/ วาย / The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg) / ตอนที่ 25 ลูกค้าของฉัน

공유

ตอนที่ 25 ลูกค้าของฉัน

작가: Glita
last update 최신 업데이트: 2025-01-02 19:18:50

          ไฟสีขาวนวลสาดส่องผิวหนังที่ขาวสดใสให้สว่างเพิ่มขึ้น สีชมพูระเรื่อถูกขับผ่านเส้นเลือดจนเด่นภายใต้สองแก้มและริมฝีปาก

          นัยน์ตาสีดำขลับล้อกับดวงไฟจนเป็นประกายระยิบระยับ จับจ้องภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกบานใหญ่ ชายหนุ่มยิ้มยิงฟันซักซ้อมสำหรับงานในค่ำคืนนี้

          “เมื่อเช้าไปเที่ยวอีกแล้วใช่ไหม?” มิวหันไปคุยกับเด็กหนุ่มทางด้านซ้ายมือ “ขอบตาคล้ำอีกแล้วนะ”

          ความเป็นห่วงเป็นใยกลั่นออกมาเป็นคำพูด ด้วยความที่อาร์เต้ยังเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่น ผู้เปี่ยมล้นด้วยความคึกคะนองและฮอร์โมนอันพลุ่งพล่าน มิวไม่อยากให้ใครก็ตามฉวยโอกาสจากความเยาว์นี้ แล้วช่วงชิงความสดใสของอาร์เต้ไป 

          กระนั้นพี่ชายต่างสายเลือดอย่างมิวก็ทำได้เพียงทักท้วงด้วยวาจา

          “เหรอ?” อาร์เต้ยื่นหน้าเข้าใกล้กระจก มองดวงตาลึกโบ๋ของตัวเอง ก่อนจะฮัมเพลงพร้อมโบกเครื่องสำอางทับ

          “โทรมแต่ร่าเริงแบบนี้สงสัยเพิ่งเติมของ… ใช่หรือเปล่า?” เจษหัวเราะคิกคัก

          “ผมไม่บอกพี่เจษหรอก เพราะผมทำสัญญากับปีศาจเอาไว้แล้ว”

          มิวสะดุ้งโหยง “สัญญาอะไร?”

          “ผมก็ไม่บอกพี่มิวหรอก”

          “ดูจากอาการ… ไม่บอกก็รู้” เจษเสริม “ไอ้ปีศาจที่ไปทำสัญญาด้วยคงดุ้นใหญ่เท่าแขนล่ะสิ”

          มิวสะดุ้งอีกรอบ “พี่เจษก็รู้เหรอ?”

          “ดูท่าทางดี๊ด๊าของไอ้อาร์ก็รู้แล้ว มีไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำให้มันอารมณ์ดี… ไม่เงินก็ผู้ชาย แต่ถ้าสภาพตาเหลือกตาลอยมาทำงานแบบนี้ น่าจะเป็นอย่างหลัง” เจษหัวเราะร่วนก่อนจะหันไปแซวอาร์เต้ต่อ “ช่วงนี้ก็อย่าหักโหมมากนะ ไม่งั้นยอดรวมรอบหน้าโดนเด็กใหม่แซงแน่”

          “ดันเต้น่ะเหรอ?” อาร์เต้ยิ้มกรุ้มกริ่ม

          มิวหันรีหันขวาง เขาไม่แน่ใจว่าทุกคนในที่นี้รู้กันแล้วหรือว่าดันเต้เป็นตัวอะไร ทำไมทุกคนพูดถึงเรื่องสัญญาและปีศาจได้อย่างสนุกสนาน

          ‘หรือเมื่อคืนหมอนั่นมันไปล่อลวงอาร์เต้กับพี่เจษให้ทำสัญญา’ มิวหงุดหงิดในใจ’

          เสียงกระแอมเบาๆดังหลังจากบานประตูถูกเปิด ชายอีกคนในชุดสูทสั่งตัดอย่างดีเยื้องย่างเข้ามาสมทบด้วยความเกรงใจ

          “หน้าตาแบบนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องดี” เจษเอ่ยดักทางหลังเห็นสีหน้าเจื่อนๆของเป็นเอก

          “ก็ไม่เชิง” เป็นเอกอ้อมแอ้ม “คืองี้…”

          จังหวะเว้นช่วงหายใจอันยาวนานทำเอาทุกคนในห้องที่รอฟังหงุดหงิด แม้กระทั่งคนที่กำลังจะพูดเองก็มีอาการไม่ต่างกัน

          “มิว…” เป็นเอกพูดต่อเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยากแทรก “วันนี้คุณศักดิ์ชัยเขาขอเปลี่ยนคนดูแลเป็นเจษ”

          ราวกับถูกตบอย่างรุนแรงตรงสองแก้มโดยไม่ทันตั้งตัว ลมเพียงแผ่วเบาที่พัดผ่านมิวก็แรงพอจะทำให้ใบหน้าของเขาด้านชา

          ศักดิ์ชัยไม่ใช่แค่ลูกค้าผู้ภักดิ์ดีของมิว แต่เขายังเป็นลูกค้าอันดับต้นๆของมิวในแต่ละเดือนอีกด้วย หากใช่เพราะมีบางอย่างเกิดขึ้น เขาก็มั่นใจว่าตาแก่ผู้มั่งคั่งนั้นไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากเขา หรือไมก็อย่างน้อยอีกสองปีถึงจะเริ่มเบื่อ

          คำสั่งฟ้าผ่านแบบนี้ทำให้มิวนึกย้อนกลับไปถึงคืนที่เห็นเจษขึ้นรถไปกับลูกค้าของเขาด้วยตาตัวเอง ความโมโหก็พลันแล่นผ่านกล้ามเนื้อแถวขมับ ชายหนุ่มได้แต่กัดฟันมองไปยังเจษที่ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น

          “เจษจะรับคุณศักดิ์ชัยหรือคุณพลภักดิ์”

          “ใครให้เยอะกว่าผมก็เลือกคนนั้น” เจษตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉย เขารู้ดีแต่แรกแล้วว่าคืนนี้ใครจะชนะ

          “คุณศักดิ์ชัย!” เป็นเอกตอบคำถาม ก่อนจะหันไปคุยกับมิวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เอ่อ… แล้วมิวล่ะ จะให้พี่โทรไปแจ้งลูกค้าสำรองให้มาแทนไหม?”

          “ไม่!” มิวตอบเสียงแข็ง “วันนี้ผมของดรับลูกค้า”

          ชายหนุ่มหน้ามุ่ยหันไปมองหน้าชายทางขวามือด้วยความไม่พอใจ คำพูดนับร้อยจุกอยู่แถวลิ้นปี่จนหายใจไม่ออก ความรู้สึกไม่ต่างจากโดนหน้าแข้งเตะอัดเข้ากลางลำตัวอย่างจัง

          บรรยากาศในห้องสลับจากสดใสกลายเป็นอึมครึมเพียงแค่ไม่กี่นาที มิวรีบลุกขึ้นหนีบสัมภาระแล้วเร่งออกจากห้อง เขาเลือกเดินหนีดีกว่าทำอะไรที่ต้องรู้สึกเสียใจไปอีกนาน

          นี่ไม่ใช่ครั้งแรกมีอาการฉกชิงลูกค้า ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหนในอมอร์ก็หลีกหนีปัญหาไปไม่พ้น เพียงแต่มีข้อแตกต่างบางประการในกรณีนี้ คือตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแย่งลูกค้าของเพื่อนร่วมงาน

          ซึ่งในกรณีของมิวส่วนใหญ่จะเกิดจากความไม่ตั้งใจ ผิดกับที่คนอื่นมักทำกับเขา ทว่าก็ไม่มีใครกล้าทำซึ่งหน้าแบบเจษมาก่อน เขาไม่รู้ว่าควรโกรธเจษ โกรธลูกค้า หรือโกรธตัวเองดี

          เมื่อโลกมีกฎเกณฑ์ แต่ทุกคนบนโลกพร้อมใจกันแหกกฎ คนที่ผิดควรจะเป็นมิวที่ทำตามกฎ หรือคนอื่นที่ทำผิดกฎกันแน่

          ความคิดปั่นป่วนลามไปถึงหน้าท้อง ชายหนุ่มนั่งลงหน้าร้านพลางรู้สึกคลื่นไส้ เขาพยายามสูดลมหายใจให้ลึกเพื่อนึกถึงเรื่องอื่น

          ชายหนุ่มพยายามควบคุมลมฝนในจิตใจให้นิ่งเงียบ ความยุ่งเหยิงพันเกี่ยวจนการนั่งเฉยๆไม่กระดิกต้นขาทำได้ยาก

          ไม่บ่อยครั้งที่มิวจะหยุดงาน เขาชอบเวลาที่ตัวเองเป็นจุดสนใจและรายล้อมไปด้วยสายตาหลายคู่มากกว่า มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมั่นใจและทรงอำนาจ

          การเดินออกมาแบบหุนหันพลันแล่นจึงเหมือนการเนรเทศตัวเองไปยังดินแดนรกร้างมากกว่า มิวไม่ชอบความเคว้งคว้างเปล่าเปลี่ยว ทว่าเขาก็เกลียดการระเบิดอารมณ์ใส่กันมากกว่า

          มิวได้แต่คิดว่าอยากให้สัญญาของปีศาจเป็นผลโดยเร็ว เขาจะได้เลิกทำตามกฎที่ไม่มีใครสนใจ และใช้ร่างกายกอบโกยความสุขทุกอย่างได้สุดลิ่มทิ่มประตู

          ในระหว่างรอเสียงจอแจจากหน้าร้านที่ค่อยๆดังขึ้นก็ดึงสติมิวให้ฟื้นตื่น เขายังไม่อยากกลับบ้านและไม่รู้จะไปไหน ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาหลายปีชายหนุ่มมีเพียงที่ทำงาน กับห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆสำหรับพักผ่อน เขาแทบไม่รู้จักที่ไหนในเมืองหลวงนี้อีกเลย

          มากกว่าการหลงทางคือการไม่รู้จุดมุ่งหมายของตัวเอง มิวตระหนักถึงสิ่งที่ไม่เคยฉุกคิดได้ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา… เขาไม่รู้ตัวว่าเสียเวลาของชีวิตไปเพื่ออะไร หรืออยากจะทำอะไร?

          มิวสร้างเงินไปมากมายโดยไม่รู้ว่าตัวเองต้องการมันไปเพื่ออะไร เขาทำงานโดยไม่รู้ว่ารอยยิ้มของตัวเองมาจากหัวใจ หรือเป็นเพียงการกระตุกค้างของกล้ามเนื้อเพื่อสร้างมูลค่า และหากไม่มีอมอร์แล้ว… เขาจะกลายเป็นใคร

          ครั้นเหลียวซ้ายมองขวารวมไปถึงเงยหน้าขึ้นเบื้องบน มิวก็ไม่ค้นพบทิศทางให้ไปต่อ เขาจึงล้มเลิกความตั้งใจจะก้าวไปข้างหน้า และหันกลับกลับไปยังจุดเริ่มต้น

          ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนใบหน้าบูดบึ้งไร้ความเป็นมิตร มิวตัดสินใจเดินกลับเข้าไปยังอมอร์ แต่คราวนี้ไม่ใช่ในฐานะพนักงาน

          มิวอยากใช้เงินที่หามาจนล้นเหลือเพื่อหาซื้อความสุขของตัวเองบ้าง ขาอยากเลิกทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูประเดี๋ยวประด๋าว และกลายเป็นลูกค้าเอาแต่ใจดูบ้าง

          บรรยากาศมืดสลัว แสงสีระยิบระยับ และกลิ่นแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่มิวคุ้นเคย ทว่าหลายปีมานี้มิวแทบไม่ได้ออกมาบริเวณหน้าเวที เพราะลูกค้าจองตัวทุกวันเขาเลยไม่จำเป็นต้องออกมาโชว์ตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจ

          เมื่อมองเห็นการตกแต่งและบรรยากาศครึกครื้น มิวก็อดย้อนคิดถึงตัวเองในวันแรกเสียไม่ดี ในตอนนั้นเวทีไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ และลูกค้าค่อนข้างบางตากว่ามาก รวมถึงพนักงานเองการแข่งขันสูงก็ไม่ได้สูง เวลาเกือบสามปีทุกอย่างในอมอร์เปลี่ยนแปลงไปเกือบสิ้นเชิง

          มิวยังจำคำพูดตะกุกตะกักบนเวทีเบื้องหน้าได้ทุกคำ รวมถึงลูกค้าคนแรกที่เลือกเขาไปให้ดูแล เขาเป็นผู้ชายดูมีอายุ ท่าทางสุภาพจนไม่น่าเชื่อว่าจะตั้งใจเข้ามายังสถานที่อโคจรด้วยตัวเองได้ ทว่าหลังจากนั้นมิวก็ไม่เจอเขาอีกเลย

          แสงไฟสลัวและเสียงการแสดงบนเวทีช่วยให้มิวไม่เป็นที่สะดุดตานัก ชายหนุ่มเลือกนั่งอยู่มุมหนึ่งของด้านหลัง ท่าทางเก้ๆกังๆทำให้เขาดูเหมือนมือใหม่

          “พี่มิว! มาทำอะไรตรงนี้ นี่มันโซนลูกค้านะครับ” พนักงานหนุ่มหน้าตาละอ่อนทักทายมิวด้วยความตื่นเต้น ทว่ามิวก็ไม่ใส่เขามากนัก

          มิวสั่งเครื่องดื่มไปหนึ่งแก้วแล้วเฝ้ารอช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้น ช่วงเวลาที่ร้อนแรงที่สุดบนเวที…

          การประมูลพนักงานหนุ่มหล่อดำเนินไปอย่างเรียบง่าย มิวสังเกตด้วยสายตาก็รู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนทำงานฟรี เพราะจำนวนลูกค้านั้นน้อยกว่าพนักงานอยู่พอสมควร

          หลายคนถูกเมินต้องเดินคอตกจากเวทีไปอย่างเซื่องซึม บางคนก็พอกล้อมแกล้มผ่านวิบากกรรมไปได้อย่างหวุดหวิด จนมาถึงคิวของชายหนุ่มผิวเข้มสูงเกือบสองเมตร

          ทันทีที่เป็นเอกประกาศชื่อของชายคนนั้น ทั่วทั้งโถงก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นที่นิยมจนเหลือล้น

          กระทั่งชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งย่างเท้าไปหาแขกแต่ละคน ไม่รู้ว่าด้วยลูกเล่นอะไร… ป้ายประมูลค่อยๆถูกชูสูงขึ้นสลับกันไม่เว้นว่าง

          เสียงเซ็งแซ่ดังระงมใกล้มิวเข้ามาเรื่อยๆ ชายหนุ่มจ้องใบหน้าสีเข้มตรงหน้าไม่วางตา ในมือกำป้ายประมูลเอาไว้แน่น

          “ทำไมนายมาอยู่นี่?” ดันเต้ทำหน้าฉงน

          “เรื่องมันยาว” มิวทำท่าเซ็งในขณะที่เป็นเอกขานตัวเลขอยู่บนเวที

          “พอดีเลย… ฉันมีเวลา”

          “แต่นายต้องทำงาน”

          “อ้อ! ฉันมีเงินด้วย”

          สีหน้าเรียบเฉยของดันเต้ทำให้มิวไม่อยากคาดเดาอะไร

          “ตอนนี้เท่าไหร่แล้วนะ” ดันเต้ตะโกน พลางชี้ไปยังผู้หญิงโต๊ะข้างหน้า “หนึ่งร้อยดื่มแล้วใช่ไหมครับ?”

          เป็นเอกพยักหน้าในมือยังกำไมค์เอาไว้แน่น พลางขานมูลค่าของดันเต้หลังจากมีป้ายประมูลยกขึ้น “หนึ่งร้อยสิบนะครับคุณพี่”

          ดันเต้จับมือของมิวที่มีป้ายประมูลจนแน่น พลางยกมันขึ้นเหนือหัวจนเด่นชัด “สามร้อยดื่มครับ ผู้ชายคนนี้บอกว่าสามร้อยดื่ม”

          ใบหน้าของมิวซีดเผือดเมื่อสมองน้อยๆคำนวณจำนวนเงินอย่างรวดเร็ว “จะบ้าเหรอ? เป็นแสนเลยนะเว้ย”

          “อย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลยน่า ฉันรู้นายมีเงินเก็บเกือบล้าน”

          “สามร้อยครั้งที่หนึ่ง…” ถึงจะงุนงงแต่เป็นเอกก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างราบรื่น “สามร้อยครั้งที่สอง… และสามร้อยดื่มครั้งที่สาม”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 67 มุมมองที่ต่างกัน

    “ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 66 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 65 เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 64 กลับไปใช้งานได้

    ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 63 กาลเวลาที่ยืดหดได้

    เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 62 ความจริงที่พูดไม่หมด

    การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status