บทที่ 7 ขับไล่
ห้องรับรอง
เจียวเหมยยืนอยู่ริมหน้าต่างสายตาจ้องมองไปด้านนอกอย่างเหม่อลอย เรือนที่นางอยู่มาตั้งแต่เด็กไม่คิดเลยว่าวันนี้ที่แห่งนี้จะเป็นของผู้อื่น ตอนนี้นางได้กลับมาแล้วภาพความทรงจำที่นางกับท่านพ่อเคยใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มเสียงหัวเราะ ใบหน้าของท่านพ่อที่ยืนส่งยิ้มให้นางยังคงตราตรึงใจเสมอ นางกลับมาครั้งนี้จะทวงคืนทุกอย่างกลับคืนมาให้ได้ไม่อย่างนั้นนางมิอาจจะนอนตายตาหลับได้
ครั้นนั้นเสียงประตูถูกเปิดเข้ามา เสียงที่คุ้นเคยได้เอ่ยขึ้นมาทันทีที่เท้าก้าวเข้ามาด้านในเพียงหนึ่งข้างเท่านั้น
"เจ้าฟื้นแล้วก็ออกไปจากเรือนของข้าได้แล้วแม้ว่าสามีข้าจะใจดีแต่ข้าไม่ อีกอย่างตอนนี้เจ้าเดินเหินได้คงไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายอันใด เป็นบุตรสาวเรือนใดข้าจะให้บ่าวไปส่งเจ้าเอง"
“ฮูหยินข้ายังรู้สึกเจ็บแผลอยู่เลยเจ้าค่ะ อีกอย่างเมื่อเช้านี้ท่านใต้เท้าบอกให้ข้ารักษาตัวอยู่ที่นี่จนกว่าจะหายเจ้าค่ะ ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านใต้เท้าหากจะจากที่นี่ไปอย่างไรต้องร่ำลาผู้มีพระคุณเสียก่อน"
“นี่เจ้าไม่รู้ความหรือไง ไม่ว่าข้าหรือแม้แต่ท่านใต้เท้าก็เสมือนคนคนเดียวกันออกไปจากที่นี่ก่อนที่ข้าจะขับไล่เจ้าออกไป ได้รับบาดเจ็บเพียงเท่านี้ทำมาเป็นสำออยอย่างนั้นหรือ? หรือว่าเจ้ามีเจตนาที่จะเข้ามายั่วยวนท่านพี่ของข้ากัน สตรีเช่นเจ้าช่างไร้ยางอาย” เยว่เผิงต่อว่าเจียวเหมยนางเห็นใบหน้าของสตีรีที่สามีช่วยมาอย่างเต็มใบหน้า นางงดงามไม่น้อยอีกทั่งยังดูสวยงามมากกว่านางเสียอีก นางจะไม่ยอมให้สตรีนางนี้อยู่ที่นี่ต่อ
เจียวเหมยแสยะยิ้มเดินเข้ามาใกล้พรางกระซิบข้างหูของเยว่เผิง
“ฮูหยินกลัวอันใดกันเจ้าคะ หากท่านใต้เท้ารักเพียงท่านต่อให้สตรีใบหน้างดงามก็ไม่สามารถยั่วยวนเขาได้ หรือว่าท่านไม่มั่นใจในความรักที่ท่านใต้เท้ามอบให้ท่านกัน หรือว่าท่านเคยแย่งผู้อื่นมาแล้วกลัวจะถูกแย่งคืนอย่างนั้นหรือ? เมื่อเช้านี้ท่านใต้เท้าเข้ามาปลอบใจข้า ร่างกายของท่านช่างบึกบึนอกของท่านช่างกว้างใหญ่ เพียงข้าซบลงอกช่างรู้สึกอบอุ่นความกลัวได้หายไปจนหมด หรือว่ายามนี้ข้าจะมีใจให้ท่านใต้เท้าที่หล่อเหลาแถมยังมีจิตใจเมตตาอย่างนี้กันนะ!” เจียวเหมยเอ่ยวาจายั่วยุให้เยว่เผิงโมโห ก่อนจะขยับกายเดินถอยหลังออกมา ครั้นนั้นใบหน้าของเยว่เผิงแดงก่ำดวงตาแข็งกร้าว ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธ
“นี่เจ้า!!! ที่แท้เจ้าก็ตั้งใจเข้ามาที่นี่เพื่อยั่วยวนท่านพี่ของข้าอย่างนั้นหรือ ไม่มีทางที่ข้าจะให้เจ้าเข้ามาอยู่ที่นี่ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง” เยว์เผิงยกมือขึ้นเพื่อที่จะตบหน้าของเจียวเหมย ยามนั้นเองที่หยางตงฉวนกลับมาจากด้านนอกพอดี ทำให้เขาเห็นว่าฮูหยินของตนกำลังลงไม้ลงมือกับสตรีอีกนาง
"หยุดนะ!! ฮูหยินเจ้าจะทำอันใด" หยางตงฉวนรีบย่างเท้าเดินเข้ามาจับข้อมือของเยว่เผิงเอาไว้ก่อนจะถลึงตาใส่นางอย่างโมโหพร้อมขึ้นเสียงถาม ใบหน้าของเยว่เผิงพลันเปลี่ยนสี
"ท่านพี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือเจ้าคะ ข้ามิได้ทำอันใดเสียหน่อยเพียงแค่มาเยี่ยมดูอาการของนางเท่านั้นเองเจ้าค่ะ " เยว่เผิงยิ้มเจือน ๆ รีบหาข้อแก้ตัวทันที แต่มีหรือที่เจียวเหมยจะยอมนางรีบถลาเข้ามาใกล้จับแขนของหยางตงฉวนแน่น
"ทะ...ท่านใต้เท้าฮูหยินของท่านขับไล่ข้า มิหนำซ้ำยังจะใช้กำลังกับข้าด้วย เพียงเท่านี้ข้าเจ็บช้ำร่างกายมากพอแล้วแต่เหตุใดฮูหยินถึงได้ไร้น้ำใจเช่นนี้ด้วย " เจียวเหมยเอ่ยน้ำเสียงสั่นเครือนัยน์ตาเริ่มแดงก่ำ แม้เจียวเหมยไม่บอกเขาก็พอรู้ดีว่าเยว่เผิงนางเป็นสตรีเช่นไร ขนาดหนิงเซียนสหายของนาง และยังเป็นผู้มีพระคุณนางยังไร้ความเมตตา
"ทุกคนฟังข้าให้ดี ไม่ว่าผู้ใดในเรือนนี้จะเข้าจะออกต้องรับฟังคำสั่งของข้าเท่านั้น ส่วนเจ้าฮูหยินเรื่องวันนี้เจ้าทำเกิดกว่าเหตุจริง ๆ สตรีไร้ที่ไปแถมยังบาดเจ็บเจ้าน่าจะมีเมตตาเข้าใจหัวอกสตรีด้วยกัน ส่วนเจ้าพักผ่อนรักษาตัวอยู่ที่นี่จนกว่าจะหายเถิด ถ้ามีผู้ใดมารังแกเจ้าอีกให้แจ้งข้าทันที แม้แต่ฮูหยินข้าจะลงโทษนางเอง " น้ำเสียงเข้มขรึมของหยางตงฉวนผู้ที่เป็นผู้ปกครองเรือนแห่งนี้ได้เอ่ยเสียงดังสนั่น ทุกสายตาก้มลงต่ำมิกล้าแม้แต่จะสบตา ทำให้เยว่เผิงโมโหยิ่งนักที่สามีของตนเปลี่ยนไปเช่นนี้ นางไม่เอ่ยอันใดทำได้เพียงสะบัดมือของเขาให้ปล่อยจากแขนตนและเดินออกไปอย่างฟัดเหวี้ยง
สาวใช้เห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามนางไป ภายในห้องจึงเหลือเพียงเจียวเหมยกับหยางตงฉวน
"เจ้าไม่ต้องกลัวนะ ฮูหยินเป็นคนใจร้อนโมโหร้ายแต่นางไม่มีพิษมีภัยอันใด เรื่องวันนี้ข้าต้องขอโทษแทนฮูหยินด้วย " เจียวเหมยซบลงที่อกแกร่งอย่างออดอ้อน ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ข้าเข้าใจฮูหยินดีเจ้าค่ะ เพราะข้าเป็นสตรีเลยทำให้ฮูหยินไม่ชอบใจ เมื่อครู่หากท่านใต้เท้าเข้ามาช้ากว่านี้ข้าคงโดนฮูหยินสั่งสอน ข้ากลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ ตัวข้าเป็นสตรีไร้ที่ไปเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อยเพื่อตามหาญาติพี่น้องหลังจากบิดาเสีย ได้ยินมาว่าญาติของข้าอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้แต่เมื่อข้ามากลับพบว่าพวกเขาจากโลกนี้ไปนานแล้ว ท่านใต้เท้าข้าหมดหนทางแล้ว ไม่รู้เลยว่าออกไปจากเรือนของท่าน ข้าจะไปอยู่ที่ใดหากพบชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นอีก ข้าคงไม่รอดเนื้อมือคนพวกนั้นแน่เจ้าค่ะ " เจียวเหมยใช้มารยาของสตรีทำให้หยางตงฉวนนึกสงสารนาง เขาโอบกอดนางแน่นใช้มือลูบผมของนางไม่ให้ปกคลุมใบหน้าที่สละสลวย นางเป็นสตรีที่งดงามเสียกว่าเยว่เผิงด้วยซ้ำ หากนางไม่มีที่ไปให้นางเป็นสาวใช้อยู่ที่นี่ก็คงไม่เป็นอะไรอย่างไรไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่งเขาได้
"หากเจ้าไม่มีที่ไปจริง ๆ อยู่ที่เรือนตระกูลจางของข้าหรือไม่? " เจียวเหมยแสยะยิ้มพรางครุ่นคิดในใจ
'เรือนตระกูลจางของเจ้อย่างนั้นหรือ? เอ่ยออกมาได้ไม่อายปากเสียจริง '
บทที่ 30 หวนคืนที่เดิมหลายวันต่อมาร่างกายของทั้งคู่เริ่มอ่อนล้าความเจ็บปวดที่ถาโถมทุกวัน บาดแผลเริ่มเน่าเปื่อยกลิ่นในห้องเหม็นเน่าของเนื้อ แมลงที่บินมาตอมจนแผลเกิดหนอนซอนไซ ทั้งสองเจ็บร้าวไปจนถึงกระดูกจนกระทั่งเยว่เผิงนางไม่สามารถทนความเจ็บปวดในครั้งนี้ได้หมดลมหายใจในที่สุด ส่วนเจียวเหมยนางได้กลับไปพักอยู่ที่ห้องเดิมของนาง เมื่อเข้ามาด้านในเห็นว่าเยว่เผิงหมดลมไปแล้วนางไม่ได้รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย ในที่สุดนางก็ได้แก้แค้นอย่างสาสมเหลือเพียงหยางตงฉวนที่ยังนอนพะงาบ พะงาบเน่าเปื่อยอยู่บนเตียง เจียวเหมยสั่งการให้ยูร์เหยาเรียกบ่าวรับใช้มานำร่างของเยว่เผิงนำออกไปทิ้งใช้ผ้าคุมร่างและบอกให้แพร่งพรายออกด้านนอกว่าฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลจางติดเชื้อโรคตายอย่างฮูหยินคนก่อน ทุกคนไม่แปลกใจเพราะเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นครั้งเมื่อท่านใต้เท้าจางกับจางหนิงเซียนส่วนหยางตงฉวนที่นอนพะงาบ ๆ เจียวเหมยได้ให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมรถม้าเพื่อจะพาเขาออกไปที่หน้าผาตรงจุดที่นางเคยโดนนำร่างเอาไปทิ้ง ยามนี้หิมะเริ่มตกโปรยปรายเมื่อออกเดินไปทางด้านนอกจึงไม่ค่อยมีใครสังเกตบ่าวรับใช้ที่นางสั่งการให้ปิดปากทุกคนหากผู้ใดไม่ทำตามนา
บทที่ 29 สะสางแค้นภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง ร่างของซูหยวนนอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตู กายของหยางตงฉวนนอนอยู่บนเตียงกับเยว่เผิงเมื่อนางเห็นใบหน้าของเยว่เผิงยิ่งสยดสยองไม่คิดว่าฮูหยินจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ก่อนที่นางจะตั้งสติรีบเข้ามาถามด้วยเป็นห่วง"ฮูหยินได้รับบาดเจ็บตรงไปไหนหรือไม่เจ้าคะ""นางซูหยวนใช้ไม้ตีหัวของข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนเลือดที่เจ้าเห็นมากมายมิใช่เลือดข้า ไปเรียกบ่าวรับใช้มาลากศพของซูหยวนออกไปห่อเอาไว้ก่อนเมื่อฟ้ามืดเมื่อไหร่ค่อยเอาร่างนางไปทิ้ง เจ้าช่วยเก็บกวาดห้องให้ข้าด้วยอย่าให้สาวใช้เข้ามาในนี้ ส่วนหน้าต่างไม่ต้องปิดข้าจะให้แมลงมาตอมแผลของทั้งสอง แต่ก่อนจะทำอันใดเตรียมน้ำให้ข้าล้างกายเสียก่อน ข้าเหนียวไปทั้งตัวใช้แรงไปมากต้องให้พ่อครัวทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินเสียแล้ว อ้อ..จริงสิ เจ้าเห็นเนื้อบนโต๊ะหรือไม่ช่วยเอาไปให้พ่อครัวย่างให้ข้าที ข้าจะนำมาป้อนเป็นอาหารกลางวันให้ทั้งสองได้กิน" นางชี้ไปที่ชิ้นเนื้อใบหน้าของเยว่เผิงที่นำมาวางไว้ เยว่เผิงได้ยินส่งเสียงร้องออกมาจากลำคอเพื่อคัดค้าน"อื้อ อื้อ " เจียวเหมยยิ้มกว้างหันไปหาเยว่เผิงพร้อมเอ่ยบอกแก่นาง
บทที่ 28 ตัวตนที่แท้จริงเจียวเหมยยืนขึ้นหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง"ฮ่า ฮ่า ต่อให้พวกเจ้าตะโกนขอความช่วยเหลือไม่มีผู้ใดสามารถช่วยพวกเจาได้หรอก! เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าเจ้าต้องการฆ่าข้ามิใช่หรือ? ข้าพร้อมรอรับความตายแล้วแต่ถ้าเจ้าฆ่าข้ามิได้ จะเป็นข้าเองที่ฆ่าพวกเจ้า" น้ำเสียงเย็นยะเยือกผู้ที่ได้ยินถึงกับสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ เยว่เผิงหวาดกลัวจนตัวสั่นจะหนีก็หนีมิได้ยิ่งคิดถึงเรื่องชายฉกรรจ์สองคนที่นางส่งมาจัดการยังถูกเจียวเหมยจัดการได้อย่างง่ายดายแล้วนางเป็นเพียงสตรีจะสู้นางได้อย่างไรกัน"ท่านพี่ช่วยข้าด้วยท่านเห็นหรือยังเจ้าคะสตรีที่ท่านรักนางมิได้เป็นอย่างที่ท่านเห็น ท่านเห็นหรือยังว่าผู้ใดกันแน่ที่รักท่านจริง ๆ ช่วยข้าด้วยนางบ้าไปแล้วนางจะฆ่าข้าเจ้าค่ะ ""ฮ่า ฮ่า ต่อให้เจ้าเรียกหยางตงฉวนอย่างไรเขาก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ ขนาดตัวของเขาเองยังช่วยตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ" เจียวเหมยค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ทั้งสองอย่างช้า ๆส่วนหยางตงฉวนทำได้เพียงนอนฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาอยากจะช่วยเหลือเยว่เผิงแต่ทว่าแค่ขยับแขนเขายังทำไม่ได้ซูหยวนเห็นท่าไม่ดีนางยืนบังหน้าเยว่เผิงเอาไว้หวังปกป้องนายหญิงของตนมิ
บทที่ 27 เจ้าของเรือนผู้ใหม่ยามเหม่า (06.00)เสียงบ่าวรับใช้ในเรือนพากันเอ่ยซุบซิบกันกระฉ่อน เมื่อจู่ ๆ ถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่หน้าของนายท่านแต่มิใช่นายท่านเป็นคนเรียกแต่กลับเป็นฮูหยินรอง เมื่อทุกคนมาครบยูร์เหยาได้เข้ามาเรียกเจียวเหมยออกไปพบทุกคน"ฮูหยินยามนี้ทุกคนมาพร้อมหน้าแล้วเจ้าค่ะ ""ดีอย่างนั้นออกไปข้างนอกกันเถอะ" เจียวเหมยเดินออกไปข้างนอกอย่างสง่าผ่าเผยทุกสายตาจ้องมองมาที่นาง"ทุกคนในเรือนจงฟังข้าให้ดีข้ามีเรื่องที่จะต้องแจ้งพวกเจ้าให้ได้รับรู้ ต่อจากนี้ท่านใต้เท้าหยางตงฉวนเจ็บป่วยร่างกายทรุดตัวไม่สามารถดูแลงานในเรือนรวมทั้งงานราชการ ท่านใต้เท้าจึงมอบหมายให้ข้าเจียวเหมยสตรีที่เขารักดูแลทุกอย่างในเรือนแห่งนี้ ต่อจากวันนี้ข้าคือผู้ดูแลเรือนตระกูลจาง ต่อจากนี้พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า เพราะข้าคือเจ้าของเรือนหากผู้ใดไม่เชื่อและขัดคำสั่งข้าจะลงโทษอย่างไม่ปราณี" เอ่ยจบนางได้ชูหนังสือประจำตระกูลให้ทุกคนได้ดูแม้บางคนจะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่าหนังสือเช่นนี้เป็นหนังสืออะไร เมื่อทุกคนเห็นต่างพากันแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ หลังจากที่ทุกคนรับรู้นาง
บทที่ 26 รักข้ามั้ยเจ้าคะหลายวันต่อมาร่างกายของหยางตงฉวนเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เขาไอหนักมากกว่าเดิมสติเริ่มฟั่นเฟือนเลอะเลือน แต่เขายังคงรักเจียวเหมยหนักมากกว่าเดิม นางเฝ้าคอยดูแลเขาเอาอกเอาใจ“เจียวเหมยช่วงนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ข้าได้เห็นความรักที่เจ้ามีให้ข้า ข้าอยากหายกลับไปเป็นปกติทำไมท่านหมอมาตรวจข้าหลายต่อหลายคนต่างพากันบอกว่าข้ามิได้เป็นอะไรทำไมร่างกายของข้าถึงซูบผอมไร้เรี่ยวแรงอย่างนี้กันนะ”“ท่านพี่คิดมากไปเองเจ้าค่ะ ท่านพี่เป็นกังวลเกินไปเลยทำให้ร่างกายของท่านซูบผอม ข้ารักท่านพี่นะเจ้าคะข้าเคยสัญญาว่าจะอยู่กับท่านจนกว่าจะถึงวันตายข้าไม่มีทางหนีท่านไปไหนเจ้าคะ ดื่มนี่สักหน่อยนะเจ้าคะข้าให้ยูร์เหยาต้มยาสมุนไพรบำรุงร่างกายให้ท่าน อีกไม่กี่วันร่างกายท่านอาจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ” เจียวเหมยประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของหยางตงฉวนขึ้นมานั่งคว้าหมอนมาหนุนหลังของเขาเอาไว้ ยามนี้ร่างกายของเขาซูบผอมจริง ๆ งานราชการเจียวเหมยได้จัดการให้เขาเมื่อมีสารมาที่เรือนนางได้ตอบกลับพร้อมประทับตราของหยางตงฉวนให้บอกว่าช่วงนี้เขาไม่สบายไม่สามารถทำงานได้นางยกยาสมุนไพรเมื่อครู่ให้เขาดื่มจนหมดก่
บทที่ 25 เจ้ามันน่าเบื่อยามโหย่ว (17.00)ฝั่งด้านเยว่เผิงหลายวันมานี้นางเก็บตัวเงียบเสียใจที่หยางตงฉวนเมินเฉยต่อนางความเย็นชาที่นางไม่เคยพบเจอก็ได้เจอ นางเคยขอพบเขาที่ห้องแต่เขากลับให้บ่าวออกมาบอกว่าเขาไม่ต้องการพบนางทำให้นางเสียใจมากกว่าเดิม"ฮูหยินเจ้าคะถึงเวลากินอาหารเย็นแล้วเจ้าค่ะ ช่วงนี้อาหารไม่ถูกปากฮูหยินอยากกินอะไรหรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยจะให้พ่อครัวทำให้""ไม่ข้าไม่อยากอะไรทั้งนั้น " แววตาเหม่อลอยจ้องมองไปนอกหน้าต่างเอ่ยตอบสาวใช้ด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยไร้ชีวิตชีวา ซูหยวนสงสารนายหยิงจับใจครั้นนั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามานางรีบหันไปมองเห็นว่าเป็นนายท่านใบหน้าของนางเริ่มปรากฏรอยยิ้มรีบแจ้งนายหญิงทันที"ฮูหยินเจ้าคะนายท่านมาเจ้าค่ะ " เยว่เผิงคิดว่าตนเองหูแว่วจึงคิดจะหันกลับมาต่อว่าสาวใช้แต่เมื่อเห็นชายที่ตนรักและคิดถึงรีบเดินไปหาเขาด้วยความดีใจ"ท่านพี่มาหาข้าหรือเจ้าคะ" น้ำเสียงระรื่นเอ่ยถามเขาทันทีพลางเดินเข้าไปใกล้หวังโอบกอดแต่ก็ต้องถูกเขาผละกายนางออก"ข้ามิได้มาเพราะคิดถึงเจ้า แต่ว่าเจียวเหมยของข้าให้ข้ามาหาเจ้า นางทั้งเห็นใจเจ้าหวังดีต่อเจ้ากลัวเจ้าจะน้อยใจข้าจึงได้มาหา ซู