ภายในคือห้องกลวงขนาดใหญ่
มีแคปซูลแก้วโบราณเจ็ดใบเรียงอยู่กลางห้อง ภายใน…คือร่างของเงือกอีกเจ็ดตน — ที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับ กึ่งตื่น ร่างพวกมันไม่เน่า ไม่ชรา มีร่องรอยการดัดแปลงร่างกายคล้ายกับนีร่า แต่รุนแรงกว่าหลายเท่า เสียงในหัวเธอดังขึ้นอีกครั้ง “เลือดของเจ้า…คือสิ่งสุดท้ายที่ขาดไป” “พวกเรา...จะตื่นอีกครั้ง” นีร่าก้าวถอย หัวใจเธอเต้นแรง คำถามคือ…เธอควรจะ “ปลุก” พวกนี้จริง ๆ หรือไม่? เสียงก้องในหัวของเธอเบาลง จนเหลือเพียงคำเดียว “...เลือก...” เสียงจากใต้ทะเลเงียบลง นีร่าค่อย ๆ ว่ายออกจากห้องโบราณที่ฝังอยู่ใต้ผืนน้ำ หัวใจยังเต้นแรง…แต่ครั้งนี้เป็นเพราะความหวั่นไหว ไม่ใช่ความกลัว ในหัวเธอมีคำถามเต็มไปหมด "พวกเขาคือเผ่าพันธุ์ของข้า...หรือคือฝันร้ายของข้า?" "ข้าควรปลุกพวกเขาไหม...หรือปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นตายไปตามกาลเวลา?" เธอไม่ได้ให้คำตอบ เธอเลือกที่จะ "ปิดประตู" นั้น…ชั่วคราว เมื่อกลับขึ้นฝั่ง อีธานรีบวิ่งเข้ามาหาเธอทันที “เจ้าโอเคไหม!?” นีร่าพยักหน้าเบา ๆ แต่แววตาเธอยังว่างเปล่าเล็กน้อย เหมือนคนที่กลับมาจากการเห็นบางสิ่ง…ที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกนี้ เธอไม่พูดถึงห้องนั้น ไม่พูดถึงเงือกเจ็ดตนนั้น เธอแค่กระซิบเบา ๆ กับมาริเบลในตอนกลางคืน “มีบางอย่างอยู่ลึกกว่าทะเล และข้า…คือกุญแจมัน” ตกดึก นีร่าลุกออกมายืนริมผา ทะเลนิ่ง...แต่เธอรู้ว่าข้างใต้นั้น บางอย่างเริ่มขยับ อีธานเดินมาตามหลังเงียบ ๆ “เจ้าไม่ได้นอนอีกแล้ว?” เธอส่ายหน้า “ข้าไม่กล้าหลับ...เพราะทุกครั้งที่ข้าหลับ ข้าฝันว่าข้ากลายเป็นพวกมัน — ดวงตาว่างเปล่า เสียงหัวเราะเหมือนเสียงน้ำไหลถอยกลับ แล้วข้าก็กัดคนที่ข้าเคยรัก” อีธานวางมือบนบ่าของเธอ แต่ไม่พูดอะไร เพียงแค่ยืนอยู่ข้างเธอ...ให้แน่ใจว่าเธอยังเป็น “นีร่า” คนเดิม วันถัดมา ขณะพวกเขากำลังย้ายที่พักเพื่อหลบหนี ไอล่าก็หยุดเดินอย่างรวดเร็ว เธอชี้ไปยังพื้นดินที่ชื้น รอยเท้า... แต่ไม่ใช่ของพวกเขา รอยเท้าหนักและลากเหมือนมีคนแบกของหรือคนเจ็บ อีธานก้มลงดมแล้วสบถ “กลิ่นเหม็นคาว...เหมือนซากปลาตายรวมกับเลือดคน” ทุกคนเงียบลง ก่อนมาริเบลจะพูดเสียงเบา “มีบางสิ่งขึ้นมาจากทะเล” ในป่าทึบหลังเกาะ ห่างจากพวกนีร่าไปไม่กี่ชั่วโมง กลุ่มลูกเรือกลุ่มหนึ่งนั่งพักเหนื่อยรอบกองไฟหนึ่งในนั้น หายตัวไปตอนดึก เสียงน้ำหยดดังจากต้นไม้ กลิ่นคาวเลือด ค่ำคืนที่สองหลังกลับจากใต้ทะเล ลมหายใจของนีร่าหนักขึ้นเรื่อย ๆ เธอฝันทุกคืน — ฝันถึงเสียงกระซิบในความมืด ฝันถึงเลือดบนมือเธอเอง เธอเริ่มกลัว “ตัวเอง” เช้าวันหนึ่ง มาริเบลตื่นมาเห็นรอยแผลเล็ก ๆ ที่แขนของพี่สาว ผิวหนังรอบขอบแผลเปลี่ยนเป็นเงินวาว เงาเกล็ดกระจายเหมือนเกลือถูกละลายบนผิว “นีร่า…” “ข้ารู้แล้ว” เธอกระซิบตอบ “มันเริ่มอีกแล้ว” อีธานเห็น และเขาก็รู้ — นีร่าไม่ใช่แค่กำลังเปลี่ยน เธอกำลัง “ถูกเรียก” ทุกลมหายใจ ในขณะที่อีกฝั่ง… ชายคนหนึ่งวิ่งพรวดมาจากแนวป่า เนื้อตัวเปื้อนโคลนและเลือด เสียงหอบแทบขาดใจ เขาคือหนึ่งในลูกเรือที่แยกออกไปจากกลุ่มของกัปตันแบร์กตัน “มัน…มันฆ่าพวกเรา…” “อะไรฆ่า?” แบร์กตันถาม ขณะยืนพิงหอกอยู่ริมผา “มัน…มันไม่ใช่เงือก มันไม่ใช่มนุษย์!” “แล้วมันว่าอะไรเจ้าบ้าง?” ซินถามพลางลูบมีดตรงเอว ชายผู้นั้นตัวสั่น ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่ไม่เหมือนของเขาอีกแล้ว >“เลือดเดียวกับข้า…กำลังจะกลับมา…” จากนั้น เสียงกระดูกหักก็ดังขึ้น ชายผู้นั้นดิ้น ทรมาน ก่อนจะล้มแน่นิ่ง แบร์กตันจ้องไปที่ศพนั้น ริมฝีปากยิ้ม “ข้าเริ่มแน่ใจแล้วว่า…สิ่งที่พวกนั้นเอาขึ้นมาจากทะเล มีค่ามากกว่าสมบัติ” ด้านฝั่งนีร่า มาริเบล ไอล่า และอีธานพานีร่าเดินลึกเข้าไปในป่าชื้น พวกเขาหวังจะหาน้ำจืด แต่สิ่งที่พบคือ “บ่อน้ำโบราณ” ที่ถูกปิดด้วยหินประหลาด ไอล่าแตะขอบหิน “นี่ไม่ใช่บ่อน้ำธรรมดา…มันเหมือนศาลบูชา” ในขณะที่ทุกคนจ้องมัน นีร่าเดินเข้าไปใกล้ราวกับถูกดึง เธอเอามือแตะลงไปบนหิน และทันใดนั้น… ภาพกระพริบในหัวเธอวาบขึ้น — เงือกเจ็ดตนยืนล้อมบ่อน้ำ พวกมันกรีดเนื้อจากฝ่ามือ แล้วปล่อยเลือดไหลลงน้ำ เสียงหนึ่งดังก้อง “เจ้าเคยสาบาน…จะไม่ทรยศทะเล” “แล้วทำไมเจ้าจึงขึ้นฝั่ง?” นีร่ากรีดร้อง แล้วทรุดลง อีธานเข้ามาประคองทันที “เกิดอะไรขึ้น!? พวกมันพูดอะไร?” นีร่าสั่น “พวกมัน…บอกว่าข้าคือหนึ่งในพวกมัน…” “…และข้า ทรยศคำสาบาน” ไอล่าเบิกตากว้าง “แต่เจ้าก็เลือกมนุษย์…” “ใช่…แต่นั่นแหละที่ทำให้เลือดของข้ากลายพันธุ์” “เลือดของข้า...ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป” นีร่าเสียงสั่น กลางดึกคืนนั้น นีร่าออกมายังริมแอ่งน้ำเพียงลำพัง ผิวหนังเธอสะท้อนแสงจันทร์เป็นเงาเงิน แต่ขอบตาเริ่มคล้ำ นิ้วมือยาวขึ้นเล็กน้อย…เล็บแข็งเหมือนปลายเกล็ด > “ข้าเป็นอะไรกันแน่…” เธอจ้องเงาตัวเองในน้ำ แต่แล้ว เงานั้น…ขยับ ไม่ใช่เธอที่ขยับ แต่เป็น “บางอย่างในเงา” มันยิ้มกลับมาหาเธอ และเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง… “ถ้าเจ้าไม่เลือกร่วมกับพวกข้า…เลือดของเจ้าจะกัดกินเจ้าเอง”ยามค่ำคืน – ริมชายฝั่งที่เงียบสงัดคลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินเป็นจังหวะสายลมเย็นปะทะผิวจนหนาวสะท้านดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงจ้าเหนือผืนน้ำสีหมึกนีร่ายืนอยู่บนผืนทรายแผลที่แขนยังพันผ้าแน่น แต่เลือดยังซึมออกไม่หยุดข้างเธอ อีธานยืนเงียบเขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองหน้าเธอราวกับอยากจำทุกรายละเอียดไว้ให้ขึ้นใจนีร่าหันมามองเขาดวงตาสองคู่สบกันในความเงียบ“ข้าจะรีบกลับมา”เธอเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงสั่นอีธานพยักหน้า แต่สายตาเขาเต็มไปด้วยห่วง“นานแค่ไหน?”“ข้าไม่รู้…”นีร่ากลืนน้ำลาย“แค่ไม่กี่วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด”อีธานถอนหายใจ มือใหญ่ลูบผมเธออย่างแผ่วเบา“เจ้าพูดเหมือนมันจะง่าย”“มันไม่ง่าย” เธอยิ้มจางๆ“แต่ข้าต้องลอง”เขาเงียบไปนาน ก่อนจะหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งจากเอวด้ามเป็นเหล็กเรียบเรียง เส้นคมคมกริบ“เอาไว้ป้องกันตัว”นีร่ารับมาไว้ในมือสายตาเธอเริ่มพร่าเธอขยับเข้าไปใกล้ โอบแขนรอบตัวเขาแน่น“ข้ากลัว…”เธอกระซิบ“กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก”“ข้าก็กลัวเหมือนกัน”เขากอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม“แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเข้มแข็งกว่าใคร ข้าจะรออยู่ตรงนี้…ทุกวัน”นีร่าซบหน้ากับอกเขา น้ำตาไหลเงียบๆเธอไม่
นีร่ายังคงสั่นเทา น้ำตาไหลไม่หยุดอีธานคุกเข่าลงข้างเธอ มือใหญ่ประคองใบหน้าเธอแผ่วเบา“นีร่า…มองข้า…เจ้าอยู่ที่นี่ ปลอดภัยแล้ว”เธอกะพริบตา ถอยหายใจแรงเหมือนจะขาดใจเสียงในคอแหบจนแทบไม่เป็นเสียง“มัน…มันไม่ใช่แค่ฝัน…ข้าเห็นแม่จริงๆ”อีธานกอดเธอไว้แน่นกลิ่นเลือดและเหงื่อยังติดตัวเธอ“แม่ของข้า…ตาเปลี่ยนเป็นสีดำ…”เธอกัดริมฝีปาก มือสั่นจนแทบกำอะไรไม่อยู่“เธอกลายเป็น…สัตว์ประหลาด…พูดว่าข้า…ต้องกลับไป…เป็นเหมือนพวกมัน…”เสียงสะอื้นดังลอดออกมาอีธานค่อยๆ ลูบหลังเธอ“ไม่…เจ้าจะไม่เป็นเหมือนพวกมัน”น้ำเสียงเขาหนักแน่น“ข้าสัญญา”นีร่าเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ“ถ้าแม่ยังมีชีวิต…ข้าต้องหาคำตอบ…ข้าต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น…”“งั้นเราจะไปด้วยกัน”อีธานพูดช้าๆ จ้องตาเธอแน่วแน่“ไม่ว่าต้องไปที่ไหน…เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียว”เสียงคลื่นนอกหน้าต่างยังซัดเข้าฝั่งไฟตะเกียงสั่นไหวเงียบๆในอกนีร่า ความกลัวค่อยๆ แปรเป็นแรงฮึดสู้เธอพยักหน้าช้าๆ“เราจะหาความจริง…ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร…”อีธานกระชับมือเธอแน่นขึ้นและในค่ำคืนที่หนาวเหน็บหัวใจสองดวงก็ผูกพันกันมั่นคงกว่าเดิมสองวันถัดมาแผลบนแขนของนีร่าไม่ดีขึ้น
หัวหน้าเงือกพุ่งใส่อีธานสุดแรงครีบใหญ่หวดอากาศจนเกิดเสียงแตกดัง วืด!อีธานเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้ายปลายมีดในมือฟาดเฉียงเข้าที่คอด้านข้างของมันฉึก!เสียงเนื้อฉีกดังชัดเลือดสีหมึกกระฉูดราดเต็มตัวเขาหัวหน้าเงือกคำรามลั่นจนพื้นสะเทือนร่างมหึมาสะบัดถอยหลังไปสองก้าวชั่ววินาทีนั้น…ศรเซรีออนในมือนีร่าเปล่งแสงจ้าเหมือนจะปล่อยพลังสุดท้ายออกมาเธอยกศรขึ้น…ริมฝีปากแห้งแตกพึมพำถ้อยคำเวทเสียงแหบจนแทบฟังไม่ออก“…จบสิ้น…อสูร…”ประกายฟ้ารูปวงเวทหมุนรอบตัวเธอพลังเวททะลักขึ้นจนฝนสาดกระจายเป็นวงแสงจากศรสว่างจ้า—แต่ทันใดนั้นร่างเธอก็สั่นแรงแผลลึกบนแขนซ้ายฉีกกว้างกว่าเดิม เลือดพุ่งร้อนวาบเต็มมือนีร่าหอบแรง สายตาพร่าเสียงในหูเธอกลายเป็นเสียงอื้ออึงภาพรอบตัวพร่ามัวเหมือนฝันหัวหน้าเงือกที่บาดเจ็บคอคำรามต่ำมันถอยไปช้า ๆ หยาดเลือดดำหยดตามพื้นสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด…และความเกลียดชังก่อนมันจะพุ่งหนีเข้าความมืดหลังบ้านเรือนพังยับอีธานจะวิ่งตาม—แต่เขาหันมาเห็นนีร่าทรุดลงบนเข่าตัวเองศรเซรีออนร่วงจากมือกระแทกพื้นหิน“นีร่า!”เขาพุ่งเข้าประคองร่างเธอไว้แขนเธออ่อนแรงจนแทบไม่ขยับสายตาคู่สวยค่อย
นีร่าเหวี่ยงศรลงสุดแรงปลายศรเซรีออนเปล่งแสงฟ้าแทงเข้าข้างคอหัวหน้าเงือกฉึก!เสียงเนื้อแตกดังชัดเลือดสีหมึกทะลักออกมาเป็นฝอยดำข้นมันคำรามลั่นทั้งลานบ้านแต่พลังมันยังไม่หมด—เงือกกลายพันธุ์ใช้ครีบหนาฟาดสวนใส่เธอเต็มแรงผัวะ!ร่างนีร่ากระเด็นไถลไปตามพื้นหินเธอรู้สึกเหมือนอากาศในปอดหายไปหมดโลกทั้งโลกหมุนเคว้งอยู่ชั่ววูบเสียงอีธานตะโกน“นีร่า!”เธอพยายามลุก แต่แขนซ้ายชาไปหมดพอเหลือบลงมอง…แผ่นหนังแขนเสื้อขาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดไหลรินตลอดแนวแผลฝนโปรยแรงขึ้นจนทุกอย่างเย็นเฉียบแต่บาดแผลกลับร้อนจี๊ดราวไฟลวกเธอหอบหายใจ สายตาพร่าเสียงฝีเท้าเงือกกลายพันธุ์ก้าวมาช้า ๆมันก้มลง แยกเขี้ยวใส่เธอนีร่ากัดฟัน พยายามยันตัวขึ้นแม้แขนซ้ายจะสั่นจนแทบยกไม่ไหวศรเซรีออนสั่นแสงพร่าอยู่ในมือข้างขวาอีธานพุ่งมาคุกเข่าข้างเธอ“อย่าฝืน…! ถอยก่อน!”เธอสบตาเขาแม้เจ็บจนตัวสั่น แต่เสียงเธอยังนิ่ง“ไม่ได้…มันจะฆ่าพวกเขาทุกคน…”บีลาร์กับลุงโทบี้พุ่งเข้ามาขวางตรงหน้าหอกไม้ยกขึ้นพร้อมกัน แม้จะสู้ด้วยแรงที่สั่นระริกนีร่าหอบแรงหนึ่งทีแล้วกัดฟันจนเลือดซึมที่ริมฝีปากเสียงฝีเท้าเงือกกลายพันธุ์ที่กำลังจะก
เสียงกรีดร้องดังสะท้อนมาตามลมทะเลนีร่าชะงัก…มือยังถือถ้วยซุปที่อีธานเพิ่งตักให้เมื่อครู่แววตาเธอเปลี่ยนไปทันที — ความนิ่งสงบกลายเป็นความตื่นตัว“เสียงจากหมู่บ้าน…”เธอกระซิบ เบาแต่หนักแน่นอีธานวางชามลงแทบจะพร้อมกัน“ข้าจะไปด้วย”ไอล่าลุกพรวด“เดี๋ยว! มันอาจเป็นกับดัก—”“ไม่ไปตอนนี้จะไม่มีใครให้ช่วยแล้ว!” นีร่าตอบพลางคว้าศรเซรีออน ดวงตาสีฟ้าเรืองแสงจาง ๆศรในมือเธอร้อนจัด—เหมือนมัน “เตือน” ว่า ศัตรูอยู่ใกล้---กลางหมู่บ้าน — เปลวไฟลุกโชนร่างของเงือกกลายพันธุ์ 3-4 ตัว กำลังล้อมครอบครัวหนึ่งที่เหลือเพียงพ่อกับลูกสาว พ่อพยายามยื้อไว้ แต่เด็กหญิงร้องไห้เสียงแหบก่อนที่ครีบแหลมจะฟันลงมาที่ร่างพวกเขา—“ฟึ่บ!”เสียงบางอย่างพุ่งผ่านกลางอากาศแสงฟ้ารูปเกลียว ปรากฏขึ้นกลางฝูงเงือกศรเซรีออนแทงทะลุร่างของหนึ่งในพวกมัน ร่างมันกระตุกก่อนระเบิดเป็นเถ้าทะเล“ทางนี้!” เสียงนีร่าตะโกนเธอพุ่งเข้ามาท่ามกลางเปลวเพลิง ผมยาวสยายตามลม ใบหน้าเปื้อนฝุ่น แต่ดวงตาไม่สั่นไหวศรเวทในมือเปล่งแสงจ้า ราวกับรู้หน้าที่ของมันเองอีธานกระโจนตามมา สะบัดมีดคู่แทงเข้าลำตัวเงือกอีกตัวอย่างแม่นยำ เลือดสีดำทะลัก“หนีไปทา
แสงแดดสีทองอ่อนส่องลอดบานหน้าต่างเข้ามา นีร่ากับไอล่านั่งชิดกันบนพื้นไม้ ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีกนาน ต่างคนต่างเงียบราวกับต้องการให้หัวใจได้พักเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นที่บันไดอีธานกลับมาแล้วเขาเปิดประตูเข้ามาช้าๆ ในมือหิ้วตะกร้าที่มีก้อนขนมปังแห้ง ผลไม้ป่า และปลาเค็มสองตัว กลิ่นคาวผสมกลิ่นเค็มทะเลโชยอ่อนๆอีธานวางตะกร้าแล้วเดินเข้ามาหาทั้งสองคน เขาสบตานีร่า สายตาคู่นั้นอ่อนโยนจนหัวใจเธอสั่นอีธาน (เสียงทุ้มแผ่ว)“พอจะมีอะไรให้พวกเราอิ่มท้องไปถึงเย็น ข้าออกไปไกลหน่อย…คิดว่าไม่น่ามีใครตามรอยมาได้”ไอล่า (น้ำเสียงยังแหบ)“ขอบคุณ…เจ้าลำบากเพราะพวกเรามากแล้ว”อีธานส่ายหน้า เขาหันไปมองนีร่าแวบหนึ่งอีธาน“พวกเจ้าสองคนคือคนสำคัญ…ไม่มีอะไรเรียกว่า ‘ลำบาก’”นีร่าเม้มริมฝีปาก เธอรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ฝืนใจไว้นีร่า“เมื่อคืน…ข้าคิดว่าเราอาจไม่รอดแล้วจริงๆ”อีธานคุกเข่าลงข้างเธอ มือใหญ่สั่นน้อยๆ ขณะเอื้อมไปแตะแก้มนีร่าอีธาน“ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจ…ข้าจะไม่ยอมให้มันพรากเจ้าหรือใครไปอีก”เขาหันไปสบตาไอล่าอีธาน“ข้าสาบาน…เราจะพามาริเบลกลับไปฝังอย่างสมเกียรติ และเราจะหาทางล้างแค้นมัน”