แม้จะค่อนข้างกังวลใจเรื่องของนภณต์ ทว่าเอาเข้าจริงกันยกรก็แทบจะไม่เจอหน้าชายหนุ่ม เพราะพูดคุยเรื่องงานโดยผ่านเลขาเป็นคนประสานนอกจากต้องประชุมทีม และอีกฝ่ายก็ออกไปพบลูกค้ากับทีมเพื่อนำเสนองานเสมอ ดูเหมือนนภณต์จะเป็นหัวใจหลักของแผนกก็ว่าได้ พวกเขาทั้งรับงานว่าจ้างจากข้างนอกและออกแบบกับพัฒนางานของบริษัทเอง แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่มีงานที่ดูคล้ายหรือซ้ำกันให้เป็นที่ครหา ได้รับความไว้ใจจากบริษัทอื่นอีกถึงห้าบริษัท
“คุณนภณต์ขอพบค่ะคุณกันย์”
ปากกาในมือซึ่งกำลังจะเซนต์เอกสารที่พึ่งอ่านทำความเข้าใจเนื้อหาเสร็จหล่นลง อยู่ๆ ก็ใจเต้นขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มมาขอเข้าพบเธอในห้องนับจากวันที่มาแนะนำตัว
“เชิญค่ะ”
หญิงสาวตอบรับแล้ววางสีหน้าให้นิ่ง ผ่านไปสามอาทิตย์นับแต่ชายหนุ่มไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์ แล้วจากนั้นเขาก็ดูจะยุ่งตลอดเวลา มีเพียงประชุมดูงานที่แก้ไปเท่านั้นที่เธอเจอเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงท่าทางล้ำเส้นใดๆ ขณะที่กันยกรระวังตัวแจจนมากเกินไป
“ขอโทษที่รบกวนครับ พอดีผมมีเรื่องด่วนต้องแจ้งให้ทราบ”
เมื่อพิมพ์พรรณซึ่งเดินนำชายหนุ่มเข้ามาออกไปนภณต์ก็เอ่ยทันที เขาถือแฟ้มติดมือมาด้วย ดูเหมือนเรื่องจะยาวและสำคัญ
“เชิญนั่งค่ะ”
อีกฝ่ายนั่งลงพร้อมกับวางแฟ้ม สีหน้าท่าทางจริงจังดูเป็นการเป็นงาน กันยกรจึงลดความระแวงลงใส่ใจแฟ้มที่เขาส่งให้
“พอดีวันนี้ผมต้องออกไปพบลูกค้า แต่เป็นลูกค้าของท่านรอง ท่านรองเองก็จะไปด้วย เลขาท่านรองเพิ่งแจ้งมาว่างานนี้อยากให้คุณกันย์ดูแล อย่างน้อยลูกค้าจะได้เห็นว่าระดับผู้บริหารให้ความสำคัญกับงานของเขาน่ะครับ”
หากเป็นคนรู้จักของภพดนัย อีกฝ่ายคงต้องการให้เห็นว่าบริษัทดูแลลูกค้าอย่างดี ทั้งเจ้าตัวก็ไปเองและยังต้องการให้เธอไปด้วย
“นี่เป็นเนื้อหางานที่เราจะไปคุยกันครับ คุณกันย์ฟังผมพูดคร่าวๆ ก่อนจะอ่านดูก็ได้ครับ จะได้เข้าใจง่ายขึ้น มีนัดบ่ายสอง ออกไปสักสิบเอ็ดโมงก็ทันครับ อยู่ไม่ไกลมาก”
เธอเหลือบดูนาฬิกา เก้าโมงครึ่ง เท่ากับมีเวลาให้เธอได้เตรียมตัว แถมนภณต์ยังจะอธิบายให้ฟังก่อน นับว่าเขาใส่ใจไม่น้อย ไม่อย่างนั้นเธอคงไปนั่งมึนเบลอให้ลูกค้าเห็น
“ท่านรองเชิญให้คุณกันย์ไปพร้อมกันค่ะ”
เมื่อกันยกรก้าวออกมาหน้าห้องพิมพ์พรรณก็ลุกขึ้นพลางบอก
“ตอนนี้ท่านรออยู่ที่รถด้านหน้าตึกแล้วค่ะ”
หญิงสาวหยุดชะงัก แต่ก็ปฏิเสธทันควันโดยไม่ต้องคิด แม้ อีกฝ่ายจะทำให้ไม่ดูน่าเกลียดด้วยการสั่งฝากไว้กับเลขาเพราะคนทั้งบริษัทรู้ว่าภพดนัยเป็นน้องเขยของเธอ ทว่าการขึ้นรถไปด้วยกันก็คงไม่ดีนัก เธอไม่อยากไปกับเขาและเกวลินรู้เข้าเธอก็คงถูกก่อกวนอย่างน่ารำคาญ
“ฝากพี่พิมพ์แจ้งเลขาของท่านรองให้เรียนท่านด้วยนะคะ ว่าฉันจะไปเอง”
“อย่างนั้นเหรอคะ”
อีกฝ่ายดูลังเล แต่เธอก็ยิ้มให้แล้วให้เจ้าตัวจัดการต่อ เธอไม่ไปเสียอย่างถ้าเขาจะรอก็เรื่องของเขา แต่ในเมื่อภพดนัยให้ความสำคัญกับลูกค้าคนนี้อย่างไรเขาก็ต้องไปให้ตรงเวลา ขณะลงลิฟต์มาก็เจอเข้ากับนภณต์ที่กำลังจะลงไปลานจอดรถเช่นกัน เธอกับเขาสบตากันเล็กน้อย กันยกรกอดอกราวป้องกันตัวเอง หากอีกฝ่ายก็ยืนล้วงกระเป๋านิ่งกระทั่งก้าวออกจากลิฟต์มา หญิงสาวคิดว่าตนเองรอดตัวแล้วหากเขากลับเอ่ยขึ้น
“ผมว่าเจ้านายไปกับผมดีกว่านะครับ”
เธอหันขวับมองชายหนุ่มด้วยสายตาหวาดระแวงทันที
“เจ้านายยังไม่รู้จักบริษัทนี้ ถึงจะมีจีพีเอส แต่ก็คงใช้เวลาสักพัก แล้วเราก็ต้องรอกันไปมาหลายคนกว่าจะครบแล้วขึ้นไปพบลูกค้า ทีมสามคนออกไปล่วงหน้ากันก่อนแล้ว คงไปกินมื้อเที่ยงแถวนั้นจะได้ไม่จวนตัว แต่พอดีผมมีงานต้องเคลียร์ก็เลยตามไปอีกที นับดูแล้วรถก็สามคันเข้าไปแล้ว”
ฟังอีกฝ่ายพูดแล้วเธอก็นึกเห็นด้วย หากเธอไปกับภพดนัยก็คงสะดวกไม่ยุ่งยาก แต่แน่นอนว่ากันยกรจะไม่เปิดโอกาสให้เขาหาความเดือดร้อนมาให้ตนเอง เธอกับเขาไม่ควรมีอะไรต้องพูดกันอีกหากไม่ใช่เรื่องงานและต้องต่อหน้าพนักงานคนอื่นด้วย ไม่ใช่เพียงลำพัง
“ที่คุณพูดมาก็ถูก ว่าแต่...ไม่มีอะไรแอบแฝงแน่นะ”
“อะไรนี่หมายถึงอะไรล่ะครับ”
พร้อมถามร่างสูงกำยำก็ก้าวมาหาเธอทำเอากันยกรต้องถอยหลัง เขาก็ยังก้าวตามมา
“นี่กลางวันแสกๆ แล้วก็เป็นเวลางาน หรือเจ้านายมีงานอื่นเรียกใช้ผม อืม...ถ้ากลางคืนผมก็พอว่างอยู่บ้าง”
พลั่ก!
กระเป๋าถูกฟาดใส่แขนกำยำชายหนุ่มจึงหยุดพูดแล้วผายมือให้เธอแทน
กันยกรอยากเปลี่ยนใจไม่ไปกับเขา แต่ก็รู้ว่าหากไปเองก็อาจทำให้คนอื่นพลอยเสียเวลาไปด้วย หญิงสาวจำใจเดินกระแทกเท้าไปยังรถที่ตนจำได้อีกฝ่ายก็รีบมาเปิดประตูให้ เธอเข้าไปนั่งอย่างกระแทกกระทั้นแล้วกอดอกหน้าบึ้ง มองออกไปด้านนอก ไม่สนใจเจ้าของร่างสูงกำยำ
“แวะทานข้าวก่อนนะครับ”
ขับรถออกมาพักหนึ่งนภณต์ก็เอ่ยขึ้น
“ฉันไม่หิว”
“แต่ผมหิว”
“นี่มันเพิ่งสิบเอ็ดโมงครึ่งเองนะ”
เธอมองนาฬิกาพลางเอ่ย
“กว่าจะพบลูกค้าก็บ่ายสองโน่นแน่ะ ไปถึงแถวนั้นก็คงเที่ยงกว่า ไม่กินก่อนมีหวังหิวไส้กิ่วแน่ เจ้านายคงไม่ใจร้ายใจดำใช้งานลูกน้องตาดำๆ อย่างผมจนไม่ให้กินข้าวหรอกนะครับ”
“ตามใจ”
หญิงสาวน้ำเสียงหงุดหงิด เขาพูดมาขนาดนี้เธอจะยังไม่ยอมให้เขากินข้าวได้ยังไง
=====
กันย์จะรับมือเมฆได้ไหมเนี่ย? ^^"
“อย่าแรงมากนะคะ”คำเตือนหญิงสาวราวคำบอกชี้ทางสว่างจากนางฟ้าในความรู้สึกนภณต์ เขาจูบแก้มนุ่มแล้วไล้ไปจูบริมฝีปากอิ่มสีอ่อนซ้ำอีกพลางจัดการปราการส่วนล่างของทั้งคู่ แล้วเชื่อมกายแกร่งเข้ากับความนุ่มอบอุ่นช้าๆกันยกรกัดริมฝีปากกับความเสียดเสียวที่ได้รับ ก่อนจะครางผะแผ่วตามแรงรักเน้นแนบแน่นที่ส่งมาจากสะโพกแกร่ง ชายหนุ่มทำตามคำขอกระนั้นก็ยังรัญจวนใจอย่างรุนแรง มือบางเกาะขอบสระไม่ให้ตนทรุดลงไปหรืออาจลื่นขึ้นมา หากก็มีแขนกำยำโอบกายเธอประครองไว้ด้วยริมฝีปากอุ่นจูบเม้มคอกับบ่าของเธอไม่หยุด สัมผัสรุกเร้าเอื่อยเฉื่อยอัดเต็มไปด้วยอานุภาพแห่งเสน่หา สองร่างโยกคลอนไปด้วยกันคลอกับระลอกคลื่นที่กระเพื่อมไหวตามแรงขยับ อารมณ์เร่าร้อนเดือดพล่านไปพร้อมกับความลุ้นระทึกใจกับบทรักแปลกใหม่ กระตุ้นทั้งสองให้ยิ่งเร้าใจมากกว่าเดิมเสียงหวานครางพร่าเบาในลำคอด้วยพยายามสะกดตัวเองไม่ให้ส่งเสียงดังเกินไปนัก ขณะที่ชายหนุ่มก็หอบแรง ลมหายใจร้อนหนักๆ เป่าแก้มกับลำคอเธอตลอดเวลา ทำให้ผิวที่เย็นจัดหวิววาบจนกันยกรรู้สึกราวตัวเองกำลังไข้ขึ้น“เมฆคะ”เธอเร่งชายหนุ่มเมื่อกระแสแปลบปลาบกำลังแผ่ซ่านรวดเร็ว และอีกฝ่ายก็เน้นส่งสะโพก
‘ตอนนี้บ้านเรากำลังมีปัญหาหลายอย่าง กันย์คิดว่าจัดงานคงไม่หมาะเท่าไร คุณพ่อไม่โกรธใช่ไหมคะ ที่กันย์เลือกทำแบบนี้’‘อืม พ่อเข้าใจ อีกอย่างจัดงานแต่งใหญ่โตแล้วยังไง ไม่ได้รับประกันว่าชีวิตคู่จะมีความสุขสักหน่อย ถ้าลูกไม่น้อยใจว่าพ่อไม่จัดงานให้ใหญ่และทุกคนรับรู้กันทั่วเมืองเหมือนยายเก๋ พ่อยังไงก็ได้’กันยกรกราบขอบพระคุณบิดาพร้อมกับนภณต์ หลังจากพูดคุยกันเรื่องสินสอดทองหมั้นแล้วเธอบอกว่าตั้งใจเพียงแค่จะจดทะเบียนสมรสกับนภณต์เท่านั้นท่านก็อนุญาต‘จะจดเมื่อไรก็บอก พ่อจะไปเซ็นเป็นพยานให้เอง’ส่วนคุณการันต์คิดเพียงว่ากันยกรมีความสุขก็พอใจแล้ว เมื่อท่านไม่สามารถดูแลบุตรสาวให้มีความสุขได้ตั้งแต่เด็กจนโต หากเวลานี้เจ้าตัวกำลังจะสร้างชีวิตครอบครัวของตัวเองอย่างสมบูรณ์และเต็มไปด้วยความสุขท่านก็มีความสุขไปด้วยและทั้งสองก็ได้ฤกย์ยามกับวันดีแล้วก็จดทะเบียนสมรสในเดือนต่อมา นอกจากบิดาของกันยกรมาเป็นพยานแล้ว นิชาดาน้องสาวของนภณต์ก็บินมาจากเชียงรายด้วย‘พี่ชายคนเดียวแต่งงาน หมอกจะไม่มาได้ยังไงคะ’แม้จะเป็นเพียงการจดทะเบียนก็ถือว่าแต่งงาน แล้วจากนั้นคุณการันต์ก็พาทุกคนไปเลี้ยงอาหารที่โรงแรม ซึ่งมีธีรดนย์ส
นภณต์ดื่มด่ำรสชาติล้ำลึกแทบเหือดแห้ง เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเรือนร่างงามหอบหนักตัวอ่อนระทวยเขาก็โน้มไปจูบริมฝีปากสวยที่เผยอหายใจอย่างปลอบใจ มือหนาลูบเต้ากลมกลึงเคล้นหนักมือตามความต้องการอันร้อนแรงที่กำลังพุ่งสูงของตน พลางลุกขึ้นนั่งเพื่อปฏิบัติการรักให้ปลอดภัยกับลูกน้อยนภณต์เคลื่อนกายเชื่องช้าเข้าหาร่างนุ่มอุ่นที่บีบแน่นจนเขาต้องกัดฟันข่มใจตัวเองไม่ให้ทะยานกายรวดเร็วเต็มรักในคราวเดียว ชายหนุ่มหักห้ามร่างกายตัวเองยั้งสะโพกแกร่งยามโยกไหว ไม่ส่งแรงรักทุ่มทั้งตัวใส่ไปยังหญิงสาว เพียงคุกเข่ายันสะโพกขยับเอวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ถึงอย่างนั้นก็รับรู้ถึงความอิ่มเอมจากสัมผัสอ่อนโยนระหว่างร่างกายดวงตาคู่เรียวงามมองร่างสูงกำยำกำลังผลักเบียดสะโพกอย่างใส่ใจจนเห็นกล้ามเนื้อขึ้นเป็นมัดสวย แม้อีกฝ่ายจะกัดริมฝีปากแน่น หากแววตาที่ส่งมาถึงเธอก็เต็มไปด้วยความพอใจ และบทรักเชื่องช้าก็นำพาให้หญิงสาวผวาเฮือกอีกครั้งนภณต์พึงพอใจยามได้มองกันยกรหมดสิ้นเรี่ยวแรง นอนครวญครางระทดระทวยหรือดิ้นเร่าเพราะตนเอง เขาเบียดสะโพกไม่หยุด พลางปลายนิ้วโป้งก็บดแนบส่วนบอบบางทำเอาร่างสาวสั่นระรัว ส่งเสียงห้ามเครือพร่า“คุณเมฆ ฉั
“น้องสาวกับแม่เลี้ยงคุณใจร้ายมาก ทำกันขนาดนี้ได้ยังไง ยังดีที่ลูกของเราปลอดภัย”นภณต์ทายาตรงมุมปากรวมถึงแขนและเข่าของเธอพลางบ่นอุบเพราะกันยกรมีรอยชกช้ำแทบจะทั้งตัว โดยที่แขนกับเข่านั้นหนักที่สุดกันยกรซึ่งนั่งพิงหัวเตียงถอนหายใจยาว ทั้งคู่ไปหาหมอมาแล้ว ทั้งตรวจร่างกายและฝากท้องเรียบร้อย เธอโล่งใจมากที่ลูกปลอดภัยดีไม่ได้รับการกระทบกระเทือนใด“ยายเก๋เสียใจมากก็เลยควบคุมตัวเองไม่ได้ ส่วนอาภัสจะสติแตกตามไปด้วยไม่แปลกหรอกค่ะ ท่านรักยายเก๋มาก เป็นฉันก็คงทำใจไม่ได้เหมือนกัน”นภณต์จับมือเธอขึ้นกุมพลางลูบแผ่วเบา ขณะสายตามองมาอย่างแสนรักและกันยกรก็รับรู้ได้“คุณเก่งมากเลยครับที่อยู่กับสองแม่ลูกใจร้ายนั้นมาได้โดยไม่เสียคน ไม่หนีออกจากบ้าน แถมยังการเรียนดีมากอีก ผมนับถือจิตใจของคุณจริงๆ”ชายหนุ่มเอ่ยจากใจอย่างชื่นชม“ฉันต้องใช้ความอดทนมากค่ะตอนที่ยังเด็ก อยากหนีออกจากบ้านตั้งแต่พ่อบอกว่าจะแต่งงานด้วยซ้ำ แต่คุณแม่เคยพูดกับฉันตอนที่ท่านป่วยหนักก่อนเสีย ว่าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ห้ามฉันออกจากบ้านเด็ดขาด แต่ฉันก็ออกมาอยู่ข้างนอกตอนเรียนมหา’ ลัยนะคะ ตอนนั้นฉันคิดว่าดูแลตัวเองได้แล้ว มีจุดมุ่งหมายในใจ ไม่ใ
“คุณเมฆเป็นคนรักของกันย์ค่ะ”กันยกรขอคุยกับบิดาภายในห้องทำงานของท่านพร้อมกับนภณต์ แม้ท่านจะบอกให้เธอไปหาหมอก่อนแล้วค่อยคุยวันหลัง ทว่าหญิงสาวบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญบิดาจึงตกลง“ฉันก็พอเดาได้ ถามเมฆเขาไปแล้วเหมือนกัน ว่ามารู้จักคบหากับแกได้ยังไง”คุณการันต์บอกเสียงเรียบทำให้กันยกรรีบหันมองคนที่นั่งข้างตน ว่าบอกอะไรกับบิดาไปบ้าง ทว่าชายหนุ่มยิ้มบาง“ตกลงเรื่องที่แกจะคุยมันเรื่องอะไร”เหมือนบิดาต้องการเข้าเรื่องให้เร็วที่สุดกันยกรสีหน้าไม่ค่อยดีนักจนนภณต์สังเกตได้ เข้าใจว่าหญิงสาวกลัวที่จะบอกบิดาว่าท้อง ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้เขามาด้วยเพื่ออยู่เคียงข้าง“ผมผิดเองครับ”ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเอง กันยกรหันมองเขาอย่างงุนงง ทว่าพออีกฝ่ายพูดต่อเธอก็เผยอปากค้าง“คุณกันย์ท้องครับ”มือบางรีบคว้ามือหนาไว้แต่พูดไม่ออกแล้วหันไปมองบิดาช้าๆ เมื่อท่านเอ่ยเสียงเบา“ท้องเหรอ?”สีหน้าของบิดาที่สงบนิ่ง ทว่าแววตาเอ่อคลอด้วยน้ำทำให้เธอขอบตาร้อนผ่าวไปด้วยส่วนนภณต์มองสองพ่อลูกอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดทั้งสองจึงมีสีหน้าท่าทางเสียใจ เขาคิดว่าจะถูกด่าที่ชิงสุกก่อนห่าม หรือไม่ก็ไม่ระวังจนทำให้กันยกรท้องก่อนแต่งให
คืนวันเสาร์กันยกรพักที่บ้านเพราะบิดาคิดว่าเธออาจระบมที่ถูกทำร้ายจนไข้ขึ้น‘บ้านมีคนอยู่เยอะ ช่วยกันดูแลได้ กลับไปนอนไข้ขึ้นคนเดียวแกจะทำยังไง’เพิ่งเกิดเรื่องหมาดๆ กันยกรจึงไม่อยากขัดใจบิดา รู้ว่าท่านค่อนข้างเครียด เธอเองมารู้เรื่องสูญเสียหลานยังเสียใจ บิดาของเธอคงเสียใจมากไม่น้อยไปกว่าแม่เลี้ยงกับน้องสาว ใบหน้าท่านจึงได้ดูไม่ดีนักในตอนที่เธอถามถึงเกวลินหญิงสาวปวดระบมไปทั้งตัว และเรื่องลูกของเกวลินก็ทำให้เธอนึกถึงตัวเองขึ้นมา เผชิญเรื่องยุ่งมาหลายวันทำให้กันยกรมีความเครียดสะสม แม้จะกินยาไม่เคยขาดแต่ก็อดกังวลไม่ได้หลังจากถูกทำร้าย ตอนที่ถูกผลักล้มเธอเอาลำตัวด้านข้างและแขนลง ไม่ใช่ส่วนก้นหรือสะโพกกระแทกพื้นตรงๆ แต่กันยกรก็นึกเป็นห่วงลูกมากจนนอนพลิกไปมา‘มารับฉันที่บ้านได้ไหมคะ’หญิงสาวส่งข้อความไปหานภณต์และชายหนุ่มก็โทรกลับมาทันที‘ได้ครับ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า’กันยกรเม้มริมฝีปากก่อนจะพูดออกไป“ฉันท้องค่ะ”เสียงปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งราวใช้เวลาประมวลข้อมูลนาน ทำเอากันยกรใจเต้นแรงขณะรอฟังว่าชายหนุ่มจะพูดอะไร‘ยะฮู้!!’เสียงตะโกนดังมาทำเอาเธอสะดุ้ง‘จริงเหรอครับ คุณไม่ได้อำผมนะ แต่จะว่า