หากเขามีอาการกำหนัดมันจะออกฤทธิ์ต่อต้านกันรุนแรง แปลว่าบนตัวสาวใช้คนนี้โปรยผงยาปลุกกำหนัดเอาไว้ เซียวหงกำหน้าอกอย่างแรง เขากระอักเลือดออกมา เสี่ยวลี่ตกใจที่เห็นเจ้านายกระอักเลือดเต็มปาก นางร้องกรี๊ดจนบ่าวในเรือนวิ่งมาดู เซียวอี้เซียนรีบวิ่งมาทันทีพร้อมกับซุนเจิ้นหนาน ทันทีที่พังประตูเข้าไปก็เห็นบิดานอนกระอักเลือด ซุนเจิ้นหนานรีบเข้าไปหาฝังเข็มให้ทันทีเพื่อระงับอาการ
เซียวฮูหยินที่มาถึงเห็นอาการสามีก็ร้องไห้ปานจะขาดใจ เซียวอี้เซียนเดินไปหาตบหน้าเสี่ยวลี่อย่างแรงจนนางล้มลงเลือดกลบปาก
"เจ้าทำอะไร คิดปีนเตียงบิดาข้าหรือนังงูพิษ"
"คุณหนูกล่าวหาบ่าวเช่นนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ"
"สารรูปเจ้าตอนนี้ใส่เสื้อผ้าหรือแก้ผ้ายังไม่ต่างกันเลย ท่านตาเจิ้นหนานท่านพ่อเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"
"ร่างกายเขาอ่อนแอ เดิมเรื่องหญิงชายก็ทำมิได้อยู่แล้ว เหมือนจะมีคนวางยาปลุกกำหนัดเขาน่ะ"
"ไม่นะ บ่าวป่าวนะเจ้าคะ คุณหนูท่านหมอซุนพวกท่านใส่ร้ายข้ามิได้นะ"
"ท่านตาตรวจนางได้หรือไม่"
"ไม่นะ....คุณหนูท่านหมอเป็นบุรุษ ท่านทำเช่นนี้มิเท่ากับลบหลู่เกียรติของบ่าวหรือ เช่นนี้ให้บ่าวตายเสียยังดีกว่า"
"อี้เซียน..มีอีกวิธีนี่เป็นแมลงที่ตาเลี้ยงเอาไว้ ขอเพียงบนตัวนางมีสมุนไพรที่ใช้ปรุงยานี้อยู่มันย่อมค้นหามาจนได้"
ซุนเจิ้นหนานเปิดกระบอกไม้ไผ่ออกมา แมลงตัวเล็กที่คล้ายๆกับจิ้งหรีดคลานออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ มันคลานไปหาเสี่ยวลี่ดมนางสักครู่ก็คลานไปตามทาง สาวใช้ตามแมลงตัวน้อยไปที่ห้องของเสี่ยวลี่ มันมุดผ้าห่มมุดหมอน จนกระทั่งไปหยุดที่รอยแยกข้างผนังห้อง สาวใช้คนหนึ่งเดินตรงไปแต่เสี่ยวลี่รีบไปขวาง ไม่ทันถึงแส้ในมือของเซียวอี้เซียนก็ตวัดรัดข้อมือนางกระชากกลับมา
สาวใช้ไปแงะตรงรอยแยกเจอห่อกระดาษสีน้ำตาล จึงนำออกมาสองห่อ จากนั้นก็ส่งให้เซียวอี้เซียนดู นางรับมาก่อนจะไปหาซุนเจิ้นหนาน หมอเทวดารับห่อกระดาษมาเปิดออกต้องปิดจมูก นี่เป็นยาปลุกกำหนัดชนิดรุนแรง เซียวหงไม่มีทางที่จะหลุดพ้นคืนราคะไปได้เลยหากสูดดมมันเข้าไป โชคดีที่เซียวอี้เซียนมาหาเขาก่อนหน้า บอกกับเขาว่านางไม่ไว้ใจสาวใช้บิดาเขาจึงให้สมุนไพรที่มีฤทธ์ต่อต้านกันมา แต่อาจทำให้เซียวหงลำบากสักหน่อยซึ่งเซียวอี้เซียนก็ยินยอม
"มีอะไรจะพูดไหมเสี่ยวลี่"
ซุนเจิ้นหนานถามสาวใช้ที่ตอนนี้นั่งตัวสั่นอยู่ นางจะทำเช่นไรดี จะบอกว่าตนเป็นคนของคุณชายจ้าวก็ไม่ได้ ทำอย่างไรดี
"เจ้าเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ พรุ่งนี้ขายออกไปให้หอนางโลมเถอะ ในเมื่อเจ้าชมชอบเรื่องโลกีย์เพียงนี้ที่นั่นอาจเป็นสถานที่ดีๆสำหรับเจ้า"
"ไม่นะท่านขายข้าไม่ได้ ลืมแล้วหรือในสัญญาขายตัวที่ไท่ฮูหยินซื้อตัวข้ามาห้ามขายข้าออกไป คุณหนูข้าจะไปขอความเป็นธรรมเรื่องที่ท่านใส่ร้ายข้ากับไท่ฮูหยิน"
เสี่ยวลี่ไม่ยอมแพ้ เสี่ยวฮวาที่ปกติเงียบขรึมขี้ขลาดมาตลอด นางเดินมาถึงก็ตบหน้าเสี่ยวลี่อีกข้างอย่างแรง เสี่ยวลี่น้ำตาร่วงนางเจ็บเหลือเกิน
"นางงูพิษ คิดฆ่านายท่านยังจะให้มารดาของเขาอุ้มชูเจ้าหรือ ไร้ยางอาย"
เซียวอี้เซียนเดินหน้ามาหาสาวใช้ทรยศก่อนจะเรียกหาบางคน
"พ่อบ้าน ท่านไปตามลุงโจวมิ่งมาสักหน่อยได้หรือไม่"
"ขอรับคุณหนู"
พ่อบ้านไปไม่นานก็มาพร้อมกับชายแก่อายุห้าสิบกว่าคนหนึ่ง ผิวดำมะเมื่อม ลงพุงหน่อยๆ โจวมิ่งเป็นบ่าวที่ทุกเช้าต้องนำสิ่งปฏิกูลไปเททิ้ง เขาไม่ค่อยคุยกับใครนักเพราะเนื้อตัวมีแต่กลิ่นเหม็น เมื่อมาถึงก็นั่งลงคุกเข่า เซียวอี้เซียนเอ่ยกับเขาช้าๆ
"ลุงโจว....ท่านทำงานกับจวนเรามากี่ปีแล้ว"
"เรียนคุณหนู สี่สิบปีแล้วขอรับ บุญคุณของนายท่านข้าน้อยไม่เคยลืม"
"อืม..นับว่าท่านภักดียิ่งนัก ลุงโจวข้าอยากตอบแทนความภักดีของท่านสักหน่อย ข้าขอเป็นตัวแทนท่านย่ายกเสี่ยวลี่สาวใช้คนนี้เป็นภรรยาท่าน คืนนี้เข้าหอได้เลย สินสอดไม่ต้องจ่ายข้าจะให้เงินตั้งตัวแก่ท่านด้วย อายุท่านเยอะแล้วไปหาบ้านเล็กๆสร้างครอบครัวเถอะ"
"อะไรนะ..ไม่ๆๆเจ้าทำกับข้าอย่างนี้ไม่ได้นะ เซียวอี้เซียนเจ้ารู้ไหมข้าเป็นคนของใครเจ้ากล้าหรือ"
เสี่ยวลี่โวยวายออกมา นางดิ้นสุดฤทธิ์ แต่ถูกกดเอาไว้ โจวมิ่งมองไปที่สตรีงดงาม เสื้อผ้าที่นางสวมอยู่ช่างเย้ายวน เขาไม่เคยได้ลิ้มลองสตรีสักครั้ง วันนี้คุณหนูใจดียกสาวใช้คนนี้ให้เขาหรือ
"ขอบพระคุณคุณหนูมากขอรับ ข้าจะถนอมนางอย่างดีเลยขอรับ เมียจ๋าเจ้าไม่ต้องกลัวข้านะ ไปกันเถอะข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขที่แต่งงานกับข้า"
"ไม่เอามือโสโครกของเจ้าออกไป อ๊าย กรี๊ดดดด คุณชายจ้าวช่วยเสี่ยวลี่ด้วยเจ้าค่ะ เซียวอี้เซียนเจ้ามันไม่ใช่คน ปล่อยข้าปล่อย"
บ่าวชราลากเสี่ยวลี่ไปยังเรือนพักของตน นางขัดขืนเขาจึงแบกนางขึ้นบ่าไปจนได้ เซียวอี้เซียนไปดูบิดาที่ตอนนี้มารดากำลังเช็ดเหงื่อให้อยู่ นางมองมายังบุตรสาวน้ำตาคลอ
"ท่านแม่ นางเป็นคนของสกุลจ้าว มาเพื่อทำลายทายาทหนึ่งเดียวของสกุลเซียว หากข้าแต่งกับจ้าวเฉิงจะยังรอดหรือเจ้าคะ หากท่านพ่อจากไปสกุลเซียวย่อมต้องพึ่งพาบ้านสามี ข้าเชื่อว่าพวกเขาไม่ถอดใจหรอก มิแน่พรุ่งนี้อาจมีเกี้ยวสีชมพูมารับอนุเช่นข้าเข้าจวน"
"เลวนัก เซี่ยนเซี่ยนของแม่พวกเขาๆ"
"ท่านแม่วางใจ พวกเขาทำอะไรลูกไม่ได้หรอกเจ้าคะ เดิมทีข้าจะหาหลักฐานที่เสี่ยวลี่วางยาท่านพ่อ แต่ว่าข้าไม่รู้คิดอย่างไรกลัวว่านางจะปีนเตียงท่านพ่อจึงคิดแผนนี้ออกมา แต่ก็ทำให้ท่านพ่อร่างกายแย่ลงกว่าเดิม"
"อย่าห่วงเลยมีตาอยู่มิใช่หรือ หากไม่ได้ดื่มยาเทียบนั้นต่อเนื่องบิดาเจ้าจะอาการดีขึ้น"
เซียวอี้เซียนพูดคุยกับมารดาและซุนเจิ้นหนานอีกไม่นานก็กลับเรือนตนเอง ข้างนอกบ่าวกำลังสนุกกันใหญ่ เฒ่าโจวไม่เคยมีเมียพอได้เข้าหอก็ร่วมสวาทกับเสี่ยวลี่จนเสียงดังลั่นเรือน เสี่ยวลี่ครางราวกับสัตว์ในฤดูผสมพันธุ์ดูท่าตาแก่โจวคงจะทำให้นางได้ถึงใจ เซียวอี้เซียนยิ้มซ่อนมีดในใบหน้า จ้าวเฉิง จ้าวอันป๋อ ข้าจะลับมีดรอพวกเจ้าเดินมาชนบังตอของข้าเอง
บนหลังคาบุรุษสามคนที่นั่งดูปาหี่มาตั้งแต่ต้นก็เอ่ยปากพูดคุยกันหลังจากที่คุณหนูคนงามเดินกลับเรือนตนเองไปแล้ว
"ท่านอ๋อง ว่าที่พระชายาท่านช่างน่ากลัวยิ่งนัก นางวางแผนเช่นนี้ไม่เพียงจ้าวเฉิงเสียหมากไปแล้ว สาวใช้ในจวนที่หวังปีนเตียงบิดานาง หรือแม้แต่คิดปีนเตียงพระองค์ในอนาคตคงคิดหนัก มีตัวอย่างให้เห็นแล้ว" ลู่เสวียนเอ่ยขึ้น
"น่าสงสารนางอยู่นะ ข้าไปแอบฟังมาตาเฒ่านั่นรุนแรงจริงๆ เตียงหักแล้วกระมัง"
หลินหย่งเอ่ยอีกประโยค แต่หยางเทียนหลงลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ย
"เมียข้าฉลาดเพียงนี้ หากข้าอยากนอกใจนางกลัวว่าข้านั่นแหละจะโดนเชือดก่อนเสียเอง"
"ท่านอ๋อง หรือทรงกลัวพระชายาที่ยังไม่เข้าพิธีคนนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ"
"แล้วเจ้าสองคนว่า เมียข้าน่ากลัวหรือไม่"
จ้าวอันป๋อออกจากคุกหลวงก็ตรงกลับจวนในทันที เขาต้องหาทางเร่งกระพือข่าวเรื่องที่เมืองหลวงกำลังจะจมน้ำ หากชาวบ้านแตกตื่นยิ่งเป็นผลดีต่อพวกเขา ใครจะรู้ว่าเมื่อมาถึงจวนกลับเจอเข้ากับภาพที่เขาไม่คาดฝัน คนในจวนถูกจับมารวมที่ลานหน้าบ้าน ทหารองครักษ์ใช้ดาบจ่อคอทุกคนเอาไว้ หนึ่งในนั้นสวมชุดเกราะสง่างาม เป็นจ้าวเหวินหลานชายคนรองของน้องชายเขานั่นเอง สายตาเหลือบไปมองก็เห็นจ้าวเฟิงหลายชายของเขากับจ้าวเฉิงที่นอนอยู่ไม้กระดาน ชายชรามองไปยังใบหน้าที่สวมชุดเกราะให้ความรู้สึกถึงใครบางคน หวงจิ้งไห่ หย่งอันโหวคนนั้น เหตุใดใบหน้าถึงได้ละม้ายคล้ายจ้าวเหวินยามสวมชุดทหารเช่นนี้ แต่ทว่านี่ไม่ใช่เวลามานึกถึงคนที่ตายไปแล้ว เขาอยากรู้ว่าทหารองครักษ์มาที่จวนสกุลจ้าวทำไมก่อนจะเอ่ยถามออกไป "เหวินเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนของฝ่าบาทหรือ แล้ววันนี้พาทหารมามากมายสกุลจ้าวทำสิ่งใดผิดกันบอกปู่ใหญ่ได้หรือไม่" จ้าวเฟิงพยายามที่จะลุกขึ้นแต่เขากลับถูกกระบี่ของทหารองครักษ์จ่อเอาไว้ ทหารผู้นั้นกดกระบี่ลึกลงมาจนมีเลือดซึมบริเวณปลายกระบี่ เยี่ยหรันเห็นดังนั้นจึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น "ไอ้เนรคุณ สกุลจ้าวเลี้ยงดูหมาป่าตา
คุกราชสำนักจ้าวอันถูกจองจำอยู่ในกรงเหล็กกล้าอย่างดี แสงสลัวของคบเพลิงเพียงไม่กี่ดวงสะท้อนบนพื้นหินสีดำมนิทที่เย็นเยียบ เสียงโซ่ตรวนหนักพันธนาการข้อมือข้อเท้าเขาไว้แน่น“ให้ตาย...มารดามันเถอะ” จ้าวอันสบถเสียงต่ำ ฟันขบแน่นด้วยความคั่งแค้นเหตุใดไทเฮาจึงเสด็จไปที่นั่นได้กัน ทุกอย่างราวกับว่ามีผู้วางแผนล่อลวงให้เขาติดกับ ไป๋จินหวน...อีกเพียงนิดเดียว...นางจะเป็นของเขาแล้วเชียวแต่นางเด็กเลว เซียวอี้เซียนนั่น ช่างขัดหูขัดตายิ่งนัก!เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินสะท้อนก้องในโถงคุกเงียบสงัด จ้าวอันป๋อ ก้าวเข้ามาทางเดินซึ่งมีเพียงแสงคบเพลิงส่องสว่างตามทาง เขากวาดตามองกรงเหล็กตรงหน้า น้องชายผู้โง่งมของตนถูกใส่ตรวนหนัก นั่งอยู่กลางเงามืด มีเพียงเงาลูกกรงที่สะท้อนแสงไฟยาวเป็นทาง จ้าอันป๋อเอ่ยเรียกน้องชายด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย“เจ้ารอง” จ้าวอันเงยหน้ามองพี่ชาย สีหน้าขุ่นเคืองแต่ก็เอ่ยรับ“พี่ใหญ่...ท่านมาแล้ว”จ้าวอันป๋อมองน้องชายอย่างผิดหวังไอ้น้องโง่...เมื่อไรเจ้าจะมีสมองกับเขาบ้างนะ เขาเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงความเย็นชา“เจ้าทำอะไรลงไป เหตุใดไม่รอบคอบ ไป๋จินหวนนางงดงามก็จริง...แต่สตรีงามกว่านางใช่ว
หลังจากการประชุมจ้าวอันถูกส่งไปอยู่ยังคุกของราชสำนักซึ่งมีไว้สำหรับขุนนางที่ประพฤติผิดโดยเฉพาะ จ้าวอันป๋อเดินออกมาพร้อมกับขุนนางของตน หวังคุณซึ่งเป็นบิดาของหวังกุ้ยเฟยแม้ว่าจะเกษียณไปแล้วแต่ยังคงมาร่วมประชุม เขาเดินออกมาพร้อมจ้าวอันป๋อ เมื่อมาถึงหน้าประตูทางออกหลิวหย่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับคำนับหยางเทียนหลง เอ่ยเสียงดังกังวาน"ท่านอ๋อง..กระหม่อมได้เสบียงเพียงพอตามที่แจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ"หยางเทียนหลงพยักหน้าก่อนจะเอ่ยกับหลิวหลางและหลิวเว่ย"ใต้เท้าหลิวต้องขอบคุณสกุลหลิวยิ่งนักที่บริจาคเสบียงครั้งนี้ทำให้แก้วิกฤตได้ทัน ชาวบ้านพอได้อยู่รอดมิต้องอดอยาก""ท่านอ๋องเกรงใจไปแล้ว ขุนางราชสำนักยามเมื่อบ้านเมืองประสบภัยย่อมต้องช่วยเหลือ อย่างที่พระชายาของพระองค์กล่าวเอาไว้""หืม...น้องหญิงของข้ากล่าวอันใดกับพวกท่านหรือ""พระนางบอกว่า กษัตริย์และขุนนางนั้นอยู่ได้มิใช่เพราะตระกูลใหญ่โตหรือมีเงินทองมากมาย แต่อยู่ได้เพราะราษฎร ยามใดที่ราษฎรอยู่ดีมีสุข บ้านเมืองก็สงบ ในเมื่อเก็บภาษีก็เท่ากับว่าราษฎรเป็นคนจ่ายเบี้ยหวัดให้พวกเรา เช่นนั้นยามที่ทำหน้าที่ก็ควรให้คุ้มค่ากับที่พวกเขาจ่ายภาษีมาพ่
หยางเทียนหลงมองหน้าจ้าวอันป๋อ ชายชรากำมือแน่นคนของเขาส่งข่าวมาว่าไอ้น้องโง่นั่นไปลวนลามไป๋จินหวนฮูหยินของเซียวหง ที่สำคัญยังทำต่องหน้าพระพักตร์ไทเฮาอีก เรื่องนี้ไม่ใช่ล้อเล่น กฎหมายเป่ยฉินนั้นระบุชัด ห้ามผู้มีอำนาจข่มเหงภรรยาผู้อื่น ความคิดของจ้าวอันป๋อต้องหยุดไปชั่วขนะเมื่อเซียวหงเดินออกมาด้านหน้าก่อนจะคุกเข่ากราบทูลฮ่องเต้"ฝ่าบาท กระหม่อมเซียวหงรักษาการเจ้ากรมโยธามีเรื่องกราบทูลให้พระองค์ช่วยคืนความเป็นธรรมแก่กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้มองหน้าเขาก่อนจะพยักหน้า "ใต้เท้าเซียว...ลุกขึ้นแล้วค่อยพูดเถิด""ขอบพระทัย ฝ่าบาทกระหม่อมขอร้องเรียนจ้าวอัน อำมาตย์ซ้ายข้อหาประพฤติตนมิชอบ ลวนลามภรรยาขุนนาง อีกทั้งยังบังคับจิตใจนางพ่ะย่ะค่ะ"ทันทีที่เซียวหงพูดจบขุนนางทั้งสองฝั่งก็เริ่มวิจารย์ จ้าวอันป๋อเดินมาหาเขาก่อนจะเอ่ย"เซียวหง เจ้าบอกว่าน้องชายข้าลวนลามภรรยาผู้อื่นหมายความว่าอย่างไร ใส่ร้ายขุนนางผู้ใหญ่ความผิดนี้เจ้ารับไหวหรือ"เซียวหงมองหน้าจ้าวอันป๋องก่อนจะหันกลับมายืนหลังตรงศรีษะค้อมไปด้านหน้า สองมือประสานมั่นคงเอ่ยวาจากราบทูลต่อ"ฝ่าบาท ฮูหยินกระหม่อมกับท่านแม่ติด
ท้องพระโรงท้องพระโรงอันโอ่อ่ากว้างขวางตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ม่านแพรปักดิ้นทองอร่ามสะท้อนแสงจากโคมไฟระย้าที่ห้อยลงมาจากเพดานสูงตระหง่าน แสงสีทองอบอุ่นสาดส่องลงมาต้องพื้นหินอ่อนขัดมันวับ จนปรากฏเงาสะท้อนของเสามังกรที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงเบื้องบนบัลลังก์ที่ประดับประดาด้วยหยกและทองคำ ฮ่องเต้ทรงประทับในชุดฉลองพระองค์สีทองที่ปักลวดลายมังกรห้ากรงเล็บอย่างวิจิตรบรรจง เปล่งประกายรัศมีแห่งอำนาจ ดวงพระเนตรคมกริบกวาดมองไปทั่วท้องพระโรงเบื้องล่างบัลลังก์ ขุนนางแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ด้านซ้ายคือกลุ่มของจ้าวอันป๋อ อำมาตย์ซ้ายผู้ พร้อมด้วยคนของสกุลหวังและกลุ่มขุนนางเก่าแก่ ทุกคนสวมชุดขุนนางสีเข้ม ใบหน้าของพวกเขาบ่งบอกถึงความเคร่งขรึมส่วนทางด้านขวา ยืนตระหง่านด้วยท่าทีสงบนิ่งคือ หยางเทียนหลง เสนาขวาฮั่วอ้าวป๋าย เซียวหงรักษาการเจ้ากรมโยธา หลิวหลางและหลิวเว่ยสองพี่น้องตระกูลหลิว จ้าวอันป๋อในชุดอำมาตย์สีม่วงเข้ม เขาก้าวมาหยุดอยู่กลางท้องพระโรง ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ที่จับจ้องมา ก่อนจะคุกเข่าลงเบื้องหน้าบัลลังก์อย่างนอบน้อมพร้อมก้มศีรษะลงจรดพื้น"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมจ้าวอันป๋อมีเรื่องร้
จากนั้นหยางเทียนหลงก็เอ่ยถามความเห็นนางเกี่ยวกับเรื่องของจางลี่เฟยอีกครั้ง"น้องหญิง เจ้ารู้เรื่องของสนมจางแล้ว""เพคะ นางตั้งครรภ์ไม่ผิดแน่ เรื่องนี้ทางสำนักราชวงศ์ประกาศว่านางเป็นโรคติดต่อร้ายแรงจำต้องให้ออกจากวังมารักษาตัวเพคะ""เจ้าว่านางจะทำเช่นไรต่อไป""นางคงต้องหาทางเอาเด็กออกแน่นอนเพคะ หม่อมฉันไม่อยากให้อารามศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีมลทิน แต่หากนางอยู่ที่อื่นก็ไม่วางใจ""นางแอบมีใจให้กับรัชทายาท แต่เขากลับแต่งฉีฮุ่ยหมิ่นเข้ามา""นางชอบไท่จื่อแล้วอย่างไร นางแต่งให้ฝ่าบาทตั้งแต่อายุสิบสองแต่งเพราะจะได้ไม่ต้องถูกประหาร จะว่าหม่อมฉันใจร้ายก็ดีโหดเหี้ยมก็ช่าง นางอยู่ในวังเป็นสนมด้วยนิสัยของนางไม่รู้ว่าเอาชีวิตนางกำนัลกับขันทีไปเท่าไหร่แล้ว จางลี่เฟยคนนี้หาใช่คนดี"หยางเทียนหลงพยักหน้าก่อนจะถามเรื่องที่จูเหวินไปจัดการก่อนหน้าที่จะมาพบเขา"เรื่องที่ซื่อจื่อไปจัดการเป็นหลิวเย่วที่บอกเจ้าหรือ""เพคะ นางบอกว่าที่เรือนนั้น เป็นเรือนที่ทางสกุลจ้าวแนะนำให้คนพวกนั้นมาเช่าเอาไว้ เมื่อไปถึง คุณชายจู... เอ่อ... ซื่อจื่อ ก็พบว่าในเรือนนั้นมีอาวุธมากมายราวกับคลังแสงเลยเพคะ มีคนคอยเฝ้าอย่างแน่นหนา"หย