วันต่อมา….
@โรงพยาบาล
ฉันยกข้อมือเล็กพลิกหน้าปัดนาฬิกาเรือนโปรดเข้าหาสายตาที่กำลังเพ่งมองอยู่ และทิ้งกำปั้นลงบนตักทุบรัวเบาๆ ชะเง้อชะแง้มองหน้าห้องตรวจว่าเมื่อไหร่ประตูจะเปิด แล้วก็วนกลับไปที่ยกข้อมือขึ้นใหม่ วนไปวนมาแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำ
วันต่อมา….“หนูแน่ใจแล้วใช่ไหม”คุณพ่อถามขึ้นพลางวางมือบนหัวทุยเล็กแล้วโน้มตัวลงมาให้อยู่ระดับเดียวกับฉัน เหลือบตามองธามที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยนิดหนึ่ง ท่านคงหมายถึงเรื่องที่เราจะมาจดทะเบียนสมรสกันวันนี้“ค่ะ...” ฉันตอบคุณพ่อเสียงหนักแน่น เพราะฉันมั่นใจมาก ไม่ว่าต่อไปจะเป็นยังไง เขาจะยังรักฉันแบบนี้เหมือนเดิมรึเปล่า แต่ฉันก็ยังจะรักเขาอยู่ดี ที่ผ่านมามันทำให้ฉันยิ่งแน่ใจว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจไปจากเขาได้เลยจริงๆแล้วพวกเราก็พากันเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามนายทะเบียน ที่เตรียมเอกสารไว้ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้าที่เราจะพากันมาอำเภอ คุณพ่อกับคุณแม่ของธามก็เข้าไปเจรจาต่อรองเรื่องสินสอดทองหมั้นกับคุณพ่อฉันเรียบร้อยแล้ว ธามก็อยู่ดีๆ ทำไมรีบก็ไม่รู้ ใจนางอยากแต่งเลยด้วยซ้ำแต่คุณพ่อฉันบอกรอให้เรียนจบก่อน ไม่งั้นคงได้แต่งวันพรุ่งวันมะรืนแน่ๆ….“เดี๋ยว! ไอ้เสือ!” คุณพ่อของธามออกปากห้ามพลางจับมือลูกชายที่กำลังจะเซ็นชื่อลงในทะเบียนสมรส ฉันเองก็ชะงักไปเช่นเดียวกัน“....?” ธามห
มันไม่ตอบแต่ยกยิ้มให้ผมอย่างกวนตีน ไอ้เหี้ยนี้มันคงอยากตายจริงๆ ส่งแม่งไปลงนรกเลยดีม่ะ ผมง้างมือขึ้นเตรียมจะต่อยมันเต็มทีแต่โรสเข้ามารั้งแขนผมไว้ก่อน และตามด้วยมิณ หนูดา พลอยใสที่พากันเดินออกมาจากห้องนั่นด้วยท่าทางตื่นตระหนก“เฮียธาม ใจเย็น มิณ พี่หนูดา พี่พลอยก็อยู่ในห้องด้วย”สิ้นเสียงมิณผมก็ชะงักไปนิดนึง โล่งใจที่มันไม่ได้อยู่กับเมียผมแค่สองคน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันมาทำส้นตีนอะไร ผมปล่อยมือจากคอเสื้อมันแต่ก็ไม่วายที่จะผลักอกมันอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ หน้าแม่งกวนตีนฉิบหาย“เข้าไปทำไรกัน!” ผมเอ่ยถามเสียงเข้มพลางโอบไหล่เล็กเข้าแนบอกแน่นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ“คุณพ่อ วานให้พี่ซันมาดูว่าโรสเป็นไงบ้าง โรสก็แค่มาบอกพี่ซันว่าทุกอย่างโอเครแล้วแค่นั้นเอง พลอยใส มิณ พี่หนูดาก็อยู่ด้วย ธามอ่ะ ใจร้อน เห็นไหมเนี่ย เลือดออกอีกแล้ว” โรสอธิบายให้ผมฟังพลางจับมือข้างที่เจ็บขึ้นมาพินิจดูด้วยความเป็นห่วง“นี่ขนาดมือมันเจ็บนะเนี่ย แม่ง!” ไอ้ซันบ่นพึมพำขึ้นพลางยกมือขึ้นแตะที่มุมปากตัวเอง ตวัดตามองผมอย่างเคืองๆ ก็ช่
พรึบบบบบผมตกใจเล็กน้อยก่อนจะผละออกจากโรสแต่ยังคงโอบไหล่เล็กไว้แนบกาย เมื่อจู่ๆ ไฟในห้องก็ดับวูบลงจนมืดสนิทแทบมองไม่เห็นอะไร“แฮปปี้ เบิร์ดเดย์ ทูยู~ ~โอ้วๆ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู~ ~โอ้วๆ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์~”บรรดาเพื่อนตัวดีที่อยู่ด้านนอกพากันเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์อย่างสนุกสนานและเค้กก้อนโตที่มีแสงไฟสลัวจากเทียนไม่กี่เล่ม ส่วนคนตัวเล็กข้างๆ ก็ดูสนุกไปกับเขาด้วย เอาจริงๆ ว่าเวลาแบบนี้มันไม่ควรไหม คือผมก็ค่อนข้างจะยิ้มไม่ออก ยังปรับอารมณ์ไม่ทัน เสียงร้องของพวกมันก็ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมทำได้แค่โคลงศีรษะไปมาน้อยๆ เท่านั้น“ยิ้มหน่อย” โรสพูดขึ้นพลางเอื้อมมือมาจับที่มุมปากสองข้างของผมแล้วออกแรงยกขึ้นนิดหนึ่งพร้อมกับที่เจ้าตัวก็ฉีกยิ้มกว้างมาให้ผมด้วยเช่นกัน ผมเลยยกยิ้มให้เธอเล็กน้อยทำไมเธอถึงดูไม่เจ็บปวด ไม่เศร้า ไม่เหมือนคนที่จมอยู่กับทรมานแสนสาหัสมาตั้งหลายปีเลย ผมเคยมองว่าโรสอ่อนแอ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ผมต่างหากที่อ่อนแอ ผมต่างหากที่ต้องมีเธอคอยดูแลปกป้อง ปกป้องผมจากควา
และพวกเขาก็พากันออกจากห้องไปจนหมด เหลือแค่ฉันกับธามเท่านั้น ฉันค่อยๆ เดินเข้าไปหาธามอย่างช้าๆ จ้องมองเขาอย่างพินิจ ใจฉันแทบสลาย ภาพตรงหน้าฉันตอนนี้ มันเจ็บปวดเหลือเกิน ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ หลุดมาจากปากเขา ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขาเจ็บปวดแค่ไหนพรึบบบบ“ธะ...ธาม”ร่างฉันถูกดึงลงนั่งตรงหว่างขาเขา แขนสองข้างกอดรัดเอวฉันแน่นจนแผงอกเขาแนบชิดแผ่นหลังฉัน ซุกหน้าลงมาบนบ่าเล็ก มือเล็กของฉันถูกยกขึ้นลูบผมคนข้างหลังอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบประโลม“ไม่เป็นไรนะธาม โรสไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เห็นไหม”“....” เขาเงียบ แต่กระชับกอดฉันแน่นขึ้นแทนเป็นจังหวะเดียวกับที่มิณเดินเอากล่องยาเข้ามาวางให้บนโต๊ะพอดี ก่อนเจ้าตัวจะรีบออกไปทันที ตอนนี้ทุกคนคงกำลังลุ้นอยู่แน่ๆ ว่าฉันจะสามารถทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เร็วแค่ไหน ฉันเชื่อว่าไม่มีใครได้เห็นเขาในโหมดนี้แน่ๆ ขนาดฉันยังไม่เคยเลย“เจ็บไหมเนี่ย โรสทำแผลให้นะ” ฉันพูดพลางจับมือข้างขวาของเขาขึ้นมาเพื่อจะทำแผลใส่ยาให้ ระหว่างที่ทำแผลไป ฉันก็พูดของฉันไปเรื่อย“ทำไม
“ธามเขาไปไหนเหรอคะ คุณพ่อ” ฉันเอ่ยถามคุณพ่อที่ยืนมองรถสปอร์ตคันหรูของธามแล่นออกไปจากบ้านด้วยความเร็วแบบไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก สองคนนี้เขาทะเลาะอะไรกันอีกรึเปล่านะ“พ่อก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ มันก็ลุกพรวดพราดออกไปเลย ไม่บอกอะไรสักคำ”“ทะเลาะกันรึเปล่าคะ”“ก็เปล่านะ ตอนแรกก็ยังคุยดีๆ อยู่เลย แต่พอพ่อพูดเรื่องเมื่อสี่ปีก่อน มันกะ..”“ฮะ! อะ...อะไรนะคะ” ฉันโพล่งขึ้นแทรกประโยคของคุณพ่อด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินว่าท่านพูดเรื่องเมื่อสี่ปีก่อน ท่านพูดให้ธามฟังยังงั้นเหรอ ไม่ได้นะ มันต้องไม่เป็นแบบนั้นสิ ใจฉันแทบหยุดเต้น แขนขาไร้เรี่ยวแรง เบ้าตาร้อนผ่าว มองคุณพ่อด้วยแววตาสั่นระริก“นี่มันเรื่องอะไรกัน” คุณพ่อถามขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ตกใจไม่แพ้กัน“คุณพ่อ ฮึก บอกเขาทำไม คุณพ่อบอกเขาทำไมกันเล่า ฮือๆๆๆ” ฉันหมดแรงทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ปล่อยร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อาย ทั้งคุณพ่อและคุณนายท่านทูตดูตกใจไม่น้อย ก่อนคุณพ่อจะย่อตัวลงนั่งดึงฉันเข้าไปกอดแน่น“หนู พ่อขอโทษ&
@บ้านตรีทรัพย์“พ่อนึกว่าหนูจะไม่มาซะแล้ว”พอเข้ามาในห้องโถงกลางบ้านท่านทูตก็โผเข้ากอดลูกสาว หอมหัวฟอดใหญ่ด้วยความโหยหา ผมเข้าใจว่าท่านคงรออยู่ โรสที่มีท่าทีงงๆ ในตอนแรก ก็เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าผมพาเธอมาที่นี่ทำไม“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ค่ะคุณพ่อ...” โรสผละออกแล้วเอ่ยอวยพรผู้เป็นบิดาเสียงหวานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วเขาก็คุยกันตามประสาพ่อลูกผมก็เลยเดินเลี่ยงออกมาทางสวนข้างบ้าน ปล่อยให้ครอบครัวเขาอยู่ด้วยกันไปจะดีกว่าผมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้พลางหยิบมือถือขึ้นมาเล่นคั่นเวลา แก้เบื่อ...จะว่าไปผมก็สงสัยนะว่าทำไมโรสถึงไม่มาหาท่านทูตทั้งที่วันนี้เป็นวันเกิดของท่านแท้ๆ เพียงเพราะตรงกับวันเกิดของผมงั้นเหรอ...ไม่น่าใช่อ่ะฮึ่มๆผมสะดุ้งเล็กน้อยพลางคว่ำหน้าจอมือถือลงกับโต๊ะแล้วหันไปหาต้นเสียง ปรากฏร่างหนาของว่าที่พ่อตายืนจ้องผมตาเขม็ง“แอบคุยกะสาวที่ไหน กล้านอกใจลูกสาวฉันงั้นเรอะ” ท่านพูดทีเล่นทีจริงพลางเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งลงข้างผม“ผมไม่เคยทำแบบนั้นครับ” ผมตอบกลับเสียงหนักแน่นและจร