เห็นอย่างนั้นบัณฑิตหานก็กลับมามีท่าทางสงบนิ่งดั่งเทพเซียนลงมาเยือนยังพื้นโลก มองและยิ้มน้อย ๆ ให้หนิงอันอย่างอ่อนโยน เฝ้ารอให้นางกล่าวประโยคถัดมา
“พี่ชาย ข้าไม่มีความคิดที่จะแต่งงานกับบัณฑิต ข้าเป็นสาวชาวนาถูกเลี้ยงดูมาอย่างชาวนา หากเลือกได้ข้าก็อยากได้สามีชาวนา มากกว่าสามีที่เป็นบัณฑิต หรือแม้จะเป็นเพียงสหาย หรือพี่ชายน้องชาย ข้าก็อยากได้คนในชนชั้นเดียวกัน มากกว่าบัณฑิตที่สูงส่งเช่นท่าน”
“...” คราแรกทุกคนจะกล่าวว่านางคิดมากเกินไป บัณฑิตหานย่อมไม่คิดรับนางเป็นภรรยา แต่คำพูดถัดมาของหนิงอันทำให้ไม่มีใครคิดค้านขึ้นมาอีก ในยุคสมัยนี้แม้ชายหญิงไม่ใกล้ชิด แต่ก็มีสหายและพี่น้องที่คบหากันได้ตามประสาคนบ้านใกล้เรือนเคียง
“...” บัณฑิตหานอ้าปากเหวอ ก่อนกลายเป็นหน้าเสีย รีบหันหลังเดินจากไปโดยไม่กล้าพูดอะไรออกมาโต้แย้ง อย่างไรเขาเป็นบัณฑิต โต้เถียงกับหญิงสาวมีแต่จะเสียกับเสีย
“ขอบคุณท่านลุง ท่านป้า ที่มาเยี่ยมเยียนเสี่ยวหนิง บิดามารดาข้าตายจากไปแล้ว ยามนี้ท่านยายหนิงยังตายตามไปอีก ข้าเองก็หมดกำลังใจไม่น้อย แต่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่นอน ขอให้พวกท่านอย่าเป็นกังวล”
“ดีแล้วที่เสี่ยวหนิงคิดได้ เช่นนั้นพวกเราไม่กวน เจ้าก็พักผ่อนให้มาก ๆ” หัวหน้าหมู่บ้านตามมาทีหลัง แต่ทันได้ยินคำปฏิเสธของหญิงสาว ไม่วายรีบกลับไป เขานึกสบประมาทว่าหญิงสาวสกุลหนิงเป็นบ้าไปแล้ว หรือ ท่านบัณฑิตมาให้ความสนิทสนมทั้งทีกลับผลักไส เช่นนี้ตนต้องรีบกลับไปบอกยายแก่ที่บ้าน เผื่อนางมีความคิดเห็นอย่างไร หากมีหลานสาวลูกสาวในสกุลที่ยังไม่มีคู่ ก็อาจมีวาสนาได้ครองคู่กับท่านบัณฑิต แน่นอนว่ามีชาวบ้านอีกหลายคนคิดเช่นกันและรีบกระจายตัวกลับบ้านเพื่อไปแจ้งข่าวนี้
หนิงอันไม่รู้ความคิดชาวบ้าน นางจำได้ว่าในชีวิตที่สองของนาง สามีเก่าก็ไม่ได้มีชีวิตดีนักหลังจากไม่สามารถตีสนิทนางได้ นานทีเดียวกว่าจะเกี้ยวพาเป้าหมายใหม่สำเร็จ แต่ไม่รู้หลังจากนั้นเป็นอย่างไร หญิงสาวนางนั้นถูกหลอกอีกหรือไม่
พอคิดว่าต้องมีผู้หญิงอีกคนที่ต้องตายเพราะคนโฉดใจทรามผู้นั้น หนิงอันก็รู้สึกทนไม่ได้ สุดท้ายจึงเขียนจดหมายเตือนเอาไว้ คิดจะส่งให้กับว่าที่ภรรยาของบัณฑิตหานในอนาคต อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องเจอเรื่องราวซ้ำรอยกับตนเอง
หญิงสาวกลับมานั่งอยู่บนโต๊ะกลางบ้าน กระท่อมเล็ก ๆ นี้มีความทรงจำที่ดีมากมายเกี่ยวกับครอบครัว นางนั่งมองด้วยความอาลัย สุดท้ายจึงมีแรงฮึดให้ดำเนินชีวิตต่อไป
“ข้าจะมีชีวิตที่ยืนยาว ตอบแทนบุญคุณพวกท่านทุกคน” หนิงอันล้างหน้าล้างตาออกจากบ้าน นางสวมงอบทำให้สามารถมองเห็นแค่ปลายคาง เดินเข้าไปในหมู่บ้านกระทั่งมาถึงบริเวณป้ายรถเกวียน
“ท่านตา”
“เสี่ยวหนิงจะเข้าเมืองหรือ ปกติไม่เห็นสกุลหนิงใช้เกวียน เหตุใดคราวนี้ถึงไม่เดินไป” จากหมู่บ้านเข้าเมืองเดินเพียงสองเค่อก็ถึงแล้ว แต่หนิงอันไม่ต้องการเดินอีกแล้ว นางกลัวว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยกับชีวิตที่สอง
แต่พอคิดดูดี ๆ แล้ว แม้จะนั่งรถเกวียนเข้าเมืองหากเจอโจรดักปล้น ในขบวนมีแต่ชาวบ้านชาวนา ไร้อาวุธ มีหรือจะสู้พวกโจรไหว ทำอย่างไรจึงจะเข้าเมืองอย่างปลอดภัยเล่า?
หากว่าผู้หญิงคนเดิมของเขายังเป็นหนิงอันผู้แสนดี ร่าเริง และเป็นดั่งแสงสว่างอยู่เสมอเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถรักใครได้อีก“ความสงบเดียวของข้ากำลังจะจากไป อย่ามาทำเสียงวุ่นวายข้างหูข้าอีก!” ชุนหรงปลดปล่อยความกดดัน แต่ดูเหมือนหัวหน้าองครักษ์เงาจะไม่กลัว แม้กระอักเลือดออกมาคำโตก็ยังพูดต่อ“แค่ก ๆ นายท่าน นี่เกี่ยวกับหญิงสาวที่หอนางโลม”“เกิดอะไรขึ้นกับนาง…ผู้อาวุโสสาม?”ชุนหรงหันไปมอง ก่อนจะชะงักไป เขาผุดลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังหอนางโลมทันที‘หนิงอัน อย่าเป็นอะไรไปนะ’เห็นท่าทางร้อนใจของนายท่านองครักษ์เงาก็รีบตามไปขณะเดียวกันก็เล่าสิ่งที่เขาสืบพบขึ้นมา“ผู้อาวุโสสามต้องการใช้ยาควบจิต เพื่อควบคุมจิตใจและทำให้นางหลงไหลในตัวท่าน นายท่าน…เขาต้องการใช้นางเป็นหุ่นเชิดเพื่อควบคุมท่านอีกทีต่างหาก”“บัดซบ!” ชุนหรงหน้ามืดจนเท้าลื่น เกือบจะตกจากหลังคาบ้านใครก็ไม่รู้เด็ก ๆ ที่เงยหน้าขึ้นมองเห็นคนกระโดดผ่านไปล้วนแต่ตกใจร้องไห้จ้า องครักษ์เงาบางคนรีบเอาลูกกวาดไปหลอ
คิดแล้วก็อดขำในใจไม่ได้ตอนนั้นหนิงอันหัดปักผ้า คนแรกที่นางนึกถึงก็คือตัวเขา แต่ชุนหรงคิดว่านางมีชายคนอื่นที่ต้องการมอบผ้าเช็ดหน้าผืนแรกให้ ไหน้ำส้มเขาแตกใส่ตัวเองอย่างไม่รู้ตัวหลังจากนั้นเมื่อเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นทีไร ก็อดหัวเราะไม่ได้ทุกทีนางมีเพียงเขาในชีวิต เขาก็มีเพียงหนิงอันเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มรู้สึกว่าการที่ตนเองรักษาความบริสุทธิ์มาตลอดชีวิตนั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง และเขาพร้อมที่จะมอบมันให้หนิงอันแต่เพียงผู้เดียว“เป็นข่าวดีมาก ๆ ด้วย ท่านต้องร่วมยินดีกับข้านะ”มองหญิงสาวกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตาของเขาราวกับจะยิ้มได้ ชุนหรงไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่นางตื่นเต้นยินดีถึงเพียงนี้ แต่เขารู้สึกยินดีด้วยจริง ๆ“ข้ากำลังจะไถ่ตัวออกจากที่นี่ ข้ากำลังจะเป็นอิสระแล้ว!”คำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจคือตนได้ยินผิดไปหรือไม่ เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า ชุนหรงก็รู้ว่าตนไม่ได้ยินผิดไป หนิงอันต้องการไถ่ตัวออกจากหอนางโลมนี้จริง ๆ“...” เขาอยากจะถามว่าทำไม แต่บางอย่างตีบตันอยู่ในลำคอ ราวกับตนเองโดนคนที่รักมากทอดทิ้ง เขายังไม่ทันได้สา
แต่จนแล้วจนเล่า นอกจากเฝ้ามองห่าง ๆ ชุนหรงก็ไม่ได้ทำอะไรอีก เมื่อสังเกตเห็นว่าของมีค่าต่าง ๆ ไม่เข้าตาหญิงสาว เขาก็ตัดสินใจแอบดูเพื่อสังเกตว่านางชื่นชอบอะไรกันแน่ชายหนุ่มเกือบโมโหทันทีเมื่อได้ยินรายงาน“นางมักจะแอบนัดพบกับคนเฝ้าประตู มีการติดต่อกันอย่างลับ ๆ หลายครั้ง ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร นายท่านต้องการให้ข้าสอบสวนหรือไม่” องครักษ์เงาไม่ได้ทำเกินหน้าที่ เขาเกรงว่าผิดพลาดนิดเดียวจะโดนทำโทษ จึงกลับมารายงานก่อน“สอบสวนคนเฝ้าประตู” แน่นอนชุนหรงอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคืออะไร ตอนนี้ในใจเขาราวกับมีไฟเผา มันเป็นความรู้สึกราวกำลังมีคนต้องการแย่งของเล่นกับตนเอง และเขาไม่มีวันยอมให้ถูกแย่งไป“...” องครักษ์ลับกลับมาด้วยสีหน้าพูดไม่ออกเล็กน้อย“ตกลงได้ความว่ายังไง พวกเขาเป็นอะไรกัน”“คือ…คนเฝ้าประตูกล่าวทั้งน้ำตาว่า ทั้งคู่ไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ ขอรับนายท่าน”“เช่นนั้นมีเหตุผลอะไรต้องแอบลักลอบพบกัน!” ชุนหรงไม่เชื่อ ชายหญิงแอบพบกันในที่ลับตา จะมีอะไรไปได้น
ตอนพิเศษจอมมารกับนางโลมอันดับหนึ่งเลือดถูกชโลมลงบนพื้นไหลออกมาจากร่างที่เคยถูกกล่าวว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง สอง สาม หรืออันดับใดก็แล้วแต่เมื่อพวกนางเลือกที่จะปีนเตียง ‘จอมมาร’ ประมุขวังมารผู้นี้ก็ล้วนมีจุดจบเดียวมอบให้คือความตายแต่เพื่อให้ประมุขได้มีผู้สืบทอดต่อไปผู้อาวุโสเหล่านั้นยอมทำทุกวิถีทาง ในตอนแรกพวกเขาส่งลูกหลานของตนเองขึ้นมาเพื่อสั่งสมอำนาจ แต่หลังจากได้รับรู้ความโหดเหี้ยมไร้หัวใจของผู้เป็นนาย เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่กล้าส่งลูกหลานไปตายอีกพวกเขาค่อย ๆ เลือกจากลูกหลานผู้ใต้บังคับบัญชา หญิงงามประจำเมืองและแคว้นต่าง ๆ องค์หญิงจนถึงบุตรสาวของขุนนางที่ต้องการอำนาจของวังมาร ทุกคนล้วนหลงกลคำลวงของเหล่าผู้อาวุโสและส่งลูกหลานซึ่งเป็นถึงหญิงงามมาตายคนแล้วคนเล่าที่รอดไปได้ก็กลายเป็นบ้า!ข่าวลือเริ่มหนาหูว่าท่านจอมมารไม่มีความรักหยกถนอมบุปผา อย่าว่าแต่ให้ถนอมเลย แค่ให้แตะต้องก็ว่ายากแล้วสุดท้ายเหล่าผู้อาวุโสก็ยอมแพ้ เวลาล่วงเลยไปกว่าห้าปีหลังจากที่ยอมแพ้เรื่องทายาทของผู้เป็นนาย ในที่สุดก็มีคนคิดเรื่อ
“จอมเผด็จการ”“นั่นคือคำจำกัดความโดยทั่วไปของจอมมาร” ชุนหรงลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้ สุดท้ายก็กลับเข้าเรื่องอีกครั้ง“ให้ข้าเล่าต่อ ในตอนนั้นพวกเขายอมแพ้ไปราวห้าปี แต่ก็เริ่มกลับมาหาวิธีอื่น”“วิธีอื่นคือส่งท่านเข้าหอนางโลม?” หนิงอันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้นางได้พบกับชุนหรง คงต้องขอบคุณผู้อาวุโสเหล่านั้นจริง ๆ“ใช่” ไม่ปฏิเสธเลยว่าเพราะเหตุนั้นทำให้เขาได้พบกับภรรยาที่รัก นึกขอบคุณผู้อาวุโสเหล่านั้น คงต้องให้วันหยุดพวกเขาได้พักผ่อนอยู่กับครอบครัวบ้างเพื่อตอบแทน“ข้าได้พบกับเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าไป มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นทำให้ข้าไปอยู่ตรงนั้น เจ้าอาจเข้าใจผิดว่าข้าคือองครักษ์ของหอนางโลมเนื่องจากเจ้าเพิ่งมาใหม่” หน้าตาของจอมมารเป็นที่รู้จักกันทั่วเมือง หลังจากวันนั้นเขาถึงได้เปลี่ยนชุดที่สวมจากดำเป็นขาวและสวมหน้ากากเพื่อเข้าหานาง“ท่านเลยปลอมตัวเพื่อเข้าหาข้า ท่านตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกพบ”“ใช่” ชุนหรงไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าเป็นเพรา
กลับมาทางวังมาร เรือนลับของจอมมารตอนนี้บรรยากาศภายในเรือนเงียบลงเล็กน้อยเมื่อไม่มีต้าเซ่า หนิงอันขยับตัวลุกขึ้นเดินด้วยตัวเอง ชุนหรงก็รีบเข้าไปประคองนางเดินทันที“ข้าเดินเองได้”“ข้ารู้ แต่หากเป็นไปได้ข้าอยากอุ้มอาอันตลอดเวลาด้วยซ้ำ ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร”“ข้าตัวหนัก” หนิงอันกล่าวปฏิเสธกลาย ๆ“ไม่หนักแม้แต่น้อย แม้อาอันจะตัวใหญ่เท่าพ่อครัวใหญ่ของวังมาร ข้าก็ยังอยากอุ้มเจ้าอยู่ดี”หนิงอันไม่เคยเห็นพ่อครัวใหญ่ของวังมาร แต่เชื่อว่าเขาต้องเป็นชายร่างใหญ่รูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์อย่างแน่นอน ให้นางอ้วนขนาดนั้นคงไม่ไหว ชุนหรงนี่ช่างเอาใจเหลือเกิน“อย่าคิดว่าพูดเอาใจแล้วข้าจะไม่คิดบัญชีกับท่าน”“...” ชุนหรงที่ถูกจับได้ ทำได้เพียงใช้สายตากลมโตไร้เดียงสามองหน้าว่าที่ภรรยาราวกำลังบอกว่า‘ข้าเป็นคนดีของศรีภรรยาคนเดียวจริง ๆ นะ’ “ในเมื่อเหลือแค่เราแล้ว เรามีเรื่องต้องคุยกัน”ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ของภรรยา คนเป็นสามีอย่างชุนหรงราวกับเกิดปฏิกริยาอย่างไม่รู้ตัว มือของเขาเริ่มอย