายเอเชียก็คือเจ้าชายเอเชีย จะไปเทียบกับเจ้าชายยุโรปได้ยังไง? ไม่มีทาง”“ใช่ ยังไงพวกเราชาวยุโรปก็เหนือกว่าอยู่ดี” อีกคนเสริมขึ้นอย่างภูมิใจ “ผิวขาว ผมบลอนด์อย่างพวกเรา คือจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างแท้จริง”เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นในกลุ่ม พวกเธอเหลือบตามองไปยังเจ้าหญิงแอนเจลีก้าผู้แสนสวย แต่ดูเหมือนความสวยนั้นจะไม่ช่วยให้พวกหล่อนหยุดนินทาได้“เจ้าหญิงแอนเจลีก้าก็สวยอยู่หรอก” หญิงสาวชุดแดงพูดอีกครั้ง แต่เธอทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงแหลมต่ำ “แต่ก็นะ…ถึงจะสวยแค่ไหน ก็ไม่เหมาะกับองค์รัชทายาทของพวกเราอยู่ดี”“จริง เจ้าหญิงหัวแดง ผิวเผือกอย่างเธอน่ะเหรอ? จะคู่ควรกับตำแหน่งราชินีของจักรวรรดิเรา ไม่มีทางหรอก” หญิงสาวผมบลอนด์หัวเราะหยัน ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจที่ไม่ปิดบัง“พูดถึงเรื่องนี้…” หญิงสาวในชุดเดรสสีเขียวเอ่ยขึ้นบ้าง เธอปรายตามองไปทางเจ้าหญิงแอนเจลีก้าด้วยความไม่พอใจ “ตั้งแต่อดีตมา เชื้อพระวงศ์ของเราก็เลือกเจ้าสาวที่ผมบลอนด์ทั้งนั้น เพื่อร
บทที่ 15เจ้าชายคาร์ลอสเดินเข้ามาในห้องบรรทม โดยมีเจ้าหญิงแอนเจลีก้านั่งอยู่บนเตียงนอน กำลังทานยาที่ถูกนำมาให้ แต่เมื่อเห็นองค์รัชทายาทเดินเข้ามา ใบหน้าของเธอก็ยังคงไม่แสดงอารมณ์มากนัก เธอเพียงปรายตามองเขาผ่านเสี้ยวหนึ่งของดวงตา แล้วก็หันไปทานยาต่ออย่างไม่สนใจ ไม่พูดอะไรเลย“นี่มิสซิสเดลล่า จะเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้าประจำตัวของเธอ ในตอนที่เธอเป็นราชินีข้างกายฉัน” องค์รัชทายาทเอ่ยแนะนำหญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่ยืนอยู่ข้างหลัง เจ้าหญิงแอนเจลีก้าก็ปรายตามองมิสซิสเดลล่าเพียงแวบเดียว มิสซิสเดลล่ารีบโค้งศีรษะอย่างเคารพด้วยท่าทางนอบน้อม “มิสซิสเดลล่าจะดูแลเรื่องเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ในทุกวัน” “…” เจ้าหญิงยังคงเงียบ ไม่มีคำตอบให้กับคำแนะนำนี้ แต่เธอก็หันไปมองอย่างเฉยชา“มิสเคเชีย จะเป็นสไตลิสต์ประจำของเธอ มิสเคเชียจะดูแลเรื่องชุดสำหรับออกงานสำคัญให้กับเธอ” เจ้าชายพูดต่อไป มิสเคเชียยืนอยู่ข้างมิสซิสเดลล่าก็โค้งศีรษะให้เจ้าหญิงด้วยความเคารพ เจ้าหญิงก็เพียงเหลือบมองไปที่มิสเคเชียเพียงแวบเดียว “ส่วนมาดามคีร่า เธอรู้จักแล้ว มาดามคีร่าจะดูแลทุกเรื่องของเธออีกที” มาดามคีร่า หรือ มาดามโรมัวร์ ก็โค้งศ