นางจำที่พักม้านี้ได้ สมัยก่อนนางเคยมาเที่ยวชายแดนกับท่านพ่อและแวะพักที่นี่ครั้งสองครั้ง หากวิ่งไปทางตะวันออกเรื่อยๆ จะต้องพบเจอกับด่านตรวจของทหารแน่ นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเจ้าคนชั่วถึงให้นางเริ่มหนีที่นี่ เพียงแต่นางก็แอบสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงได้รู้ว่าควรหนีที่ไหน
หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งมานานจนปวดสองเท้าไปหมด นางไม่กล้าหยุดวิ่งแต่ก็ยังไม่เจอด่านตรวจทหารสักที ถึงนางจะวิ่งสุดแรง แต่คุณหนูใหญ่ที่ไม่เคยทำงานหนัก ไม่เคยเดินเท้าไกลๆ วิ่งมาทั้งวันนางก็ยังวิ่งได้ไม่ถึงไหน
กระทั่งท้องฟ้าค่อยๆ มืด หนทางข้างหน้าเริ่มมองไม่ชัด นางไม่รู้จะทำเช่นไร นึกถึงคำพูดของท่านพ่อที่บอกว่าเวลาไปล่าสัตว์ หากไม่มีกระโจม ให้ปีนไปนอนบนต้นไม้
นางจึงหยุด ระหว่างที่กำลังเลือกต้นไม้ นางได้ยินเสียงสุนัขเห่ามาไกลๆ วูบหนึ่งนางแอบหวังว่าจะเป็นเจ้าคนชั่วที่หนีตามมา แต่เมื่อฟังดีๆ มันคือเสียงสุนัขจริงๆ หลี่เฟิ่งเซียนรีบปีนขึ้นไปบนต้นไม้ต้นหนึ่ง นางคิดว่านางปีนได้ดี แต่เมื่อหันมองลงไป นางเห็นคนผู้หนึ่งใส่ชุดดำทั้งตัว กำลังมองนางปีนขึ้นอย่างทุลักทุเล
"เจ้าคิดจริงหรือว่าจะหนีพ้น?" ชายชุดดำพูด
หัวใจของหลี่เฟิ่งเซียนกระตุกเพราะความกลัว คนผู้นี้มีกลิ่นอายบางอย่างที่เย็นยะเยือก เขายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อใดนางไม่รู้สึกตัวเลย
'ไม่ง่ายดายเช่นนั้นหรอก' คำพูดของเจ้าคนชั่วผุดขึ้นมาในความทรงจำ เขาคงรู้บางอย่าง แต่กลับไม่ยอมบอกนางดีๆ ป่านนี้คงกำลังหัวเราะเยาะนาง สารเลว เช่นนั้นจะบอกให้นางหนีเพื่ออะไร นางทั้งโมโหทั้งหวาดกลัว
“ข้าจะลงไป แต่อย่าทำรุนแรงกับข้าได้หรือไม่” หลี่เฟิ่งเซียนทำใจกล้าลองต่อรอง
“ย่อมไม่ได้ ทาสที่หลบหนี อย่างไรก็ต้องถูกลงโทษ” ชายชุดดำตอบ
“ก็ได้ เจ้าถอยออกไปหน่อย”
หลี่เฟิ่งเซียนลงมาถึงใต้ต้นไม้ ความมืดเริ่มปกคลุม นางมองประเมินศัตรูตรงหน้า นางไม่มีอาวุธ ขณะที่เขามีดาบใหญ่ หากต่อสู้นางอาจจะแพ้ เพราะดูแล้วชายชุดดำผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย นางต้องหาทางหลุดออกไปจากสถานการณ์ให้ได้
ผ่านไปสักครู่ เจ้าหนวดก็พาสุนัขวิ่งมาพร้อมกับคบเพลิง เขาทั้งด่าทอทั้งสบถใส่หลี่เฟิ่งเซียน แต่นางทันทีที่เขาโผล่มา นางกลับดีใจมากที่เห็นเขามีกระบี่ติดตัวมาด้วย ให้แย่งอาวุธจากชายชุดดำคงเป็นไปไม่ได้ แต่กับเจ้าหนวดนั้น นางรู้ว่าง่ายดายยิ่ง
หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งโถมตัวใส่เจ้าหนวด!!
“อ้ากกกก... นางสารเลวนี่!” เจ้าหนวดตะโกนออกมาสุดเสียงอย่างตกใจ เขาไม่อยากติดโรคร้าย
หลี่เฟิ่งเซียนรีบแย่งกระบี่ของเจ้าหนวดมา นางหันมาแทงไปที่ข้อเข่าของชายชุดดำอย่างรวดเร็ว น่าเสียดายที่เขาว่องไวเกินไปสามารถหลบได้ หลี่เฟิ่งเซียนจึงหันมาฟันคอเจ้าหนวด เขามัวแต่ห่วงว่าจะติดโรค ไม่ได้คิดว่านางจะกล้าขนาดฆ่าเขา
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา แม้นางจะมีแรงไม่พอถึงขั้นฟันหัวหลุด แต่เจ้าหนวดก็ล้มลง เลือดพุ่งสาดกระจาย คบเพลิงในมือหล่นลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้ง และไฟก็เริ่มลุกลาม สุนัขตัวนั้นตกใจกับไฟ มันวิ่งหางจุกตุดหนีกลับไปทางเดิม เห่าหอนอย่างหวาดกลัว หลี่เฟิ่งเซียนมองไปทางชายชุดดำ เขาก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อย
ท่ามกลางแสงไฟหลี่เฟิ่งเซียนเห็นดาบใหญ่ที่เขาถือชัดเจน
“เจ้าเป็นใคร” หลี่เฟิ่งเซียนถาม
“เจ้าเป็นวรยุทธ์?!!” เขาถาม ใช่แล้ว นางเป็นวรยุทธ์ ทั้งยังเคยไปปราบโจรกับแม่ทัพหลี่หลายครั้ง กระทั่งฆ่าคนนางก็เคยมาแล้ว
“ข้ารู้ว่าเจ้าถือดาบของราชสำนัก ตราของสุนัขรับใช้หลงอี้” หลี่เฟิ่งเซียนบอกเขา
“!!..” ชายชุดดำตกใจ
“หอนางโลมนั่น ไม่ใช่หอนางโลมทั่วไปสินะ” หลี่เฟิ่งเซียนถาม
“เห็นทีจะปล่อยเจ้าไปไม่ได้แล้ว”
“ข้าก็คิดเห็นเช่นเดียวกับเจ้า” นางทำเป็นขู่ ทั้งที่ขาสั่น
ชายชุดดำพุ่งมาอย่างรวดเร็ว หลี่เฟิ่งเซียนถึงจะพอเป็นหมัดมวย ร่ำเรียนวรยุทธ์จากแม่ทัพหลี่บ้าง แต่ไหนเลยจะสู้หน่วยองครักษ์ของขันทีหลงอี้ได้ นางเกือบถูกฟันที่คอ ยังดีที่นางหลบได้ แต่ถูกฟันที่หัวไหล่แทน นางล้มลง ชายผู้นั้นรีบตามมาเหยียบนางไว้ จ่อดาบที่คอของนาง ก้มหน้าลงมาใกล้
“ข้าจะถามอีกครั้ง เจ้าเป็นใคร” เขาถาม
แต่หลี่เฟิ่งเซียนกลับถ่มน้ำลายใส่หน้าเขา เขาตกใจรีบผละถอย
“ข้าติดเชื้อร้ายแรง เจ้าฆ่าข้าตายที่นี่ อีกไม่นานเจ้าก็ต้องตายเช่นกัน” หลี่เฟิ่งเซียนยังคงใช้วิธีสกปรกข่มขู่
เขารีบใช้แขนเสื้อเช็ดคราบน้ำลาย นางไม่รีรอ แทงกระบี่ไปที่บริเวณท้อง เขายังคงหลบได้ แต่หลี่เฟิ่งเซียนจับรองเท้าของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขาจึงเตะนางไปแรงๆ นางยังคงไม่ยอมปล่อยเท้าข้างนั้น กลับแทงกระบี่ไปที่หัวเข่าของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่พลาดเป้า กระบี่ทะลุขา เขาล้มลง
ไฟลุกลามมากขึ้นมากขึ้น หลี่เฟิ่งเซียนรีบลุกขึ้นวิ่งหนี แต่เขากลับยังมีมีดสั้นขว้างใส่นาง ยังดีที่นางใส่เสื้อผ้านางโลมไม่เป็น ชุดนั้นจึงรุ่มร่ามจนทำให้เขาวัดระยะเป้าหมายผิดพลาด มีดสั้นบินผ่านระหว่างช่วงเอวและแขนไป แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงสร้างบาดแผลให้นางอยู่ดี
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้างเอว เสื้อฉีกขาด นางเห็นว่ามีดสั้นลอยไปปักที่ต้นไม้ตรงหน้าของนาง นางจึงวิ่งไปดึงมีดสั้นออกมา และย้อนกลับไปแก้แค้น!!
‘คุณหนูใหญ่เช่นข้า ไม่ให้อภัยสารเลวหน้าไหนที่ตัดเส้นผมของข้า’ หลี่เฟิ่งเซียนก่นด่าในใจ ใช่แล้วระหว่างที่มีดบินผ่านไป นอกจากจะทำให้นางเป็นแผลแล้ว ยังตัดเส้นผมแสนล้ำค่าของนางไปกำหนึ่ง!
ชายชุดดำเห็นว่านางย้อนกลับมา จึงดึงกระบี่ที่ขาออก และขว้างใส่หลี่เฟิ่งเซียน โชคร้ายอีกครั้ง ตอนนี้นางโกรธมากเกินไปจนทำให้สายตาชัดเจนยิ่ง นางมองเห็นกระทั่งใบไม้ที่กำลังสั่นไปมาเพราะความร้อนจากไฟไหม้ กระบี่เล่มใหญ่กว่าใบไม้มาก นางจะไม่เห็นได้หรือ
หลี่เฟิ่งเซียนหลบกระบี่ที่ถูกขว้างมา และขว้างมีดสั้นออกไป มีดสั้นนั่นปักลงกลางอกของชายชุดดำทันที!
ในที่สุดนางก็หนีออกมาจากป่าได้ ป่าที่ไฟกำลังลุกไหม้ นางหลบหนีมาอีกด้านของแม่น้ำเพื่อหลบเลี่ยงการถูกไฟคลอก แต่กลายเป็นว่านางกลับมาที่พักม้าแห่งเดิม เพราะนางเดินทางในป่าไม่เป็น เห็นแสงไฟไกลๆ ก็ตามมาเรื่อยๆ จึงไม่รู้ว่าตัวเองย้อนกลับมาที่เดิม หันหลังไปมองด้านหลังไฟลุกลามไปเกือบทั้งภูเขา หากหนีออกมาผิดทางนางอาจถูกไฟคลอกตายไปแล้ว
“ผีหลอกกกกกกกกกกกกกก!!”
“มารดามันเถอะ!” หลี่เฟิ่งเซียนก่นด่า นางมีเลือดโชกตั้งแต่หัวไหล่ ไหลไปที่เอว ผมเผ้ารุงรัง ที่แก้มของนางยังคงมีแผลถลอกและตุ่มใสปลอม ยามนี้มืดค่ำแล้ว เสี่ยวเอ้อที่คิดว่ามีแขกจึงออกมาต้อนรับ แต่เห็นสภาพของนางเข้า เขาตกใจยิ่งกว่าเห็นผี!!
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่