หลี่เฟิ่งเซียนถูกจัดให้อยู่ในห้องเก็บฟืนเก่าที่ไม่ได้ใช้แล้วหลังหอนางโลม แต่นางยังโชคดี ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แม้จะต้องทนอาบน้ำเย็นก็ตาม ผิดกับเจ้าคนชั่ว เขาถูกจับขังไว้ในกรงสุนัข ตัวสูงเก้งก้างของเขายิ่งทำให้อยู่ในกรงสุนัขลำบาก น้ำก็ไม่ได้อาบ เสื้อผ้าก็ไม่มีเปลี่ยน
หลี่เฟิ่งเซียนนั่งมองคนชั่วในกรงสุนัขจากช่องฝาผนังของห้องเก็บฟืน นางไม่เข้าใจจริงๆ เหตุใดเขาต้องช่วยนางมากเพียงนั้น ถึงขั้นยอมอยู่ในกรงสุนัข เห่าหอนเช่นสุนัข หากเป็นนางคงหนีเอาตัวรอดก่อน หรือไม่ก็ตายให้สิ้นเรื่อง นางนั่งมองเขาจนนางหลับไป
ส่วนคนชั่วคนนั้น จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางนั่งจ้องเขาอยู่เป็นนานสองนาน ในเมื่อห้องเก็บฟืนเก่านั่น ผนังไม้หลุดไปหลายแผ่น ไม่ได้มิดชิดอะไร เขาได้แต่หงุดหงิด หัวใจสั่นรัวเป็นบางครั้ง แต่ไม่กล้ามองกลับไปทางที่นางอยู่ คิดเพียงว่านางอาจกำลังสมเพชเขาที่ยอมถูกดูแคลนมากเช่นนี้ หรือไม่ก็กำลังดูถูกเขาที่นั่งอยู่ในกรงราวกับสุนัข
รุ่งขึ้น หลี่เฟิ่งเซียนถูกส่งไปทำงานครั้งแรก ใช่แล้ว นางถูกส่งออกไปรับแขกที่อื่น ไม่ได้อยู่ในหอนางโลม นางต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ นางไม่เคยใส่เสื้อผ้าทำผมด้วยตัวเอง และเพราะนางถูกเข้าใจว่าป่วยร้ายแรงจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพื่อช่วยนางแต่งตัว
หลี่เฟิ่งเซียนจึงดูน่าเกลียดมาก เสื้อผ้าทรงผมไม่เป็นระเบียบ นางยังได้รับผ้าปิดหน้าผืนหนึ่งด้วยเพื่อปกปิดรอยแผลถลอกกับตุ่มน้ำใสปลอม ถูกใส่กุญแจมือ กุญแจนั่นเป็นเหล็กอย่างดี หลี่เฟิ่งเซียนครุ่นคิดแต่ยังหาวิธีปลดไม่ได้
คนที่มาคุมตัวนางคือเจ้าหนวดที่ดูโง่ๆ เจ้าคนชั่วนั่งอยู่ในกรงขอร้องอ้อนวอนอย่างไร้ยางอายว่าอยากจะขอกอดจูบเมียสักครั้งเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าหนวดที่ไม่เคยมีคนรัก จู่ๆ ก็รู้สึกซาบซึ้งกับความรักของคนใกล้ตายสองคน มันยังร้องไห้ออกมาแล้วบอกว่า
"พวกเจ้าสองคนช่างโชคร้ายจริงๆ"
แต่สำหรับคุณหนูใหญ่อย่างหลี่เฟิ่งเซียน กลับรู้สึกว่าคนที่เชื่อเรื่องเช่นนี้ช่างโง่เสียจริง!!
เจ้าหนวดปล่อยเจ้าคนชั่วออกมา เขาเดินเซเล็กน้อยและล้มลงตรงหน้าของเจ้าหนวด เผลอไปแตะถูกชายเสื้อของเจ้าหนวด ทำให้มันโวยวาย รีบตัดชายเสื้อตัวนั้นทิ้งราวกับมีบางสิ่งกำลังลุกลามไปตามชายเสื้อ เจ้าคนชั่วกลับไม่สนใจ เขารีบวิ่งมากอดนางไว้ หลี่เฟิ่งเซียนกลอกตา มองท้องฟ้าอย่างเหลืออด เขาต้องทำเรื่องพวกนี้ไปเพื่ออันใดกัน
"เมียรัก วันนี้เจ้าช่างงามนัก ต่อไปข้าคงไม่ได้อยู่กับเจ้าแล้ว เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ" ในน้ำเสียงเขายังพยายามใส่เสียงสะอื้นเล็กน้อยลงไปด้วย
หลี่เฟิ่งเซียนถอนหายใจผลักเขาออกเล็กน้อย มองหน้าเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า
'เจ้าจะทำอันใด'
เขาส่งสายตาไปยังเจ้าหนวดที่ยังคงวุ่นวายกับการตัดชายเสื้อและบ่นเปาะแปะเสียดายเสื้อตัวใหม่ เจ้าคนชั่วเลื่อนไปจับมือของนางและใส่บางอย่างลงไปในมือ
"เมื่อรถม้าเลี้ยวโค้งที่สอง ให้รีบหนีไปซะ" เจ้าคนชั่วยื่นหน้าเข้าไปใกล้และกระซิบบอก
"ข้าไม่ทิ้งเจ้า!!" หลี่เฟิ่งเซียนกัดฟันพูด
"รีบหนีไปก่อน ข้าจะหาทางตามไป"
"เจ้าจะหาทางเช่นใด" นางยังคงกระซิบถาม
"โถ่..เมียรักที่น่าสงสารของข้า" เขาตะโกนออกมาเพื่อให้เจ้าหนวดได้ยินพร้อมกับยกมือจับแก้มของนาง
เขาก้มลงไปทำท่าราวกับอยากจะหอมแก้ม ไม่สนใจคำพูดของหลี่เฟิ่งเซียน
"เฮ้ยๆ เจ้าหยุดเลยเจ้าหน้าผี! นางพึ่งอาบน้ำแต่งตัวหอมๆ อย่าเอากลิ่นตัวของเจ้าไปแปะใส่นางสิ เดี๋ยวลูกค้าก็หนีกันหมด ข้าก็จะโดนนายท่านเล่นงานอีก หยุดเลยนะ" เจ้าหนวดตะโกนมาจากด้านหลัง
หลี่เฟิ่งเซียนจับแขนเสื้อเน่าๆ ของคนชั่วไว้แน่น
"ไม่" นางกระซิบบอกเขายืนยันความตั้งใจว่าจะไม่ทิ้งเขาไว้ลำพัง
ถึงเขาจะผอมบางมาก ผิวหนังของเขาก็แทบจะไม่มีเนื้อ ราวกับกิ่งไม้หุ้มหนังคนเท่านั้น แต่ยังดีที่เขาตัวสูงและผมเผ้ารุงรัง บดบังนางไว้จากสายตาของเจ้าหนวด เขาไม่พูดสิ่งใดแต่กลับจ้องตานางแน่วแน่ คล้ายบอกให้นางหนีไปให้ได้
หลี่เฟิ่งเซียนไม่เคยสังเกตหน้าตาของเขามาก่อน ใบหน้าของเขาแห้งตอบ ราวกับคนไม่ได้กินข้าวมาสิบปี เปื้อนคราบดินและคราบสีดำบางอย่างเต็มสองแก้ม แต่คาง คิ้ว และปาก เรียงรูปกันอย่างสมดุล โดยเฉพาะนัยน์ตาของเขา ราวกับเก็บดวงดาวในค่ำคืนไว้ทั้งท้องฟ้า
นางจับแขนเสื้อเขาไว้แน่นไม่ยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น นางเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพหลี่ เพียงช่วยผู้มีพระคุณ นางจะทำไม่ได้เลยหรือ แต่เขาใช้แรงทั้งหมดแกะนิ้วมือของนางออก รีบหันหลังเดินออกไปทางเจ้าหนวด ปล่อยให้นางกำหมัดอย่างโกรธเคือง
"ข้าชิงชังเจ้านัก เจ้าคนชั่ว!! ข้าไม่มีทางทำตามความต้องการของเจ้า" หลี่เฟิ่งเซียนก่นด่า
เจ้าหนวดคิดว่านางเสียใจที่เขาทอดทิ้งนางให้ไปขายตัว รู้สึกสมเพชนิดๆ เพราะเมื่อครู่ทั้งสองคนยังรักกันจะกลืนกินยามนี้พอชีวิตเข้าตาจน รักเพียงใดก็ต้องปล่อยมือ เขาจึงไม่ได้ใส่ใจสิ่งใด ใช้ไม้ยาวผลักนางให้รีบเดินไปขึ้นเกี้ยวหลังเล็กที่เตรียมไว้
ทันทีที่ขึ้นนั่งเกี้ยว นางก็ค่อยๆ ปลดกลอนกุญแจมือ โดยใช้กุญแจที่เจ้าคนชั่วขโมยมาให้เมื่อครู่ นางนั่งทบทวนแผนการอยู่ในหัว นางควรทำเช่นไรถึงจะหนีไปได้ทั้งสองคน ในที่สุดนางก็ตัดสินใจว่าจะหนีไปก่อน ไปขอความช่วยเหลือจากท่านพ่อ แล้วค่อยกลับมาช่วยเขา
เมื่อรถม้าเลี้ยวโค้งที่สอง นางยังไม่ทันหลบหนีรถม้าก็หยุดลง
"ข้าจะไปดื่มน้ำชาแถวๆ ที่พักม้า เจ้าอยู่ในนี้อย่าไปไหน เข้าใจหรือไม่" เจ้าหนวดพูดจากนอกรถม้า
"ข้าอยากปลดทุกข์" หลี่เฟิ่งเซียนโกหก นางค่อยๆ ใส่กุญแจมือกลับไปที่เดิม
"เอ้า ลงมา ลงมา" เจ้าหนวดพูดอย่างตัดรำคาญ
แต่เขากลับจ้างเสี่ยวเอ้อในร้านชาไปเฝ้านาง เสี่ยวเอ้อก็หน้าบางไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ ที่ปลดทุกข์ของผู้หญิง หลี่เฟิ่งเซียนจึงถอดกุญแจมือและปีนออกจากด้านหลังห้องปลดทุกข์ นางไม่รังเกียจทั้งกลิ่นเหม็นและความสกปรก นางอยู่ในคุกใต้ดินที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลพวกนั้นหลายวัน แค่เพื่อเอาชีวิตรอด นางจะมานั่งทำตัวเป็นคุณหนูใหญ่ตลอดไปไม่ได้
พอออกมาได้นางก็วิ่งสุดแรง!!
“ข้าไม่เป็นไร มันหายแล้ว แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว อย่างไรก็ยังต้องเป็นเช่นนี้เวลาอากาศหนาวมากๆ” เขาหลบตามองต่ำอธิบาย“เช่นนั้นเพราะหนาวหรือถึงได้เจ็บ” นางถาม ลู่มู่เฉินพยักหน้าหลี่เฟิ่งเซียนทำหน้าดุก่อนจะวิ่งไปที่เตียงดึงผ้าห่มมาห่อตัวเขาไว้“แล้วเจ้าหนีมานอนที่พื้นเพื่ออันใดกัน ต่อไปห้ามทำเช่นนี้อีก หากข้าเมาก็ต้องเรียกข้าให้เอาผ้าห่มให้เจ้า เข้าใจหรือไม่” นางดุลู่มู่เฉินพยักหน้ารับอีกครั้ง แต่ไม่กล้ามองนาง ไม่กล้าบอกนางว่ามือข้างนี้จะไม่หาย มันยังคงต้องเจ็บเช่นนี้ไปตลอดชีวิต แม้จะตัดทิ้งความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่มีอยู่จริงก็ยังเกิดขึ้น เวลานี้ก็ยังรู้สึกเจ็บมาก แต่อย่างไรก็ต้องทนต่อไป เขาไม่ต้องการให้นางไม่สบายใจแต่ห่มผ้าให้เขาแล้วนางก็ไม่ยอมไปไหน ยังคงนั่งมองเขา ทั้งยังกระเถิบมาใกล้ขึ้นจ้องมองเขาไม่วางตา ลู่มู่เฉินได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยคำพูด แต่แล้วนางก็ยกมือขึ้นมาเช็ดบางอย่างที่ข้างแก้ม“เจ้านอนน้ำลายไหลเปื้อนแก้มด้วย”“!!..” เขาตกใจรีบก้มหน้าไม่ยอมให้นางเช็ดคราบน้ำลาย“ชิ ทำเป็นเล่นตัว อย่างไรเจ้าก็แต่งกับข้าแล้ว เป็นหรือตายก็ต้องเป็นคนของข้า” หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกอารมณ์เสีย เมื
เขาจึงยังไม่ได้พูดคุยกับนางให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำได้แต่คาดเดา เพราะเขาถามอ๋องเยียนก็แล้ว ท่านหมอก็ถามแล้ว แม้แต่แม่ทัพหลี่เขาก็พยายามถามแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดตอบคำถามของเขา"ตาของเจ้างดงามมากจริงๆ ราวกับเก็บดวงดาวยามค่ำคืนไว้ทั้งท้องฟ้า" พูดแล้วนางก็ล้มใส่ตัวเขา หลับไปทั้งเช่นนั้น‘ความฝันที่เป็นได้เพียงความฝัน ห้ามคิดฝันเกินตัว มันต้องมีบางสิ่งทำให้ท่านแม่ทัพตัดสินใจเช่นนี้ นางต้องทำความผิดใดจนท่านแม่ทัพโกรธ จนต้องลงโทษนางให้แต่งกับคนอัปลักษณ์ใกล้ตายเช่นเขา’ ลู่มู่เฉินตักเตือนตัวเองเขามั่นใจว่างานแต่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนางชอบเขา หรือเพราะดันมีคนรู้เข้าว่าเขาชอบนาง เขารู้ว่าต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น นางจึงถูกบังคับให้แต่งกับเขาเขารู้ว่านางพูดชมเขาโดยไม่มีสิ่งใดลึกซึ้ง เพราะนางเป็นคนเช่นนั้น ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม พูดสิ่งที่คิดออกมาตรงๆ เพียงแต่..ทุกครั้งที่นางพูดเช่นนี้ ในอกของเขายังคงสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ ในท้องปั่นป่วนคล้ายมีผีเสื้อนับพันกำลังโผบินลู่มู่เฉินแอบยิ้มน้อยๆ งานแต่งนี้อาจต้องจบลงสักวัน เขาย่อมรู้ดี แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นงานแต่งของเขากับนาง หากนางยังตื่นอยู่ เขาก็จะปั้น
แม่ทัพหลี่หันหน้าแบบประหลาดมากมามองลูกสาว เขากะพริบตาไล่ความงุนงง สังเกตอาการของลูกสาวที่หน้าแดงกระวนกระวายทำสิ่งใดไม่ถูก จู่ๆเขาก็เข้าใจทุกอย่าง‘ข้าว่าแล้วเชียว เท่าที่จำได้ ไอ้หนุ่มนั่นเป็นคนเดียวที่ทำให้ลูกข้าเงียบได้ใช่หรือไม่ แต่มันดูแลลูกข้าได้แน่หรือ ถึงอย่างไรนางก็ดูจะชอบมันเข้าแล้วจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้เลย’ แม่ทัพหลี่คิด ยิ่งคิดยิ่งตกใจ นี่เขาไม่เคยสังเกตเลยจริงๆ สุดท้ายเขาไม่พูดสิ่งใดแต่เดินดุ่มๆ ออกไปจากห้องโถงทันทีปล่อยให้หลี่เฟิ่งเซียนและอ๋องเยียนมองตามอย่างงุนงง ก่อนที่นางจะคิดบางอย่างได้และตะโกนออกไป“ท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขานะ!!” แล้วนางก็วิ่งตามแม่ทัพออกไป อ๋องเยียนค่อยๆพ่นลมออกมา รู้สึกโล่งอกที่คนถูกฆ่าไม่ใช่เขาลู่มู่เฉินกำลังช่วยเตรียมยาให้ทหารนายหนึ่ง ขาของเขาขาด ไม่ได้ทำแผลให้สะอาดแต่ต้น ยามนี้จึงทั้งบวมและเป็นหนอง“ลู่มู่เฉิน!!” แม่ทัพหลี่ตะโกนเรียกชื่อเขาแต่ไหล “หยุดนะท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขาเด็ดขาด!” หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งตามหลังแม่ทัพหลี่มาติดๆ ตะโกนอย่างร้อนรนลู่มู่เฉินไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางคงก่อเรื่องอีกแล้ว เขาถอนหายใจ ยื่นห่อยาให้ทหารอย่างใจเย็น ก
หลี่เฟิ่งเซียนค่อยๆหันกลับไป กะพริบตาปริบๆ ไม่อยากเชื่อว่าใครๆก็มองออก แต่นางไม่รู้ตัว นี่นางโง่เพียงนี้เชียวหรือ“เจ้าไม่ชอบเขา แล้วสั่งทำกล่องเข็มให้เขาทำไมหรือ” นางยังคาใจ“ท่านเป็นคนสัญญาว่าจะออกเงินสร้างสิ่งที่เขาอยากได้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ เขาบอกว่าอยากได้กล่องเข็มครบ 18 แบบ ข้าจึงไปสั่งร้านช่างในหมู่บ้านให้ ใช้เวลาหลายสิบวันกว่าจะเสร็จ วันก่อนช่างเอามาส่งแต่ข้าลืมบอกท่าน” ยู่ยี่อธิบายนางสัญญาไปเช่นนั้นจริงๆ นางรีบร้อนจะตามอ๋องเยียนไปขี่ม้าดูบึงใหญ่ จึงรับปากเขาไปส่งๆ จนนางก็ลืมไปแล้ว ดังนั้น ถือว่ากล่องเข็มนี้นางเป็นคนมอบให้เขา ไม่ใช่ยู่ยี่หัวใจของหลี่เฟิ่งเซียนพองโต นางไม่ต้องแย่งชิงเขากับยู่ยี่ เขาไร้ญาติขาดมิตร ครอบครัวก็ไม่มี ขอเพียงนางรวบหัวรวบหาง เขาต้องเป็นของนางแน่ ถึงเขาจะน่าเกลียดมากไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยนัยน์ตาของเขางดงามมาก นางชอบนัยน์ตาของเขาที่ราวกับเก็บดวงดาวไว้ทั้งท้องฟ้ายามค่ำคืนคิดแล้วนางก็หยุดตัวเองไม่ได้ อยากจะไปหาเขาตอนนี้เสียเลย หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปหาลู่มู่เฉิน ไม่สนใจว่ายามนี้ดึกมากเพียงใด ยู่ยี่ห้ามอย่างไรนางก็ไม่ฟัง นางเอากล่องเข็มไปด้วย นางอยาก
“แล้ว..เกิดอะไรขึ้น” แม่ทัพหลี่เบาเสียงลง กลัวจะทำให้ลูกสาวเสียงดังมากขึ้น“...ข้าก็ไม่รู้ เขาคงไม่อยากให้ข้าไปยุ่งกับเขา” นางตอบเบาลง“เหลวไหล ใครจะไม่อยากยุ่งกับลูกพ่อ” แม่ทัพหลี่รีบเอาใจ“มาๆ กินเยอะๆ เดี๋ยวพ่อไปถามให้ ถ้าเขาไม่ยอมพูด พ่อจะบังคับให้เขาพูดให้ได้” เขาหยิบอาหารใส่ถ้วยให้นาง เอาอกเอาใจลูกสาวเต็มที่“ไม่ต้อง ข้า..ข้าจะ ไปถามด้วยตัวเอง”หลี่เฟิ่งเซียนพอจะนึกบางอย่างได้ นางพาลู่มู่เฉินมาที่นี่ อ้างว่ามารักษาตัว แต่ไม่เคยถามว่าเขาอยากอยู่หรือไม่ ท่านพ่อของนางเป็นถึงแม่ทัพ หากเขาไม่เอ่ยปาก ผู้ใดจะกล้าออกไปจากที่นี่ บางทีลู่มู่เฉินอาจไม่อยากอยู่ที่นี่ เขาอาจรู้สึกไม่ต่างจากถูกคุมขังในกรงสุนัข เขาอาจอยากกลับไปหาครอบครัวสุดท้ายหลี่เฟิ่งเซียนตัดสินใจจะถามให้กระจ่าง นางตามหาเขาจนพบเขาอยู่ที่ห้องเก็บยา“ลู่มู่เฉิน ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนมาถึงก็ถามตรงๆ“..อืม” เขาหันมามองนางครู่หนึ่ง และหันไปยุ่งกับการตวงยาต่อไป“เจ้าอยากกลับบ้านของเจ้าหรือไม่”“ใครบ้างจะไม่อยากกลับบ้าน”เขาตอบตามจริง แต่นางรู้สึกบางอย่างในอกหนักอึ้ง“เจ้ามีบ้านหรือไม่ มีพ่อแม่ ภรรยา...หรือคนที่รอใ
ค่ำวันนั้นนางไปหามู่เฉินคนชั่วของนาง แต่ท่านหมอบอกว่าเขาไม่อยู่ออกไปอาบน้ำ หลี่เฟิ่งเซียนไปรอเขาที่ห้องของเขาอยู่นานเขาก็ยังไม่กลับ นางจึงบุกไปที่ห้องอาบน้ำ แต่เขาก็ไม่อยู่ที่นั่น หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางกลัวว่าเขาจะออกไปข้างนอกค่ายแล้วเกิดถูกจับตัวไปขายอีกครั้งหลี่เฟิ่งเซียนวิ่งกลับไปที่ห้องของนางเพื่อหยิบกระบี่ไปช่วยเขา แต่กลับพบเขากำลังนั่งปลอบใจยู่ยี่ที่ร้องไห้อยู่ นางมองเขากำลังใช้มืออีกข้างตบหลังยู่ยี่เบาๆ อย่างปลอบโยน จู่ๆ นางก็เกิดไม่กล้าเดินเข้าไปรบกวนพวกเขา ในใจของนางมีบางอย่างหนักอึ้งจนนางเองก็อธิบายไม่ได้หลี่เฟิ่งเซียนหอบกล่องใส่เข็มไปนั่งเหม่อมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่ริมน้ำ เพราะนางไม่กล้าเข้าห้องของตัวเอง สายลมเย็นส่งเสียงหวีดเป็นบางครั้ง เสียงน้ำไหลกระทบก้อนหิน แม้จะหนวกหู แต่ช่วยให้นางสงบ ไม่ต้องได้ยินเสียงจี้ดๆ ที่ได้ยินในหูตั้งแต่เห็นสองคนนั้นนั่งด้วยกันยิ่งมืดดวงดาวยิ่งแจ่มชัด แต่จู่ๆ กลับมีแสงไฟใกล้นางมาทุกที หลี่เฟิ่งเซียนกลัวว่าจะมีคนร้ายมาแอบจับตัวนางไปอีก จึงรีบหลบหลังพุ่มไม้ แอบก่นด่าตัวเองในใจที่ไม่รู้จักระวัง มืดแล้วยังไม่ระวังตัว ถูกจับไป