นอกจากม่านชิงเฉียว ก็ไม่มีผู้ใดรู้ส่วนผสมของโอสถหยดโลหิตมังกร แม้กระทั่งเจ้าสำนักหมื่นพิษก็ยังหาคำตอบนี้ไม่ได้ เขาพยายามคาดเดาจากข้อมูลสมุนไพรที่บุตรสาวใช้แต่ก็ไม่สามารถสรุปได้
เจ้าสำนักหมื่นพิษคงไม่รู้ว่า เป็นเพราะคาดเดาผิดตั้งแต่แรกว่าจะต้องมีสมุนไพรล้ำค่าและหายาก
ทว่าความจริงแล้ว ส่วนผสมของโอสถหยดโลหิตมังกรคือสมุนไพรธรรมดาที่สามารถหาซื้อได้ในร้านขายยาทั่วไป มูลค่าของพวกมันใช้เงินซื้อมาไม่ถึงตำลึงด้วยซ้ำ
เว่ยเยว่ซินปรายตามองส่วนผสมที่จัดเตรียมไว้คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เริ่มปรุงโอสถอีกครั้งและตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจนางเหมือนครั้งแรกที่เริ่มลงมือ พวกเขาต่างคุ้นชินว่านางกำลังปรุงขี้ผึ้งทาผิวอีกแล้ว
ตะวันคล้อยต่ำ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
เว่ยเยว่ซินยิ้มจนตาหยี กลิ่นนี้ถูกต้องแล้ว!! นางหยิบตลับงดงามใบหนึ่งแล้วใส่โอสถที่พึ่งตกผลึกเสร็จใส่ลงไป
คราวนี้ก็เหลือแค่ส่งมอบ
จ้าวลี่อิงยังคงมาตรวจชีพจรให้เว่ยเยว่ซิน ในขณะที่นางกำลังจับชีพจร เว่ยเยว่ซินก็เอ่ยขึ้น
“เรียนถามท่านหมอ ช่วงที่ข้าปรุงขี้ผึ้งระหว่างก้มเงยหน้าจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะอยู่เรื่อยๆ”
จ้าวลี่อิงขบคิดชั่วขณะแล้วยิ้มบาง ๆ กล่าว “เป็นอาการปกติของผู้ที่รับโอสถหยดโลหิตมังกรหัวใจกลับมาเต้นยังไม่ปกตินัก แต่พระชายาไม่ต้องกังวล ขอเพียงรักษาร่างกายเป็นอย่างดี ภายในหนึ่งถึงสองเดือนนี้ก็หายเป็นปกติแล้ว”
เว่ยเยว่ซินขมวดคิ้วแสร้งสงสัย “ข้าได้ทานหยดโลหิตมังกรเมื่อไรกัน?” จ้าวลี่อิงได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจแต่ก็สงบได้อย่างรวดเร็วแล้วอธิบาย
เว่ยเยว่ซินฟังพลางเบิกตากว้างแสดงสีหน้าซาบซึ้ง หลังจากจ้าวลี่อิงกลับไป นางก็หยิบตลับโอสถทิพย์ออกมาจากนั้นก็เดินตรงไปยังห้องอักษร คนเฝ้าประตูเห็นนางเดินมาก็รีบออกมาต้อนรับ
“คารวะพระชายา”
“ช่วยไปเรียนท่านอ๋องว่าข้าขอพบ”
“พระชายารอสักครู่ผู้น้อยจะรีบเข้าไปรายงาน”
เว่ยเยว่ซินผงกศีรษะแล้วก็ยืนรอเพียงชั่วเดียว บ่าวคนนั้นก็ออกมา
“เชิญพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
กู้เซียวอวิ้นวางหนังสือในมือ ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้ามาหาอีกฝ่ายพลางผายมือเชิญเว่ยเยว่ซินนั่ง
เว่ยเยว่ซินย่อคารวะอีกฝ่าย แล้วนั่งลงยื่นตลับโอสถออกไป “หม่อมฉันพึงทราบเพื่อช่วยชีวิตข้า ท่านอ๋องถึงกับเสียสละโอสถหยดโลหิตมังกรให้”
กู้เซียวอวิ้นหลุบตาต่ำมองตลับโอสถกล่าว “เป็นสิ่งที่ข้าควรจะต้องทำ...สิ่งนี้คือ?”
เว่ยเยว่ซินยิ้มเล็กน้อยกล่าว“นี่คือโอสถหยดโลหิตมังกร...”
คิ้วเรียวกระบี่ของกู้เซียวอวิ้นขมวดเข้า แววตาแหลมคมจ้องมองตลับโอสถ เขาหยิบขึ้นเปิดดูข้างใน
เว่ยเยว่ซินยิ้มแฝงเอียงอายกล่าว “คุณหนูเจ็ดจากสำนักหมื่นพิษมอบให้ข้า...เอ่อ..นางมอบให้เพราะชื่นชอบในความงามของข้า”
กู้เซียวอวิ้นชะงักงัน หากเป็นผู้อื่นอาจจะมองว่าเว่ยเยว่ซินช่างกล่าววาจาเหลวไหล ทว่าเมื่อเป็นกู้เซียวอวิ้นก็จะต่างออกไป เพราะตอนที่ม่านชิงเฉียวยอมขายโอสถหยดโลหิตมังกรให้เขาได้กล่าวมาหนึ่งประโยค
“เห็นแก่ที่ชินอ๋องหล่อเหลา ข้าจะขายให้ท่านหนึ่งเม็ด”
กู้เซียวอวิ้นเงยหน้าสบตากับเว่ยเยว่ซิน แววตากระจ่างใสนั้นแฝงความซุกซน แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ว่างเปล่าไร้ความรู้สึก ชายหนุ่มยื่นตลับคืนกล่าว
มู่หยางชำเลืองมองไปยังมู่เยี่ยนส่งสายตาแฝงความจนใจ
“ข้าไม่อาจรับเอาไว้...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะข้าจัดการคุ้มครองเจ้าบกพร่องสิ่งที่ทำล้วนสมควร”
มุมปากของเว่ยเยว่ซินเหยียดยิ้ม “ข้าคาดเอาไว้อยู่แล้ว ว่าท่านจะปฏิเสธ...” เว่ยเยว่ซินยืนมือไปรับตลับยาคืนพร้อมกับวางตลับยาอีกตลับลงไปกล่าว
“ยานี้?...” กู้เซียวอวิ้นขมวดคิ้วอย่างแปลกใจอีกครั้ง
“ข้ามีวาสนาไม่น้อย...คุณหนูเจ็ดเอ็นดูข้ายิ่งนัก นางยังมอบยาถอนพิษให้ข้าอีกหนึ่งกระปุก...ข้าแบ่งมามอบให้ท่านหวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธอีก”
หากกล่าวปฏิเสธอีกย่อมไม่เหมาะสมอีกฝ่ายอาจจะเกิดเรื่องค้างคาใจ กู้เซียวอวิ้นยื่นมือออกไปรับกล่าว
“พระชายาช่างมีน้ำใจนัก” เมื่ออีกฝ่ายรับไปแล้ว ก็ถือว่าหมดหน้าที่เว่ยเยว่ซินจึงลุกขึ้นกล่าว “ไม่รบกวนท่านอ๋องแล้ว”
กู้เซียวอวิ้นผงกศีรษะให้อีกฝ่าย พอหญิงงามออกไปชายหนุ่มก็ส่งสายตาให้กู้เยี่ยนนำยาไปเก็บ
ในสวนสมุนไพร
บ่าวรับใช้งานสวนที่กำลังพรวนดินกำลังพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“จริงด้วย...ใบหน้าผ่องใสผิวเนียนละเอียดขึ้นมากจริง ๆ”
สาวใช้ผู้หนึ่งเดินมาได้ยินฉุดคิดบางอย่าง นางรีบไปสาวใช้งานสวน เดินหาครู่หนึ่งก็เห็นเป้าหมายรีบเดินเข้าไปหา
“น้องสาว..เจ้า ใช่คนที่พระชายามอบขี้ผึ้งให้หรือไม่”
เด็กสาวพยักหน้าตอบ สาวใช้คนนั้นก็เบิกตากว้าง “ข้าขอดูมือด้านมือขวาของเจ้าหน่อยสิ” ไม่ทันได้รับอนุญาตนางก็จับมืออีกฝ่ายดูทันที
“ไม่มี รอยแผลเป็นนั้นหายไปแล้ว...อ่า น้องสาวคนดี ขี้ผึ้งตลับนั่นยังเหลือหรือไม่”
เด็กสาวไม่กล้าโกหกพยักหน้าตอบ
หญิงสาวเบิกตากว้างแววตาประกายยินดี “น้องสาวคนดี พี่สาวซื้อต่อเจ้าได้หรือเปล่า..นี้เจ้าดูนี้สิ” จากนั้นนางก็ถอดเสื้อออกเปิดให้ดูแผลบริเวณหน้าอก เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“เจ้าก็มีบาดแผลคงเข้าใจความทุกข์ใจของข้า...ขายให้ข้าเถอะนะ...ทำงานที่นี่ข้าพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง เจ้าต้องการเท่าไร”
เด็กสาวมองดูแผลจากนั้นก็กล่าว “พระชายาให้ข้า...ข้ามิกล้านำมาขายหรอก”
หญิงสาวรีบกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น “เรื่องนี้นอกจากข้ากับเจ้าจะไม่มีผู้ใดรู้”
เด็กสาวส่ายหน้า “ท่านเข้าใจผิดแล้ว” จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องพักแล้วถือตลับขี้ผึ้งออกมายื่นให้หญิงสาวกล่าว
“พี่นำไปใช้ เถอะข้าไม่กล้าคิดเงิน”
หญิงสาวมองดูอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกตะลึง....กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เจ้าคงไม่ล้อพี่สาวเล่นหรอกนะ”
เด็กสาวยิ้มสดใส “ข้ามิกล้า”
หญิงสาวยิ้มอย่างกว้าง “น้องสาวเจ้าชื่ออะไร...ข้าอิงเจา...ต่อไปมีอะไรเจ้าเรียกใช้พี่สาวคนนี้ได้เลย”
เด็กสาวยิ้มตอบ “ข้าเหยาชุน...ขอบคุณพี่สาวที่เมตตา” แน่นอนว่าขี้ผึ้งที่เว่ยเยว่ซินทำเองย่อมเป็นขี้ผึ้งอันดับหนึ่ง
ทุกคนที่ได้ใช้ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าทำให้ผิวหน้าเนียนละเอียดใสกระจางดั่งหยกชั้นดี
ทว่า ยังมีผู้หนึ่งที่ยังไม่ได้ใช้มัน สาวใช้ชั้นหนึ่งกัวผิง
ตอนพิเศษ วุ่นวายกลิ่นอายรักแสงแดดยามเช้าสาดผ่านช่องหน้าต่างจวนชินอ๋อง กู้เซียวอวิ้นเพิ่งจะก้าวขาเข้ามาในห้อง ก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นอย่างตื่นเต้น“ท่านพ่อ! ท่านพ่อ! ดูนี่เร็วเข้า!”เขาเหลือบไปเห็นร่างเล็กที่วิ่งกระโดดเข้าหาอย่างรวดเร็ว เส้นผมดำยาวของเด็กชายปลิวไสว ใบหน้าจิ้มลิ้มที่เหมือนเว่ยเยว่ซินอย่างไม่ผิดเพี้ยน ทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้“มีเรื่องอะไรอีกล่ะ อวี้เอ๋อร์”เด็กน้อยยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับ มือเล็กยื่นขวดกระเบื้องเล็ก ๆ ที่ภายในมีน้ำสีเขียวใสไปตรงหน้าผู้เป็นพ่อด้วยท่าทางภูมิใจ“นี่คือโอสถที่ข้าปรุงเองนะ ท่านพ่อ!”กู้เซียวอวิ้นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สายตามองไปยังสตรีที่เดินตามเข้ามา เว่ยเยว่ซินมีรอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปาก“ข้าสอนเขาปรุงโอสถขับพิษแบบง่าย ๆ ดูเหมือนจะทำสำเร็จเสียด้วย”เขาหัวเราะเบา ๆ ย่อตัวลงให้เท่ากับระดับสายตาของลูกชายตัวน้อย “เก่งมากเลย กู้เว่ยอวี้ เจ้าช่างเหมือนแม่ของเจ้าไม่มีผิด”เด็กชายยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ “ท่านพ่อจะลองกินดูไหม?”กู้เซียวอวิ้นนิ่งไปชั่วครู่ เว่ยเยว่ซินหัวเราะออกมาเบา ๆ “โอสถมิใช่ของที่จะลองชิมได้..แม่บอกแล้วไม่ใช่
ตอนที่ 82 มีชีวิตเพื่อตัวเองกลางหุบเขาเงียบสงบ น้ำพุร้อนยามค่ำคืนหมอกไออุ่นลอยอ้อยอิ่งเหนือผิวน้ำโอบคลุมแอ่งน้ำพุร้อนที่ซ่อนอยู่กลางหุบเขารอบด้านมีเพียงเสียงลมพัดแผ่วกับเสียงน้ำกระทบก้อนหินและหัวใจสองดวง…ที่ซบแนบกันแน่นในความเงียบงันอันอบอุ่นเว่ยเยว่ซิน ซบหน้าลงบนอกกว้างของชินอ๋องปล่อยตัวพิงอ้อมแขนที่อุ่นราวโลกทั้งใบเสียงของนางดังเบา แผ่วลงแทบกลืนไปกับเสียงน้ำ“ข้าตอบแทนองค์หญิงเรียบร้อยแล้ว”“ช่วยท่านชิงบัลลังก์…และแก้แค้นสำเร็จแล้ว”“ต่อไปนี้...ข้าจะมีชีวิตของข้าเองเสียที”ชินอ๋องโอบร่างนางแน่นขึ้นลมหายใจร้อนผ่าวแตะข้างขมับ ก่อนจะเอ่ยเบา ๆแต่แฝงด้วยความหมายที่มากพอจะสะเทือนฟ้าดิน“เช่นนั้น...เจ้ามอบบุตรให้ข้าสักคนได้หรือไม่?”เว่ยเยว่ซินชะงักเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าแทบไม่ต้องลังเลนางยิ้มบาง ขณะที่ไอร้อนจากน้ำพุโอบพวกเขาไว้แนบแน่นมือเรียวแตะปลายนิ้วลงบนแผ่นอกของเขาเบา ๆ แล้วกระซิบ“ท่านอยากชอบเด็กผู้หญิง…หรือเด็กชาย?”ชินอ๋องหัวเราะน้อย ๆก่อนจะเอียงหน้าลงมาใกล้ริมใบหูนางแล้วกล่าวอย่างจริงใจ“ข้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นเลย”เว่ยเยว่ซินเงยหน้ามองเขารอยยิ้มในดวงตาของนางสะท้อ
ตอนที่ 81 หมดสิ้นเวรกรรมต่อกันเชิงเขาฉางเยวี่ย หน้าทางเข้าสำนักหมื่นพิษหมอกเช้าเริ่มจางต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายริมเชิงเขาส่งกลิ่นชื้นเย็นก่อนที่เสียงล้อรถม้าจะค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนใกล้หยุดนิ่งรถม้าคันงาม ประดับตราสลักเฉพาะของจวนชินอ๋องจอดนิ่งอยู่เบื้องหน้าทางเข้าสู่เขาฉางเยวี่ยแผ่นป้ายหินแกะคำว่า “สำนักหมื่นพิษ” ตั้งตระหง่านดังเดิมชายชุดคลุมสีดำซึ่งประจำอยู่ที่ประตูรั้วลับ รีบลุกขึ้นยืนตาโตพอเห็นตราสัญลักษณ์บนรถม้า เขาก็หน้าเปลี่ยนสีทันทีก่อนจะหันกลับไปยังทางขึ้นเขาแล้ววิ่งเต็มฝีเท้า“เจ้าสำนัก! เจ้าสำนัก!”“รถม้าจากจวนชินอ๋อง…กู้เซียวอวิ้น มาจอดอยู่ตีนเขาแล้วขอรับ!”เสียงตะโกนสะท้อนลึกเข้าไปตามแนวเขา ก้องกระทบโถงถ้ำ แทรกซึมผ่านลำไผ่ และลอยเข้าสู่สำนักที่อยู่สูงเบื้องบนในขณะเดียวกันม่านผ้าภายในรถม้าเคลื่อนไหวเล็กน้อยปลายนิ้วของสตรีผู้หนึ่งค่อย ๆ แหวกม่านออกเล็กน้อยนัยน์ตาเรียบนิ่งของเว่ยเยว่ซินกวาดตามองบันไดหินที่ทอดยาวขึ้นไปเบื้องบนสายตาที่นิ่งสงบ…ทว่าในวูบหนึ่งที่มองไปยังเบื้องหน้าก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าอย่างลึกล้ำสำนักหมื่นพิษ…ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วหลังคาห
ตอนที่ 80 ตอบแทนได้เท่านี้ เจ็ดวันต่อมา ยามเช้าในเมืองหลวงยังไม่ทันพลุกพล่านขบวนรถม้าจากจวนชินอ๋องกลับเคลื่อนตัวออกจากประตูเมืองอย่างเงียบงันธงเล็กของราชวงศ์ปลิวไหวเบา ๆ ตามลมสะท้อนความเรียบง่ายแต่เปี่ยมอำนาจกู้เซียวอวิ้น มิได้ประกาศการเดินทางอย่างเป็นทางการแต่ผู้ที่รู้ ย่อมรู้ดี ขบวนนี้ไม่ธรรมดาขบวนหลักมุ่งหน้าไปยังแคว้นต้าเว่ยเต็มไปด้วยหีบโอสถชั้นดี สมุนไพรหายาก และผ้าแพรงดงามรวมหมอโอสถที่คัดเลือกมาอย่างดีโดยมีหลัวเหวินซีเป็นผู้นำ ทั้งหมดล้วนเป็นของกำนัลแด่แคว้นบ้านเกิดของเว่ยเยว่ซินทว่าส่วนอีกขบวนย่อย ถูกจัดเตรียมอย่างเงียบเชียบ แยกตัวออกตั้งแต่ครึ่งค่อนทางเร้นกายเคลื่อนสู่จุดหมายอีกแห่ง สำนักหมื่นพิษ ณ เขาฉางเยวี่ยภายในรถม้า เมื่อเว่ยเยว่ซินทอดสายตามองรถม้าที่ยาวเหยียดสุดสายตา“ของทั้งหมดนี้...ไม่มากเกินไปหรือ...เอ่อ..ข้าหมายถึงจะเอิกเกริกเกินไปหรือไม่”ชินอ๋องหันมามองนาง“ข้าอยากให้เกียรตินาง...องค์หญิงแห่งต้าเว่ยนางส่งเจ้ามาอยู่ข้างกายข้าและเมื่อก่อนข้าดูแลนางไม่ดีนัก...ของพวกนี้...ยังนับว่าเล็กน้อยนักถึงแม้ข้าอยากจะตอบแทนมากกว่าก็ทำได้แค่เท่านี้เอ
ตอนที่ 79 คนรักกันห้องอาบน้ำยามสาย เสียงน้ำไหลเอื่อยชะล้างหยาดเหงื่อและความเหนื่อยอ่อนของค่ำคืนยาวนานไอน้ำอุ่นอบอวลในห้องแฝงกลิ่นสมุนไพรจาง ๆเว่ยเยว่ซินนั่งอยู่ริมอ่างผ้าคลุมบางปกปิดเรือนร่างเพียงพอพอให้ไม่เปลือยเปล่าทั้งหมดใบหน้าแดงระเรื่อ ริมฝีปากสีอ่อนเม้มแน่นไม่ยอมพูดแม้แววตาจะยังพร่าไหวจากความเหนื่อยล้า ทว่ายังแฝงความเย้ายวนบางอย่างที่ยังไม่จางชินอ๋องก้าวเข้ามาใกล้ มือถือผ้าขนหนูผืนบางก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ นางอย่างน้ำเสียงของเขาเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ แต่เจือแววพอใจที่เก็บไม่มิด“เจ้าหน้าแดง...ยังมีแรงโต้ข้าอีกหรือไม่?”เว่ยเยว่ซินปรายตาก่อนจะเบือนหน้าเชิดใส่ หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย“ไม่มีแรงจะยกตะเกียบกินข้าวแล้วต่างหาก...” ชินอ๋องหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยื่นผ้ามาซับหยดน้ำที่แก้มของนางปลายนิ้วของเขาไล้แนบผิวอย่างอ้อยอิ่ง ไม่เร่งร้อน แต่จงใจให้หัวใจสั่น“ถ้าเช่นนั้น...ให้ข้าเป็นคนปรนนิบัติเจ้ากินข้าวเอง”ประตูบานเลื่อนเปิดออกช้า ๆ เสียงฝีเท้าของชายหญิงคู่หนึ่งดังชัดท่ามกลางความเงียบของบ่าวทั้งเรือนเว่ยเยว่ซิน เดินออกมาอย่างเชื่องช้าเสื้อคลุมเนื้อบางแนบผิว ร่างกายยัง
ตอนที่ 78 หน้าไม่อาย หลังมื้อเย็น เรือนหลักจวนชินอ๋องมื้ออาหารจบลงใต้แสงโคมที่อบอุ่นแต่สายตาของชินอ๋องกลับมิได้สนใจรสชาติอาหารบนโต๊ะมากนักตั้งแต่ต้นจนจบ...เขาเอาแต่มองนางที่นั่งตรงข้ามราวกับไม่อาจละสายตาได้เลยแม้แต่วินาทีเดียวเว่ยเยว่ซิน ก็สัมผัสได้นางรู้ว่าแววตานั้นหมายถึงสิ่งใดทว่านางก็ยังคงเฉยเมยอย่างสงบ ท่าทีเรียบเย็นราวกับไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวในใจแต่เมื่อวางตะเกียบลงบนชามสุดท้าย กู้เซียวอวิ้นก็ไม่รออีกต่อไปเขาลุกขึ้นโดยไม่กล่าวแม้แต่คำเดียวก้าวเข้ามาอุ้มร่างของเว่ยเยว่ซินขึ้นจากเบาะราวกับน้ำหนักของนางเบาเพียงขนนกท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของบ่าวที่รีบหลีกทางให้เงียบงันเว่ยเยว่ซินร้องเบา ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว“ท่าน!”แต่ชินอ๋องเพียงก้มลงกระซิบชิดใบหู“พอแล้ว...ข้ารอไม่ไหวอีก”เงาของสองร่างซ้อนทับกันบนฉากผ้าสีอ่อนภายในห้องไร้เสียงใดนอกจากเสียงลมหายใจและเสียงผ้าเนื้อบางที่ร่วงหล่นเขาวางนางลงบนฟูกนุ่มแผ่นหลังของเว่ยเยว่ซินแนบลงกับเตียงก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะตามลงมาทาบอย่างลุ่มลึกและแนบแน่น“ข้าคิดถึงเจ้าจนแทบบ้า...ทุกคืน ทุกลมหายใจ”น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยแรงสะ