Share

อาจารย์ข้าคือซุนหงอคง

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-06-18 05:24:44

เมื่ออ่านตำราจบแล้วทำให้รู้ว่าไม่ใช่ว่าในแคว้นฉี จะไม่มีผู้ฝึกปราณ แต่คนที่ฝึกนั้นมีน้อยมาก แล้วยังไม่มีผู้ที่เป็นผู้ฝึกตนเพื่อก้าวข้ามสู่ขั้นเป็นเซียน หากนางทำให้ครอบครัวของนางทุกคนเป็นผู้ฝึกตนได้ต่อไปครอบครัวของนางก็ไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจของผู้ใดอีก

ลู่จื้อจึงลองเปิดจุดตันเถียนตามตำรา นางนั่งกำหนดจิตไปที่จุดตันเถียน (อยู่ด้านล่างสะดือลงไปสามนิ้วเรียกตันเถียนล่าง) เมื่อเข้าสู่สมาธิลู่จื้อค้นพบจุดแสงใจกลางตันเถียนก้อนเท่าเมล็ดถั่ว หากใช้ความรู้สึกจับจะเห็นว่าจะมีแสงหลากหลายสีกระจายโดยรอบๆ อีกมาก นางจึงค่อยๆ ดึงแสงเหล่านั้นเข้ามารวมในจุดตันเถียนให้เป็นหนึ่งเดียว

จากนั้นนางโคจรเส้นลมปราณเพื่อดึงแสงสีต่างๆ จากจุดตันเถียนระหว่างคิ้ว (เรียกจุดตันเถียนบน) และตรงกลางหัวใจ (เรียกจุดตันเถียนกลาง)

ลู่จื้อทำตามวิธีที่ตำราได้บอกไว้ นางนั่งรวบรวมแสงจนเก็บทั้งหมดเข้าจุดตันเถียนได้แล้ว นางจึงออกจากสมาธิก็พบว่าเวลาผ่านมาไม่น้อยแล้ว

และคิดว่าด้านนอกคงจะเช้าแล้ว ครอบครัวของนางคงจะเป็นห่วงที่นางหายไปที่ใดก็ไม่รู้ ตอนนี้ตัวของนางส่งกลิ่นเหม็นแถมยังมีคราบสีดำเลอะเสื้อผ้าเต็มไปหมด ชุดนี้ของนางคงจะนำมาใส่อีกไม่ได้แล้ว

เมื่อออกมาจากกระท่อม นางกำลังจะไปอาบน้ำ ลู่จื้อจึงพบว่าด้านนอกมีสิ่งที่เพิ่มขึ้น ด้านหลังปรากฏภูเขาทอดยาวหลายลูก ลำธารที่ไหลมาจากภูเขาไหลลงสู่บึงดอกบัว นางจึงเดินลงไปอาบน้ำเพราะตอนนี้เหม็นตัวเองแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

“เอ๊ะ”

ยามที่แช่น้ำอยู่นั้น ของเหลวสีดำก็ไหลออกมาจากตัวของนางมากมายจนน่าตกใจ

ด้วยกลัวว่าครอบครัวจะเป็นห่วง นางจึงเลิกสนใจสิ่งประหลาดทั้งหมด ก่อนจะรีบออกไปด้านนอก

แล้วนางก็ต้องแปลกใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อออกมาอยู่ภายในห้องเวลาด้านนอกเพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่ถึงหนึ่งก้านธูป (ประมาณ30นาที)

“เหลือจะเชื่อ” นางพึมพำออกมา ก่อนจะล้มตัวลงนอนทันที

เช้าวันใหม่ ลู่จื้อเดินออกมาเตรียมตัวล้างหน้าล้างหน้า

"เจ้า เจ้าเป็นใคร เข้ามาในบ้านข้าได้อย่างไร" ลู่จื้อขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่ลู่เพ่ยพูด

"ท่านพี่ ท่านจำน้องสาวของตนเองไม่ได้หรือ หรือว่าท่านไม่สบาย" ลู่จื้อมองลู่เพ่ยอย่างมองคนเสียสติ ที่เขาจำนางไม่ได้

"จื้อเออร์ เจ้าไปทำอันใดมา ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้" ลู่จื้อจับไปที่หน้าของตน แล้วคิดว่าหรือตนล้างคราบดำออกไม่หมด นางจึงเดินไปที่โอ่งน้ำข้างห้องครัวเพื่อส่องดูสภาพตนเอง

“เฮ้ยยย” นางร้องออกมาด้วยความตกใจ

เมื่อใบหน้าของนาง พร้อมทั้งผิวพรรณเปลี่ยนไปมากนัก ราวกับว่าเป็นคนละคนไปเลย นางไม่คิดว่าร่างนี้จะงดงามมากเช่นนี้

ใบหน้าตอนนี้นั้นไม่มีเค้าโครงเดิมเหลืออยู่เลย กลายเป็นดรุณีน้อยนางหนึ่งที่งดงามเป็นอย่างมาก ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งดั่งวงเดือน ดวงตาเรียวยาวหางตาตวัดโค้งขึ้น อิ่มฝีปากอวบอิ่มดั่งผลอิงเถา (เชอร์รี่) รวมๆ แล้วเรียกได้ว่านางกลายเป็นสาวงามล่มเมืองไปแล้ว

ลู่เพ่ยที่ได้สติหลังจากมองน้องสาวอย่างโง่งมก็วิ่งไปตามมารดาที่ดูแลบิดาอยู่ นางจินหรูเมื่อเห็นลู่จื้อยังตกใจ จากนั้นก็คว้ามือบุตรสาวรีบเข้าไปให้ห้องของจางหมิน

ตอนนี้ทั้งสามคน มองหน้าลู่จื้ออย่างมีคำถาม จนลู่จื้อต้องรีบเล่าเรื่องราวในมิติจิตให้ฟัง แต่ตอนนี้ทั้งหมดไม่มีเวลาคิดอะไรแล้ว ต้องรีบทำอาหารเพราะใกล้ถึงเวลาที่นัดหมอฉีเอาไว้

“จื้อเออร์ เจ้าไปหาผ้ามาปิดหน้าไว้ก่อนเถิด” จางหมินจึงให้บุตรสาวใส่ผ้าปิดบังใบหน้าไว้ก่อน จะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต

“เจ้าค่ะ” ก่อนจะเดินออกไปจากห้องของบิดาลู่จื้อถูกลู่เพ่ยดึงแขนเอาไว้

“น้องพี่ เจ้าสอนข้าเปิดจุดตันเถียนบ้างได้หรือไม่” ลู่เพ่ยก็กระซิบกระซาบกับน้องสาวขอให้ช่วยตนเปิดจุดตันเถียนบ้าง

ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะดูดีขึ้น แต่หากเปิดจุดตันเถียนได้เขาก็สามารถฝึกกำลังภายในได้ ในห้องตำราภายในมิติจิตอาจจะมีตำราให้เขาได้ฝึกวรยุทธ์ก็เป็นได้

“ได้เจ้าค่ะ” ลู่เพ่ยยิ้มกว้างออกมาเมื่อลู่จื้อนางรับปาก ก่อนจะปล่อยให้นางเดินไปหาผ้ามาปิดบังใบหน้าไว้

หมอฉีมาตรงเวลาที่ได้นัดหมายกันไว้ เมื่อตรวจบาดแผลของจางหมินจึงพบว่ายังสามารถรักษาได้ แต่หมอฉีไม่รับปากว่าจะเดินได้เป็นปกติเหมือนเดิมหรือไม่

ทั้งสามได้ยินก็ดีใจ ถึงจะเดินไม่เหมือนเดิมอย่างน้อยบิดาของตนก็สามารถลุกขึ้นมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนอื่น หมอฉีเขียนเทียบยา และบอกวิธีดูแลแล้วจริงกลับออกไป ค่าตรวจท่านหมอฉีไม่คิดเพราะอยากผูกสัมพันธ์กับครอบครัวจาง ผู้ที่หาโสมมาได้มากถึงสามหัวในคราวเดียว

หากหมอฉีได้รู้ว่าลู่จื้อนางยังมีอีกหลายหัวไม่รู้ว่าจะตกใจมากเพียงใด

ลู่จื้อก็ตระหนักในเรื่องนี้ดี นางจึงแจ้งกับหมอฉีว่าจะนำโสมแดงที่นางกำลังทำนั้นไปขายให้ร้านยาฮุ่ยชิวเพียงแห่งเดียวเท่านั้น หมอฉีจึงดีใจอย่างมากที่ตนเลือกไม่รับค่าตรวจครั้งนี้

“เจ้ารู้วิธีทำเช่นนั้นรึ” น้อยคนนักที่จะทำออกมาได้ ต่อให้ทำออกมาก็ยังไม่อาจจะบอกได้ว่าสามารถใช้ได้จริงหรือไม่

แต่เด็กสาวตรงหน้าที่ยังไม่พ้นวัยปักปิ่นกับพูดเรื่องนี้ออกมาได้อย่างกับมั่นใจเสียเต็มสิบส่วน

“เจ้าค่ะ ข้าเคยเห็นอาจารย์ทำมาก่อน” ลู่จื้อโกหกออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย

“เช่นนั้นรึ อาจารย์ของเจ้าคือใครกันเล่า” หมอฉียังสงสัยไม่หาย

“อาจารย์ข้าซุนหงอคงเจ้าค่ะ เป็นผู้ฝึกตน มิได้อยู่เป็นหลักแหล่ง ก่อนจะออกเดินทางได้ทิ้งตำราไว้ให้ข้าเล่มหนึ่ง ข้าจะลองทำออกมาแล้วจะนำไปให้ท่านตรวจดูว่าใช้ได้หรือไม่” ลู่จื้อคิดชื่อไม่ออกแล้ว นางจึงกล่าวอ้างถึงซุนหงอคงตัวละครที่นางชื่นชอบ

“อืม...เจ้าวาสนาดีไม่น้อย ได้พบผู้ฝึกตน” หมอฉีมองนางอย่างชื่นชม ก่อนจะเอ่ยพูดอีกสองสามประโยคแล้วขอตัวกลับไป

“จื้อเออร์ อาจารย์เจ้าเหตุใดถึงชื่อประหลาดนัก” จางหมินมองบุตรสาวอย่างหยอกล้อ เมื่อนางเอ่ยเล่าเป็นตุเป็นตะเรื่องอาจารย์ของนาง

“อาจารย์ของข้าเก่งมากเลยนะท่านพ่อ เป็นถึงเทพวานรเลย” ลู่จื้อยิ้มจนตาหยี ก่อนจะขอตัวไปหาตำราให้ลู่เพ่ย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ผลสอบออกแล้ว

    นางอยากจะหันไปทุบตีโจวหรงเฉิงสักยก เขาพานางมาโดยที่นางไม่ได้เตรียมตัวให้ดีเสียก่อน ตอนนี้นางจึงเสียอาการทำตัวไม่ถูกสักนิด“เอ่อ...ข้าน้อยจางลู่จื้อเจ้าค่ะ” นางยิ้มแห้งออกมา ด้วยไม่รู้จะทำตัวเช่นใด“นั่งก่อนเถิด” เสนาบดีโจวผายมือไปที่เก้าอี้“แล้วเจ้ามาที่จวนของข้าได้อย่างไร” ฮูหยินโจวที่เพิ่งจะหาเสียงตนเองเจอก็เอ่ยถามออกมาอย่างสงสัยเวลานี้เป็นเวลาที่ห้ามออกนอกจวนแล้ว หากบุตรชายของเขาไปรับนางมาก็คงต้องพบเจอเจ้าหน้าที่ระหว่างทาง พรุ่งนี้ในเมืองหลวงคงได้มีแต่คนพูดถึงเรื่องนี้กันแน่“นางเป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียน มีมิติจิตขอรับ”“มิติจิตเช่นนั้นรึ!!!” เสนาบดีโจวพอจะรู้เรื่องนี้อยู่ไม่น้อย จึงได้ร้องออกมาเสียงดัง ผิดกับฮูหยินโจวที่นั่งน่าฉงน นางไม่เข้าใจเรื่องมิติจิต ทั้งยังไม่เข้าใจว่ามีมิติจิต เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ลู่จื้อเข้ามาอยู่ในจวนของนาง“เอ่อ...แล้วเกี่ยวอันใดกับที่นางเข้ามาอยู่ในจวนได้เล่า” ฮูหยินโจวกระซิบถามผู้เป็นสามีถึงแม้นางจะใช้เสียงเบากว่านี้ โจวหรงเฉิงและลู่จื้อก็ยังได้ยินอยู่ดี ลู่จื้อได้แต่ยิ้มแห้งออกมา ประเดี๋ยวโจวหรงเฉิงต้องพาบิดามารดาเขาเข้าไปในมิติของนางอย่างแน่นอนและเ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   พามาพบบิดามารดา

    ลู่เพ่ยเมื่อคิดตามในสิ่งที่น้องสาวพูดก็เห็นว่าเป็นเช่นนั้น“ก็จริงของเจ้า หากสิ่งที่เขาพูดเพื่อกับข้า เป็นการให้ความหวังเจ้า แต่ไม่คิดจะรับเข้าจวนจริง บุรุษเช่นนี้ก็มิใช่คนดีแล้ว”“มันยังไม่เกิดขึ้น ท่านก็อย่าได้กังวลเกินไปเลย รีบไปกินอาหารเถิด หากเย็นแล้วจะไม่อร่อย” นางคล้องแขนพี่ชายไปที่ห้องโถงเพื่อกินอาหารแต่ภายในอกของนางนั้นร้อนรุ่มจนแทบจะระเบิดออกมา เจ้าบุรุษหน้าหนากล้าเอ่ยพูดว่าจะแต่งนางเข้าจวน โดยที่ไม่ถามความเห็นนางก่อนเลยรึเมื่อทานมื้อเย็นกับทุกคนเรียบร้อยแล้ว ลู่จื้อก็เข้าไปในภายในมิติ ด้วยรู้ว่าโจวหรงเฉิงต้องเข้ามาอยู่ด้านในก่อนแล้วนางพุ่งตัวเข้าไปหา พร้อมทั้งกำหนดพลังปราณไว้ที่ฝ่ามือ ก่อนจะซัดพลังออกไปใส่ตัวของโจวหรงเฉิงอย่างรวดเร็วหากเขาไม่ได้ลอบสังเกตการณ์กระทำของนางไว้ก่อนแล้ว พลังปราณเมื่อครู่ โจวหรงเฉิงไม่มีทางจะหลบได้ทันแน่ หากโดนเข้าไปไม่รู้จะบอกเจ็บมากน้อยแค่ไหน“จื้อเออร์ หยุดมือก่อน เกิดอันใดขึ้น” เขาตั้งรับกระบวนท่า ที่นางกำลังโจมตีเขาอย่างดุดัน“หึ ท่านสมควรโดนข้าตีจนตาย” ลู่จื้อเก็บพลังกลับมา ก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งภายในศาลาเพื่อปรับอารมณ์“ข้ายังมิรู้เรื่

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ใช้พลังปราณสื่อสาร

    ลู่จื้อก็นำรถม้าออกจากมิติแล้วกลับไปที่จวนของนางเช่นกันองค์ชายรองมีโทสะไม่น้อย เมื่อองครักษ์กลับไปรายงานเรื่องที่คลาดกับรถม้าของนาง“ไม่ได้เรื่อง!!! เปิ่นหวางยังมีความจำเป็นที่ต้องเลี้ยงพวกเจ้าไว้อีกรึไม่” เขาขว้างถ้วยชาในมือใส่องครักษ์“กระหม่อมขออภัยพ่ะย่ะค่ะ ตะ แต่...กระหม่อมจะไปสืบว่าบัณฑิตที่นางมาส่งเมื่อเช้าเป็นผู้ใด เช่นนี้คงจะรู้เรื่องที่อยู่ของนาง”“ยังดี ที่ไม่โง่เขลาจนเกินไป รีบไปจัดการเสีย”นับตั้งแต่วันที่นางออกไปส่งลู่เพ่ยที่หน้าสนามสอบ ลู่จื้อก็อยู่แต่ภายในจวนมิได้ออกไปที่ใดเลย ขนาดฟางซินส่งสาวใช้มาแจ้งเรื่องที่ให้นางไปซื้อของด้วยกัน นางยังบอกปัดว่าไม่ค่อยจะสบาย วันหน้าคอยไปหาฟางซินที่จวนโจวหรงเฉิงต้องอยู่ดูแลความเรียบร้อยในสนาม หลังจากที่เป็นเวลาพักของเขา เขาก็เข้ามาบอกกล่าวลู่จื้อเรื่องความเป็นอยู่ของลู่เพ่ยและคนอื่นในสนามสอบ เพื่อไม่ต้องให้นางเป็นห่วงแต่เรื่ององค์ชายรอง เขาไม่เคยเอ่ยถึงอีกเลย แม้จะรู้มาจากเจ้าหน้าที่ ว่ามีองครักษ์ขององค์ชายรองมาสอบถามถึงความเป็นมาของลู่เพ่ย และที่อยู่ของเขา“เจ้าได้บอกกล่าวไปแล้วรึยัง” เขาเอ่ยถามเจ้าหน้าที่ในปกครอง“ยังขอรับ บัณฑิ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   นางเป็นคุณหนูจวนใด

    “แต่ท่านก็ควรจะบอกข้าก่อน” นางเอ่ยเสียงเย็นออกมาด้วยความไม่พอใจ“หากข้าบอกเจ้า แล้วเจ้าจะยินยอมรึ” เป็นลู่จื้อที่นิ่งเงียบไป หากเขาบอกเรื่องนี้กับนางก่อน นางไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน“เช่นนั้น ท่านก็รีบไปเดินลมปราณได้แล้ว จะมานั่งทอดอารมณ์เพื่ออันใด”“เข้าใจแล้วขอรับนายหญิง”ลู่จื้อลุกหนีไปเก็บเกี่ยวผลผลิตและเริ่มเพาะปลูกใหม่อีกครั้ง โจวหรงเฉิงเองก็เดินลงไปในสระบัว ก่อนจะนั่งเดินลมปราณผ่านมาได้หลายวันลู่จื้อนางเริ่มจะชินที่เห็นโจวหรงเฉิงอยู่ภายในมิติของนางแล้ว แต่ยังนับว่าเขายังรู้ความหากเมื่อใดที่ลู่เพ่ยและหวังเหอรุ่ยเข้ามาอ่านตำราในมิติ วันนั้นเขาจะไม่เข้ามาด้านในเรื่องนี้ก็ทำให้ลู่จื้อแปลกใจเช่นกันว่าเขารู้ได้อย่างไร หากลู่จื้อนางรู้ว่าเสี่ยวเฮยกับโจวหรงเฉิงสามารถสื่อสารผ่านจิตกันได้ ตัวนางคงได้ถลกหนังเสี่ยวเฮยออกมาแน่เมื่อถึงวันสอบจิ้นซื่อ ภายในเมืองหลวงก็ครึกครื้นไม่น้อย ลู่จื้อนางออกมาส่งพี่ชายและคนอื่นที่หน้าสนามสอบด้วยตนเองนางที่อยู่ในชุดบุรุษ กำลังยืนส่งคนทั้งห้าเข้าสนามสอบ“ท่านพี่ สอบให้ผ่านเล่า ข้าเอาใจช่วย” นางยิ้มจนตาหยีเอ่ยพูดกับลู่เพ่ยรอยยิ้มของนางทำให้บรรดาคุณหนูที่

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   แอบคุยอันใดกัน

    เสี่ยวจิ้นนำตั๋วเงินมาส่งลู่จื้อตรวจสอบว่าได้ครบตามจำนวนหรือไม่ เมื่อเห็นว่าเป็นตั๋วเงินหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงทอง นางจึงเก็บเข้าไปในมิติต่อหน้าพวกเขาโจวหรงเฉิงกับเซียวซีซวนที่เคยเห็นมาก่อนแล้ว ก็ไม่ได้ตกใจอันใด ผิดกับหลินตงหยางที่เขากระโดดจนตัวลอย เมื่อได้เห็นตั๋วเงินหายไปต่อนห้าต่อหน้า“ทำดีๆ เจ้าเป็นถึงแม่ทัพอาหยาง” เซียวซีซวนเอ่ยเย้าสหายที่ดูเหมือนสติของเขายังไม่กลับมา“พวกท่านจะเริ่มฝึกเมื่อใดเจ้าคะ” ลู่จื้อเอ่ยถามขึ้นมาด้วยไม่อยากเสียเวลามาก“ข้าเริ่มได้เลย” เซียวซีซวนอยากจะเป็นผู้ฝึกตน ใจแทบขาด“ข้าก็ด้วย” หลินตงหยางรีบเอ่ยขึ้นอีกคน เรื่องงานเขาจะไปจัดการในภายหลัง“เจ้าค่ะ” ลู่จื้อส่งสายตาให้โจวหรงเฉิงให้จับสหายทั้งสองไว้ พอตัวของนางสัมผัสที่ตัวของโจวหรงเฉิงทั้งหมดก็เข้ามาปรากฏตัวภายในมิติทันที“เฮ้ยยย/เฮ้ยยย” เซียวซีซวนและหลินตงหยางออกมาด้วยความตกใจสถานที่ตรงหน้าไม่ใช่ห้องโถงตระกูลจางแล้ว แต่มันเป็นพื้นที่กว้าง ทั่วทั้งลานมีแต่พืชพันธุ์ที่ลู่จื้อนางปลูกไว้ ฝั่งทิศตะวันออกมีเรือนหลังไม่ใหญ่มากอยู่ ไม่ไกลจากกันมีศาลาริมสระบัวที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ ไหนจะป่าทึบทางทิศเหนือ ลำธา

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ข้ารู้มากกว่าเจ้าเสียอีก

    ยามที่ผ้าปิดหน้าถูกดึงออก ใบหน้างามก็เผยออกมาให้เขาได้เห็น โจวหรงเฉิงตกตะลึงนิ่งค้างไปทันที ก่อนหน้านี้ว่างามมากแล้ว แต่ยามนี้กลับงามยิ่งกว่าเดิม ทั้งเย้ายวนเสียจนเขาไม่ต้องการให้ผู้ใดเห็นที่เคยว่านางเป็นนางจิ้งจอกล่อลวงบุรุษยามที่ปรายตามอง แต่ตอนนี้ต่อให้นางไม่ต้องปรายตามองบุรุษทั้งหลายก็คงยอมสยบแทบเท้าของนาง“ปิดไว้เช่นเดิมดีแล้ว” เขาผูกผ้าปิดหน้าให้นางด้วยตนเอง ทั้งยังตรวจดูว่าแน่นหนาดีหรือไม่“ไปได้หรือยัง” นางถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ“เชิญนายหญิงขอรับ” เขาผายมือไปทางประตู“เหอะ!!! เป็นเสี่ยวเฮยหรือไง” นางเดินออกไปหาเซียวซีซวน ก่อนที่ทั้งหมดจะออกไปที่โรงเก็บสินค้าที่อยู่ด้านนอกของเมืองหลวงเมื่อขึ้นนั่งบนรถม้า ลู่จื้อนางจึงปลดผ้าปิดหน้าออก ด้วยนึกรำคาญ ที่ผ่านมาน้อยครั้งนักที่นางจะปิดหน้าออกไปด้านนอกผ้าม่านรถม้าเปิดขึ้นยามที่รถม้าวิ่ง คนที่อยู่ด้านนอกมองเขามาจึงได้เห็นสาวงามที่นั่งอยู่ด้านใน“สวรรค์ นั่นเทพธิดารึ” เขาร้องบอกสหายให้มองมาที่รถม้าโจวหรงเฉิงและเซียวซีซวนที่ขี่ม้าอยู่ด้านข้างมองไปที่บุรุษที่พูด ก่อนจะมองเข้าไปในรถม้าที่ลู่จื้อนางนั่งอยู่“สวรรค์ เหตุใดนาง...” เซียวซ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status