วันเวลาแสนน่าเบื่อภายในจวนค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ โชคดีว่าช่วงนี้จื่อหานมีธุระต้องเดินทางไปต่างเมือง ทำให้ลู่ชิงพอหายใจหายคอได้บ้าง นางใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกอยู่ในครัวเพื่อทำอาหาร การมุ่งมั่นพัฒนาฝีมือช่วยให้นางคลายเหงาลงได้
“ฮูหยินเจ้าคะ เถ้าแก่ร้านอาภรณ์กับเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินผิว นำสินค้ามาให้เลือกซื้อเจ้าค่ะ”
“อืม เชิญพวกเขาไปที่ศาลาริมน้ำ ข้าจะไปเลือกซื้อสินค้าที่นั่น”
“เจ้าค่ะ”
สาวใช้ร่างอวบรับคำก่อนเร่งรีบจากไป จื่อหานทำตามคำพูดที่ลั่นวาจาเอาไว้เป็นอย่างดี เถ้าแก่ในตลาดต่างแวะเวียนมาเสนอขายสินค้าแทบทุกวัน ไม่ว่าต้องการจับจ่ายใช้สอยอะไร สินค้าทุกอย่างถูกนำมาประเคนให้ถึงหน้าจวนเสมอ
“คารวะฮูหยิน วันนี้ข้ามีผ้าไหมจากหัวเมืองเหนือมาให้ท่านเลือกชม เนื้อผ้าบางเบา สวมใส่สบาย ลวดลายเป็นเอกลักษณ์ ผ้าไหมชั้นเลิศผืนนี้เหมาะสมกับฐานะฮูหยินมาก” เถ้าแก่ร้านขายอาภรณ์นำเสนอสินค้าคล่องแคล่ว
“พอเห็นหน้าข้า ท่านก็รีบเสนอขายสินค้าเชียว” ลู่ชิงเอ่ยทักทายติดตลก นางค่อนข้างสนิทสนมกับเถ้าแก่ร้านขายอาภรณ์เป็นพิเศษ เนื่องจากเขาชื่นชอบการออกแบบชุดนอนของนาง ชุดสั่งตัดมีความแตกต่างจากหญิงสาวทั่วไปมาก ทั้งสองคนจึงมีธุระให้พูดคุยกันอยู่เนืองๆ
“ข้าเสียมารยาทแล้ว ฮูหยินโปรดอภัย ”
“อะไรกันเล่า ข้าเพียงแกล้งเจ้าเล่นเท่านั้นเอง ทำเป็นเรื่องราวใหญ่โตไปได้ ฮ่าๆๆๆ” ลู่ชิงหัวเราะเสียงใส แม้ว่าเถ้าแก่ร้านขายอาภรณ์จะปิดบังตัวตนเอาไว้ แต่นางรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าเขาเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อ
“คารวะฮูหยิน”
“อ้อออ ข้าอยากได้ชาดทาปากอยู่พอดี ท่านมีสีใดให้ข้าเลือกชมบ้าง” ลู่ชิงสอบถามเถ้าแก่อีกคนด้วยรอยยิ้ม นางเดินเข้าไปเลือกดูเครื่องประทินผิวไม่ยอมละสายตา
“ชาดสีดอกเหมยกุ้ยฮวา กับชาดสีดอกเหลียนฮวา กำลังได้รับความนิยมในหมู่หญิงสาวขอรับ”
“อ่าาาา น่าสนใจ ข้ารับซื้อไว้ทั้งสองแบบเลย”
ลู่ชิงหยิบตลับชาดสองชิ้นขึ้นมาแต่งแต้มลงบนริมฝีปาก นางขมวดคิ้วมุ่นเปรียบเทียบเฉดสีไปมา สีดอกเหมยกุ้ยฮวากับสีดอกเหลียนฮวา มีความงดงามต่างกันชัดเจน สีเข้มให้ความรู้สึกเย้ายวน ส่วนสีอ่อนให้ความรู้สึกละมุนละไม นางควรซื้อเก็บไว้ทั้งสองชิ้นเลยดีกว่า จะได้หมดปัญหา จื่อหานมีเงินถุงเงินถังให้นางผลาญเล่นมากมาย
“ฮูหยินสายตาเฉียบคมนัก” เถ้าแก่ร้านเครื่องประทินผิวยกยอปอปั้นลู่ชิงตามประสาพ่อค้า
“เป็นดังเช่นท่านว่า หากไม่มีธุระอันใดเพิ่มเติม เชิญท่านกลับก่อนได้” ร่างบางยืดอกรับคำป้อยอด้วยความพึงพอใจ พลางออกปากไล่อีกฝ่ายแบบอ้อมๆ
“ขอรับฮูหยิน” เถ้าแก่ร้านเครื่องประทินผิวจากไปด้วยความงุนงง ทำให้ศาลาริมน้ำหลังนี้เหลือเพียงลู่ชิงกับเถ้าแก่ร้านขายอาภรณ์สองคนตามลำพัง นางเรียกสาวใช้ร่างอวบมาคอยรับคำสั่งอยู่เบื้องหลัง เพื่อไม่ให้สถานการณ์ตรงหน้าแลดูเกินงามจนผู้คนนำไปนินทา แม้ล่วงรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่ชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป
“เถ้าแก่เหลียง ชุดนอนที่ข้าสั่งตัดเป็นอย่างไรบ้าง” ลู่ชิงสอบถามความคืบหน้า นางออกแบบเสื้อคลุมแสนวาบหวิวกับชุดนอนตัวบาง ให้เขาดำเนินการตัดเย็บมาหลายวันแล้ว
“ชุดนอนของฮูหยินอยู่ในหีบใบนี้ขอรับ เชิญตรวจสอบความเรียบร้อยของผลงาน”
“ไม่หล่ะ ข้าเชื่อใจท่าน”
“ขอบคุณฮูหยิน ข้ากำชับเสี่ยวเอ้อให้ตัดเย็บตามแบบทุกประการ รับรองว่าถูกใจท่านแน่นอนขอรับ”
“ดีมาก คราวหน้าคงได้ร่วมงานกันอีก ซูเจียว ส่งแขกให้ข้าที”
ลู่ชิงกำชับสาวใช้ ก่อนส่งสายตาเชิงตำหนิไปให้เถ้าแก่เหลียง เขาเอ่ยปากบอกนางตรวจสอบชุดวาบหวิวในที่สาธารณะได้เยี่ยงไร น่าอายนัก นางสั่งตัดเพื่อใส่นอนยามราตรีเท่านั้น
หลังจากได้รับหีบอาภรณ์มาแล้ว ลู่ชิงก็ไม่รอช้ารีบตรงดิ่งมายังเรือนนอนของตนเองทันที นางเปิดหีบขนาดกลางออกด้วยความเชื่องช้า พลางกวาดสายตาตรวจสอบข้าวของภายใน เสื้อผ้ามากมายถูกจัดเรียงไว้อย่างพิถีพิถัน ปลายนิ้วเรียวยาวหยิบเสื้อคลุมตัวบางออกมาชื่นชมด้วยความพึงพอใจ เถ้าแก่เหลียงตัดเย็บได้ดีมาก สมกับวาจาโอ้อวดที่เคยกล่าวเอาไว้ เนื้อผ้าเบาสบาย ควรค่าแก่การสวมใส่ในช่วงฤดูร้อนยิ่งนัก
“ลองสวมดูดีกว่า หากไม่พอดีตัวจะได้ส่งแก้ไข” ลู่ชิงพึมพำกับตนเอง ก่อนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแสนวาบหวิวกับเสื้อคลุมตัวบาง นางเดินมาส่องกระจกข้างเตียงเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกนิด เสื้อสายเดี่ยวคอลึกสีม่วงเข้มตัวสั้น กับผ้าคลุมไหล่ตัวบางสีขาวช่างเข้ากันได้ดีมาก สวมใส่แล้วทำให้ร่างกายผอมบางดูอวบอิ่มขึ้นมาทันตา
“อืมมมม รูปร่างข้าเย้ายวนไม่เบาเลยนะเนี่ย ฮิๆๆๆๆ” ลู่ชิงภาคภูมิใจมาก นางบิดซ้ายบิดขวาหน้ากระจก พลางแสดงท่าทียั่วยวนออกมาอย่างสนุกสนาน
ปัง!!! “ลู่ชิง ลู่ชิง เจ้าอยู่ไหน!!”
“วะ ว๊ายยยย กรี๊ดดดด จื่อหาน ท่านเข้ามาได้ยังไง”
ร่างบางคว้าผ้าห่มบนเตียงขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายด้วยความลนลาน จื่อหานเปิดประตูเข้ามาได้ยังไง นางจำได้ว่าลงกลอนประตูแน่นหนาแล้ว มิใช่ว่าเขาพังประตูเข้ามาหรอกนะ ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้ชอบใช้กำลังเสียจริง แถมยังเข้ามาพบนางสภาพล่อแหลมอีกต่างหาก
“อืมมมม ข้าหิวมาก เจ้ามานี่” จื่อหานเข้ามาประชิดตัวลู่ชิงอย่างรวดเร็ว เขากระชากผ้าห่มผืนหนาออกจากเรือนกายนางด้วยความฉุนเฉียว ดวงตาคมหวานเยิ้มแสดงอาการหื่นกระหายออกมาเต็มที่ไม่ปิดบัง ร่างบางผงะถอยหลังเล็กน้อยเพราะตกใจกลัว ฝ่ามือหนาฉุดรั้งแขนเรียวให้นอนลงบนเตียงอย่างถือวิสาสะ
“ทะ ท่านจะทำอะไร”
“ถามออกมาได้ ข้ากำลังจะนอนกับเจ้าหน่ะสิ”
“ยะ อย่างนั้นหรือ ท่านนอนลงบนเตียงก่อน ดะ เดี๋ยวข้าห่มผ้าให้” ลู่ชิงเฉไฉเปลี่ยนเรื่องราวกับคนโง่งม ความหวาดกลัวเกิดขึ้นทันทีขณะนางเผลอสบตาเขา ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นเต็มไปด้วยอารมณ์หื่นกระหาย ไม่มีความอ่อนโยนใดๆ หลงเหลืออยู่เลย เกิดอะไรขึ้นกับจื่อหานกันแน่
“อย่ามาแกล้งไขสือ เจ้ารู้ความหมายดี รีบมาปรนนิบัติข้าเร็ว อย่าให้ข้าต้องโมโหไปมากกว่านี้”
“ทะ ท่านพี่ พวกเราควรอาบน้ำชำระร่างกายให้หอมสดชื่นก่อนดีกว่า เร่งรีบเกินไปอาจทำให้เสียอรรถรสได้นะเจ้าค่ะ”
“ให้ตายเถอะ ความอดทนของข้าแทบไม่เหลือแล้ว เหตุใดเจ้าถึงลีลานัก”
“ใครอยู่ข้างนอกหน่ะ ไปเอาเหล้ามาให้ข้าที” ลู่ชิงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขา นางเอ่ยปากสั่งสาวใช้ร่างอวบหน้าห้องเสียงดัง
“เจ้าทำบ้าอะไร!! ชอบขัดขืนให้ข้าลงไม้ลงมือกับเจ้านักนะ” จื่อหานสบถเสียงแข็ง ก่อนสาวเท้าเข้ามาดึงทึ้งเสื้อผ้านางออกทีละชิ้นราวกับคนเสียสติ
ลู่ชิงขัดขืนเต็มที่ ฝ่ามือเรียวยาวปัดป่ายฝ่ามือหยาบกร้านออกเป็นพัลวัน แม้นางจะพยายามปกป้องตนเองเพียงใด แต่ก็ไม่อาจสู้แรงชายชาตรีเช่นเขาได้ เสื้อคลุมตัวบางบนร่างกาย ขาดวิ่นเป็นสองท่อนคามือบุรุษหนุ่มอย่างน่าอดสู
จื่อหานไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไป ชุดนอนสั้นกุดที่ลู่ชิงสวมใส่บวกกับเรือนกายขาวผ่องที่โผล่พ้นเนื้อผ้าออกมา กระตุ้นความหื่นกระหายได้ดีมาก เขาอยากกดนางลงบนเตียงแล้วกระแทกกระทั้นให้สมใจ จื่อหานใช้เรี่ยวแรงบางส่วนกดร่างบางแนบลงบนเตียง เขารวบแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างตรึงไว้เหนือศีรษะ จมูกคมเริ่มซุกไซร้ซอกคอขาวไปมาด้วยความหลงใหล ลู่ชิงมีกลิ่นกายหอมอ่อนๆ เฉพาะตัวที่เขาชื่นชอบนัก
เมื่อพึงพอใจแล้วริมฝีปากหยักก็เคลื่อนเข้าหาริมฝีปากอวบอิ่มทันที ลู่ชิงเม้มปากแน่นสนิทเพื่อต่อต้านการรุกรานสุดกำลัง แต่ชายหนุ่มมีหรือจะยอมแพ้ เขาขบกัดริมฝีปากนางจนเกิดรอยแผลแล้วดุนดันลิ้นเข้าไป
“อ๊ะ อื้อออ อื้ออออ” ลู่ชิงดีดดิ้นไปมา นางไม่อาจต่อกรได้ จมูกสวยสูดลมหายใจเข้าออกด้วยความทรมาน จื่อหานกำลังปล้นลมหายใจนางราวกับสัตว์ร้าย กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายไปทั่วโพรงปากนุ่มหยุ่นจนร่างบางแทบอาเจียนออกมา มือบางขยุ้มขยำศีรษะคนตัวโตสุดแรงเพื่อให้เขาปลดปล่อยนาง
“จะ จื่อหาน ข้าเจ็บนะ” ลู่ชิงอุทานออกมา เมื่อริมฝีปากหนาเลื่อนลงไปสำรวจเต้างามโดยไม่รับฟังคำท้วงติงใดๆ ฝ่ามือใหญ่กอบกุมฐานเต้าเอาไว้ ก่อนขบกัดตุ่มไตสีน้ำตาลอย่างบ้าคลั่ง
“โอ๊ยยยยย ข้าเจ็บ หูหนวกหรือไง”
ตุบ!!! “เจ้า โอ๊ยยยยยย”
เท้าเล็กๆ ยกขึ้นถีบกล่องดวงใจของบุรุษหนุ่มสุดแรง คนตัวโตหงายหลังตกเตียงพร้อมด้วยอาการหน้าหน้าดำหน้าแดง เขาร้องโอดโอยระบายความเจ็บปวดอีกยกใหญ่ ฝ่ามือหนายกขึ้นปกป้องกล่องดวงใจโดยอัตโนมัติ
“สุรามาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงเรียกของสาวใช้ดังขัดจังหวะพอดี
ลู่ชิงรีบคว้าผ้าห่มบนเตียงมาคลุมร่างกาย ก่อนแง้มประตูออกไปรับของที่สั่งไว้ด้วยความเร็ว ร่างบางกลับเข้ามาภายในห้องอีกครั้ง นางกระดกสุราลงคอรวดเดียวจนหมดไห เสมือนว่ากำลังประชดประชันชีวิตตนเอง
“เจ้าทำบ้าอะไรอีก” จื่อหานเอ่ยถาม ขณะนั่งตัวงอบนพื้นใบหน้าแดงก่ำ
“มอมเหล้าตัวเองเจ้าค่ะ แล้วท่านพี่หล่ะ ถูกวางยาปลุกกำหนัดใช่หรือไม่”
“อืมมมมม” คนตัวโตฟึดฟัดยอมรับ เขาเจ็บใจนักที่เผลอประมาทคู่แข่งจนเดือดร้อนเสียเอง
“ข้ายอมปรนนิบัติท่านพี่ก็ได้ แต่ท่านต้องสัญญามาก่อน ว่าจะไม่รุนแรงกับข้า” ลู่ชิงยื่นข้อเสนอ นางรู้ดีว่ายังไงคืนนี้ก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือเขาได้ ไหนๆ ก็เลิกรากับพระเอกแล้ว สมยอมไปดีกว่า นางจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมากนัก หากตัวร้ายลีลารักเด็ดดวงก็ถือว่าเป็นกำไร
“อืมมม ข้าสัญญา” จื่อหานตอบตกลงเสียงเบา สีหน้าบอกบุญไม่รับของเขาบ่งบอกว่าไม่เต็มนัก แต่หากชักช้าไปกว่านี้ร่างกายก็จะยิ่งทรมาน
เมื่ออายุครรภ์ของลู่ชิงครบห้าเดือน อาการแพ้ต่างๆ จึงเลือนหายไป จื่อหานสามารถเข้าใกล้นางได้แล้ว แถมอารมณ์ฉุนเฉียวก่อนหน้านี้ก็จืดจางลงไปมาก หลังจากอดทนอดกลั้นมานาน ช่วงเวลานาทีทองของจื่อหานก็กำลังจะกลับมาอีกครั้ง ร่างสูงวางแผนจับฮูหยินสุดที่รักกินไว้เสียดิบดี ก่อนหน้านี้ทำได้เพียงแอบลูบ แอบคลำ มีโอกาสแล้วจะสำเร็จโทษให้สาสมใจภายในห้องน้อนอันกว้างใหญ่ แมวน้อยลู่ชิงกำลังเพลินเพลินใจกับฝีมือบีบนวดของสามี จื่อหาน ทุ่มเทปรนิตินางอย่างดีตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์“ท่านพี่ ข้าไม่ปวดแล้วเจ้าค่ะ” ร่างบางก้มหน้าบอกสามีที่กำลังนวดฝ่าเท้า นางแตะหลังมือเขาแผ่วเบาเป็นเชิงบอกว่าเลิกบีบนวดได้“ฝ่าเท้าเจ้าบวมขึ้นหรือไม่” จื่อหานพิจารณาอยู่พักใหญ่ก่อนเอ่ยถาม นอกจากอาการปวดที่นางชอบบ่นให้ฟังยังมีเนื้อหนังที่เต่งตึงขึ้นมา“นิดหน่อยเจ้าค่ะ ช่วงนี้ข้าขยันเดินจนลืมระมัดระวัง”“อ๊ะ ท่านพี่ ตีก้นข้าทำไม” ลู่ชิงโอดครวญเสียงใสเมื่อฝ่ามือใหญ่ฟาดลงบั้นท้ายงอนงามเต็มแรง“สั่งสอนเด็กดื้อให้หลาบจำ” จื่อหานย้ำเตือนความผิดนาง“เหอะ ท่านหลอกกินเต้าหู้ข้าต่างหาก เอามือข้างขวาออกจากหน้าอกข้าเดี๋ยวนี้” ร่างบางจ้องมองชายหนุ่มตา
ความสงบสุขในชีวิตจื่อหานผ่านไปรวดเร็วมากหลังจากภรรยาผู้แสนดีเริ่มมีปากมีเสียง ทุกอย่างในจวนแปรเปลี่ยนฉับพลัน หากจะบอกว่าหน้ามือกลายเป็นฝ่าเท้าคงไม่แปลกนัก ลู่ชิงอาละวาดด่าทอสามีไม่เว้นวัน นางหาเรื่องมากลั่นแกล้งจื่อหานสารพัดจนเขาแทบร้องไห้ ทำอะไรไม่พอใจนิดหน่อยก็ชี้หน้าด่ากราด ชายหนุ่มไม่อาจปริปากโต้เถียงได้เลยนอกจากนี้ร่างบางยังเกียจคร้านขึ้นมาก นางจิกหัวใช้สามีก่อนนอนทุกคืน จื่อหานจึงต้องรับหน้าที่เป็นหมอนวดไปโดยปริยาย ลู่ชิงเอาแต่ใจเหลือเกิน ไม่รู้ว่านางเกิดความผิดปกติอันใด“ท่านพี่ ข้าอยากกินถังหูลู่เจ้าค่ะ” ลู่ชิงขมวดคิ้วออกคำสั่ง นางกำลังรู้สึกเคร่งเครียดมากๆ ใบหน้าคมของจื่อหานรกหูรกตาชะมัด“เดี๋ยวข้าใช้เจียวเหมยไปซื้อให้”“ข้าอยากกินลูกท้อด้วยเจ้าค่ะ”“องครักษ์เว่ยไปซื้อลูกท้อมาให้ฮูหยิน”“ข้าอยากกินหม้อไฟจากเหลาอาหารหย่งเหอ”“เจ้าอยากกินอะไรนักหนาลู่ชิง” จื่อหานนิ่วหน้าถามอีกครั้ง น้ำเสียงห้วนๆ กระตุ้นต่อมเกรี้ยวกราดของร่างบางได้เป็นอย่างดี นางต่อว่าสามีเสียงดังลั่น“ท่านพี่เสียงดังใส่ข้าทำไม!! ไม่พอใจหรือเจ้าคะ”“เฮ้อ ข้าหมายถึงเจ้ากินเยอะเกินไป” ชายหนุ่มแก้ตัวด้วยความเหน็ดเ
การทำซิ่วท้อของลู่ชิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก นางเสาะหาวัตถุดิบหลักอย่างมันม่วงไม่ได้เลย แม้ว่าอยากลองใช้วัตถุดิบอื่นเช่น มันเทศ ถั่วแดง หรืองาดำ ทำไส้มากแค่ไหน แต่นางต้องทำซิ่วท้อไส้มันม่วงให้สำเร็จเสียก่อน เนื่องจากขนมชนิดนี้ล่ำลือกันว่าเป็นสูตรลับ หากทำสำเร็จอาจเพิ่มฐานลูกค้าได้ จากนั้นจึงค่อยประยุกต์ใส่ไส้อื่นเข้าไป เหลาอาหารหย่งเหอต้องขายดีอีกเท่าตัว“เฮ้อ ข้าจะทำยังไงดี ทำไมมันม่วงหายากหาเย็นนัก” ลู่ชิงโอดครวญออกมาขณะเกลือกกลิ้งอยู่บนศาลาริมน้ำ“ฮูหยินกลุ้มใจมากหรือเจ้าค่ะ” สาวใช้ร่างท้วมเอ่ยถาม พักนี้ฮูหยินชอบขมวดคิ้วทุกวัน นางจึงเกิดอาการเป็นห่วงเจ้านายขึ้นมา“ใช่ ข้ากลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว อยากได้มันสีม่วงมาทำอาหาร”“หากตลาดในเมืองไม่มี พวกเราออกไปดูตลาดชานเมืองกันไหมเจ้าคะ แถวนั้นชาวบ้านมักเก็บของป่ามาขาย” ซูเจียวเสนอแนะหนทางแก้ไขปัญหา“จริงหรือซูเจียว ทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้” ลู่ชิงตื่นเต้นมาก นางไม่เคยออกไปรอบชานเมือง มาก่อน จึงไม่รู้ว่ามีตลาดขายของป่า“อะ เอ่อ พอดีระยะทางค่อนข้างไกลนิดหน่อยเจ้าค่ะ ฮูหยินต้องขออนุญาตนายท่านก่อน” สาวใช้ร่างท้วมติดอ่างกะทันหัน เหตุใดนางจึ
เหลาอาหารหย่งเหอขายดิบขายดีมาก ลู่ชิงจึงต้องรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลไปโดยปริยาย เนื่องจากพักนี้จื่อหานทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปดูแลเหลาสุรา ยาดองเหล้าสูตรใหม่ของลู่ชิงขายดีมาก ทั้งสูตรม้ากระทืบโรง นารีรำพึง โด่ไม่รู้ล้ม หรือกำลังช้างสาร ต่างมีสรรพคุณบำรุงร่างกายบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นขุนนางหรือชาวบ้านทั่วไป ล้วนเดินทางมาใช้บริการจำนวนมาก จื่อหานพึ่งตระหนักได้ว่าปัญหานี้ใหญ่หลวงนัก เกินกว่าจะคาดเดาได้กิจการทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ลู่ชิงยังมีปัญหาคาใจเรื่องสูตรลับของตระกูลอยู่บ้าง นางคิดยังไงก็คิดไม่ออกเสียที ผู้คนรอบตัวต่างบอกว่าขนมที่นางทำยากจะลอกเลียนแบบได้ แต่กลับไม่มีผู้ใดอธิบายวิธีการทำหรือรูปลักษณ์ออกมาอย่างชัดเจน ในหัวนางเองก็ไม่มีความทรงจำของร่างเดิมหลงเหลืออยู่สักนิด คิดไม่ออกเลยว่าสูตรลับที่ผู้คนต้องการนักหนาคืออะไร รู้เพียงว่ามันคือขนมชนิดหนึ่งเท่านั้น“ซูเจียว วันนี้ท่านพี่ไปเหลาสุราใช่หรือไม่” ลู่ชิงเอ่ยถามสาวใช้ขณะนั่งเล่นในสวน นางมีเรื่องราวคับข้องใจหลายอย่างอยากสอบถามเขา“เจ้าค่ะฮูหยิน”“อืม เตรียมรถม้าให้ข้าหน่อยสิ ข้าจะไปเหลาสุรา”“ตะ แต่ นายท่านไม่ต้องการให้ฮูหยินไปที่นั่นน
ความสงบสุขกลับมาเยือนลู่ชิงอีกครั้ง ชีวิตประจำวันของนางวุ่นวายอยู่กับการดูแลเหลาอาหารหย่งเหอเป็นหลัก ทุกอย่างรอบตัวกำลังดำเนินไปด้วยความราบรื่น จื่อหานเองก็ทำตัวดีขึ้นไม่น้อยเช่นกัน เขาเชื่อใจนางมากกว่าเดิมหลายเท่า ส่วนลู่เองชิงก็เอาอกเอาใจสามีไม่ขาด ความสัมพันธ์ของทั้งคู่หวานหยดย้อยราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า ไม่ว่าจะไปทำงานที่ไหน จื่อหานต้องคอยรายงานลู่ชิงเพื่อให้นางสบายใจทุกครั้ง“ฮูหยินเจ้าคะ รถม้าเตรียมพร้อมแล้ว” ซูเจียวเอ่ยเตือนพลางขบขัน พักนี้ฮูหยินของนางชอบเหม่อลอยคิดถึงนายท่านอยู่เสมอ“อืม รีบไปกันเถอะ เย็นนี้ข้าอยากลองทำอาหารหลายอย่าง” ลู่ชิงตอบรับสาวใช้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางชื่นชอบการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ พอได้ออกไปซื้อวัตถุดิบทีไรเป็นต้องมีความสุขจนหน้าบานทุกที“เจ้าค่ะ”“อ้อ ท่านพี่จะกลับจากเหลาสุราเมื่อไหร่” ร่างบางสอบถามอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ จื่อหานเร่งรีบออกไปก่อนนางตื่นเสียอีก คาดว่าคงมีปัญหาใหญ่โตที่ต้องแก้ไข“ประมาณยามเว่ยเจ้าค่ะ นายท่านอยากกลับมารอกินอาหารเย็นพร้อมฮูหยิน”“เยี่ยมเลย ท่านพี่จะได้ลองชิมอาหารชนิดใหม่ด้วยกัน” ลู่ชิงอุทานออกมาอย่างมีความสุข ในหัวเล็กๆ เต็มไ
สถานการณ์ระหว่างลู่ชิงกับมู่เฉินตึงเครียดขึ้นมาก ร่างบางตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนนับร้อย สาวน้อยฝืนยิ้มจืดเจื่อนออกมา คาดหวังว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะผ่อนคลายลงบ้าง แต่นางกลับคิดผิดถนัด ความเงียบงันเริ่มปกคลุมทั่วบริเวณอีกครั้ง“อะ เอ่อ ข้าขอตัวกลับก่อนนะ” ลู่ชิงเอ่ยลาไม่ปิดบัง นางต้องการหลีกหนีความอึดอัดที่กำลังเผชิญอยู่โดยไว“เดี๋ยวสิ ข้ามีเรื่องอยากปรับความเข้าใจกับเจ้า” มู่เฉินรั้งแขนนางไว้ สายตาวิงวอนถูกส่งมาให้ลู่ชิงเป็นระยะ หากร่างบางปฏิเสธขึ้นมา เรื่องนี้อาจไม่จบลงอย่างง่ายดาย“งะ งั้นหรือ คุยกันตรงนี้ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เจ้าอยากดื่มชาสักถ้วยไหม” ลู่ชิงหาวิธีหลบเลี่ยงสายตาผู้คนทั้งหลาย“ได้สิ เจ้านำทางไป”“ข้าต้องการใช้ห้องรับรองส่วนตัว” เมื่อเดินทางมาถึงร้านขายน้ำชา มู่เฉินก็แจ้งความประสงค์ต่อเสี่ยวเอ้อก่อนเดินขึ้นบันไดไป“ห๊าาา มะ ไม่ได้ๆ ข้าแต่งงานแล้ว ส่วนเจ้าเองก็มีคู่หมั้น พวกเราไม่ควรทำตัวเกินงาม” ลู่ชิงคัดค้านเสียงหลง นางโบกไม้โบกมือไม่เห็นด้วยยกใหญ่ การกระทำเช่นนี้สมควรตายนัก มู่เฉินกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่“ข้ามีเรื่องสำคัญต้องพูดคุยกับเจ้า” ชายหนุ่มเบาเสียงลงเมื่อเห็นนางลำบา