อีกฝั่งเขมจิราหันไปยิ้มให้กับอากัปกิริยาของชาเมื่อเธอขยับเขาก็ขยับ บอดี้การ์ดหนุ่มทำราวกับเป็นเงาตามตัวตนเองมากขึ้นทุกวัน“คุณธามกลับมาหรือยัง”“กลับแล้วครับ”“ห๊ะ! จริงเหรอนายโกหกฉันหรือเปล่า”“จริงครับ ชัชบอกผมเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง”คำตอบของชาทำให้เธอไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่ คงพูดเพื่อต้องการให้กลัวที่ไม่ยอมกลับห้องสักที เธอนำหน้าเขาไปยังลิฟต์ทั้งสองใช้เวลาไม่นานก็มาถึงชั้นยี่สิบห้า เขมจิราก้าวออกมาก่อนมุ่งหน้าไปยังห้องสูทราคาแพง“มาแล้วจริงด้วย!” เธอเดินผ่านเหล่าบอดี้การ์ดประจำตัวธาดาไปด้านในเมื่อเข้ามาเขมจิราก็ไม่เห็นเจ้าของห้อง“แล้วคนอยู่ไหน”“หาใคร”“คุณพระ!” สุ้มเสียงดังขึ้นจากด้านหลังทำให้หญิงสาวใจร่วงหล่นลงพื้น เขมจิราหันกลับมาเผชิญหน้ากับธาดาแล้วก่อนหน้าเขาไปอยู่มุมไหนทำไมถึงไม่เห็น เจ้าของใบหน้าสวยนึกอยู่ในใจ ฝ่ามือกุมหน้าอกข้างซ้ายไว้คลายออก“ผมเหมือนพระเหรอ”ยังจะมาถามหน้าตาย! ผู้ชายคนนี้ทำคนขวัญเสียแล้วยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก“ทำไมคุณกลับมาเร็วนักล่ะ” เขมจิราตีหน้ายุ่งถามกลับ“ขี้เกียจอยู่”“แค่ดื่มต้องใช้ความขยันด้วยหรือไง” มึนเมาจากเหล้าไม่พอยังต้องต่อปากต่อคำกับค
แพรวพรรณเอื้อมมือไปด้านหลังรูดซิปจนถึงเอว ปล่อยให้เดรสเกาะอกไหลหล่นสู่พื้น เหลือเพียงบราเซียและซับในตัวจิ๋วปกปิดเรือนร่างในเมื่ออยู่เพียงลำพังจะต้องคิดอะไร นอนเป็นชีเปลือยสักวันก็คงไม่มีใครเห็นอยู่แล้วมือเล็กจัดการปลดเปลื้องชิ้นที่เหลือในทันที“แต่ล้างหน้าหน่อยก็ดี” เสียงแผ่วเบาคุยกับตัวเอง ขณะที่กำลังหันไปยังประตูห้องน้ำหัวใจก็แทบหยุดเต้น เมื่อเงาตะคุ่ม ๆ เคลื่อนไหวบริเวณโซฟาตัวเล็ก“กรี๊ดดด” เจ้าของห้องร้องจนสุดเสียงทว่าก็ถูกมือใหญ่ตะปบลงมาปิดอย่างรวดเร็ว หัวใจของเธอร่วงหล่นไปกองอยู่ที่พื้น จากที่คิดว่าเป็นผีเวลานี้รู้แล้วว่าไม่ใช่ สัมผัสอบอุ่นของร่างกายสูงใหญ่นั้นมีเลือดเนื้อ“ชู่ว์...พี่เอง”เสียงห้ามปรามนี้!แพรวพรรณหัวใจเต้นโครมครามอย่างตื่นตระหนก เป็นน้ำเสียงที่จำไม่เคยลืมเรือนร่างไร้อาภรณ์ตกอยู่ในอ้อมแขน ทั้งกลิ่นน้ำหอมเจือจางทำณภัทรใจสั่นภาพของแพรวพรรณเมื่อครู่ทำให้เขาแทบข่มกลั้นอารมณ์ปรารถนาไม่ไหว เกือบกระโจนใส่ตั้งแต่ชุดราตรีหลุดแล้ว“อื้อ”“อย่าดิ้นได้ไหม”“อื้อ” เสียงต่อต้านภายใต้ฝ่ามือใหญ่ประท้วงขึ้นอีกครั้ง“พี่จะปล่อยก็ได้แต่แพรวห้ามตะโกนนะ” เจ้าของมือใหญ่รีบเสนอเ
จากมั่นใจอย่างเต็มร้อยว่าตนเองจะต้องชนะอีกฝ่ายเป็นแน่ ทว่าเวลานี้กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยการดีไซน์แตกต่างไปจากท้องตลาดทั่วไป รวมถึงบริษัทเขาด้วย ลวดลายก็ออกแบบได้อย่างประณีตสมบูรณ์แบบที่สุดณภัทรชื่นชมผลงานของฝั่งแพรวพรรณจากใจจริงแม้จะเป็นอย่างนั้นเจ้าของคิ้วเข้มก็ย่นเข้ากันยุ่งนึกไปถึงอัญมณีหายากในชิ้นงานสุดท้ายของพีเจ ซึ่งจะต้องนำเข้ามาจากฝั่งแอฟริกาเท่านั้นและที่สำคัญเลยก็คือ...ต้องรวยระดับมหาเศรษฐีถึงจะทำได้ทันใดนั้นนัยน์ตาคมลึกล้ำก็ส่ายไปทางเจ้าของกาสิโน ณภัทรหรี่ตาลงเมื่อเห็นว่ามุมปากของธาดากระตุกยิ้มเสียงเค้นหัวเราะดังขึ้น ‘แบบนี้เองสินะ’ ถึงจะรู้อย่างนั้นก็ไม่ได้โกรธเคืองเพื่อนแต่อย่างใด เพราะแทนซาไนท์ไม่ได้อยู่ในแบบร่างของเขาแม้แต่น้อย“เจองานหินแล้วกูว่า” ทิวเอ่ยเสียงเครียด“อืม” ณภัทรตอบรับในลำคอผลอย่างเป็นทางการออกมาแล้วเสียงพูดคุยต่าง ๆ นานาเงียบลง พิธีกรสาวกล่าวจนถึงช่วงสุดท้าย ทำเอาแต่ละคนลุ้นจนใจสั่นไปตาม ๆ กัน“และผู้ที่ได้ร่วมงานกับทางแกรนด์จิวเวลรี่ก็คือ...พีเจค่ะ!”จบประโยคอันน่าตื่นเต้น เสียงปรบมือรวมทั้งถ้อยคำแสดงความยินดี ก็ดังก้องไปทั่วทั้งห้องกว้างปากอ
ชั้น 25เขมจิรากำลังตระเตรียมข้าวของเพื่อจะลงไปช่วยงานเพื่อน ต้องละในส่วนนั้นแล้วหันมาหาธาดา เอาแต่คลอเคลียตนเองไม่ห่าง“คืนนี้ผมขอสั่งห้ามไม่ให้คุณดื่มเยอะ รู้หรือเปล่า”“คุณย้ำคำนี้กับฉันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วนะคะ อีกอย่างเผื่อคุณจะลืมไปว่าฉันมาทำงาน เรื่องแบบนั้นมันก็ต้องมีบ้าง” ทว่าพอพูดจบก็ต้องเอียงหน้าหลบริมฝีปากหยักหนาไปอีกทาง“ต่อปากต่อคำเก่งขึ้นนะเดี๋ยวนี้” เมื่อพลาดโอกาสจะลงโทษริมฝีปากหยักสวย เขาก็เปลี่ยนเป็นทำอย่างอื่น ไหล่บอบบางถูกชายหนุ่มหมุนให้กลับมาเผชิญหน้ากัน“ก็ได้ ๆ ฉันจะทำอย่างที่คุณบอก แต่ว่าตอนนี้ต้องลงไปแล้ว” เขมจิราดันตัวออกห่างจากอ้อมกอดของมาเฟียหนุ่ม“ผมไม่ทำอะไรหรอกน่า ก็แค่จะกอดเฉย ๆ” ธาดายิ้มอ่อนเมื่อเห็นอากัปกิริยาต่อต้านเล็กน้อยของหญิงสาวท้องทะเลยามค่ำคืน แม้จะไร้แสงดวงอาทิตย์ส่องสว่างเหมือนยามเช้า แต่ทว่าดวงไฟที่สาดส่องไปมาทั่วบริเวณ เมื่อสะท้อนกับผิวน้ำกลับสวยงามไม่ต่างไปจากกันดวงตากลมโตทอดมองออกไปไกลอย่างใช้ความคิด จากนั้นก็หมุนตัวกลับเข้ามาด้านในห้องของตนเจ้าของหุ่นสวยยืนหน้ากระจกบานใหญ่ หมุนซ้ายหันขวาตรวจดูความเรียบร้อยของชุดเดรสสีดำสนิทจากไหล่ขาวเ
ฝีเท้ากำลังก้าวไปด้านหน้าด้วยจังหวะมั่นคงหยุดลงที่หน้าประตูบานใหญ่ เตชินก็เคาะประตูห้องทำงานของผู้เป็นแม่“ผมเข้าไปนะครับ”“เข้ามา” เสียงอ่อนโยนจากอีกฟากฝั่งก็ดังขึ้นผู้เป็นลูกชายดันประตูเข้าไป ยิ้มหล่อเหลาส่งให้หญิงวัยกลางคนทันทีเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยมองมา“มาหาแม่แต่เช้ามีอะไรเหรอเจ้าตัวแสบ” พิชญ์สินีถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แม้ใช้สรรพนามที่เรียกเขาอย่างนั้นก็ยังคงมองอย่างรักใคร่“ก็คิดถึงไงครับ” รอยยิ้มทรงเสน่ห์เปิดกว้างแล้วเดินเข้าไปใกล้บุคคลนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เตชินหอมแก้มนุ่มหลังจากพูดจบ“ก็ปากหวานแบบนี้ไงสาว ๆ ถึงได้ตามติดกันเป็นพรวน”“แต่ผมก็ไม่ได้สนใจใครนี่ครับ” ชายหนุ่มยิ้มทะเล้นตอบผู้เป็นแม่“จ้า...พ่อเนื้อหอม หญิงตามเป็นร้อยไม่เอาแต่เลือกจะตามคนที่ไม่สนใจเนี่ยนะ” พิชญ์สินีค่อนขอดลูกชายกับสิ่งที่เห็นอยู่เป็นประจำ“อย่างที่แม่รู้นั่นแหละครับ”“งานนี้แม่ขอเลยนะ เราต้องทำตัวเป็นกลางเข้าไว้ ไม่งั้นทางผู้ใหญ่จะว่าลูกได้”พิชญ์สินีแม้จะนั่งแท่นผู้บริหารและมีอำนาจสูงสุดเพียงใด ก็ไม่อยากให้เหล่าผู้ถือหุ้นคนอื่นมองลูกชายในทางไม่ดี เรื่องที่เขาตามติดนักธุรกิจสาวซึ่งเข้าร่วมแข่
หลังจากคุยเรื่องงานกันอย่างลงตัวแล้ว ทิวก็ได้แยกตัวกลับไปยังห้องของตนเอง “ข้อมูลที่เหลือทั้งหมดอยู่ในนี้แล้วค่ะ” กานแก้วส่งข้อมูลให้กับเจ้านายหนุ่ม จากนั้นก็ถอยออกไปยืนไกลจากโต๊ะทำงานอีกหลายก้าว“ขอบคุณ ยังมีอะไรที่ขาดอยู่ไหม”“ไม่มีแล้วค่ะ กานตรวจทานอย่างละเอียดแล้ว แต่ว่า...ขอกานถามอะไรอย่างได้ไหมคะ”ณภัทรยกคิ้วเข้มขึ้นสูงเห็นว่าเลขาสาวมีความสนใจอย่างอื่นมากกว่าเรื่องงาน“ว่ามาสิ”“คือว่า...กานก็ไม่ได้อะไรนะคะ แค่สงสัยว่าคุณภัทรจะทำอย่างนี้จริงนะเหรอคะ” เธอมองไปที่เอกสารในมือของณภัทร“มันเป็นงาน ถ้าไม่ทำแล้วบริษัทเราจะอยู่ยังไง”คำตอบของณภัทรทำให้กานแก้วได้แค่ยิ้ม ในเมื่อเขายืนยันมาอย่างนี้สิ่งที่ต้องทำก็มีแต่เดินหน้าอย่างเต็มที่แค่นั้น“งั้น...ก็สู้ ๆ นะคะ”ท่าสองมือยกขึ้นทำให้ณภัทรถึงกับหลุดยิ้มขำออกมา“ไปทำแบบนี้ให้เพื่อนผมดูคนเดียวเถอะคุณกาน”ยิ้มสดใสหุบลงในทันที เมื่อความหวังดีของตนเองถูกโยนให้เอาไปใช้กับอีกคนเสียได้“คนอุตส่าห์เป็นห่วง” หญิงสาวพึมพำจากนั้นก็เดินออกมาจากห้องทำงานของเจ้านายคล้อยหลังเลขาสาวไปยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็ค่อย ๆ คลายลงทีละนิดจนเหลือเพียงสีหน้าราบเรียบภา