Chapter 8
เฉินหมิงไม่คิดว่า บุตรชายจะรักจางม่านอวี้มากกว่าอนาคตของตัวเอง ถึงได้ยอมสละอะไรหลายอย่างเพื่อนาง ที่เขาไม่ขัดความคิดของบุตรชายเป็นเพราะ หน้าที่ที่จางม่านอวี้ไปทำนั้นมีความเสี่ยงมาก ขุนนางในวังล้วนแต่เป็นเสือและสิงห์ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว อำนาจก็มีมาก ยิ่งต้องไปต่อสู้กับพระสนมมู่เซียนที่ใครต่างรู้ดีว่า มีอำนาจมากแค่ไหน จางม่านอวี้จำเป็นต้องมีคนช่วยอีกทางหนึ่ง แล้วรู้ด้วยว่า อีกเหตุผลหนึ่งของเฉินต้าเหว่ยคือ จะได้ใกล้ชิดจางม่านอวี้
“ถ้าเจ้าตัดสินใจดีแล้ว ข้าก็เห็นตามนั้น” เฉินหมิงตอบกลับ “แล้วเจ้าจะเข้าไปอยู่ในวังได้ยังไง”
“ข้ามีวิธีขอรับท่านพ่อ”
การที่เฉินต้าเหว่ยตัดสินใจลาออกจากการเป็นรองแม่ทัพ ไปทำงานเป็นขุนนางในวังก็เพื่อช่วยเหลือจางม่านอวี้ เขาต้องมีวิธีที่ให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในตำแหน่งนั้น
“ข้าไม่ห้ามเจ้าว่าจะทำอะไร และไม่ห้ามเจ้าไม่ให้รักม่านอวี้ เพราะรู้ดีว่าห้ามไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากทำอะไรก็ทำ ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องดี เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง” เฉินหมิงพูดอย่างเข้าใจความรู้สึกลูก
“ขอบคุณขอรับท่านพ่อที่เข้าใจข้า” เฉินต้าเหว่ยคำนับบิดา “ข้าขอตัวไปหาเฉียนเจ้าก่อนนะขอรับ”
บิดาพยักหน้า รองแม่ทัพหนุ่มจึงออกจากห้องของเฉินหมิง รีบรุดเดินทางไปหาเฉียนเจ้าเพื่อนสนิทที่จะช่วยเขาให้เข้าไปทำงานในวัง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องยากเลย ทว่าเรื่องยากอยู่ที่ เฉินต้าเหว่ยจะสละตำแหน่งรองแม่ทัพตอนนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากศึกใหญ่ที่เขาต้องไปรบนั้น สำคัญไม่แพ้ไปช่วยจางม่านอวี้
แต่ไม่มีอะไรสำคัญกว่าไปช่วยนางในดวงใจ...แม้แต่ชีวิตเขา เขาก็สละได้เพื่อนาง
องค์รัชทายาทหรือองค์ชายจูหยวนเชียวเดินทางกลับเมืองหลวงอย่างเร่งรีบ หลังได้รับข่าวว่า ไทเฮาหลีฮัวหลานหรือหลีไทเฮาทรงพระประชวร ความสนิทสนมระหว่างย่าหลานคู่นี้มีมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าสนิทกว่าหลานทุกคนก็ว่าได้ อาจเป็นเพราะองค์รัชทายาทเกิดจากหยูฮองเฮา ที่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่องค์รัชทายาทอายุได้เพียงเก้าชรรษา หลีไทเฮารักหยูฮองเฮามาก เมื่อหยูฮองเฮาจากไปความรักจึงถ่ายเทมาให้องค์รัชทายาท
การเดินทางกลับเมืองหลวงเร่งด่วนครั้งนี้ ทำให้เขาพลาดอะไรไปหลายอย่าง อย่างหนึ่งคือ สานต่อความสัมพันธ์กับหญิงสาวถูกใจ ระหว่างทางที่ขี่ม้ากลับมาเมืองใหญ่ เขานึกถึงรอยยิ้มของจางม่านอวี้ตลอดทาง ยามนึกพลังบางอย่างก็ปลุกระดมในกาย องค์รัชทายาทไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า เพียงแค่รอยยิ้มจะทำให้เขากระโจนสู่ห้วงความรักได้ ทั้งที่ในวังมีพระชายาเป่ยหลิงที่มีความงดงามมาก ลูกสาวขุนนางมีให้เลือกก็มาก ทว่าเขาหาได้สนใจ กลับสนใจจางม่านอวี้ สตรีที่ตรึงเขาด้วยรอยยิ้ม
“ท่านย่าเป็นยังไงบ้างพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทเอ่ยถามหลีไทเฮา
“กว่าเจ้าจะกลับมา ข้าก็หายดีแล้ว” หลีไทเฮาพูดเชิงน้อยใจ
“กระหม่อมได้ข่าวว่าท่านย่าป่วย กระหม่อมก็รีบกลับมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้านึกว่าเจ้าจะเที่ยวจนลืมย่าแก่ๆ คนนี้แล้วซะอีก” เขารู้ว่า ผู้เป็นย่ากำลังน้อยใจ เขาจึงลุกขึ้นเดินไปกอดหลีไทเฮา หอมแก้มเอาใจนาง
“กระหม่อมไม่มีวันลืมท่านย่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรักท่านย่า” เพียงแค่หลานรักทำแค่นี้ ไทเฮาก็ยิ้มแก้มปริ ความน้อยใจหายไปในพริบตา
“วันมะรืนจะมีการแต่งตั้งพระสนมคนใหม่ พ่อเจ้ามีเมียนับร้อย แต่เจ้านี่สิ มีเมียแค่คนเดียว แต่งกันมาตั้งหลายปีไม่มีแววว่าจะมีเหลนให้ข้า เจ้าน่าจะหานางในมารับใช้เพิ่มสักคนสองคน เจ้าจะได้มีเหลนให้ข้าอุ้ม เจ้าอย่าลืมสิว่า เจ้าคือองค์รัชทายาทที่จะสืบทอดบัลลังก์ต่อจากพ่อเจ้า เจ้าจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีลูกสืบทอดบัลลังก์ต่อไป ข้ามองลูกสาวขุนนางไว้หลายคน ข้าจะเลือกให้เจ้าเอง”
องค์รัชทายาทมีพระชายานามว่า เป่ยหลิง นางเป็นบุตรสาวของอำมาตย์เป่ยกง นางเป็นพระชายาของเขามานานสี่ปี ทว่ายังไม่มีวี่แววว่าจะได้ทายาทมาสืบทอดบัลลังก์ หลีไทเฮาจึงต้องจัดการหานางในมารับใช้ให้หลานรัก ก่อนที่จะมีเรื่องยุ่งๆ ตามมา คำพูดของหลีไทเฮา กระตุ้นความคิดบางอย่างในหัวขององค์รัชทายาท
“ถ้าหากกระหม่อมจะเลือกพระชายารองเองจะได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ตามกฎราชวงศ์จู ฮ่องเต้กับองค์รัชทายาทไม่มีสิทธิ์เลือกคู่ครองเอง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฝ่ายในเป็นคนจัดหา พระสนมของฮ่องเต้เป็นหน้าที่ของฮองเฮา ส่วนพระชายาขององค์รัชทายาทเป็นการตัดสินใจของไทเฮา
“พระชายารองหรือ” หลีไทเฮาทวนคำ สีหน้านางแปลกใจ ปกติแล้วแค่ตำแหน่งนางใน หลานรักยังไม่ใส่ใจ แต่นี่จะเลือกพระชายารองเอง ทำให้นางคิดว่า ผู้หญิงที่องค์รัชทายาทหมายปองต้องมีความสำคัญทางใจแน่นอน “เจ้าผูกใจกับหญิงใด เป็นลูกขุนนางคนไหน”
“กระหม่อมหมายปองสตรีคนหนึ่ง กระหม่อมอยากให้นางเป็นพระชายารองของข้า ท่านย่าให้กระหม่อมเป็นคนเลือกเองได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
จากสีหน้า แววตาขององค์รัชทายาท ทำให้นางรู้ว่า หลานรักจริงจังกับสตรีคนนี้มากแค่ไหน และยิ่งทำให้นางอยากเห็นหน้าสตรีนางนี้เร็วๆ นางคิดอีกเรื่องหนึ่งว่า หากจูหยวนเชียวได้พระชายารองที่มีความรักให้ นางอาจได้อุ้มเหลนเร็วขึ้น หลีไทเฮาจึงยอมแหกกฎ
“ข้าอนุญาต” องค์รัชทายาทยิ้มกว้าง หอมแก้มท่านย่า
“ขอบพระทัยท่านย่าพ่ะย่ะค่ะ เสร็จจากงานสำคัญ กระหม่อมจะรีบไปหานาง”
“ข้าว่าตอนนี้เจ้ารีบไปหาเป่ยหลิงดีกว่านะ ข้าเห็นนางหน้าเศร้าอยู่หลายวันแล้ว เจ้าน่าจะทำดีกับนางบ้าง ไม่รักนางก็แย่พออยู่แล้ว อย่าทำหมางเมินไม่ใส่ใจนางเลย อย่างน้อยนางก็ขึ้นชื่อว่าเป็นพระชายาของเจ้า”
นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่องค์รัชทายาทไม่มีลูก ความที่เป็นหญิงสาวที่ไม่ได้รัก ส่งผลให้เป่ยหลิงถูกหมางเมิน ไม่ได้รับการใส่ใจจากองค์รัชทายาทเท่าที่ควร หากนางให้หลานรักหาพระชายารองหรือนางในเอง บางทีเรื่องที่นางหวังอาจเห็นผลเร็วขึ้น
“พ่ะย่ะค่ะ” ข้อนี้องค์รัชทายาทยอมรับว่าตัวเองผิด ทว่าเขาเป็นคนไม่ชอบฝืนใจตัวเอง ทำตามหน้าที่สามีในบางครั้ง เห็นทีวันนี้เขาต้องไปทำหน้าที่สามีที่ดี ไปถามไถ่สารทุกข์สุกดิบนางก็ยังดี
องค์รัชทายาทอยู่พูดคุยกับหลีไทเฮาอีกครู่หนึ่งก็ขอตัวกลับ สถานที่ต่อไปที่เขาไปคือ ตำหนักหลันฮวา ตำหนักที่พระชายาของเขาพักอยู่
ระหว่างที่องค์รัชทายาทจูหยวนเชียวเดินไปตำหนักหลันฮวาที่อยู่ด้านหน้าของวังหลัง เขาต้องเดินผ่านตำหนักหนึ่งที่เป็นเพียงตำหนักเล็กๆ คนที่อยู่อาศัยคือพระสนมหรือนางในคนใดคนหนึ่ง แต่ก็รู้กันอยู่ว่า ใครอยู่ตำหนักละแวกนี้จะเป็นคนนอกสายตาไม่ได้รับใช้ฮ่องเต้
องค์รัชทายาทเดินผ่านจุดนี้นับครั้งไม่ถ้วน สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เรียกความสนใจให้เขาสักเท่าไหร่ ทว่าวันนี้ไม่ใช่ เสียงพิณที่ดังออกมาจากตำหนักชิวเป่า ทำให้เท้าของเขาระงับเดิน หยุดฟังเสียงดนตรีที่เต็มไปด้วยความไพเราะ ในขณะเดียวกันมันคือความเศร้าของผู้บรรเลงเพลง เสียงพิณกู่เจิงชวนหลงใหล เสมือนเสียงเพลงจากสวรรค์ที่ทำให้คนฟังเคลิบเคลิ้ม
“ตำหนักนี้ใครอยู่” องค์รัชทายาทเอ่ยถามนางกำนัล
“ว่าที่พระสนมคนใหม่ของฮ่องเต้เพคะ”
“ท่าทางนางจะเหงานะ เสียงเพลงช่างเศร้าเหลือเกิน”
องค์รัชทายาทเอ่ยขึ้น ทอดสายตามองตำหนักตรงหน้า ก่อนจะก้าวเท้าเดินห่างเสียงเพลงที่บอกถึงความเศร้า ขณะที่องค์รัชทายาทกำลังเดินเลี้ยวไปทางขวามือ หลินหลินได้ถือถาดน้ำชาเดินสวนมา ทว่าความมืดของยามราตรี ที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากตะเกียงที่นางกำนัลถืออยู่ ส่งผลให้เขาเห็นหน้าหลินหลินไม่ชัด ส่วนหลินหลินก็เดินก้มหน้าไม่ได้มองเขาเช่นกัน
93สิบเอ็ดเดือนต่อมา ภายในห้องครัวของบ้านเฉินต้าเหว่ย เจ้าของบ้านกำลังตั้งใจทำหมั่นโถวสูตรพิเศษที่เขาคิดมาเพื่อเมียรักโดยเฉพาะ เขาใช้เวลาอยู่นานกว่าจะพลิกแพลงสูตรหมั่นโถวสูตรใหม่ที่ยังคงความอร่อยไม่แพ้สูตรเดิมของครอบครัว “หอมจังเลยท่านพี่” คนพูดเดินอุ้ยอ้ายเข้ามาในห้องครัว เฉินต้าเหว่ยตกใจที่เห็นเมียรักเดินเข้ามาหาตนตามลำพังไร้สาวใช้คอยประคอง เขารีบละทิ้งหมั่นโถว หันมาสนใจจางม่านอวี้ ที่เขาห่วงใยนางเป็นพิเศษเป็นเพราะ ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ได้เก้าเดือน อีกไม่นานเขาก็จะได้เห็นทายาทคนแรกแล้ว “ทำไมเดินมาคนเดียว เอ่อเหมี่ยวไปไหน” “นางไม่ค่อยสบาย ไอตั้งแต่เช้า ข้าเลยให้นางไปพัก” จางม่านอวี้ตอบขณะนั่งบนเก้าอี้ “ท่านพี่ทำหมั่นโถวเสร็จหรือยัง ข้าอยากกิน” “ห่วงแต่กิน เจ้าไม่ห่วงตัวเองบ้างหรือไง” “ห่วงสิ” นางตอบทันควัน “ห่วงว่าตัวเองจะไม่ได้กินมากกว่า” เฉินต้าเหว่ยส่ายศีรษะและยิ้มกับคำตอบ “รอนึ่งเสร็จก็ได้กินแล้ว รอหน่อยนะ” “ได้สิ ข้าคอยได้ เรื่องกินหมั่นโถวไว้ใจข้า” นางไม่เคยกินหมั่นโถวของใครนอกจากของสามี
Chapter 92นี่คือความรู้สึกของจางม่านอวี้ นางอยากวิ่งหนีออกจากห้องเพราะเกรงกลัวความอวบใหญ่ตรงหน้า แล้วเหมือนชายหนุ่มจะรู้ความรู้สึกของภรรยา เฉินต้าเหว่ยยิ้ม มือใหญ่จับความเป็นชายรูดขึ้นรูดลง ก่อนจะเอนตัวลงนอนข้างเมียรัก“ไม่ต้องกลัว จับมันสิ ทักทายมัน มันไม่น่ากลัวสักนิดเดียว มันน่ารักจะตายไป”เขาจับมือเล็กติดสั่นมาวางลงบนแก่นกายใหญ่ที่พองโตเต็มที่ ให้นางได้สัมผัสสร้างความคุ้นเคยกับมัน เพราะอีกไม่กี่อึดใจสิ่งนี้ก็จะสร้างความสุขให้เขาและนาง ใจจางม่านอวี้เต้นถี่แรงเมื่อสัมผัสกับความมหึมาที่แทบจะกำไม่รอบ“เห็นไหมว่ามันน่ารัก ไม่ต้องกลัวนะ เราจะมีความสุขร่วมกัน”เฉินต้าเหว่ยพูดเหมือนให้นางคลายความหวาดกลัว เขาขยับตัวมานั่งกลางร่างสาว จับเรียวขาคู่งามให้แยกออกไปทางด้านข้าง เปิดทางให้เขานำความเป็นชายมุดตัวเข้าไปในคูหาสวรรค์ที่เปิดประตูรอรับด้วยความเต็มใจ“ต้าเหว่ย...” นางเสียงสั่น สั่นกล้าสั่นกลัว“ไม่ต้องกลัว มันอาจเจ็บสักหน่อย แต่หลังจากความเจ็บ มันคือความสุข เชื่อใจข้านะม่านอวี้”นางเชื่อใจสามี เชื่อว่าเขาจะนำความสุขมาให้ตนมากกว่าความเจ็บปวด เวลาอันน่าตื่นเต้นมาถึง เฉินต้าเหว่ยค่อยๆ ดันกา
Chapter 91“อา...” จางม่านอวี้เปล่งเสียงออกมาได้ เพราะเฉินต้าเหว่ยจำใจปล่อยปากนางให้เป็นอิสระ แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะละห่างไปไหนไกล ปากเขาลากไปตามผิวแก้มที่แวะสูดดมความหอมหลายฟอด ก่อนลากต่ำไปยังลำคอระหง ซอกซอนสูดกลิ่นหอมไปโดยรอบ มือเขาก็ไม่น้อยหน้า เปลี่ยนจุดหมายในการจับต้อง เลื่อนมือสัมผัสความนุ่นละเมียดของผิวกาย ต่ำลงไปยังอวัยวะกลางร่างสาวที่ปกคลุมด้วยไหมสีดำที่ปกปิดสิ่งที่น่าค้นหาร่างสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามือใหญ่วางแนบลงบนของสงวนสาวที่ไม่เคยมีชายใดแตะต้อง เฉินต้าเหว่ยไม่ได้วางมือลงโดยไม่คิดทำอะไร เขาลูบไปตามรูปทรงขึ้นลงไปมา ก่อนใช้ปลายนิ้วแทรกตรงรอยแยก สัมผัสเม็ดเกสรน้อยอย่างตั้งใจ“อืม...อา...ท่านพี่” จางม่านอวี้ไม่อาจสกัดกลั้นความเสียวกระสันที่แผ่ไปทั่วร่างได้ เขากำลังปลุกปั่นอารมณ์นางเต็มที่ มือเขาสะกิดทักทายจุดอ่อนไหวสาว ใบหน้าเลื่อนมาหยุดตรงทรวงอกสล้าง เขาอ้าปากครอบงับปลายถันสีหวานที่หดตัวขึ้นเป็นรูป ราวกับว่ากำลังรอให้เขามาสัมผัสแทะเล็ม แน่นอนว่าเฉินต้าเหว่ยทำเช่นนั้น เขาดูดดึงยอดถันเข้าออก ใช้ปลายลิ้นตวัดเลีย ส่วนความนุ่มหยุ่นอีกข้างไม่ได้ว่างเว้น ถูกมือใหญ่บีบเคล้นตามห้วงอารมณ์
Chapter 90 สองเดือนต่อมา พิธีแต่งงานครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งในเมืองหลานหยู วันแห่งความสุขวันนี้ถูกจัดเตรียมล่วงหน้ามาร่วมเดือน แขกเหรื่อที่เดินทางมาแสดงความยินดีมีกันหลายชนชั้น แม่ทัพและรองแม่ทัพที่เคยกรำศึกด้วยกัน ชาวบ้านที่คุ้นเคยกับทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พ่อค้าร้านต่างๆ เจ้าเมืองจากเมืองอื่นก็เดินทางมาในงานนี้ด้วย ยังมีขุนนางอีกหลายคน และที่สำคัญที่สุดคือ องค์รัชทายาทที่ทนเสียงออดอ้อนของเมียรักไม่ได้ เขาจึงต้องพาพระชายารองหลินหลินมาร่วมงานแต่งงานด้วยเช่นกัน งานมงคลสมรสครั้งนี้จัดว่าใหญ่ที่สุดของเมืองก็ว่าได้ บุคคลหลายคนที่ไม่รู้ว่า สาวใช้บ้านเจ้าเมืองหลานหยูจะได้เป็นพระชายารอง และตอนนี้กำลังอุ้มท้องทายาทเชื้อกษัตริย์ในอนาคต คนที่เคยดูถูกดูแคลนต้องมาโค้งคำนับให้ความเคารพ คนเราช่างไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริงๆเฉินต้าเหว่ยทำตามประเพณีทุกอย่าง จนมาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่เขาเฝ้ารอคือ วันมงคลสมรส ในวันนี้ เจ้าบ่าวในชุดพิธีการพร้อมด้วยแม่สื่อ ญาติสนิทมิตรสหาย เดินทางไปรับเจ้าสาวที่บ้านด้วยขบวนเกี้ยวขบวนใหญ่ โดยมีเจ้าบ่าวสวมชุดสีแดงปักเป็นลวดลายสวยงามด้วยดิ้
Chapter 89“มันก็จริงของเจ้า” หลีไทเฮารู้ตื้นลึกหนาบางของวังหลวงดี คนที่อยู่รอดได้ต้องเก่งพอตัว เก่งทั้งประจบสอพลอ เก่งเอาตัวรอด และเก่งสวมหน้ากากเข้าหากัน“ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นข้าก็ตามใจเจ้า” ฮ่องเต้จูหมิงคิดว่าดีเสียอีก เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเฉินต้าเหว่ยให้เจ็บใจ“ก่อนที่เจ้าจะพาพระสนมจางออกจากวัง ข้าจำเป็นต้องปลดพระสนมจางออกจากการเป็นพระสนมเสียก่อน เพื่อไม่ให้นางถูกคำครหา และเพื่อไม่ทำให้ฝ่าบาทเสื่อมเสียไปด้วย” หลีไทเฮาเตรียมการไว้พร้อมสรรพ“ขอบพระทัยไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ใบหน้าเฉินต้าเหว่ยมีรอยยิ้มน้อยๆ ที่ฮ่องเต้เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้มาก “กระหม่อมคืนป้ายประกาศิตพ่ะย่ะค่ะ”เฉินต้าเหว่ยนำป้ายไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนเดินกลับมายืนที่เดิม“เอาล่ะ คงหมดเรื่องแล้ว ข้าจะให้หลิวกงกงนำราชโองการไปให้พระสนมจาง” หลีไทเฮาเรียกหลีกงกงเข้ามาในห้องโถง ยื่นราชโองการให้อีกฝ่ายที่รีบนำไปให้อำมาตย์หลิวฮวยเถาเพื่อนำไปดำเนินการต่อไป “ข้าว่า รออีกสักครึ่งชั่วยามเจ้าค่อยไปหาจางม่านอวี้ รอให้ท่านอำมาตย์ประกาศราชโองการเสียก่อน เจ้ากับม่านอวี้จะได้ไม่ถูกครหา”“พ่ะย่ะค่ะ” เฉินต้าเหว่ยรับคำ“เจ้าจะไปไหนก็ไปเถอะ ข
Chapter 88ฮ่องเต้จูหมิงนิ่งเงียบ สบพระเนตรหลีไทเฮาแวบหนึ่งก่อนหลบสายตาเขายอมรับว่า ตนเองกำลังเป็นไปตามคำพูดของหลีไทเฮา“ในเมื่อรู้ผลแพ้ชนะ ฝ่าบาทก็สมควรยอมรับผลนั้น เฉินต้าเหว่ยออกทำศึกด้วยความกล้าหาญ ด้วยสติปัญญาจนสามารถปราบกองกบฏได้ แล้วยังจับรองแม่ทัพฮัน คนทรยศมาลงโทษ ถือว่าเฉินต้าเหว่ยมีความดีความชอบไม่น้อย แต่ฝ่าบาทกลับประทานความตายให้คนที่สู้เพื่อบ้านเมือง หากเรื่องนี้รู้ถึงหูคนภายนอก มันจะไม่เกิดผลดีกับฝ่าบาทเลย พระสนมจางม่านอวี้เป็นเพียงอิสตรี จะมีความสำคัญเท่าเกียรติยศและสูงศักดิ์ของฝ่าบาทหรือเพคะ และคงไม่สำคัญเท่าบ้านเมืองด้วย ฝ่าบาทต้องยอมรับผลที่ออกมา ไม่ใช่ฆ่าเฉินต้าเหว่ยเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว”ฮ่องเต้จูหมิงเข้าใจทุกอย่างที่หลีไทเฮาตรัสมา ทว่าเขายอมรับการสูญเสียพระสนมจางม่านอวี้ไม่ได้ อาจเป็นเพราะรักมาก และรู้สึกเสียหน้า เขาจึงไม่คิดยอมแพ้“กระหม่อมรักพระสนมจาง ไม่อยากเสียนางไปพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างเฉินต้าเหว่ยท้าทายกระหม่อม โทษสมควรตายอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องเฉินต้าเหว่ยท้าทายฝ่าบาท โทษตายก็สมควร” หลีไทเฮากลับเห็นด้วยกับข้อนี้ “แต่การท้าทาย คนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดก็