เจ้าสาวในชุดกี่เพ้าเต็มรูปแบบพิธีการสีแดงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับแขกในงานที่รีบหันไปดูก่อนที่เฉินหยวนลี่จะเดินมาเปิดประตูให้กับเจ้าบ่าวลงมาจากรถ
ทันทีที่หมอเฉินในชุดสูทสีดำเนคไทแดงติดเข็มกลัดเจ้าบ่าวกางเกงสีดำเดินลงมาก็สะกดทุกสายตาให้หันไปมองโดยเฉพาะ “ลู่รุ่ยถิง” ที่ตกตะลึงกับความหล่อของว่าที่พี่เขยในทันที
“แม่… นั่นคือ”
“หมอเฉินยังไงล่ะ เฉินต้าเว่ยคุณชายรองตระกูลเฉิน”
“เขาหล่อจังเลย ที่จริงแล้วหนูก็แต่งกับเขาได้ใช่ไหมคะถ้าพี่รองยอมเพราะตามธรรมเนียมแล้วผู้ชายมีเมียหลายคนได้ไม่ใช่เรื่องแปลก”
“จะบ้าเหรอคิดอะไรแบบนั้น”
“ก็…. หนูว่าเขาดูดีออกนี่คะอีกอย่างเขาเป็นถึงคุณหมอและตระกูลเฉินก็ยังเป็นตระกูลทหารที่เก่าแก่มีชื่อเสียง”
“อยากเป็นเมียน้อยเหมือนแม่เหรอ แกเลิกคิดเรื่องบ้า ๆ นี้ไปได้เลยแม่ไม่มีทางยอมให้แกเป็นเบี้ยล่างนังลูกเมียใหญ่นั่นอีกหรอก”
แต่ลู่รุ่ยถิงกลับไม่ได้คิดแบบนั้น เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่น่ามองและมีเสน่ห์เท่ากับเฉินต้าเว่ยมาก่อนเลย เขาทั้งดูดี หล่อและดูเป็นผู้ใหญ่ เมื่อหยวนลี่ยื่นช่อดอกไม้ให้เฉินต้าเว่ยก็เดินเข้าไปข้างในตรงที่โต๊ะพิธีหมั้นที่มีเจ้าสาวของเขานั่งอยู่
วันนี้เธอก็ยังคงนิ่งจนเขานึกแปลกใจที่เธอไม่ลุกขึ้นมาโวยวาย แต่กลับเป็นเขาเองที่หัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นคู่หมั้นของเขาในชุดกี่เพ้าสีแดงและแต่งหน้าเข้ากับชุดพร้อมกับเก็บผมรวบขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าที่ดูสวยเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้
“ผมขอโทษที่มาช้า”
เขากระซิบบอกเธอที่หันมามองเขาด้วยใบหน้าที่นิ่งพอ ๆ กันกับเขาซึ่งแม้แต่หยวนลี่ก็แปลกใจกับท่าทีนี้ของคุณหนูรองตระกูลลู่อยู่ไม่น้อยเพราะเธอไม่เพียงแต่ไม่ว่าเขา แต่กลับตอบพี่รองของเขาเพียงไม่กี่คำ
“ไม่เป็นไรค่ะ รีบทำให้จบพิธีเถอะฉันนั่งจนเหน็บจะกินอยู่แล้ว”
เมื่อพิธีเริ่มเฉินต้าเว่ยจึงได้ค่อย ๆ บรรจงสวมแหวนให้คู่หมั้นตรงหน้า ส่วนเธอเองก็จับแหวนมาสวมให้เขาด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าแหวนที่เธอสวมให้เขาพอดีกับนิ้ว แต่แหวนที่เขาสวมให้เธอกลับใหญ่กว่านิ้วไปเล็กน้อยทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นไปกว่าเดิม
“ขอโทษนะคือผมคิดว่าวัดมาพอดีแล้ว คุณผอมลงเหรอ”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันไม่ถือ”
ท่าทีวางเฉยของคู่หมั้นสาวทำให้เขาเกรงใจและรู้สึกผิดมากจนจุกขึ้นมาถึงคอ เขาไม่ได้ลืมเวลาแต่ภารกิจที่โรงพยาบาลยุ่งมากจนแทบจะเตรียมตัวไม่ทัน โชคดีที่งานหมั้นจัดแบบเรียบง่ายและเชิญเพียงแค่ญาติสนิท เมื่อพิธีหมั้นจบลงอย่างเรียบร้อย คู่บ่าวสาวส่งแขกจนเสร็จแล้วเฉินต้าเว่ยก็จะขอตัวกลับทันทีเธอจึงเดินมาส่งเขาที่รถ
“ขอบคุณนะคะที่มา กลับดี ๆ นะคะ”
“คือว่า…”
“พี่รองคะ ไม่คิดจะแนะนำให้หนูรู้จัก…พี่ชายบ้างเหรอคะ”
ลู่เหม่ยหลินหันไปมองหน้ารุ่ยถิงและหันมามองคู่หมั้นของตัวเองที่ยืนข้าง ๆ เธอและเข้าใจได้ทันที รุ่ยถิงคงจะถูกใจคู่หมั้นของเธอเข้าเสียแล้วสินะ
“หมอเฉินคะ…”
“ผมกับคุณเป็นคู่หมั้นกันแล้ว คุณควรเรียกผมว่าพี่ต้าเว่ยได้แล้ว ว่าแต่อาหลิน…เธอคนนี้เป็นใครเหรอ”
เพียงแค่เขาเรียกเธอว่าอาหลินเธอก็เริ่มหัวใจเต้นแรงจนแทบจะทำอะไรไม่ได้เมื่อเขาหันมามองเธออีกครั้ง
“เอ่อ นี่ลู่รุ่ยถิงลูกสาวแม่เล็กของฉันค่ะ”
“สวัสดีค่ะพี่ต้าเว่ยฉันเป็นน้องพี่เหม่ยหลินค่ะ เรียกว่าอาถิงก็ได้ค่ะ”
“สวัสดีครับคุณหนูเล็กลู่ คุณเรียกผมว่าหมอเฉินน่าจะเหมาะสมกว่านะครับเพราะเราไม่ได้คุ้นเคยกันขนาดนั้นผมไม่ค่อยสะดวกให้ใครเรียกด้วยชื่อ อาหลินวันนี้ผมต้องรีบกลับไปที่โรงพยาบาล ถ้ายังไงอีกสามวันจะมีงานเลี้ยงวันเกิดคุณย่าที่บ้านอยู่แล้ว เอาไว้ผมจะมารับคุณ”
รุ่ยถิงถึงกับหน้าถอดสีเพราะไม่คิดว่าต้าเว่ยจะหักหน้าเธอแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะยอมเรียกเหม่ยหลินว่าอาหลินแต่เขากลับไม่ยอมเรียกเธอว่าอาถิงและไม่ให้เธอเรียกเขาว่าพี่ต้าเว่ยอีกด้วย
“ค่ะ คุณป้าบอกฉันแล้วค่ะ”
“คุณควรเรียกท่านว่าคุณแม่ได้แล้วนะ”
“เอ่อ คือว่าฉันยังไม่ค่อยชินค่ะ”
“ก็เริ่มชินได้แล้ว เอาล่ะผมกลับก่อนนะเอาไว้จะโทรมาบอกเวลานัด”
“ค่ะ แล้วชุดของคุณ"
“เดี๋ยวกลับไปเปลี่ยนที่โรงพยาบาล”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขับรถดี ๆ นะคะ”
“จริงสิอาหลิน"
เธอหันมามองเขาอีกครั้งด้วยความแปลกใจ
“คะ คุณยังมีอะไรอีกเหรอคะ”
“แหวนนั่นเอาไว้ผมจะเปลี่ยนให้ใหม่นะ ผมขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปเลือกกับคุณก่อนที่จะถึงวันหมั้น ผมไปก่อนนะ”
“ไปก่อนนะครับพี่สะใภ้รอง”
“ขับรถดี ๆ นะคะพี่หยวนลี่”
“ครับผม”
ประตูปิดลงโดยที่ไม่มีใครสนใจรุ่ยถิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเหม่ยหลินเลยสักคน ครั้งนี้รุ่ยถิงนับว่าเสียหน้าอีกครั้งเมื่อรถของเจ้าบ่าวค่อย ๆ เคลื่อนออกไปจากบ้านตระกูลลู่
“พี่รองคะ”
เหม่ยหลินหันมามองน้องสาวต่างแม่ที่ยืนรออยู่
“มีอะไรเหรอ”
“พี่คิดว่าผู้ชายมีเมียได้กี่คน แล้วถ้าหากว่าผู้ชายหนึ่งคนแต่งกับผู้หญิงที่เป็นพี่น้องเข้าบ้านไปพร้อมกันพี่ว่าจะผิดไหมคะ”
เหม่ยหลินยืนยิ้มอยู่กับคำถามที่รุ่ยถิงถามออกมา นี่เธอไม่คิดจะปิดบังความคิดแบบนี้เลยเหรอ แม้ว่าสมัยนี้การที่ผู้ชายแต่งภรรยาหลายคนจะยังเป็นที่ยอมรับอยู่แต่หากเป็นเธอที่จะต้องใช้สามีร่วมกับคนอื่นโดยเฉพาะกับคนที่พึ่งถามนี่แล้วล่ะก็คงเลือกอยู่เป็นโสดเสียดีกว่า
“ผิดก็คงไม่ผิดหรอกมันขึ้นอยู่กับว่า…”
“อะไรเหรอ ขึ้นอยู่กับว่า…อะไรรีบพูดสิ”
“ขึ้นอยู่กับว่าผู้ชายเขาจะยอมรับไหม พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าผู้ชายเขาไม่เอาต่อให้พยายามยังไงเขาก็ไม่สนยังไงล่ะ”
รุ่ยถิงหมดความอดทนกับคำถากถางนี้แล้วก่อนที่จะเริ่มแผดเสียงออกไป
“ก็ไม่ใช่เพราะความพยายามนี่เหรอเขาถึงได้ยอมมาหมั้นด้วย นี่ก็ไม่ต่างกับบังคับแค่ไม่กล้ายอมรับเท่านั้น”
“อาถิง!! กล้าดียังไงพูดออกมาแบบนี้”
“ทำไมละคะหนูพูดเรื่องจริง ถ้าพี่รองไม่บังคับมีเหรอคุณหมอเฉินจะยอมหมั้น ถ้าพ่อไม่ยื่นเงื่อนไขช่วยเหลือชาตินี้อย่าหวังว่าจะมีใครมาสู่ขอคนอย่างพี่ไปทำเมียเลย”
“อาถิง!!” / หว่านเจิน
“เพี๊ยะ!!”
หว่านเจินและคนที่เหลือในงานตกใจเมื่อฝ่ามือของลู่ตานถงฟาดไปที่หน้าของลูกสาวคนเล็กที่ก่อเรื่องอยู่ตรงหน้างาน แม้ว่าจะเหลือแค่พ่อกับแม่ของฝ่ายชายแต่สิ่งที่ไม่ควรได้ยินกลับออกมาจากปากของลูกสาวคนเล็กที่ไม่ได้เรื่องคนนี้
“พ่อ! นี่พ่อตบหนูเหรอคะ”
“แกมันไม่รู้จักอาย รู้หรือเปล่าว่าที่พูดออกมานั่นมันคืออะไร”
“หนูพูดความจริง ถ้าไม่ใช่เพราะข้อแลกเปลี่ยนเธอจะมีคนมาสู่ขอเหรอพ่อเองก็ยอมรับเถอะค่ะ พี่รองเอาแต่วิ่งตามคุรหมอเฉินมาตลอดมีใครในกวางโจวจะไม่รู้บ้าง”
“นี่แกยังกล้าพูดอีกงั้นเหรอ”
“คนที่เอาแต่แต่งตัวไปวัน ๆ แม้แต่ใบจบการศึกษาก็ซื้อมามีค่าอะไรให้คนมาสู่ขอ”
“มีสิจ้ะ”
รุ่ยถิงต้องตกใจเพราะเธอลืมไปแล้วว่าพ่อแม่ของเฉินต้าเว่ยยังอยู่ข้างใน นายพลเฉินในชุดเครื่องแบบเดินออกมาพร้อมกับภรรยา เขาไม่ชอบว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ก็จริงแต่เมื่อเทียบกับลูกคนเล็กตระกูลลู่นี่แล้ว เขารู้สึกว่าลูกชายเลือกแต่งถูกคนแล้ว
“คือว่า… คือ…”
“คุณป้าคะ ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องมาได้ยินเรื่องแบบนี้”
“อาหลินจากนี้เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันครึ่งหนึ่งแล้ว หนูเลิกเรียกว่าป้าเถอะ ต้องเรียกคุณพ่อคุณแม่แล้วนะ”
รุ่ยถิงมองด้วยสายตาริษยา แม้แต่หว่านเจินเองก็เริ่มกันคำพูดของลูกตัวเองไม่อยู่ ด้วยนิสัยลูกคนเล็กและมีเรื่องกับเหม่ยหลินมาตั้งแต่เล็ก เธอเองก็ไม่ได้ต่างกับลู่เหม่ยหลินก่อนหน้านี้เช่นกัน เย่าหยางรีบบอกให้แม่เล็กพาเธอออกไปแต่กลายเป็นคุณนายเฉินที่หันไปมองสองแม่ลูกและยิ้มแบบผู้ดีส่งไปให้
“หนูจ้ะป้าจะบอกด้วยตัวเองอีกครั้ง เรื่องการหมั้นหมายครั้งนี้ ป้าเป็นคนทาบทามสู่ขอหนูเหม่ยหลินให้ต้าเว่ยด้วยตัวเอง ส่วนลูกชายป้าก็เป็นคนเลือกเองว่าจะแต่งกับเหม่ยหลิน ไม่ได้มีเงื่อนไขหรือการบังคับอื่น ๆ อย่างที่หนูพูด เข้าใจเสียใหม่ด้วยนะจ๊ะ”
อ่างน้ำในห้องน้ำแทบจะไม่เหลือน้ำให้อาบเมื่อหยวนลี่พาจิ่งเหยาเข้ามาพร้อมกับจับเธอกระแทกในอ่าง สงครามบนเตียงของทั้งคู่ถือว่าดุเดือดมากเพราะแต่ละคนอายุยังน้อย“อ๊าา ดูดแรงขึ้นอีก แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา พี่ลี่!!”เมื่ออาบน้ำเสร็จเข้าก็พาเธอมาวางบนเตียงและยกขาเธอกางออก ลิ้นของเขาเริ่มสำรวจอีกครั้งว่าเธอยังสามารถรองรับเข้าได้อีกหรือไม่ แต่ท่าทางบิดเร่ายั่วยวนของคนตรงหน้าเขาคงไม่ต้องถามเมื่อเธอเป็นฝ่ายบุกมาเองอีกครั้ง“คุณจะใส่มาเลยหรือจะให้ฉันจัดการเองคะ”“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ คุณจะไม่ให้ผมได้สำรวจสักหน่อยเหรอ”“เสียเวลาค่ะ มาเถอะไหน ๆ ก็ล้างตัวแล้วนี่”“ที่รัก คุณนี่มันเร่าร้อนถูกใจผมจริง ๆ”“อ๊าา อื้อ ลึกดีจังเลย เสียวมาก อ๊าาา”หยวนลี่แทบจะยืนค้ำเธอเมื่อค่อย ๆ สอดใส่จนสุดและขย่มเธอจากด้านบน พวงสวรรค์ของเขาสั่นจนบั้นท้ายเธอรู้สึกถึงแรงกระทบกันถี่ ๆ แต่เธอไม่ยอมให้เขาหยุดก่อนที่จะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายขย่มเขาเอง“อ๊าา ที่รัก ท่าร่อนเอวของคุณนี่มัน… ชวนให้ผมแตกไวกว่าเดิม อ๊าาา”มือเรียวเอื้อมมาบดขยี้ตุ่มใตจากแผงอกกว้าง หยวนลี่ทำหน้าบูดเบี้ยวเพราะความเสียวจากหัวนมที่ถูกเธอบีบ เขารู้แล้วว่าตรงส่วน
จิ่งเหยามาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้เกือบสามเดือนแล้ว ซึ่งเวลาในวันหยุดของเธอหมดไปกับการช่วยดูแลร้านขายผ้าให้กับเหม่ยหลินซึ่งตอนนี้เธอเรียกว่าพี่สะใภ้รอง และอีกสองเดือนเธอกับเฉินหยวนลี่เองก็จะเข้าพิธีหมั้นแล้วเช่นกัน“ต้องการแบบไหนแจ้งได้เลยนะคะ ที่นี่มีผ้าหลายอย่างให้เลือกค่ะ”“ครับคนสวย ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำหน่อย ผมอยากได้ผ้าไหมแบบหรูหราไปตัดชุดให้คุณแม่”แม้ว่าจะเคยได้รับคำพูดแบบนี้มาบ่อยครั้งแต่จิ่งเหยาก็ยังยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะค่อย ๆ ช่วยเขาเลือก แต่ลูกค้าคนนี้มาที่ร้านนี้สองสามครั้งแล้วและเริ่มจะพูดจาลามปามเธอไม่หยุด“แล้วถ้าหากว่าผมไม่รู้จักร้านตัดเสื้อ ผมให้คุณช่วยแนะนำได้ไหมครับ”“เอ่อ…”“ร้านตัดเสื้อภรรยาผมอาจจะแนะนำไม่ได้ แต่ถ้าอยากถูกตัดหัวน่ะผมพอจะแนะนำให้คุณได้”เสียงของเฉินหยวนลี่ที่มาพร้อมกับนายทหารในเครื่องแบบอีกสองนายด้วยชุดพลโทเต็มยศทำให้อีกฝ่ายรีบถอยออกไปทันที พร้อมกับหันมาบอกจิ่งเหยาด้วยเสียงที่เริ่มสั่น เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมีสามีแล้วและยังเป็นนายทหารชั้นสูงระดับพลโทอีกด้วย“คะ คือว่าเอาไว้ผมค่อยพาคุณแม่มาเลือกวันหลังนะครับ”“ค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”ชายคนนั้นรีบเดินออกจ
ไม่ผิดไปจากที่เหม่ยหลินคาดการณ์เอาไว้ แต่ในวันนั้นเธอไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ารอให้ต้าเว่ยผิดนัดเสียก่อนเธอก็จะประกาศถอนหมั้นอย่างไร้ความผิดได้ แต่เขากลับมาทันเวลา“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”“วันนั้นเธอไปหาพ่อของเธอที่โรงพยาบาลและรู้ข่าวว่าผมจะหมั้นในวันนั้นจากเจ้าสาม เธอจึงได้ดักรอพบผมและเริ่มฟูมฟายจนทำให้ผมเกือบมาไม่ทัน”“คุณทำยังไงถึงจะสลัดเธอหลุดได้คะ”“คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดตรง ๆ ต่อให้เธอฟูมฟายร้องไห้จนเป็นลมในเวลานั้นผมก็ไม่มีเวลาสนใจเธอแล้ว ก็เลยสั่งให้พยาบาลจูพาเธอกลับไปที่ห้องพักของพ่อเธอและรีบออกมาทันที จำได้ว่าวันนั้นน้องสามเหยียบคันเร่งและขับรถเร็วมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจนไปถึงที่งานทันเวลา”“ฉันในตอนนั้นสำหรับคุณคงไม่ใช่คนที่คุณชอบสินะคะ”“ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคิดกับคุณแบบนั้น ผมยอมรับว่าออกจะรังเกียจคุณด้วยซ้ำไป แต่วันที่บ้านของพวกเรานัดทานข้าวกันและคุณเดินชนผม คุณในวันนั้นเหมือนจะกระตุกหัวใจผมไปได้นิดหน่อยอีกอย่างในงานหมั้นวันนั้น…”“ทำไมคะ”“เมื่อผมเข้าไปและเห็นคุณนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในบ้าน แค่เห็นสีหน้าเรียบเฉยและแววตาเย็นชาของคุณ ผมก็คิดว่าคุณแทบจะอยากประกาศยกเลิกงานหมั้นเสียเอ
“แต่ว่า… จะดีเหรอคะ”“ผมถามคุณหมอกงมาอย่างละเอียดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ที่เอาแต่เลี้ยงลูกรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งหรือรู้สึกเศร้า เป็นหน้าที่สามีอย่างผมที่จะคอยปรนนิบัติไม่ให้คุณรู้สึกน้อยใจ”“ทำไมฉันฟังแล้วมันเหมือนข้ออ้างเจ้าเล่ห์ของหมาป่าที่กำลังจะหลอกกินกวางอีกแล้วล่ะ”“ก็ไม่ต่างกัน คุณว่ายังไงก็อย่างนั้นแต่วันนี้ให้ผมทำเถอะนะ มันรอไม่ไหวแล้ว”เขาจับมือเธอมาที่กางเกงชุดนอนบางเบาที่เริ่มแข็งตึงจนตุงออกมา เพียงแค่เหม่ยหลินสัมผัสอารมณ์ของเขาก็กระเจิงจนรออีกไม่ไหว ชุดนอนของภรรยาถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าอกที่โตมากกว่าเวลาปกติยิ่งทำให้ต้าเว่ยรู้สึกคอแห้งผากและกระหายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“อ๊าา ต้าเว่ย…เสียว อย่าพึ่งเร่งเดี๋ยวนมจะ…อ๊าาา”น้ำนมสีขาวค่อย ๆ ไหลออกมาตามทางเพราะถูกกระตุ้น ต้าเว่ยดูดกลืนจนหมดด้วยความหลงใหล ร่างของเหม่ยหลินบิดไปมาเพราะความเสียว พ่อกับลูกเวลาดูดนมให้ความรู้สึกที่ต่างกันลิบลับ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาที่ลูกดูดนมของเธอคนละข้าง“อ๊าา ต้าเว่ยฉันต้องการคุณ”“ผมจะค่อย ๆ สำรวจไปทีละจุด ตรงนี้ตรวจไปแล้ว ยอดเยี่ยมมาก ๆ จากนี้ก็ตรงนี้”เขาค่อย ๆ เลือนลงมาที่หน้าท้อ
รถเข็นในโรงพยาบาลถูกเข็นเข้าห้องคลอดในตอนเช้ามืดปลายฤดูใบไม้ผลิ “อาหลิน อดทนไว้นะ”“ต้าเว่ย โอ๊ย!!”เมื่อรถเข็นถูกเข็นเข้าไปในห้องคลอด ต้าเว่ยก็ทำได้แค่รออยู่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือการทำคลอดของหมอกงแต่เพราะเขาไม่ได้เข้าไปด้วยตัวเองจึงรู้สึกเป็นห่วงเหม่ยหลินมีอาการไม่อยากอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนและกลางดึกก็นอนกระสับกระส่ายจนใกล้จะเช้าเธอจึงเริ่มปวดท้อง เขาจึงรีบพามาที่โรงพยาบาลทันที“พี่ต้าเว่ย! พี่เหม่ยหลินเป็นยังไงบ้างคะ”“อาเหยา อาลี่ มากันแล้วเหรอ”“พอคุณป้าโทรบอกฉันก็รีบปลุกพี่ลี่ลุกขึ้นมาและตรงมาที่นี่เลย เข้าไปนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วแต่ยังไม่มีใครออกมาเลย”“ใจเย็น ๆ นะพี่รอง พี่สะใภ้รองไม่เป็นอะไรหรอก”“อืม ขอบใจนายมาก”นายพลเฉินและคุณนายเฉินมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาวิ่งมารวมที่หน้าห้องคลอดพร้อมกับเดินวนเวียนไปมากับเสียงร้องด้านในซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้าเว่ยที่พยายามนิ่งจนหน้าซีดก็เริ่มกระสับกระส่ายก่อนที่ประตูห้องคลอดจะเปิดออกมาพร้อมกับหมอกงที่เดินออกมาหาต้าเว่ย“หมอกง!! ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ”“ยินดีด้วยนะคะคุณหมอเฉิน คุณได้ลูกแฝดชายค่ะ”
“เอาศักดิ์ศรีของพลโทอย่างผมเป็นประกันว่าชาตินี้ผมจะรักและดูแลคุณเพียงคนเดียวตลอดไป”จิ่งเหยาเดินไปพร้อมกับดึงเขาเข้ามาจูบท่ามกลางแสงดาวนอกระเบียง หยวนลี่ที่กำลังตกใจอยู่ถึงกับถลึงตาและเมื่อปรับตัวได้ก็ดึงเธอเข้ามาและจูบรับกลับไปด้วยความปรารถนาที่รุนแรงกว่าจนอีกฝ่ายเกือบหายใจไม่ออก“อื้อ พอก่อนค่ะฉันหายใจไม่ทัน”“แต่คุณเริ่มก่อนนะครับ”“รู้แล้วค่ะ ไม่คิดเลยว่าคนปากแข็งเก็บความรู้สึกอย่างคุณจะจูบเก่งไม่เบาเลย เคยจูบใครมาก่อนเหรอคะ”“ผม! เปล่านะ”“เงียบแล้วค่อย ๆ จูบฉันอีกทีเถอะค่ะ”ตอนนี้หยวนลี่ที่ดึงจิ่งเหยาเข้ามากอดเอาไว้ค่อย ๆ คลี่ยิ้มที่มีเสน่ห์ของเขาให้กับเธอก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มลงจูบเธออีกครั้ง ระเบียงไร้ผู้คนในตอนนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับบอกรักของทั้งคู่ อีกทั้งเสียงเพลงด้านในก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง“เมื่อกี้นี้คุณหนีออกมาก่อนดังนั้น เรามาเต้นรำกันให้จบเพลงดีหรือเปล่าครับ”“ด้วยความยินดีค่ะ”เสียงเพลงที่คลอมาจากห้องโถงงานเลี้ยงและฟลอร์โล่งริมระเบียงท่ามกลางแสงจันทร์ช่างเป็นบรรยากาศที่พิเศษและแสนโรแมนติกไม่ต่างไปกับคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังถูกส่งขึ้นห้องส่งตัวในตอนนี้ห้องส่งตัว“เมื่อย