ยามซวีเซียวอี้เซียนนั่งคิดบัญชีอยู่ในห้องของตน แม้ว่าตอนนี้ฮ่องเต้จะคุ้มครองสกุลเซียวอยู่แต่นางก็ต้องมีแผนรับมือหลายๆด้าน ภัยแล้งแก้ไม่ยาก เพราะจากความทรงจำของร่างเดิมนางฉลาดไม่น้อย มักคอยดูท่านปู่ทำงานแต่เด็ก นางดูแผนที่เป็น กว่างผิงเป็นที่ลุ่ม หากระบายน้ำออกได้ก็ไม่ยาก แต่ปัญหาคือการขุดคลองส่งน้ำ
อยู่ใกล้ฮ่องเต้เหมือนอยู่ใกล้เสือ นางต้องอยู่ห่างๆเขา แผนงานทุกอย่างบิดาไม่ค่อยได้เรียนรู้เท่าไหร่นักเนื่องจากก่อนหน้าเจ็บป่วย เท่าที่สังเกตบิดาน่าจะถูกพิษมากกว่า ในจวนเซียวคงมีหนอนบ่อนไส้ของสกุลจ้าวอยู่ หากบิดาจากไปนางแต่งงานกับจ้าวเฉิงยิ่งต้องพึ่งพาตระกูลจ้าว จ้าวอันปู่ใหญ่ของจ้าวเฉิงนั้นนับว่าเล่ห์เหลี่ยมคบไม่ได้จริงๆ
"เสี่ยวฮวา ปกติยาของท่านพ่อใครเป็นคนดูแลหรือ"
"เป็นพี่เสี่ยวลี่เจ้าค่ะ"
"แล้วยาท่านพ่อไปเอาจากที่ใด โรงหมอหรือเปล่า"
"ท่านหมออี้จะมาจ่ายเทียบยาเดือนละสองครั้งเจ้าค่ะ คุณหนูถามทำไมหรือเจ้าคะ"
"พรุ่งนี้หาทางไปเอากากยาที่เสี่ยวลี่ต้มเสร็จแล้วมาให้ข้า จำไว้อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้"
"เจ้าค่ะ หรือว่ามีคนไม่หวังดีกับนายท่าน คุณหนูนี่มัน...."
"ชู่จุ๊ๆๆ....อย่าเสียงดังไป ข้าแค่คาดเดาอาการท่านพ่อน่าจะถูกพิษ ส่วนใครเป็นคนวางยาข้าสรุปไม่ได้หรอก เจ้าหาทางเอามาก็พอ ข้าจะไปคุยกับท่านพ่อสักหน่อย"
เสี่ยวฮวาขนลุก ในจวนมีคนอยากวางยาฆ่านายท่าน เหตุใดมีคนใจกล้าถึงเพียงนี้ เซียวอี้เซียนไปหาบิดาที่ห้อง นางยกน้ำขิงอุ่นไปให้ เจอกับสาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวลี่ยืนอยู่หน้าเรือน ร่างเดิมไม่คุ้นเคยกับสาวใช้เท่าไหร่ แต่ทันทีที่เซียวอี้เซียนเห็นหน้าก็จำได้ทันทีว่า ครั้งล่าสุดที่ครวญครางในอารามคือสาวใช้คนนี้
"อ๊า..คุณชายงานที่ท่านสั่งบ่าวจะทำให้ดีเลยเจ้าค่ะ"
"เสี่ยวลี่จ๋า เจ้ารู้ความนัก ในเมื่อเจ้าตั้งใจทำงานดีเช่นนี้ งั้นวันนี้ข้าจะเอาเจ้าให้ถึงใจดีหรือไม่เล่าคนงามจ๋า"
"อ๊าย..คนบ้าแรงกว่านี้อีก อ๊า"
เซียวอี้เซียนคาดเดาได้ลางๆแล้ว สกุลจ้าวปล่อยพวกเจ้าไว้ข้าคงนอนไม่หลับ สาวใช้สารเลวคนนี้นางต้องจัดการ เสี่ยวลี่ที่เห็นคุณหนูเดินมาก็ยิ้มเยาะในหน้า คุณชายไม่เอาก็เรียกร้องความสนใจทำเป็นขายสินสอด หึ เขาก็ยังไม่ชายตาแลน่าสมเพช ก่อนจะปรับสีหน้าปกติแล้วทำความเคารพ เซียวอี้เซียนทันได้เห็นใบหน้าเสแสร้งนั้น เสี่ยวลี่คิดฆ่าบิดาข้าหรือ เจ้าจะได้รู้รสชาติการตกนรกทั้งเป็น นางเดาไม่ผิดดีที่ไปหาท่านตาเจิ้นหนานก่อนมาหาบิดา เรื่องกากยาคงไม่ต้องสืบแล้ว จัดการเรื่องตรงหน้านี้เลยดีกว่า
"คุณหนู ดึกแล้วมิทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ นายท่านนอนแล้ว"
"ข้าเป็นบุตรสาวมาพบบิดาต้องรายงานเจ้าด้วยหรือ เสี่ยวลี่ ชื่อเจ้าใช่ไหม เป็นเพียงแค่บ่าวที่ซื้อมา แต่กลับวางท่าใหญ่โตคนอื่นไม่รู้จะคิดว่าเจ้าเป็นฮูหยินเสียอีก"
"คะ คุณหนู ท่านหาเรื่องบ่าวแล้ว"
"เสี่ยวลี่ บ้านข้ายากจนนัก เงินเดือนบ่าวบางครั้งก็ต้องกัดฟันจ่าย สาวใช้อย่างเจ้าเงินเดือนเพียงหนึ่งตำลึง กลับมีปิ่นราคาหลายสิบตำลึงครอบครอง หรือว่าเจ้าไปทำอะไรไม่ดีลับหลังสกุลเซียวหรือเปล่า อย่างเช่น"
"คุณหนูกล่าวหาคนต้องมีหลักฐาน ข้าไม่เคยทำอันใดผิด"
"อ้อ...ข้ายังไม่ได้พูดอันใดเลย ข้ากลัวเจ้าจะเดินทางผิดไปเป็นอนุผู้อื่น ในเมื่อเจ้าไม่ได้ทำก็แล้วไป"
เซียวอี้เซียนเดินผ่านหน้าเสี่ยวลี่ไปเพื่อจะไปหาบิดา วันนี้มารดานอนเป็นเพื่อนท่านย่าอีกเหมือนเดิม นางต้องคุยกับท่านแม่ก่อนจะวางแผนการ เสี่ยวลี่คนนี้เก็บไว้ไม่ได้ เมื่อเสี่ยวลี่เห็นคุณหนูเข้าไปในห้องประมุขของบ้านก็เดินตามมาที่หน้าประตู
"เจ้านายคุยกันขี้ข้าอย่างเจ้าอยากรู้สิ่งใด"
"บ่าวเปล่าเจ้าค่ะ คือ"
"เสี่ยวฮวา ข้าจะคุยเรื่องงานกับท่านพ่อคนไม่เกี่ยวไล่ออกไป"
เสี่ยวลี่ถูกไล่ออกไปยืนรอไกลๆ ได้ยินเสียงหัวเราะของสองพ่อลูกในห้องดังลั่น เซียวอี้เซียนคุยกับบิดาเรียบร้อยแต่นางไม่ได้พูด ใช้วิธีเขียนตัวอักษรจากนิ้วที่จุ่มในน้ำชา ก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยเสียงหัวเราะ ถ้าเป็นคนฉลาดก็เดาออกว่าเสียงหัวเราะนั้นไม่ได้มีความสุขแต่อย่างใด แต่มันกลับแฝงไปด้วยไอสังหารและความเครียด มีเพียงกลุ่มคนบนหลังคาที่รู้ แต่เสี่ยวลี่ไม่รู้นางจึงยิ้มเยาะแค่นเสียง
"หึ..ดีใจให้พอเถอะพวกเจ้าดีใจอีกไม่นานหรอก"
เซียวอี้เซียนออกมาจากห้องของเซียวหงแล้ว นางเดินผ่านเสี่ยวลี่ไม่ได้พูดอันใดอีก เหมือนกับว่าเสี่ยวลี่คนนี้ไร้ตัวตน ส่วนเสี่ยวลี่นางต้องหาทางจะปีนเตียงของเซียวหงตามคำสั่ง ฮูหยินใหญ่ต้องไปเฝ้าไท่ฮูหยินทุกคืน วันนี้นางต้องทำให้สำเร็จ
คุณหนูไปแล้ว เสี่ยวลี่ยกน้ำขิงอุ่นๆไปให้เซียวหง นางถอดเสื้อคลุมออกเหลือเพียงชุดเบาบางมองเห็นทรวดทรงชัดเจน แม้ว่าจะเป็นเพียงสาวใช้แต่นางก็ถือว่างามนัก ผิวพรรณหน้าตานับว่าสวยกว่าคุณหนูบางคนเสียอีก หยางเทียนหลงมองสาวใช้คนนี้อยู่บนหลังคา เขาไม่ได้ยินสองพ่อลูกคุยกันดูเหมือนว่าที่ภรรยาเขาจะระวังตัวพอสมควร นางวางแผนรับมือสาวใช้คนนี้อย่างไรเขาอยากเห็น
"นายท่าน น้ำขิงอุ่นๆมาแล้วเจ้าค่ะ"
เซียวหงเงยหน้าจากหนังสือก็เห็นสาวใช้ที่ดูแลเขายกน้ำขิงมาให้ นางแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าบางเบาจนเห็นเนื้อหนังไปหมด เขาวางหนังสือลงก่อนจะเอ่ย
"เอาออกไปเถอะเซียนเอ๋อร์นางยกมาให้แล้ว อีกอย่างอากาศหนาวเย็นนัก แม้ว่าจวนข้าจะยากจนแต่ก็มิได้ให้บ่าวไพร่ไร้อาภรณ์สวมใส่ เสี่ยวลี่เจ้าควรแต่งกายให้มิดชิด หากป่วยไข้จะลำบาก"
"บ่าวขอบคุณนายท่านที่เอ็นดู นายท่านเมื่อยล้าหรือไม่ ให้บ่าวนวดให้นะเจ้าคะ"
เสี่ยวลี่เดินมาหาเซียวหง นางกดมือลงบนบ่าหนา นวดให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะก้มมาหากระซิบที่ใบหู ทรวงอกอวบอัดที่เห็นเกือบครึ่งเต้าเบียดแผ่นหลังเซียวหงไปมา เขาเลือดลมสูบฉีดอย่างแรง แต่มิใช่เพราะเสน่หากำหนัดแต่อย่างใด บุตรสาวนำสมุนไพรบางอย่างมาให้เขากินก่อนหน้า
"ดูเหมือนพี่สะใภ้จะเดาถูกนะพี่ใหญ่...นางถึงได้ให้ท่านเสนอแก่ฝ่าบาทถึงสามรอบเรื่องไปสำรวจภูมิทัศน์ต้าฉิน อ้างว่าเพื่อให้รัชทายาทได้รู้จักแผ่นดินตนเองก็เป็นนางที่แนะนำให้ท่านกราบทูลแก่ฝ่าบาท"เสียงดังมาจากคนที่เพิ่งเดินลงมาจากด้านบ้าน ลู่เสวียนเดินเข้ามาด้วยอาภรณ์ที่สะอาดไร้รอยเปื้อนแต่อย่างใด หวังจิ่วคอหด ขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาอยู่ข้างนอกมิใช่หรือ เหตุใดลงมาจากข้างบนได้กัน ว่ากันว่าคุณชายลู่ฆ่าคนเสร็จก็จะเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ทันทีเพราะเป็นคนรักสะอาด หยางเทียนหลงภูมิใจในตัวเซียวอี้เซียนเอ่ยออกอย่างภูมิใจ"เมียข้านางฉลาดนัก แต่คนกลับคิดว่านางเป็นเพียงสตรีที่ต้องอาศัยบุรุษถึงสามารถอยู่ได้""แล้วคนที่คิดเช่นนี้ตอนนี้ถูกปรับไม่ได้รับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งยังถูกลดจากอำมาตย์ช้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ ทั้งจวนจ้าวถูกองครักษ์หลวงควบคุม ช่างน่าขันยิ่งนักฮ่าๆๆๆ"ลู่เสวียนหัวเราะไม่เก็บอาการแต่อย่างใด ยามที่อยู่นอกเมืองหลวงเขาก็คือน้องรอง ส่วนหลิวหย่งก็คือน้องสามเป็นพี่น้องบุญธรรมกับหยางเทียนหลง เมื่อพี่ใหญ่มีความสุขเหตุใดพวกเขาจะไม่แสดงความยินดีออกมากันเล่า "ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ คนต้
ในห้องพักทุกคนเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ หยางเทียนหลงนอนอยู่บนเตียงด้านนอกลู่เสียนที่ปลอมเป็นคนขับรถม้ายืนเฝ้าอยู่ด้านล่างขอโรงเตี๊ยมคนของแคว้นเหลียงเริ่มที่จะลงมือ โรงเตี๊ยมยามนี้เงียบวังเวงแม้แต่เสียงยุงบินผ่านยังไม่มี ลู่เสวียนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก่อนจะลืมตาทำท่าทีงัวเงียแล้วเอ่ยกับองครักษ์ที่เฝ้ายาม"นี่ๆๆ พี่ชายข้าจะไปนอนที่รถม้านะ""อ้อ..อืม"ลู่เสวียนเดินออกไปด้านนอกเมื่อออกมาได้ก็แอบไปด้านหลังแล้วดีตัวไปยังยอดไม้เพื่อดูความเคลื่อนไหว ชายชุดดำกว่าร้อยคนกำลังมา แปลว่าพวกมันเหมาโรงเตี๊ยมทุกโรงที่เป็นทางผ่านเพื่อรอจัดการรัชทายาท หากวันนี้เป็นตัวจริงเสด็จมาคงลำบากแน่นอนชายฉกรรจ์ชุดดำกว่าร้อยคนเคลื่อนมายังโรงเตี๊ยม เมื่อมาถึงก็ปิดล้อม ส่วนนักฆ่าอีกกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมที่พักก่อนหน้าสามห้องก็เปิดประตูห้องออกมาทันทีที่ได้รับสัญญาณ ทุกคนสวมชุดนักรบของเผ่าเหลียง องครักษ์ของหยางเทียนหลงที่อยู่ในห้องต่างก็พยักหน้า หวังจิ่ว อารองขององค์ชายใหญ่เดินมายังด้านในโรงเตี๊ยม ก่อนจะเอ่ยถาม"มีคนออกไปข้างนอกหนึ่งคนกลับเข้ามาหรือยัง""เป็นค
หวงเหวินเทียนส่งมารดาเข้านอน เมื่อเรียบร้อยคนของรัชทายาทก็มารายงานเรื่องราว รัชทายาทตัวปลอมนั้นกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง และคืนนี้จะมีการลงมืออีกครั้งจากฝ่ายตรงข้าม ครั้งนี้เขาจะรวบให้หมด หยางต่งเจ้ารอก่อนเถอะผ่านคืนนี้ไปข้าจะรับซิ่วเอ๋อร์กลับจวนอย่างเอิกเกริก ให้เจ้าได้รู้ว่าที่ผ่านมาเจ้าและมารดาของเจ้ากลับสกุลหวังไม่เคยควบคุมนางและใครได้เลย และเมื่อเจ้ารับรู้ว่าที่จริงแล้วนางเป็นคนของใคร ข้าจะให้เจ้ากระอักเลือดจนยกดาบไม่ขึ้นเชียวล่ะโรงเตี้ยมพเนจรยามอิ๋นรถม้าที่กำลังทะยานควบขี่มายังโรงเตี้ยม กระทั่งมาถึงคนขับรถม้าจึงไปเคาะเรียก ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูหลายครั้งทำให้เสี่ยวเอ้อที่งัวเงียๆจากการที่แอบงีบหลับก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อตอนบ่ายมีคนมาเหมาโรงเตี้ยมที่ผ่านทางนี้จนหมด มีเพียงโรงเตี้ยมของเขาที่ไม่มีใครมาขอเหมา แขกก็น้อยได้มาเพิ่มอีกคนเถ้าแก่คงมีเงินจ่ายเงินเดือนของเขา จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็เดินไปเปิดประตูเพื่อต้อนรับคนที่มาพัก"มาแล้ว มาแล้ว เสี่ยวเอ้อเดินขยี้ตารัวๆก่อนจะตะโกนตอบกลับไป เมื่อเปิดประตูก็เห็นบุรุษสิบกว่าคน มีรถม้าคันใหญ่ เขาจึงถามออกไป"
ในเมืองหลวงตอนนี้กำลังมีการเฝ้าระวังคนของแคว้นเหลียงกับคนขององค์ชายใหญ่ จ้าวอันถูกปล่อยออกมาแล้ว ฮ่องเต้ลงโทษงดรับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งลดขั้นจากอำมาตย์ฝ่ายซ้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ จ้าวอันป๋อเองก็แทบจะกระอักเลือด จวนถูกองครักษ์ควบคุมไปไหนไม่ได้ ตอนนี้ในห้องลับของจวน คนของแคว้นเหลียงกำลังนั่งหน้าดำคล้ำเจรจากับจ้าวอันและจ้าวอันป๋ออยู่"ตกลงอาวุธ..พวกท่านจะส่งมอบเมื่อใด""ทางเราถูกยึดไปหมด นายกองหม่าท่านรออีกสักนิดเถอะ""เสนาจ้าว แคว้นเหลียงของเราคงไม่รอแล้ว ข้าจะพากำลังเข้าเมืองหลวง พวกท่านก็เตรียมเปิดประตูเมืองรอด้วยเล่า"จ้าวอันป๋อกำมือแน่น หากไม่มีอาวุธต่อให้พวกเขามาได้ก็ใช่ว่าจะชนะ แต่ทางแคว้นเหลียงไม่เจรจาต่อ พวกเขานัดวันบุกเมืองหลวงเรียบร้อยก็กลับไป ส่วนองครักษ์ของวังหลวงแสร้งไม่รับรู้ว่าสกุลจ้าวมีคนแปลกหน้าเข้าออก พวกเขานำผักมาส่งทุกๆวันแต่ต้าฉินเป็นดินแดนแห่งการเพาะปลูก พื้นที่มิได้หนาวเย็นเช่นแคว้นเหลียง แต่สามคนนี้กลับใบหน้ากร้านลมจนเห็นชัด เหมือนกับคนที่อยู่กับอากาศหนาวมาตลอดชีวิตองครักษ์นายหนึ่งถึงเวลาเปลี่ยนเวรกับคนใหม่ เมื่ออกเวรก็ตรงไปตำหนัก
เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลัง จางลี่เฟยและเซียวอี้เซียนกับฉีฮุ่ยหมินหันไปพร้อมกัน สตรีในชุดทหารเดินเข้ามาหร้อมกับเอ่ยกับจางลี่เฟย ด้านหลังนางมีเด็กสาวอีกคนวัยน่าจะสิบเจ็ดสิบแปดเดินตามหลงมา หลานซิ่วเอ๋อร์รีบวิ่งไปเกาะแขนนางทันทีก่อนจะเอ่ย"พี่ใหญ่ท่านมาแล้ว ไหนท่านบอกว่าอีกหลายวันไงเจ้าคะ""ทำไม ไม่อยากให้พี่กลับมาเช่นนั้นหรือ""ไอ้โย่ว เปล่าสักหน่อยข้าคิดท่านมากจริงๆนะเจ้าคะ คิดถึงน่ะ คิดถึง ชายแดนมีอะไรน่าอยู่กัน ท่านชอบตัดหัวศัตรูมากกว่าคิดถึงน้องสาวอย่างข้าหรือ แม่ทัพฮวน สามปีมานี่ข้าคิดถึงท่านแทบบ้า"หลานซิ่วเอ๋อร์อ้อนพี่สาวทันที หลานฮวนลูบศีรษะหลานซิ่วเอ๋อร์ด้วยกิริยาอ่อนโยน บรรยากาศอบอุ่น จากนั้นก็หันไปหาเซียวอี้เซียนและฉีฮุ่ยหมิ่นก่อนจะคำนับ"หม่อมฉันหลานฮวนถวายพระพรไท่จื่อเฟย ถวายพระพรพระยาชาเซียวเพคะ""คุณหนูใหญ่ ไม่เจอท่านสามปีดูงามสง่าขึ้นมากนัก ว่าแต่ท่านเอ่อ..."ฉีฮุ่ยหมิ่นเอ่ยกับหลานฮวน ส่วนเซียวอี้เซียนนอกจากวิ่งตามจ้าวเฉิงก็มิได้รู้จักคุณหนูจวนอื่นแต่อย่างใดจึงพยักหน้ารับเท่านั้น หลานฮวนหันไปหาน้องสาวก่อนจะเอ่ย"ไม่เจอสามปี ซิ่วเอ๋อร์ข
เซียวอี้เซียนยามนี้ยืนสงบนิ่งอยู่ ด้านหน้าเป็นเนินดินที่นางนำเสื้อผ้าของเวียวอร้เซียนคนเดิมมาฝังเอาไว้ ป้ายหลุมศพแกะสลักจากหินอ่อน เขียนว่า สถานที่พักผ่อนของเซียวอี้เซียนผู้เป็นที่รัก มารดาและท่านย่าของนางกลับไปแล้วหลังจากเซ่นไหว้เรียบร้อย เซียวอี้เซียยืนสงบนิ่ง นางปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดไปแล้วดูเหมือนเซียวอี้เซียนคนนั้นคงยอมจากไปแล้ว เสี่ยวฮวามองไปยังร่างบางก็อดสงสัยไม่ได้ พระชายานึกอย่างไรจึงสร้างหลุมศพตนเอง ฉีฮุ่ยหมิ่นเดินมาแตะไหล่บางก่อนจะเอ่ย"เซี่ยนเซี่ยน สบายใจหรือยัง""เพคะหม่อมฉันรู้สึกดีเหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ ว่าแต่พี่ฮุ่ยหมิ่นได้ยินว่าคนๆนั้นบาดเจ็บไม่น้อย"ฉีฮุ่ยหมิ่นถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า คนๆนั้นที่เซียวอี้เซียนกล่าวถึงก็คือคนที่ปลอมเป็นหยางเฟยหยางไปตรวจงานที่เมืองตงซาน เขาถูกลอบสังหารถึงสามครั้ง คนของสกุลหวังคงร้อนใจแล้ว ทั้งสี่คนเดินมาจนถึงด้านหลังของอารามก็พบกับคนๆหนึ่ง เซี่ยวอี้เซียนไม่อยากเสียเวลาจึงพากันเดินหนี เสี่ยวฮวากับซีซีเองก็เดินตามเจ้านายของตน กระทั่งเสียงของสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้น"บังอาจ...เห็นพระสนมแล้วเหตุใดไม่เคารพ เด็กๆจับพวก