แชร์

การตัดสินใจ 1

ผู้เขียน: พิมพ์สีทอง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-16 22:36:03

ความแน่วแน่ของนางส่งผ่านออกมาทางแววตา

แต่แค่ลมปากไม่อาจเชื่อได้ ถึงจะมุ่งมั่นตั้งใจอย่างไรก็ไม่มีสิ่งใดยืนยันว่า อนาคตนางจะไม่คิดหักหลังขึ้นมา

เห็นหงเสวียนซู่เงียบไปนางก็เริ่มใจเสีย จางอวี๋จิงคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วจึงได้มาที่นี่ ทั้งที่ฮูหยินก็กำลังตกที่นั่งลำบาก แต่ทำไมถึงได้ลังเลนานนัก หรือเงื่อนไขของสะใภ้บ้านนี้ต้องเป็นสตรีที่คู่ควรด้วย

เช่นนั้นจางอวี๋จิงก็เข้าใจแล้ว

ใบหน้าหญิงสาวหมองลงทันตา นางลุกจากเก้าอี้ออกมายืนโค้งลา

“ข้าคงรบกวนฮูหยินสินะเจ้าคะ ขออภัยด้วย ข้าไม่ทันได้สังเกตเลย”

จางอวี๋จิงเดินก้มหน้าก้มตาออกไปอย่างรีบร้อน

หงเสวียนซู่ที่กำลังพิจารณาหลาย ๆ อย่างตกใจจนเอ่ยรั้งนางไว้แทบไม่ทัน ไม่คิดว่าอยู่ ๆ จะพรวดพราดออกไปเลยแบบนี้

“เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยว! เจ้าจะรีบไปไหนกัน ข้ายังไม่ได้ไล่เจ้าเสียหน่อย”

จางอวี๋จิงเอียงศีรษะเล็กน้อยคล้ายไม่เข้าใจ

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีคุณสมบัติหรือเจ้าคะ?”

“คุณสมบัติอะไรกัน”

“ก็…อย่างเช่นฐานะควรเสมอหรือไม่ห่างชั้นกันมากน่ะเจ้าค่ะ บ้านไหน ๆ ก็เป็นแบบนี้” ประโยคหลังนางเอ่ยเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่หงเสวียนซู่ก็ได้ยินอยู่ดี

“...”

ต่อให้คนที่นี่นิยมทำแบบนั้นแล้วอย่างไร ทำตัวราวกับมีสิทธิ์เลือกมากมายไปเสียได้ ทั้งที่สตรีผู้นี้ก็คงถูกกีดกันออกจากสังคมเพราะฐานะของนาง หากหงเสวียนซู่ผู้นี้ทำเช่นนั้นกับนางแล้วจะต่างอะไรกับพวกที่ตำหนิบุตรชายของนางอยู่ข้างนอกนั่น

“ไม่มีของแบบนั้นหรอก เจ้านี่ก็ช่างตื่นตระหนกเสียจริง เข้ามาคุยกันใหม่ดี ๆ ก่อน”

ฮูหยินเชิญนางเข้าบ้านอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างใจเย็นลงแล้ว

“เจ้าบอกว่าต้องการเงินสินะ ข้าจะไม่ถามแล้วกันว่าเอาไปทำอะไร แต่ความคลุมเครือแบบนี้หากแต่งเข้ามารังแต่จะอึดอัดต่อกัน เช่นนั้นมาพูดกันตรง ๆ จำนวนเงินที่ได้ป่าวร้องไปอันไม่รวมค่าสินสอดให้เจ้าสาว แท้จริงมันพอหรือไม่”

จางอวี๋จิงกดดันเป็นอย่างมาก แต่โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วนางจะปล่อยหลุดมือไปไม่ได้

“ข้ารู้สึกละอายที่ต้องกล่าวเช่นนี้ แต่ข้าอยากได้มากกว่านั้น”

“เฮอะ อำนาจเงินนำพาแท้ ๆ แต่ก็ช่างเถิด

เพราะข้าก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่จะพูดเรื่องนี้ได้อย่างโอหัง” น้ำเสียงช่างดูแคลนจนคนฟังยังสะอึก

“ได้สิ ข้าจะเพิ่มเงินซื้อตัวให้เจ้าอีกสองเท่า แต่…”

เสียงเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเป็นจังหวะชวนให้อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แต่ในที่สุดการแลกเปลี่ยนนี้ก็จบลงเสียที

“เจ้าต้องมีทายาทให้สกุลไป่ภายในปีแรกของการแต่งงาน หากคนแรกเป็นหญิงก็ไม่เป็นไร จะมีกี่คนข้าก็เลี้ยงได้ แต่ต้องมีบุตรชายสืบสกุลอย่างน้อยหนึ่งคน”

“ข้าตกลงเจ้าค่ะ”

แววตามุ่งมั่นของจางอวี๋จิงทำให้หงเสวียนซู่ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ดูเหมือนว่านางจะได้สะใภ้ประเภทเดียวกับตัวเองเข้าเสียแล้ว

น่าสนใจดีนี่ แล้วข้าจะรอดู จะอยู่กับลูกชายข้าที่คนตราหน้าทั้งเมืองไปได้สักกี่น้ำกัน

ไป่จวิ้นเหลียวมองเข้าไปโดยที่มือยังทำงานต่อ

เมื่อครู่เหมือนได้ยินเสียงคนคุยกันดังมา ทั้งยังได้ยินเสียงมารดาตะโกน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้มีเสียงข้าวของหล่นโครมครามคงไม่ถึงกับต้องให้เขาออกไปดูกระมัง อาจจะแค่มีคนมาหาเรื่อง ท่านแม่เลยไล่ไปก็ได้

ไม่นานเสียงพวกนั้นก็เงียบลง ไป่จวิ้นจึงหันมาผ่าฟืนต่อ เสียงเอี๊ยดอ๊าดของบานประตูไม้ด้านหลังชายพิการดังขึ้น เขาหันขวับไปมองคิดว่าผู้เป็นแม่มาตามไปกินข้าว แต่ขวานก็เลื่อนหลุดจากมือไปด้วยความตกใจ

ผู้ที่เดินออกมาคือหญิงสาวแปลกหน้าผู้หนึ่ง ดูแล้วคงอ่อนกว่าเขาไม่กี่ปี

“มีธุระอะไร” ชายคนนั้นมองมาที่นางด้วยแววตากังขา แต่จางอวี๋จิงไม่สนใจ

“ข้าอวี๋จิง จางอวี๋จิงเจ้าค่ะ คนที่จะมาเป็นภรรยาของท่าน”

ท่อนฟืนอีกครึ่งที่ถืออยู่หลุดมือดังป๊อก ไป่จวิ้นร้องอุทานเสียงดัง

“หา!?”

ได้อย่างไร

“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ช่วงกลางวันหลังกลับจากหาของป่า ข้าจะมาดูแลว่าที่สามีระหว่างรอฮูหยินดูฤกษ์ยาม ต้องขอรบกวนด้วย”

จางอวี๋จิงไม่ได้รอคุยกับเขา แค่เข้ามาแนะนำตัวแล้วออกไป ไป่จวิ้นยังไม่ทันได้รู้เรื่องสติก็หลุดลอยหายไปแล้ว

นี่คือโอกาสของข้า ข้าจะทำให้ดี

จางอวี๋จิงเดินกลับบ้านอย่างรีบร้อน น้องชายของนางไปตามหมอมาแล้วก็จริง แต่ท่านยายล้มป่วยด้วยโรคชรา หากจะให้ท่านมีชีวิตได้นานขึ้นอีกหน่อยก็ต้องกินยาบำรุงสม่ำเสมอ ทว่าเงินที่จะหาซื้อของเหล่านั้นไม่มีติดบ้านแม้แต่ตำลึงเดียว

คราวท่านปู่ท่านย่าก็เป็นเช่นนี้ บิดาของนางแทบตรอมใจ กล่าวโทษตัวเองมาจนถึงตอนนี้ เรื่องนี้ยังคงจำฝังใจไม่หาย จางอวี๋จิงเห็นภาพแบบนั้นแล้วก็เจ็บใจไม่ต่างกัน ตอนนั้นตัวนางยังเยาว์มาก ไม่มีกำลังพอที่จะทำอะไรได้

แต่คราวนี้นางจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบเดิมซ้ำอีก

การที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยนั้น พอกันที

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   บทส่งท้าย จุดเริ่มต้นวันนั้นคือครอบครัวที่รักของนาง 2

    “ถ้าราบรื่นเช่นนี้ข้าก็วางใจ เด็ก ๆ จะชอบพอกันหรือไม่ก็ไม่เสียหายทั้งสองฝ่าย ยังรักษาหน้ากันบ้าง”“เรากับสกุลปันก็สนิทสนมกันมาพอสมควร มิตรภาพก็หลายปีตั้งแต่เราย้ายมาอยู่ ถึงเด็ก ๆ จะไม่ชอบใจกันก็ไม่สะเทือนถึงความสัมพันธ์ยาวนานหรอก”“ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ ใจคนนั้นยากแท้หยั่งถึง จะตัดสินตั้งแต่ตอนนี้ทั้งที่ช่วงเวลานั้นยังไม่มาอยู่ตรงหน้าก็จะไม่ได้”ภรรยาเขายังขี้กังวลเหมือนเดิม“อืม ๆ เอาตามที่เจ้าว่า เราดูกันไปก่อนเถอะ”บ่ายวันนั้นก็มีจดหมายส่งมาจากสกุลปัน แจ้งเวลานัดหมายที่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง นี่ไม่ใช่การดูตัวอย่างเป็นทางการจึงมีแต่เด็ก ๆ เท่านั้นที่ไป หลังจากนำเรื่องนี้ไปบอกบุตรชายเขาก็รับทราบและตกลงจางอวี๋จิงเดินออกมาทั้งหน้ามุ่ย“เป็นอะไรไปอีกล่ะ ลูกไม่ยอมไปหรือ”“ไปแบบขอไปทีน่ะสิ ข้าล่ะกลัวว่าเขาจะทำให้ฝ่ายหญิงไม่พอใจ”ไป่จวิ้นตบที่ว่างข้างตัวให้นางไปนั่ง“เสี่ยวหลินเติบโตมาเป็นบุรุษที่ดี มีพ่อเจ้ากับข้าช่วย

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   บทส่งท้าย จุดเริ่มต้นวันนั้นคือครอบครัวที่รักของนาง 1

    จางอวี๋จิงมองบุตรในวัยปักปิ่นของตัวเองสวมเสื้อผ้าทะมัดทะแมงพร้อมมีกระบี่พกติดตัว นางจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนน้องชายของนางชวนให้บุตรชายคนโตไปร่วมงานที่สำนักคุ้มภัยด้วยกันหากเขาต้องการ หลายปีต่อมานางจึงไม่ได้คาดคิดว่า พอได้ลองไปทำงานที่นั่นดูแล้วจะเป็นบุตรสาวของตนเสียเองที่ติดใจ“เสี่ยวลู่ลู่ ลูกคิดดีแล้วใช่หรือไม่”“ข้าตัดสินใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”พูดไม่ออกเลยจริง ๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าเตรียมใจไว้เลยนะ“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าสัญญาจะดูแลตัวเองดี ๆ และกลับมาเยี่ยมท่านบ่อย ๆ ““รู้แล้ว ๆ ทำอย่างกับแม่จะห้ามเจ้าได้”ตอนนางอยู่ในวัยแรกรุ่นก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ตัดสินใจแต่งงานเข้าสกุลไป่ตามใจตัวเองโดยไม่ปรึกษาที่บ้าน ถึงไปปรึกษาก็ยังยืนยันคำตอบเดิม หัวรั้นเหมือนนางไม่มีผิดเป็นความผิดข้าสินะ เป็นความผิดข้าใช่ไหมนี่ นางเหมือนข้ามากเกินไปจางอวี๋จิงอยากจะเอามือก่ายหน้าผากไป่ลู่จื่อได้ความงดงามของมารดาไปเต็ม ๆ จนบิดาห่วงเช้าห่วงเย็น ด้ว

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   วันเวลาผันผ่าน 3

    “ข้าก็ชอบ”เด็กทั้งสองพูดเจื้อยแจ้วแข่งกัน จางอวี๋จิงแบ่งงานให้พวกเขาทั้งคู่ นางใช้พวกเขาช่วยล้างผักและหมักเนื้อ จะไม่ให้แตะต้องของมีคมอย่างเด็ดขาด ลูก ๆ จะมีบิดาคอยคุมอยู่ห่าง ๆ อีกที ไม่ให้พวกเขาเผลอหยิบจับอะไรจนเจ็บตัวทั้งฟืนไฟและของหนักของร้อนขนมและน้ำชาที่จะกินกันในวันนี้หงเสวียนซู่และเหออิงเป็นคนรับผิดชอบ ตอนนี้ของหวานพวกนั้นกำลังอยู่ในหม้อนึ่ง ส่วนนางก็รับหน้าที่จัดการของคาว พวกสาวใช้ทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ให้เสร็จตั้งแต่เมื่อวันก่อน ตอนนี้กลับไปใช้เวลากับครอบครัวของตัวเอง พ่อบ้านก็เช่นกันจางอวี๋จิงทำอาหารจานโปรดของทุกคนอย่างละหนึ่ง แล้วทำของที่กินคู่กันอีกเล็กน้อย อาหารสำหรับฉลองวันนี้ก็พร้อมขึ้นโต๊ะจางชิงผิงเดินทางมาจากบ้านที่อยู่ซอยข้าง ๆ พร้อมกับน้องชายของนาง ตอนนี้จางฟงเป็นหนุ่มน้อยรูปงามที่สตรีหลายคนในเมืองนี้หมายตา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจใครเป็นพิเศษ ท่านพ่อไม่ได้รีบบังคับบุตรชายให้ออกเรือน ท่านแม่ก็ไม่พูดเรื่องนี้ให้เขาอึดอัด ตั้งใจจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติบรรยากาศการกินเลี้ยงเป็นไปอย่างรา

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   วันเวลาผันผ่าน 2

    มารดาของนางบอกว่า มันเป็นขนมไหว้พระจันทร์แสนพิเศษ พลังแสงจันทร์เจ็ดวันเจ็ดคืนบนยอดเขาน้ำค้าง ศักดิ์สิทธิ์มาก และต้องเก็บไว้เปิดอีกครั้งในวันไหว้พระจันทร์เท่านั้นเรื่องความศักดิ์สิทธิ์แสนวิเศษนั่นนางไม่ได้สนใจเลยสักนิด กลับกลัวว่าขนมนี่ยังกินได้อยู่หรือเปล่ามากกว่า เผลอ ๆ อาจมีราขึ้นแล้วด้วยซ้ำ แต่เพื่อความสบายใจของมารดานางจึงรับไว้ก่อน หากวันไหว้พระจันทร์เปิดมาแล้วมันกินไม่ได้นางจะแอบเอาไปทิ้งทีหลังเทศกาลไหว้พระจันทร์มักจัดขึ้นช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง เป็นเทศกาลใหญ่เหมือนที่เฉลิมฉลองร่วมกันทั่วทวีปที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินเดียวกันกับแคว้นหนานเป็นวันที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอีกวันหนึ่ง มีอาหารกินเลี้ยงหลากหลาย มีการจุดดอกไม้ไฟและร่ำสุรา มีการแสดงระบำมังกรของในแต่ละท้องที่ เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่จางอวี๋จิงชอบมากรองจากเทศกาลชีซี แต่อย่างหลังนางไม่เคยได้มีโอกาสได้เข้า เป็นได้เพียงผู้ชมอยู่ห่าง ๆระหว่างนางกำลังตกแต่งโต๊ะอาหารสามีก็กลับมาจากข้างนอก ในมือของเขามีถุงวัตถุดิบมากมายสำหรับทำอาหารและของหวานวันนี้ไป่จวิ้นยิ้มทัก

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   วันเวลาผันผ่าน 1

    “มาทางนี้สิ” ไป่จวิ้นเรียกนางไปหาข้างหน้าต่าง ถึงจะมีแสงมาก แต่ค่ำคืนนี้ก็ยังมองเห็นดาวไป่ลู่จื่อมานอนเล่นตุ๊กตาจำลองกับพี่ชายบนเตียง นางในวัยสามเดือนไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่ายอมอยู่เฉย ๆ ให้พี่ชายจับแต่งตัวเป็นนักรบน้อย ดวงตาเหลียวมองท่านพ่อท่านแม่ ภาพที่นางเห็นสุขสันต์พอ ๆ กับนิทานก่อนนอนคืนนั้นเด็กน้อยหลับฝันหวาน พ่อแม่ของนางนั่งดูดาวที่หน้าต่างจนดึกดื่นโดยไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้น ท้ายที่สุดจางอวี๋จิงก็ผล็อยหลับไปทั้งแบบนั้นเนื่องจากไป่จวิ้นไม่สามารถอุ้มนางไปที่เตียงได้จึงต้องปลุกภรรยาให้ตื่นอย่างน่าเสียดาย“อาอวี๋” เขาเอ่ยเรียกนางเบา ๆ เพราะลูก ๆ ก็หลับกันหมดแล้วจางอวี๋จิงรู้สึกครั้งแรกขยับตัวเล็กน้อย นางเปิดเปลือกตาขึ้นมาเพียงครึ่งเดียวแล้วเงยมองสามีด้วยสายตาขอคำตอบ“เด็ก ๆ หลับไปแล้ว พวกเราก็นอนกันเถอะ”นางพยักหน้าท่าทางงัวเงียแทบหลับตาเดิน คืนนั้นครอบครัวหลับฝันหวาน และตื่นมารับชมงานเทศกาลในตอนเช้าวันนี้เป็นเนื้อหาหลักของการจัดงานเทศกาลนี้ขึ้นมา นอกจากเอาผลผลิตมาอวดโฉมแล้วยังม

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   งานประกวดพืชผล 2

    จางอวี๋จิงมองดูด้วยสายตาคิดว่ารางวัลชนะเลิศคงไม่ใช่ของนางแล้ว มีของคนอื่นที่ดูแลผลออกมาได้สวยกว่านางมาก แต่สิ่งที่นางนำมาก็รูปทรงสวยพอจะไปวางบนแท่นจัดแสดงได้อย่างไม่อายใครแน่นอนหลังจากนี้แค่ปล่อยตัวเองสนุกไปกับบรรยากาศก็พอแล้ว“อาอวี๋ ตรงนั้นเหมือนจะมีร้านขายผ้ามาเปิดใหม่ ลองไปดูหน่อยไหม”พอมีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น และไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทอง จางอวี๋จิงพบว่าตนเองก็ชอบที่จะแต่งตัวสวย ๆ เหมือนกัน นางก็มีส่วนที่หลงใหลไปกับความงดงามเหมือนเช่นสตรีหลาย ๆ คน เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้ทำเพราะสามีรู้แบบนั้น เขาก็พยายามเติมเต็มให้นางเท่าที่ทำได้ เวลาแรกผลิบานของนางหมดไปกับการดิ้นรน หากหลังจากเป็นแม่คนแล้วยังต้องมาสำรวมตามขนบทุกอย่าง อิสระของนางจะอยู่ที่ไหนนั่นไม่ใช่สามีแบบที่ไป่จวิ้นอยากเป็นจางอวี๋จิงมองไปตามทางที่สามีบอกก็เห็นร้านผ้าอยู่จริง ๆ มีคนออกมาเรียกลูกค้าและประกาศตัวว่าเป็นร้านเปิดใหม่ ที่ร้านของครอบครัวนางขายผ้าไหมเป็นหลักแต่ร้านนั้นมีผ้าที่หลากหลายมากกว่า ทว่าเป็นผ้าราคาถูกที่คนทั่วไปจับต้องได้&l

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status