หลังจากที่ร่ำลาท่านย่าผู้เป็นที่รัก เหอหลันฮวาและอาเฟย รวมทั้งหลันจิงสาวใช้ข้างกายคนสนิทจึงเดินทางออกจากจวนของตระกูลเหอ พร้อมกับรถม้าและเกวียนที่บรรทุกสินเดิมของมารดานางจำนวนมาก โดยที่ฮูหยินรองทำอะไรไม่ได้เนื่องจากเป็นคำสั่งท่านย่า
เพราะสินเดิมมีมากจนน่าตกใจ ทำให้ชาวบ้านที่คอยเมียงมองดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หลังจากเกิดเรื่องไม่งามกับคุณหนูใหญ่ในครั้งนั้น แทบจะไม่เห็นนางออกมาจากจวนอีกเลย แต่ผู้ใดจะคิดเล่าว่าวันนี้ กลับเห็นภาพที่สองสามีภรรยาต่างมองตากันอย่างลึกซึ้งขณะกำลังขึ้นรถม้าคล้ายจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง
“นั่นมันคุณหนูใหญ่นี่ นางกำลังจะไปไหน หรือว่าชายหนุ่มที่กำลังประคองนางคือสามีที่เป็นเพียงชายตัดฟืนในจวน ข้าได้ข่าวว่านางไม่ชอบและรังเกียจเจ้าทาสคนนี้ไม่ใช่หรือ”
เหอหลันฮวาเตรียมจะก้าวขาขึ้นรถม้า ทว่ากลับได้ยินคำที่ชาวบ้านกล่าวถึงสามี ทำให้หญิงสาวจึงหันหลังกลับและเดินเข้ามาหาชาวบ้านกลุ่มนี้
“ขอโทษนะเจ้าคะท่านป้า ท่านจะเรียกสามีว่าทาสไม่ได้หรอก เพราะท่านพี่ของข้าไม่มีสัญญาทาส ท่านพี่เข้ามาอยู่ในตระกูลเหอเพราะต้องการอยู่ข้างกายข้า และการที่ข้าแต่งงานกับท่านพี่ ก็เป็นเพราะข้ารักท่านพี่เจ้าค่ะ ไม่ว่าผู้ใดที่พูดจาดูหมิ่น ดูแคลนท่านพี่ของข้า ข้าจะทำให้มันรู้ถึงความร้ายของข้าเจ้าค่ะ”
เหอหลันฮวากล่าวอย่างอ่อนโยนพร้อมกับส่งยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาให้กับชาวบ้านกลุ่มนี้ แม้ว่าในอดีตนางจะอ่อนแอและหัวอ่อนหลงเชื่อน้องสาวต่างมารดาและมารดาเลี้ยง แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
ต่อให้นางเลือกจะเดินออกจากตระกูลเหอ ก็อย่าคิดว่านางวางมือจากแม่เลี้ยง ต่อให้นางรับปากกับท่านผู้ว่าไม่คิดแค้น จะทำงานและอยู่กับสามีไปจนแก่เฒ่า แต่ไม่ได้สัญญาว่านางจะไม่บอกเล่าเรื่องทุกอย่างแก่ท่านตาหรือพี่ใหญ่ และพี่รอง
ชาวบ้านมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเหอจะออกหน้าปกป้องสามีทาสคนนี้
เหอหลันฮวาไม่สนใจชาวบ้านกลุ่มนี้อีก นางจูงมือสามีพร้อมกับมอบรอยยิ้มที่แสนหวานให้กับเขาไปขึ้นรถม้าเพื่อมุ่งหน้าไปที่จวนหลังใหม่ของตน
ขบวนของเหอหลันฮวาและอาเฟยไม่เล็กเลย ชาวบ้านต่างก็มองด้วยความแปลกใจ ดั่งเช่นหญิงสาวนางหนึ่งในโรงเตี๊ยมที่มองขบวนของเหอหลันฮวาไม่วางตา
“นั่นมันขบวนของคุณหนูใหญ่เหอมิใช่หรือ นางกำลังไปที่ใด”
“เท่าที่บ่าวทราบ คุณหนูใหญ่แห่งจวนเหอได้ทำหนังสือตัดขาดกับท่านเสนาเหอเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ นางจึงพาคนสนิทและสามีรวมถึงสินเดิมที่มารดาผู้ล่วงลับทิ้งไว้ให้เดินทางออกจากจวนเหอ เพื่อไปตั้งรกรากใหม่ด้วยตัวเอง”
“เจ้ารู้หรือไม่สามีของนางเป็นผู้ใด” หญิงสาวนางนี้ยังคงถามบ่าวข้างกาย
“บ่าวทราบมาว่าสามีของคุณหนูใหญ่คือบ่าวตัดฟืนเจ้าค่ะ”
หญิงรับใช้นางนี้ไม่กล้าสบตาผู้เป็นนาย นางไม่ทราบว่าเหตุใดเจ้านายของนางจึงสนใจเรื่องของคุณหนูใหญ่นางนี้และสามีบ่าวของนางนัก
“ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องของข้าหรือของเจ้า พวกเรามาจากแคว้นเว่ยเพราะตามหาตัวพี่ชายของข้าที่โดนโจมตีเมื่อหลายปีก่อนและหายสาบสูญไป ที่ข้าสนใจคุณหนูใหญ่ตระกูลเหอ เพราะนางเคยเป็นถึงคู่หมั้นองค์ชายรอง แต่ทำไมจึงยอมมีความสัมพันธ์กับชายตัดฟืน”
ฐานะที่แท้จริงของหญิงสาวนางนี้คือองค์หญิงแห่งแคว้นเว่ยนามว่าเว่ยอิ้งเหมย พี่ชายซึ่งเป็นถึงรัชทายาทแห่งแคว้นกลับหายตัวไปเพราะโดนโจมตีเมื่อหลายปีก่อน
ซึ่งนางไม่แน่ใจว่าเป็นฝ่ายไหนที่แอบเล่นงานพี่ชายนางลับหลัง หากคาดเดาไม่ผิดคงเป็นองค์ชายสามที่เกิดจากไช่เสียนเฟยและฝ่ายของเสนาบดีไช่ ท่านตาขององค์ชายสามพี่ชายต่างมารดาของนาง
“เจ้าค่ะ องค์...เอ่อคุณหนู”
สาวใช้หรือนางกำนัลมิ่งอี้รีบเปลี่ยนคำเรียก เพราะครั้งนี้นางและองค์หญิงเดินทางมาที่แคว้นหลานเป็นการส่วนตัวพร้อมกับองครักษ์ส่วนพระองค์ไม่กี่คน เพื่อสืบเรื่องราวของรัชทายาทและกลุ่มองครักษ์ที่หายสาบสูญ
ขบวนของเหอหลันฮวาและอาเฟยเดินทางไม่ถึงสองชั่วยามก็มาถึงจวนใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งเป็นสินเดิมที่มารดาผู้ล่วงลับทิ้งไว้ให้ ก่อนจะเดินทางมาที่นี่ เหอหลันฮวาได้ให้หลันจิงส่งข่าวมาถึงพ่อบ้านเพื่อเก็บกวาดเรือนทั้งหมดแล้ว
“เชิญขอรับนายท่าน ฮูหยิน”
พ่อบ้านพาบ่าวรับใช้ชายหญิงที่มีเพียงไม่กี่คนออกมาต้อนรับเจ้านายทั้งสอง แม้จะรู้ว่านายท่านจะเคยเป็นเพียงบ่าวตัดฟืนมาก่อนก็ตาม แต่ทุกคนกลับให้ความเคารพดั่งเช่นเจ้านายคนหนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้อาเฟยตัวเกร็งเพราะไม่คุ้นชิน
เหอหลันฮวานางจับมือสามีไว้ไม่ปล่อย ก่อนจะตบฝ่ามือเขาเบา ๆ เพื่อให้หายเกร็ง
“ท่านพี่ ข้าคิดว่าเราเข้าไปพักผ่อนกันดีกว่านะเจ้าคะ”
นางร้องบอกสามีก่อนจะประคองกันเข้ามาด้านใน ระหว่างเดินเหอหลันฮวาจึงกล่าวบางอย่างกับอาเฟย
“พรุ่งนี้ข้าตั้งใจจะชวนท่านพี่ไปซื้อบ่าวรับใช้เพิ่มเติม บ่าวที่จวนแห่งนี้ยังไม่พอ และข้าจะพาท่านพี่ไปดูกิจการของท่านแม่ที่มอบเป็นสินเดิมให้กับข้า ข้าขอโทษนะเจ้าคะที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน ไม่ใช่ข้าไม่ไว้ใจท่านแต่ข้ากลัวว่าทางฮูหยินรองและท่านเสนาบดีเหอจะไม่ยอมคืนสินเดิมของข้า”
เหอหลันฮวาหยุดเดิน และช้อนตามองสามีเพื่อบอกให้รู้ว่านางไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเรื่องนี้ แต่เพราะไม่มั่นใจว่าจะทวงคืนสินเดิมมาได้หรือไม่
“เจ้า ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก ข้าเข้าใจดี” อาเฟยเข้าใจที่ภรรยาของตนกำลังสื่อ ซึ่งเขาเองไม่คิดโกรธหรือเคืองภรรยา
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”
หญิงสาวยิ้มขอบคุณสามีก่อนจะเดินเข้ามาเรือนในซึ่งเป็นเรือนพักผ่อนของทั้งสองคน
หลังจากผ่านพ้นวันนี้ไปทั้งคู่ขอใช้ชีวิตกันเพียงสองคนและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลเหออีก
ส่วนลึกนางอยากจะเปลี่ยนแซ่ด้วยซ้ำไป แต่เพราะท่านย่า นางจึงยังคงใช้แซ่เหอ รวมถึงยังมีพี่ใหญ่และพี่รองของนางที่ยังคงเป็นคุณชายตระกูลเหอและเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป
ตำหนักองค์ชายรอง
เพล้ง! เสียงปาข้าวของเพื่อระบายอารมณ์ของเจ้าของจวนดังไม่หยุด จนนางกำนัลและขันทีต่างก็หวาดกลัว เพราะเกรงว่าภัยในครั้งนี้จะหล่นบนศีรษะของพวกตน
“โคว่โจว เจ้าจงไปสืบดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น ข้าไม่เชื่อว่าคุณหนูใหญ่ของท่านเสนาเหออย่างหลันฮวาจะกล้าทำเรื่องต่ำช้าเช่นนั้น ต่อให้ข้าไม่ผูกสมัครรักใคร่นาง แต่ยังไงนางได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นและว่าที่ชายาของข้า”
หลานหมิงฮ่าวเอ่ยสั่งการกับองครักษ์คนสนิท ต่อให้เขาไม่มีใจให้กับนาง แต่อย่างไรนางต้องมาเป็นชายาของเขา ซึ่งสิ่งที่ต้องการคือฐานอำนาจจากตระกูลแม่ทัพฟ่านบ้านเดิมของฮูหยินเหอผู้ล่วงลับ
ตระกูลฟ่านมีทั้งอำนาจทหารหลายแสนนายในมือ ยังมีตราพยัคฆ์จากอดีตฮ่องเต้องค์ก่อนที่สามารถเคลื่อนทัพได้โดยไม่ต้องรายงานและไม่ผิดกฎมณเฑียรบาล ยังไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ตระกูลฟ่านมีแทบจะเท่ากับเงินและทรัพย์สินในท้องพระคลัง
เพียงแต่ต่อให้มีอำนาจทหารและเงินทองมากเพียงใด แม่ทัพฟ่านและนายท่านผู้เฒ่าฟ่านกลับไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ถ้าหากเขาสามารถแต่งงานและเอาเหอหลันฮวาหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลฟ่านมาเป็นชายาได้ นั่นหมายความว่าตระกูลฟ่านย่อมต้องเอนเอียงมาฝ่ายเขาซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานเขย และตำแหน่งรัชทายาทย่อมต้องไม่ไปไหน
องครักษ์โคว่โจวยืนนิ่งเพราะเขาถือวิสาสะสืบเรื่องนี้มาก่อนที่จะได้รับคำสั่ง เพียงเพราะไม่กล้ารายงาน เพราะคนที่ดำเนินแผนการนี้คือคนที่องค์ชายรองมีความสัมพันธ์ด้วย นั่นก็คือคุณหนูรองตระกูลเหอ
เมื่อเห็นองครักษ์ข้างกายยังไม่ยอมไปทำตามอย่างที่สั่งจึงมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฉุนเฉียว
บทส่งท้าย ชีวิตที่สงบอย่างที่ต้องการเว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรชายทั้งสองกลับมาถึงเมืองหลวงของแคว้นเว่ย เขาก็ได้รับพระราชทานให้ไปอยู่ที่ตำหนักบูรพา ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จมารับหลานทั้งสองและได้เจอลูกสะใภ้ ด้วยความเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาก่อน กิริยาของเหอหลันฮวาก็เพียบพร้อม ไม่มีใครกล้ามาตำหนินางได้ผู้เป็นใหญ่ทั้งสองรักและหลงหลานชายเป็นอย่างมาก ฮ่องเต้ประกาศราชโองการสละราชสมบัติ ให้เว่ยเฟยหลงขึ้นครองราชย์ต่อจากเขา จากที่ฮองเฮาเตรียมจัดงานแต่งตั้งพระชายาเอกขององค์รัชทายาท กลับกลายมาเป็นงานเฉลิมฉลองขึ้นครองราชย์ของเว่ยเฟยหลงเหอหลันฮวาถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา บุตรชายทั้งสองได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ชาย อดีตฮ่องเต้และอดีตฮองเฮา ยังคงอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง มีตำหนักเป็นของตนเอง สิ่งที่ทั้งสองโปรดปรานในตอนนี้คือการเลี้ยงดูหลานทั้งสองในตอนนี้ เหอหลันฮวากำลังนั่งสนทนากับพี่ชายอยู่ตำหนักของนาง“พี่รองคิดดีแล้วหรือ?”นางกล่าวถามพี่ชายอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หลังจากที่เหอซือเหวินบอกกล่าวกับนางเรื่องที่เขาต้องการจะลาออกจากราชการมาอยู่ใกล้นาง เพื่อปกป้องนางและหลานน้อยทั้งสอง เหอหลันฮวารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่
บทที่ 64 กบฏแคว้นหลานหลังจากที่เหอหลันฮวาคลอดบุตรชายทั้งสองครบสามเดือน เว่ยเฟยหลงก็ตัดสินใจพานางและบุตรชายกลับไปที่แคว้นเว่ย เนื่องจากทางฮ่องเต้และฮองเฮาเร่งรัดมาเพื่ออยากเจอหน้าหลานชายทั้งสองและก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นในแคว้นหลาน ฮ่องเต้สวรรคตเนื่องจากฝีมือขององค์ชายรองเป็นผู้กระทำ องค์ชายรองต้องการแต่งตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้ แต่เพราะไม่มีราชโองการแต่งตั้ง และตอนนี้เขากำลังหาตราประทับของฮ่องเต้จึงยื้อเวลาเอาไว้หลานหยางคุนให้เว่ยเฟยหลงพาทุกคนกลับแคว้นเว่ยไป เพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์ในครั้งนี้เหอหลันฮวาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นสักวัน นางจึงวางแผนไว้ล่วงหน้า พร้อมกับเตรียมการตั้งรับ“องค์ชายสาม ท่านพาคนบุกเข้าไปในวังหลวงเถิด”เหอหลันฮวาที่นั่งฟังองครักษ์ขององค์ชายสามรายงานเสร็จ นางก็หันไปกล่าวกับองค์ชายสามที่นั่งกำหมัดอยู่ด้วยดวงตาแดงก่ำ“เขากำเริบเสิบสานยิ่งนัก” หลานหยางคุนกัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยความเคียดแค้น“พวกท่านควรกลับไปก่อน” เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคนในที่นี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะหลานทั้งสองที่เพิ่งลืมตาดูโลก จึงเร่งให้เว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรกลับไปก่อน“ข้าจะออ
บทที่ 63 รับภรรยากลับบ้านราชสำนักออกมาประกาศความผิดของตระกูลไช่ ตระกูลหม่า ตระกูลจงอย่างชัดเจน และยังมีการแห่นักโทษก่อนประหารเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังหลังเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากประหารนักโทษเสร็จสิ้น ก็มีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมาอีกครั้งสงครามกลางเมืองที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก ไม่นานชาวเมืองก็กลับมาค้าขาย และบรรยากาศที่ครึกครื้นก็กลับมาองค์ชายสามที่ตอนนี้กลายเป็นคุณชายเว่ย และไช่ฮูหยิน อดีตเสียนเฟยก็ได้เดินทางไปที่แดนเหนือ เพื่อปกครองเมืองหน้าด่านเล็ก ๆ ตามราชโองการของฮ่องเต้เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เว่ยเฟยหลงก็ขอพระราชทานอนุญาตเดินทางไปที่แคว้นหลาน เพื่อไปรับเหอหลันฮวามาที่แคว้นเว่ยทางด้านฮองเฮาก็เตรียมตัวที่จะจัดงานแต่งตั้งชายาเอกของโอรสด้วยความตื่นเต้น ยิ่งรู้ว่าเหอหลันฮวากำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่กำลังจะเป็นปู่ย่าก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักเนื่องจากอยากเจอหน้าหลานโดยเร็วเว่ยเฟยหลงและเว่ยอิ้งเหมยออกเดินทางจากแคว้นเว่ยมาที่แคว้นหลานก็ใช้เวลาหลายวัน และเมื่อมาถึงจวน เขาก็พบว่าตอนนี้ทั้งจวนกำลังตกอยู่ในความโกลาหล จนเขาเห็นแล้วก็ตกใจ รีบคว้าคอบ่าวคนหนึ่ง
บทที่ 62 ลงโทษเมื่อดาบขององค์ชายสามกระทบพื้น ทุกคนก็รู้ในทันทีว่าศึกในครานี้ที่เพิ่งจะเริ่มต้น ฝ่ายองค์ชายสามได้แพ้พ่ายแล้ว“องค์ชาย!!” แม่ทัพฝ่ายเสนาบดีไช่เห็นดังนั้นก็จะเข้ามาหาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมแพ้“จับกุมตัวให้หมด ใครขัดขืน ฆ่า!!!”แต่เว่ยเฟยหลงไม่ยอมให้ใครได้ขยับตัว เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ผู้ใต้บังคับบัญชาก็รีบทำตามจับกุมเหล่ากบฏ หากมีใครกล้าขัดขืนก็ฆ่าได้ในทันทีเว่ยเฟยหลงละสายตาจากทหารเหล่านั้น หันมามองน้องชายที่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในตอนนี้อยู่“เจ้าตามข้ามาเถิด”เขาบังคับม้าให้นำไปที่ประตูเมือง องค์ชายสามเงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นหลังที่องอาจของพี่ชายที่ควบม้านำหน้าเขาไปเดิมทีเขานึกว่าพี่ชายจะสั่งให้คนมาจับตัวเขาเสียอีก แต่พอคิดว่าพี่ชายไม่มีความแค้นอันใดกับเขา เว่ยหนิงเฉิงก็รีบควบม้าตามเว่ยเฟยหลงไปทันที“เสด็จพี่” เขาเรียกองค์รัชทายาทเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“???” ทำให้เว่ยเฟยหลงหันมามองเขาอย่างตั้งคำถาม“เสด็จแม่ของข้า”“นางกระทำสิ่งใดไว้ ก็ต้องได้รับโทษ ข้าไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ เจ้าไปร้องขอเสด็จพ่อเถิด”เว่ยเฟยหลงย่อมรู้ว่าเว่ยหนิงเฉิงอยากจะร้องขอสิ่งใด เพียงแต่เ
บทที่ 61 ศึกพี่น้ององค์ชายสามกลับมาถึงตำหนักของตนเอง ก็เข้าไปขลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือ เขาขบคิดอย่างหนักถึงความต้องการของตนเองในเวลานี้บัลลังก์นั่นเขาไม่ได้ต้องการ และเขาก็ไม่ได้มีความแค้นกับองค์รัชทายาท อีกฝั่งคือพี่ชาย ส่วนอีกฝั่งคือมารดาผู้ให้กำเนิด และท่านตา ที่คอยสนับสนุนเขาเสมอมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาย่อมรู้ว่ามารดาและท่านตากระทำสิ่งใดลงไปบ้างแต่เพราะมองว่าพวกเขาทำเพื่อให้เขามีชีวิตรอด และมีความมั่นคงในชีวิต จึงยอมปิดตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาจึงไม่อยากกระทำตามที่มารดาและท่านตาสั่งให้ทำเลยสักนิด“องค์ชาย” องครักษ์ที่เดินตามเว่ยหนิงเฉิงเข้ามาเห็นเจ้านายมีสีหน้าที่คิดไม่ตก และนั่งเหม่อลอยอยู่นาน จึงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะทำเช่นไรดี” เว่ยหนิงเฉิงพึมพำขึ้นเสียงเบา แต่สำหรับคนที่ฝึกวรยุทธ์ย่อมได้ยินเพียงองครักษ์เช่นเขาจะสามารถให้คำแนะนำองค์ชายที่ได้รับคำสั่งจากเสียนเฟยมาแล้วได้อย่างไร ถ้าเกิดเขากล่าวอันใดที่ขัดพระทัย จะไม่เป็นการฆ่าตนเองหรอกหรืออีกทั้งเรื่องนี้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขององค์ชายทั้งสิ้นเว่ยหนิงเฉิงไม่ได้สนใจใคร เขาเพียงแค่พึม
บทที่ 60 หลังชนฝาข่าวการกลับมาขององค์รัชทายาท ทำให้ตระกูลไช่ และเสียนเฟยเริ่มร้อนตัวถึงการกระทำของตนเองไช่เสียนเฟยเมื่อทราบเช่นนั้น นางแทบจะทรุดลงอีกครั้ง เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทตายไปแล้วหรอกหรือ แล้วนี่เขายกทัพมาประชิดเมืองหลวงได้ทำไมคนของสกุลไช่ถึงไม่รู้เรื่องกันล่ะ หรือสายข่าวของท่านพ่อจะมีปัญหา“ท่านพ่อไม่ใช่สกุลไช่หละหลวมหรอกหรือ ทำให้คนพวกนั้นมาประชิดเมืองหลวงได้ แล้วคนของเราล่ะเจ้าคะ ทำไมถึงไม่มีใครส่งข่าว พี่ใหญ่เช่นกัน ท่านบอกว่าจะให้บุตรสาวของท่านตีสนิทกับคุณชายเหวินคนดูแลหอมู่ตาน หรือว่าบุตรสาวของท่านไม่มีความสามารถ”นางหันไปกล่าวกับบิดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ออกแนวจะตำหนิที่เขาไม่รอบคอบ อีกทั้งแผนการง่าย ๆ เรื่องให้สาวงามไปล่อลวงคุณชายเหวิน เรื่องแค่นี้เขายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างดูแคลน“พระสนมกล่าวเช่นนั้นก็มิถูกนะพ่ะย่ะค่ะ มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณชายเหวินมีสัญญาหมั้นหมายกับบุตรีของอดีตแม่ทัพจง เรื่องนี้สกุลจงมิอาจก้าวก่ายได้เช่นกัน”เสนาบดีไช่ส่งสายตาบุตรสาว ที่ตนส่งเข้าวังหลวงด้วยตนเอง อีกทั้งยังหนุนหลังนางจนได้ตำแหน่งเ